เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน 445 พี่จิ่วอั้น ท่านเอ่ยจริงหรือ ?
ตอนที่ 445 พี่จิ่วอั้น ท่านเอ่ยจริงหรือ ?
หลังจากที่วิญญาณอาวุธและนักพรตเสวียนจีหนีไป พลังอันแข็งแกร่งที่ปกคลุมอยู่บนกายของทุกคนก็มลายหายตามไปด้วย จากนั้นทุกคนก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
หากมิสังเกตให้ดี ก็จะมิพบความผิดปกติของเย่ฉางชิงแม้แต่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ทุกคนแทบจะใช้พลังลมปราณทั้งหมดที่มี เพื่อต้านทานพลานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวนั้น
แม้ในตอนนี้พวกเขาจะมีอาการดีขึ้น แต่ยังคงมีสีหน้าซีดเซียวและเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า และมีสภาพสะบักสะบอมไปตาม ๆ กัน
แต่เย่ฉางชิงกลับต่างออกไป แววตาของเขายังคงสงบนิ่ง มีท่าทางสบาย ๆ มิทุกข์มิร้อนใด ๆ
อีกทั้งผู้เฒ่าที่สวมเสื้อป่านผู้นั้นยังเป็นถึงท่านบรรพจารย์ของนิกายจื่ออวิ๋น และยังมีตบะบารมีระดับเซียนขั้นกลางอีกด้วย เพื่อต้านทานพลานุภาพอันน่ากลัวเมื่อครู่ เขาก็ได้ใช้พลังลมปราณไปแทบจะหมดเช่นกัน
ดังนั้นจึงสามารถมองออกได้ทันทีว่าใครแข็งแกร่งมากเพียงใด !
เมื่อเขาสังเกตเห็นเย่ฉางชิง และลองตรวจสอบตบะบารมีและระดับของอีกฝ่าย ทว่ากลับมิสามารถสัมผัสได้ถึงไอพลังวิถีเซียนใด ๆ บนกายของเขาเลย
หมายความว่าตบะบารมีของอีกฝ่ายหากมิอยู่สูงกว่าเขา ก็ต้องมีของวิเศษบางอย่างที่ปกปิดไอพลังวิถีเซียนของตนเองเอาไว้เป็นแน่ ซึ่งเรื่องเช่นนี้เดิมทีก็มิสมเหตุสมผลอยู่แล้ว
หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพัก
‘ก่อนหน้านี้เป็นข้าที่มีตาหามีแววไม่ เดิมคิดว่าคนผู้นี้จะมีพรสวรรค์ที่สูงส่ง จึงได้รับความสนใจจากพวกอู๋ไท่เหอ แต่คิดมิถึง……คิดมิถึงเลยว่า จะเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานเช่นนี้ไปได้ ! ’
ผู้เฒ่าที่สวมเสื้อป่านส่ายหน้าน้อย ๆ อดมิได้ที่จะทอดถอนอยู่ภายในใจ
ในตอนนั้นเองหนิงซู่ซู่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก็บังเอิญสังเกตเห็นความผิดปกติของผู้เฒ่าที่สวมเสื้อป่าน
“ท่านพี่จิ่วอั้น ท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
หลังจากใคร่ครวญสักพัก หนิงซู่ซู่ก็ส่งกระแสจิตไปถามผู้เฒ่าที่สวมเสื้อป่านจิ่วอั้น
วินาทีต่อมา หลังจากได้ยินเสียงอันเย็นชา จิ่วอั้นก็ได้สติอีกครั้ง
เขามีท่าทางอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะฉีกยิ้มแห้ง ๆ ออกมา แล้วตอบกลับไ ว่า “เซียนหนิง ความจริงแล้วข้ากำลังคาดเดาว่าบุรุษผู้นั้น แท้จริงแล้วมีฐานะเช่นไรกันแน่”
เอ่ยจบจิ่วอั้นก็บุ้ยใบ้ไปทางเย่ฉางชิงที่ยืนอยู่มิไกลนัก
เมื่อเห็นดังนั้นแววตาของหนิงซู่ซู่ก็มีประกายสับสนพาดผ่านในทันที
“ท่านเซียนหนิง หากข้าเดามิผิดแล้วล่ะก็ ตัวตนที่แท้จริงของบุรุษหนุ่มผู้นี้หาใช่ผู้ที่ข้าจะสามารถคาดเดาได้กระมัง ? และเรื่องเมื่อครู่นี้ก็คงเป็นผู้อาวุโสท่านนี้ที่ยื่นมือเข้าช่วย จนบีบให้นักพรตเสวียนจีและวิญญาณอาวุธตนนั้นจำต้องหนีเตลิดไปใช่หรือไม่ ? ”
ผู้เฒ่าที่สวมเสื้อป่านจิ่วอั้นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะส่งกระแสจิตเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
ทันทีที่สิ้นเสียงหนิงซู่ซู่ก็เม้มริมฝีปาก ก่อนจะพยักหน้ารับน้อย ๆ
“ท่านพี่จิ่วอั้น เรียนตามตรงเมื่อครู่นี้จะใช่เขาเป็นผู้ลงมือหรือไม่ ข้าเองก็มิทราบเช่นกัน”
หนิงซู่ซู่ส่งกระแสจิตตอบกลับด้วยท่าทางจริงจัง “แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากจะเตือนท่านเอาไว้ก็คือ ตัวตนที่แท้จริงของเขาหาใช่ผู้ที่ท่านและข้าจะสามารถคาดเดาได้ และการที่เขามาปรากฏตัวที่นี่ย่อมมีจุดประสงค์บางอย่าง ดังนั้นเรื่องตัวตนของเขาท่านคงจะรู้ดีว่าควรเก็บเป็นความลับใช่หรือไม่ ? ”
จิ่วอั้นมีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะลอบชำเลืองมองเย่ฉางชิงที่อยู่มิไกลนัก พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าน้อย ๆ อย่างอดมิได้
บุรุษหนุ่มผู้นี้ก็คือยอดฝีมือไร้เทียมทานที่ยื่นมือเข้ามาช่วย
แต่แท้จริงแล้วผู้อาวุโสท่านนี้เป็นผู้ใดกันแน่ ถึงสามารถบีบให้วิญญาณอาวุธที่อยู่เบื้องหลังของนักพรตเสวียนจีล่าถอยไปได้
‘น่าเหลือเชื่อ ! ’
‘ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ’
‘จริงสิ ! ’
‘การที่คนผู้นี้มาปรากฏตัวที่นิกายกระบี่สวรรค์ หรือว่าเขาจะเป็นบรรพบุรุษท่านใดท่านหนึ่งของนิกายกระบี่สวรรค์ ที่ขึ้นแดนเซียนโบราณไปแล้ว ? และการที่เขามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป็นเพราะกลับชาติมาเกิดเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘อืม ! ’
‘มีความเป็นไปได้ ! ’
‘มิใช่สิ ! ’
‘ต้องเป็นเช่นนี้แน่ ! ’
ขณะเดียวกันระหว่างที่หนิงซู่ซู่และจิ่วอั้น ส่งกระแสจิตสื่อสารกันอย่างเงียบ ๆ นั้น
ผู้แข็งแกร่งของสำนักเซียนใหญ่ทั้งสาม ที่ได้สติขึ้นมาก็เริ่มถกเถียงกันจนดังระงม
“ต้องยอมรับว่าการเดิมพันหมากในวันนี้ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายจริง ๆ แต่โชคดีที่มีผู้อาวุโสลึกลับท่านนั้นยื่นมือเข้ามาช่วย พวกเราจึงมีโอกาสรอดมาได้”
“แน่นอนว่าสำหรับสิทธิ์ในการครอบครองแดนบำเพ็ญเพียรโบราณบนเขาหยุนหลานต่อจากนี้ คิดว่าคงมิมีผู้ใดคัดค้านอีกกระมัง ? ”
“จะคัดค้านอันใดได้อีก สัญญาร้อยปีในตอนแรกนั้น เกิดจากความเห็นชอบของพวกเราสำนักเซียนใหญ่ทั้งสี่ ส่วนการเดิมพันในครั้งนี้วังเสวียนจีก็เป็นผู้เสนอขึ้นมาเอง และตอนนี้นักพรตเสวียนจีก็ได้พ่ายแพ้ให้แก่น้องชายท่านนั้นไปแล้ว ดังนั้นสิทธิ์ในการครอบครองแดนบำเพ็ญเพียรโบราณแห่งนี้ ต่อไปย่อมต้องตกเป็นของนิกายกระบี่สวรรค์ โดยมิสามารถคัดค้านได้อีก”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นต่อไปก็จะมิมีสัญญาร้อยปีอันใดนั่นอีก แดนบำเพ็ญเพียรโบราณบนเขาหยุนหลานจึงตกเป็นของนิกายกระบี่สวรรค์ในที่สุดสินะ”
“ทุกท่าน แม้ว่าเรื่องนี้จะได้ข้อสรุปแล้ว แต่ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นจะต้องเอ่ยถึง”
“หนานหลิงจื่อ มีสิ่งใดเจ้าเอ่ยออกมาตรง ๆ ได้เลย”
“นักพรตเสวียนจียังมิได้ดับสูญอย่างแท้จริง ยังมีวิญญาณอาวุธอันน่ากลัวที่อยู่เบื้องหลังของเขาอีก เช่นนั้นด้วยนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นของนักพรตเสวียนจีแล้ว พวกท่านคิดว่าเขาจะกลับมาแก้แค้นพวกเราทั้งสามสำนักเซียนใหญ่หรือไม่ ? ”
“มิเพียงเท่านั้น ข้ามองว่าด้วยลักษณะนิสัยของวิญญาณอาวุธอันน่ากลัวตนนั้น อาจจะย้อนกลับมาทำลายสำนักเซียนของพวกเราก็เป็นได้”
เวลาผ่านไปมิถึงหนึ่งก้านธูป
เมื่อหนานหลิงจื่อแห่งจวนหนานหลิงเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา ผู้แข็งแกร่งของสำนักเซียนใหญ่ทั้งสามก็ถึงกับพูดมิออกขึ้นมาทันที
‘จริงด้วย ! ’
ด้วยนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นของนักพรตเสวียนจี และวิญญาณอาวุธอันน่ากลัวที่อยู่เบื้องหลังของเขาตนนั้น มิแน่ว่าพวกเขาอาจจะกลับมาทำลายสำนักเซียนใหญ่ที่เหลือทั้งสามสำนักก็เป็นได้
ส่วนพวกเขานั้นถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียน แต่ต่อหน้าของวิญญาณอาวุธตนนั้น ก็ยังคงอ่อนแอราวกับเพียงมดปลวกอยู่ดี
ทีนี้จะทำเช่นไรดี !
ควรทำเช่นไรดี !
น่าปวดหัวจริง ๆ !
ทว่ามิกี่อึดใจต่อมา
ระหว่างที่ทุกคนกำลังเป็นกังวลกลัวว่าสำนักจะถูกทำลายนั้น จู่ ๆ จิ่วอั้นก็เอ่ยขึ้นว่า
“ทุกท่าน ข้าคิดแผนการบางอย่างที่จะสามารถหลีกเลี่ยง มิให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นได้”
จิ่วอั้นหันไปสบตากับหนิงซู่ซู่เล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย “ดูจากสัญญาณต่าง ๆ ก่อนหน้านี้แล้ว ผู้อาวุโสที่ยื่นมือเข้าช่วยพวกเรา แต่กลับมิยอมปรากฏกายท่านนั้น คงจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับนิกายกระบี่สวรรค์เป็นแน่”
“ดังนั้นข้ามองว่าพวกเราสองสำนักเซียนใหญ่ จำเป็นจะต้องสร้างค่ายกลห้วงเวลามายังนิกายกระบี่สวรรค์ เพื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤตขึ้นจะได้สามารถส่งของสำคัญ หรือศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงส่งของแต่ละสำนักมายังนิกายกระบี่สวรรค์ เพื่อรับการคุ้มครองและเลี่ยงมิให้สำนักของเราไร้ผู้สืบทอดได้”
มินานเมื่อทุกคนได้ฟังแผนการของจิ่วอั้น ก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“วิญญาณอาวุธที่อยู่เบื้องหลังของนักพรตเสวียนจีนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หากบุกมาที่สำนักเซียนของพวกเราจริง ๆ เกรงว่าทั่วทั้งสวรรค์บูรพาก็คงมิมีผู้ใดสามารถต่อกรได้อย่างแน่นอน บัดนี้เมื่อต้องเผชิญกับการคุกคามเช่นนี้ พวกเราคงทำได้เพียงฝากความหวังเอาไว้ที่ผู้อาวุโสท่านนั้นแล้ว”
“เรื่องมาถึงขั้นนี้ ก็คงทำได้เพียงเท่านี้แล้วล่ะนะ”
“จริงสิ ท่านพี่อู๋ ท่านพี่ขง ท่านเซียนหนิง พวกท่านสามคนเห็นเป็นเช่นไร ? ”
หลังจากทอดถอนใจอย่างจนปัญญาแล้ว สายตาของทุกคนก็หันไปทางพวกอู๋ไท่เหอ
“ความจริงแล้วพวกท่านก็กล่าวเกินจริงไปหน่อยนะ”
ขงซิงเจี้ยนเหลือบมองอู๋ไท่เหอที่มีท่าทางเคร่งเครียด จึงชิงเอ่ยออกมาเสียก่อน “ข้ามองว่าในเมื่อท่านผู้อาวุโสท่านนั้น สามารถทำให้วิญญาณอาวุธที่อยู่เบื้องหลังนักพรตเสวียนจีล่าถอยไปได้ ข้าจึงคิดว่าพวกเขาย่อมมิกล้ากลับมาลงมืออีกเป็นแน่”
“ทุกท่านก็รู้ดีว่า ยิ่งบำเพ็ญเพียรวิถีเซียนถึงขั้นท้าย มิว่าจะเป็นตาเฒ่าอย่างพวกเราหรือว่าวิญญาณอาวุธ ล้วนแต่จะยิ่งรักตัวกลัวตายมากขึ้นเท่านั้น มิมีทางทำลายอนาคตของตนเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยที่มิสำคัญเช่นนี้หรอกกระมัง ? ”
ทันทีที่สิ้นเสียงของขงซิงเจี้ยน
ทุกคนต่างก็สบตากัน ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ เมื่อคิดว่าสิ่งที่ขงซิงเจี้ยนเอ่ยมาก็มีเหตุผล
“มิดี มิดี ! ”
จิ่วอั้นกลับส่ายหน้าพลางโบกมือไปมา “ข้ามองว่าค่ายกลห้วงเวลา เยี่ยงไรซะก็จำเป็นจะต้องสร้างขึ้น มิเยี่ยงนั้นหากเกิดอันใดขึ้นมาจริง ๆ พวกข้าก็มิมีที่ให้หนีกันพอดีน่ะสิ”
“อีกอย่างแม้ว่ากาลเวลาจะล่วงเลยมาเนิ่นนาน ระหว่างสำนักเซียนใหญ่ทั้งสามของพวกเราอาจจะเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่เวลาก็ได้ผ่านไปนานมากแล้ว ดังนั้นถึงเวลาที่จะสร้างค่ายกลห้วงเวลาขึ้นมา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของพวกเราสามสำนักเซียนใหญ่ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น”
“พี่จิ่วอั้น ทำไมข้ารู้สึกเหมือนว่าท่านมีจุดประสงค์มุ่งร้ายต่อนิกายกระบี่สวรรค์ของพวกเราเยี่ยงไรก็มิรู้ ? ”
“พี่ขง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้ากล่าวเพราะจริงใจจริง ๆ ”
“หากพวกข้ามิตกลงเล่า ? ”
“พี่ขง เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ ข้าจะมอบแดนบำเพ็ญเพียรโบราณแห่งหนึ่ง ที่อยู่ภายในเขตแดนของนิกายจื่ออวิ๋นให้นิกายกระบี่สวรรค์ของพวกท่านยืมหนึ่งร้อยปี ท่านว่าเช่นนี้เป็นเยี่ยงไร ? ”
“พี่จิ่วอั้น……”
“ข้าตัดสินใจแล้ว พวกเจ้ามิต้องกล่าวอันใดอีกแล้ว”
“พี่จิ่วอั้น ท่านกล่าวจริงหรือ ? ”
“แน่นอน ! ”
“จริงสิ พี่หนานหลิงจื่อ แล้วจวนหนานหลิงของพวกท่านจะว่าเยี่ยงไรบ้าง ? ”
“คือ……”
Comments