เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน 457 ท่านเป็นผู้ใด

Now you are reading เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน Chapter 457 ท่านเป็นผู้ใด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 457 ท่านเป็นผู้ใด

หลังจากสองจิตสองใจอยู่สักพัก

ในที่สุดเจี้ยนอู๋เหินก็สูดลมหายใจเข้าเบา ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ ย่อตัวลงนั่ง

เย่ฉางชิงยกกาน้ำชาขึ้น ก่อนจะรินชาให้กับเจี้ยนอู๋เหินหนึ่งจอก

ขณะเดียวกันเขาก็ลอบกวาดตามองเจี้ยนอู๋เหิน ที่มีท่าทางกระสับกระส่าย

ตอนนี้หากคิดดูดี ๆ แล้ว เจี้ยนอู๋เหินผู้นี้คงมิใช่คนธรรมดาอย่างที่ขงซิงเจี้ยนบอกไว้เป็นแน่

‘ข้า เย่ฉางชิง เป็นผู้ใดกัน ? ’

‘ข้าสาบานเป็นพี่น้องกับประมุขคนแรกของนิกายกระบี่สวรรค์ ! ’

‘ทั้งยังถูกบรรพจารย์ทั้งสามคน มโนว่าเป็นผู้ที่ไร้เทียมทานอันใดนั่นอีก ! ’

‘ดังนั้นฐานะของเจี้ยนอู๋เหินในนิกายกระบี่สวรรค์จะต้องมิใช่ศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งอย่างแน่นอน’

“เจ้าเองก็ลองชิมชาของข้าดูสิ”

เย่ฉางชิงเลื่อนจอกชาไปตรงหน้าของเจี้ยนอู๋เหินเบา ๆ พลางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณท่านเย่ที่เมตตาขอรับ”

เจี้ยนอู๋เหินประสานมือคารวะเย่ฉางชิงอีกครั้ง ก่อนจะใช้สองมือยกจอกชาขึ้นจิบอย่างระวัง

ทว่าวินาทีต่อมา

ดวงตาของเขาพลันเบิกโพลง สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

นี่มัน ! ! !

นี่มันชาอันใดกัน เหตุใดถึงแฝงไอพลังบริสุทธิ์เอาไว้มากมายเช่นนี้

แม้เจี้ยนอู๋เหินจะมิรู้ว่าชานี้แท้จริงแล้วคือชาอันใดกันแน่ แต่ด้วยตบะบารมีระดับแดนเทวา ย่อมสามารถสัมผัสได้อย่างว่าภายในชานี้แฝงวาสนาเช่นไรเอาไว้

แต่การจะกลั่นไอพลังหลักเต๋าชนิดต่าง ๆ ให้เป็นของเหลวได้ ต้องใช้วิธีพิสดารเพียงใดกัน !

‘น่าเหลือเชื่อ !’

‘ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ’

‘อิทธิฤทธิ์เช่นนี้เกรงว่าทั่วทั้งสวรรค์บูรพา คงยากจะมีผู้ใดเทียบเคียงได้’

‘อีกอย่างยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานท่านนี้ยังมีตบะบารมีที่สูงส่ง ใบหน้าหล่อเหลา ทั้งยังมิถือตัวอีกด้วย’

‘จิตใจเช่นนี้มิใช่ผู้แข็งแกร่งวิถีเซียนทั่วไปจะเทียบเคียงได้จริง ๆ ! ’

‘อืม ! ’

‘ดูท่าภายหน้าข้า เจี้ยนอู๋เหิน ต่อให้พลังจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ ก็จะทำตัวเย่อหยิ่งมิได้อย่างเด็ดขาด’

‘มิได้ ! ’

‘ต่อไปทุกคำกล่าวและการกระทำของท่านเย่ ข้าจะต้องจดจำเอาไว้’

‘รอให้ถึงตอนที่ข้าได้ขึ้นเป็นประมุขของนิกายกระบี่สวรรค์แล้ว จะนำคำกล่าวของท่านเย่บันทึกเป็นตำรา ให้อัจฉริยะทุกคนของนิกายกระบี่สวรรค์ได้ศึกษาต่อไป’

“ชานี่มีปัญหาอันใดงั้นหรือ ? ”

เมื่อเห็นเจี้ยนอู๋เหินยกจอกชาขึ้นจิบน้อย ๆ จากนั้นก็นิ่งไป

เย่ฉางชิงจึงอดมิได้ที่จะเอ่ยถามเจี้ยนอู๋เหินด้วยสีหน้าสงสัย

เจี้ยนอู๋เหินได้สติก็รีบส่ายหน้า พร้อมกับยิ้มกว้างออกมา “ท่านเย่ ชานี้มีรสชาติยอดเยี่ยม แต่เป็นเพราะศิษย์มิเคยดื่มชาที่ดีขนาดนี้มาก่อน เลยรู้สึกตกตะลึงเท่านั้นเองขอรับ”

เย่ฉางชิงหัวเราะออกมา ก่อนจะถามว่า “เสี่ยวเจี้ยน เจ้าเป็นศิษย์สายในของนิกายกระบี่สวรรค์ คิดว่าคงคุ้นเคยกับที่นี่ดีใช่หรือไม่”

“คุ้นเคย ! ”

เจี้ยนอู๋เหินจึงเอ่ยอย่างภาคภูมิใจว่า “ท่านเย่ ท่านคงมิรู้ศิษย์เคยไปที่ลานฝึกของท่านบรรพจารย์อู๋หลายครั้ง และได้ผ่านบริเวณนี้บ่อย ๆ ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดีขอรับ”

ได้ยินดังนั้น

“เสี่ยวเจี้ยน เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน เจ้าดื่มชานี้ให้หมดก่อน”

เย่ฉางชิงลุกขึ้นยืนและเอ่ยกับเจี้ยนอู๋เหิน “จากนั้นตามข้าไปสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่มิไกลนัก ข้าอยากจะแช่ตัวสักหน่อย และเจ้าช่วยเฝ้าอยู่ด้านนอกให้ข้าที”

แช่สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ?

เจี้ยนอู๋เหินนิ่งงัน ประกายวาววับพาดผ่านดวงตา

ใช่แล้ว !

ใกล้ ๆ นี้มีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่สระหนึ่ง ทว่าสระน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นของท่านบรรพจารย์หนิงนี่นา

และใกล้กับสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ยังมีค่ายกลลึกลับและค่ายกลสังหารวางอยู่มากมาย ดังนั้นนอกจากท่านบรรพจารย์หนิงแล้ว ก็จะมีอีกเพียงห้าคนเท่านั้นที่สามารถเข้าใกล้สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ในรัศมีร้อยจั้งได้

แต่ต่อให้สามารถเข้าใกล้สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่หากถูกท่านบรรพจารย์หนิงทราบเข้า ด้วยนิสัยของท่านบรรพจารย์หนิงแล้วจะต้องมิยอมง่าย ๆ อย่างแน่นอน

ใช่แล้ว !

ผู้ที่อยู่ตรงหน้าคือท่านเย่เชียวนะ ต่อให้ท่านบรรพจารย์หนิงทราบแล้วจะทำอันใดได้เล่า ?

คิดได้ดังนั้น เจี้ยนอู๋เหินก็ยกจอกชาขึ้น ก่อนจะดื่มชาที่เหลือจนหมด

……

……

อีกด้านหนึ่ง

ยอดเขาสตรีหยก

ขณะที่ชวี่เหวินเซี่ยนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะพิณในส่วนลึกของป่าไผ่ และจมดิ่งกับการทำความเข้าใจความลึกลับของวิถีแห่งดนตรีอยู่นั้น

หนิงซู่ซู่ที่อยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวสลวยราวกับเกลียวคลื่น คิ้วเรียวได้รูป ผิวพรรณผุดผ่องก็ปรากฏกายขึ้นที่หน้าโต๊ะพิณเงียบ ๆ

“เหวินเซี่ย”

หนิงซู่ซู่สัมผัสได้ถึงไอพลังจากกายของชวี่เหวินเซี่ย จึงเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ทันทีที่สิ้นเสียง ชวี่เหวินเซี่ยก็ได้สติขึ้นมา แล้วจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

“อาจารย์”

ชวี่เหวินเซี่ยค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน พร้อมย่อตัวลงคำนับหนิงซู่ซู่

“อาจารย์รู้ดีว่าที่เจ้าตั้งใจบำเพ็ญเพียรเช่นนี้จะต้องมีเหตุผลบางอย่างเป็นแน่ ทว่ามิได้มีแค่วิถีแห่งดนตรี แต่สามพันมหามรรคาทุกหลักการเต๋าล้วนลึกล้ำไร้ประมาณ มิใช่สิ่งที่จะสามารถรู้แจ้งได้เพียงชั่วข้ามคืน”

หนิงซู่ซู่เอ่ยกับชวี่เหวินเซี่ยด้วยท่าทางจริงจัง “อีกอย่างระหว่างทางบำเพ็ญเพียร บ่อยครั้งที่จำเป็นจะต้องผ่อนคลายร่ายกายและจิตใจ เพราะบางทีอาจจะทำให้เกิดการรู้แจ้งที่ต่างออกไปก็เป็นได้”

แววตาของชวี่เหวินเซี่ยหม่นหมองลง พลางพยักหน้าอย่างเข้าใจ “อาจารย์กล่าวได้ถูกต้องแล้ว นับตั้งแต่ศิษย์เข้ามาในนิกายกระบี่สวรรค์ก็เกิดใจร้อนมากเกินไปจริง ๆ เจ้าค่ะ”

“เอาเช่นนี้ ใกล้ ๆ ยอดเขาสตรีหยกมีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติอยู่สระหนึ่ง เจ้าไปกับอาจารย์จะได้ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจสักหน่อย”

เอ่ยจบหนิงซู่ซู่ก็หมุนกายเดินนำออกไป

ชวี่เหวินเซี่ยลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเดินตามไป

เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป

สองคนศิษย์อาจารย์ก็ได้เดินลงไปในหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอก

“เหวินเซี่ย เจ้าพกหยกชิ้นนี้ติดกายเอาไว้”

หนิงซู่ซู่เพ่งสมาธิ แล้วหยิบหยกสีเขียวใส สลักลายโบราณชิ้นหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ แล้วส่งให้แก่ชวี่เหวินเซี่ย

“อาจารย์ได้วางค่ายกลลึกลับและค่ายกลสังหารเอาไว้รอบสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ในรัศมีหลายลี้ แต่หากพกหยกชิ้นนี้ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการหลงในค่ายกลลึกลับและการโจมตีกะทันหันของค่ายกลสังหารได้”

หนิงซู่ซู่กำชับอย่างเรียบเรื่อย ก่อนจะตรงเข้าไปในหุบเขา

มิกี่อึดใจต่อมา ชวี่เหวินเซี่ยที่มองตามแผ่นหลังของหนิงซู่ซู่ ที่เดินเข้าไปในกลุ่มหมอกหนาทึบ จากนั้นก็ได้หายไปจากสายตา

ชวี่เหวินเซี่ยจึงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเดิมตามหลังไป

มินานหลังจากที่นางเองถูกไอหมอกปกคลุม หยกที่กุมเอาไว้กลางฝ่ามือก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นอย่างช้า ๆ ลวดลายมากมายเปล่งแสงออกมาจาง ๆ ไอพลังที่ดูเก่าแก่กลุ่มหนึ่งก็แผ่กระจายออกไป

และอาศัยหยกโบราณชิ้นนี้ ชวี่เหวินเซี่ยจึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบกายในรัศมีหลายจั้งได้อย่างชัดเจน

เห็นลำธารสายเล็กไหลออกมาจากส่วนลึกภายใต้หมอกที่หนาทึบ ต้นไม้สองข้างทางเขียวขจี ทางเดินที่ปูด้วยหินสีครามทอดยาวลึกเข้าไป

แต่สิ่งที่ทำให้ตื่นตระหนก ก็คือ ที่ก้นลำธารมีชั้นของเหลวสีขาวใสราวกับคริสตัลไหลอย่างช้า ๆ แผ่ไอพลังที่เย็นยะเยือกออกมาบางเบา

ชวี่เหวินเซี่ยที่มีชาติกำเนิดมิธรรมดาและมีสายตากว้างไกล ย่อมรู้ดีว่าของเหลวสีขาวนี้แท้จริงแล้วคือสิ่งใด

ถันจิตเสวียนอิน !

ปราณวิญญาณฟ้าดินที่หายากชนิดหนึ่ง

มีคุณประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ในการหล่อเลี้ยงกายเนื้อและรากฐานเต๋าให้มั่นคง

“ก้นลำธารสายนี้มีถันจิตเสวียนอินที่หายากยิ่งไหลอย่างอ้อยอิ่ง ส่วนอาจารย์ของนางบัดนี้ได้เดินเข้าไปด้านใน หรือว่าภายในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่อาจารย์เอ่ยถึง จะมีถันจิตเสวียนอินอยู่ ? ”

สีหน้าของชวี่เหวินเซี่ยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปส่วนลึกของหุบเขา

บัดนี้นางเพิ่งจะเข้าสู่วิถีได้มินาน หากมีโอกาสได้ลงแช่ในสระที่เต็มไปด้วนถันจิตเสวียนอินและบำเพ็ญเพียรไปด้วย เชื่อว่ามินานรากฐานเต๋าของนางจะต้องมั่นคงอย่างแน่นอน

พักใหญ่

เมื่อชวี่เหวินเซี่ยเดินผ่านถนนอันคับแคบที่เป็นส่วนลึกของหุบเขา จึงพบว่ามีถ้ำอยู่อีกด้านของหุบเขา

ทางเดินถูกปูด้วยหินอ่อนสีขาวที่ดูเรียบง่าย

ทว่าถึงแม้ที่นี่จะเป็นพื้นที่จะเปิดโล่ง แต่กลับยังคงปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ

ในตอนนั้นเอง ภายใต้หมอกที่หนาทึบนั้น กลับมีร่าง ๆ หนึ่งปรากฏขึ้น

“อาจารย์ ? ”

ชวี่เหวินเซี่ยเอ่ยเรียกขึ้นมา

ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากับเป็นเสียงของบุรุษ

“ท่านเป็นผู้ใดกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาในเขตหวงห้ามของนิกายกระบี่สวรรค์ ! ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด