เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน 458 อาจารย์อา ศิษย์มิเข้าใจ

Now you are reading เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน Chapter 458 อาจารย์อา ศิษย์มิเข้าใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 458 อาจารย์อา ศิษย์มิเข้าใจ

เมื่อได้ยินเสียงนี้

ชวี่เหวินเซี่ยก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ร่างทั้งร่างนิ่งค้างอยู่เยี่ยงนั้น

ถูกต้อง !

นางมั่นใจ

นี่เป็นเสียงของบุรุษอย่างแน่นอน

อีกทั้งยังฟังคล้ายเสียงของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งอีกด้วย

แต่……เช่นนี้มันมิถูกต้อง !

อาจารย์พานางมาแช่สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นรอบสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ยังมีค่ายกลลึกลับและค่ายกลสังหารถูกวางเอาไว้มากมายเต็มไปหมด

ทว่ากลับมีเสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นมา

‘นี่มันเรื่องอันใดกันแน่ ? ’

‘หรืออาจารย์จะแอบซ่อนบุรุษเอาไว้เยี่ยงนั้นหรือ ? ’

‘ขังเอาไว้ที่นี่ ? ’

‘อืม ! ’

‘มีความเป็นไปได้ ! ’

มิเช่นนั้นจะอธิบายเรื่องนี้เช่นไรเล่า ?

ตอนนั้นเอง ระหว่างที่ชวี่เหวินเซี่ยกำลังคิดไปต่าง ๆ นานาอยู่นั้น

ร่างภายใต้หมอกที่หนาทึบก็ค่อย ๆ ก้าวออกมา และปรากฏสู่สายตา

รูปร่างสูงโปร่ง เส้นผมดำยาว คิ้วเข้มพาดเฉียง ช่างดูหล่อเหลาสง่างาม

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ก็คือศิษย์เอกของนิกายกระบี่สวรรค์

เจี้ยนอู๋เหิน !

ก่อนหน้านี้เขาและเย่ฉางชิงได้เข้ามายังที่แห่งนี้ โดยใช้อีกเส้นทางหนึ่ง

จากนั้นพวกเขาก็พบว่าบริเวณรอบ ๆ ล้วนมีค่ายกลโบราณวางเอาไว้จนเต็มไปหมด

ดังนั้นเย่ฉางชิงจึงได้ลงมือกำจัดค่ายกลของที่นี่จนหมด ต่อหน้าต่อตาเจี้ยนอู๋เหินอย่างง่ายดาย

แต่สิ่งที่เจี้ยนอู๋เหินมิรู้ ก็คือ ความจริงแล้วเย่ฉางชิงมิได้ทำลายค่ายกล เขาเพียงแค่ช่วงชิงค่ายกลเหล่านั้นมาก็เท่านั้น

และหลังจากที่มาถึงสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้ทำการเปิดค่ายกลต่าง ๆ อีกครั้ง

ส่วนเจี้ยนอู๋เหินที่รู้สึกเบื่อหน่าย และฟุ้งซ่านเพราะความอยากรู้อยากเห็น จึงตัดสินใจออกมาเดินเล่นรอบ ๆ

ทว่าเวลาผ่านไปมิถึงครึ่งก้านธูป ค่ายกลต่าง ๆ รอบสระน้ำศักดิ์สิทธิ์กลับเปิดขึ้นอีกครั้ง

จึงทำให้เจี้ยนอู๋เหินเดินหลงอยู่ในค่ายกลลึกลับ ราวกับแมลงวันหัวขาดที่บินวนไปทั่วอย่างไร้ทิศทาง

และเพราะเหตุนี้เขาจึงเดินสะเปะสะปะมาจนถึงที่นี่

ทว่ากลับมีเสียงของสตรีดังขึ้นมา

และเขามั่นใจอย่างมากว่าเสียงนี้มิได้มาจากท่านบรรพจารย์หนิงอย่างแน่นอน

มิเช่นนั้นต่อให้เขาเป็นศิษย์เอกของนิกายกระบี่สวรรค์ เกรงว่าคงถูกปลดออกจากตำแหน่ง และยากจะรอดพ้นจากความตายเป็นแน่

แต่เหตุใดที่นี่ถึงมีสตรีนางอื่นปรากฏตัวขึ้นได้ ?

“ท่านเป็นผู้ใดกันแน่ เหตุใดถึงเข้ามาที่นี่ได้ ? ”

อาศัยหยกในมือชวี่เหวินเซี่ยที่เปล่งแสงระยิบระยับออกมา ในที่สุดเจี้ยนอู๋เหินก็สามารถมองเห็นใบหน้าของชวี่เหวินเซี่ยได้อย่างชัดเจน

ทว่าหลังจากเจี้ยนอู๋เหินกลับมาจากสถานที่เข้าฌาน ก็มัวแต่ทำความเข้าใจเจตนาแท้จริงของกระบี่ไร้เทียมทานบนภาพอักษรพู่กันของขงซิงเจี้ยน ดังนั้นเขาในเวลานี้หาได้รู้ไม่ว่าท่านบรรพจารย์หนิงได้รับศิษย์สายสืบทอดผู้หนึ่งเข้ามา อย่างที่มิเคยทำมาก่อน

เมื่อได้ยินดังนั้นชวี่เหวินเซี่ยก็พิจารณาเจี้ยนอู๋เหินเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับไปว่า “เจ้าเป็นศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์งั้นหรือ ? ”

“ยิ่งกว่าศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์เสียอีก ผู้ที่มีใบหน้าหล่อเหลา คุณสมบัติโดดเด่นเช่นข้า มิเพียงแต่เป็นเพียงศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์ แต่ยังเป็นถึงศิษย์เอกของนิกายกระบี่สวรรค์อีกด้วย ! ”

จากนั้นมุมปากของเจี้ยนอู๋เหินก็โค้งขึ้น ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ เพียงสามคำว่า

“เจี้ยนอู๋เหิน ! ”

‘ศิษย์เอกของนิกายกระบี่สวรรค์ ? ’

‘อัจฉริยะวิถีกระบี่ที่เลื่องชื่อมานานผู้นั้นน่ะหรือ ? ’

‘นับว่าหล่อเหลา และมีบุคลิกท่าทางที่โดดเด่นมากจริง ๆ ’

‘แต่……ดูจะหลงตนเองเกินไปหน่อยกระมัง ! ’

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชวี่เหวินเซี่ยก็ชะงักงัน พลันเกิดความรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันใด

‘แต่มิถูกต้องนี่นา ! ’

‘ต่อให้เป็นศิษย์เอกของนิกายกระบี่สวรรค์แล้วจะเยี่ยงไรเล่า ? ’

‘สระน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นของอาจารย์ของนางเพียงผู้เดียว เขาเป็นเพียงศิษย์เอกของนิกายกระบี่สวรรค์คนหนึ่งมาทำอันใดที่นี่ ? ’

“จริงสิ เจ้ายังมิได้บอกข้าเลยว่าเจ้าเป็นผู้ใดกัน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ? ”

เจี้ยนอู๋เหินแค่นเสียงเย็น ก่อนจะเอ่ยพลางข่มขู่ว่า “หากมิสามารถให้คำตอบที่น่าพอใจได้ วันนี้เจ้าอย่าหวังว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ ! ”

“สระน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี่เป็นของอาจารย์ของข้า อีกอย่างต่อให้เจ้าเป็นศิษย์เอกของนิกายกระบี่สวรรค์ แต่ก็มิมีสิทธิที่จะบุกมาที่นี่ได้ ! ”

ชวี่เหวินเซี่ยแค่นเสียงเย็นออกมาเช่นเดียวกัน “และหากนับตามลำดับอาวุโสแล้ว เจ้ายังต้องเรียกข้าว่าอาจารย์อาอีกด้วย”

ห๊ะ ! ! !

เจี้ยนอู๋เหินมีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที อดมิได้ที่จะพิจารณาชวี่เหวินเซี่ยอีกครั้ง

‘สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่นี่เป็นของอาจารย์ของนาง ? ’

‘แต่ที่นี่เป็นของท่านบรรพจารย์หนิงชัด ๆ ! ’

‘หรือว่า……หรือว่าระหว่างที่เขาเข้าฌานหลายปีมานี้ ท่านบรรพจารย์หนิงได้รับศิษย์สายสืบทอดเยี่ยงนั้นหรือ ? ’

‘หากเป็นเช่นนั้นจริง คุณสมบัติวิถีเซียนและความอาวุโสของนางก็ต้องเหนือกว่าข้า ? ’

‘มิใช่กระมัง ! ’

“ป้ายหยกชิ้นนี้ เจ้าคงจะรู้จักดีกระมัง ? ”

ขณะที่เจี้ยนอู๋เหินกำลังประเมินและคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ชวี่เหวินเซี่ยก็ได้หยิบป้ายหยกโบราณชิ้นหนึ่งออกมาจากเอวของนางให้เจี้ยนอู๋เหินดู

เมื่อเห็นดังนั้นเจี้ยนอู๋เหินพลันดวงตาเบิกโพลง สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

ป้ายหยกโบราณชิ้นนี้ เขาย่อมรู้จักดี

‘มันคือป้ายหยกดรุณีที่เอาไว้แสดงตัวของท่านบรรพจารย์มิใช่หรือ ! ’

‘สตรีรูปร่างอวบอิ่ม ผิวขาวใสราวกับหิมะ เครื่องหน้างดงามและมีเสน่ห์นางนี้ เป็นศิษย์สายสืบทอดของท่านบรรพจารย์หนิงจริง ๆ ด้วย’

“ศิษย์เจี้ยนอู๋เหินคารวะอาจารย์อาขอรับ”

เจี้ยนอู๋เหินรีบโค้งคำนับให้แก่ชวี่เหวินเซี่ยโดยมิลังเล พลางเอ่ยอย่างนอบน้อม

เนื่องจากเส้นทางการฝึกเซียนนั้นยาวนานอย่างยิ่ง ลำดับความอาวุโสนั้นก็มีความซับซ้อนและมากมายเกินไป จึงทำให้เหล่าสำนักเซียนเลือกที่จะลดการเรียกขานลง

ยกตัวอย่างเช่นสตรีตรงหน้า

เป็นถึงศิษย์สายสืบทอดของท่านบรรพจารย์หนิง ตามลำดับอาวุโสนั้นยังสูงกว่าประมุขนิกายกระบี่สวรรค์คนปัจจุบัน ทว่าเจี้ยนอู๋เหินก็ยังคงเรียกนางว่าอาจารย์อาเท่านั้น

ขณะเดียวกัน เมื่อเทียบกับเหล่าผู้อาวุโสของนิกายกระบี่สวรรค์แล้ว เขายิ่งต้องให้ความเคารพมากกว่า

“ตามสบาย” แววตาเจ้าเล่ห์พาดผ่านดวงตาของชวี่เหวินเซี่ย ก่อนจะเอ่ยออกมาเบา ๆ

รอจนเจี้ยนอู๋เหินค่อย ๆ ยืดตัวขึ้น นางก็เอ่ยปากถามขึ้นว่า “จริงสิ เจ้ายังมิได้บอกข้าเลย ต่อให้เจ้าเป็นถึงศิษย์เอกของนิกายกระบี่สวรรค์ แล้วเหตุใดจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้?”

เจี้ยนอู๋เหินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างสุภาพว่า “ความจริงแล้วข้ามาเป็นเพื่อนท่านเย่ขอรับ……”

จนเวลาผ่านไปมิถึงหนึ่งเคอ

เจี้ยนอู๋เหินยังมิเอ่ยมิทันจบ ชวี่เหวินเซี่ยพลันมีท่าทางตื่นตกใจ ก่อนจะเอ่ยขัดขึ้น “เจ้าหมายความว่า ศิษย์……ท่านเย่มาแช่สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วยงั้นหรือ ? ”

“อาจารย์อา มีอันใดหรือขอรับ ? ”

เจี้ยนอู๋เหินเหลือบมองชวี่เหวินเซี่ย พลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย

ทว่าทันทีสิ้นเสียง เขาก็เพิ่งจะรู้ตัว การที่อาจารย์อาท่านนี้มาที่นี่ หมายความว่าท่านบรรพจารย์หนิงก็ต้องมาที่นี่ เพื่อแช่สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วย

ส่วนท่านเย่ก็มีจุดประสงค์เดียวกัน

เช่นนี้ทั้งสองจะพบกันที่สระน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี้ยนอู๋เหินก็ดวงตาเบิกโพลง ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างอุดปากตนเองเอาไว้ มิกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมา

ส่วนชวี่เหวินเซี่ยเองก็ชะงักงันไปเช่นเดียวกัน ทว่าใบหน้าของนางกลับมิได้บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ แต่ผ่านไปมิกี่อึดใจ นางเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา

ก่อนหน้านี้อาจารย์ยังถามนางอยู่ว่า ระหว่างนางกับเย่ฉางชิงมีโอกาสหรือไม่

คำถามนี้นางมิรู้ว่าควรจะตอบเช่นไร

แต่ครั้งนี้หากทั้งสองได้พบกันที่สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ เชื่อว่าอาจารย์จะต้องได้คำตอบอย่างแน่นอน

ตอนนั้นเอง

“อาจารย์อา ท่านว่า……ท่านเย่และท่านบรรพจารย์หนิงจะเจอกันหรือไม่ขอรับ ? ”

เจี้ยนอู๋เหินมองชวี่เหวินเซี่ยด้วยใบหน้าราวกับจะร้องไห้ พลางเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก

เขารู้ดีว่าหากท่านเย่และท่านบรรพจารย์หนิงพบหน้ากัน เช่นนั้นจะต้องเป็นความรับผิดชอบของผู้ดูแลเช่นเขาอย่างแน่นอน

มิว่าจะเป็นท่านเย่ หรือว่าท่านบรรพจารย์หนิง ล้วนมิใช่คนที่ศิษย์เอกของนิกายกระบี่สวรรค์เช่นเขาจะสามารถล่วงเกินได้

เวลานี้นับเป็นครั้งแรกที่ศิษย์เอกของนิกายกระบี่สวรรค์รู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ

ชวี่เหวินเซี่ยยิ้มออกมา ก่อนจะถามกลับว่า “เจ้าเห็นว่าเยี่ยงไร ? ”

เจี้ยนอู๋เหินเอ่ยราวกับจะร้องไห้ออกมา “อาจารย์อา ศิษย์มิเข้าใจขอรับ ! ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด