เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด 10.1 คําไหว้วานของประธาน
[ฉันเกลียดพวกเธอ ฉันเกลียดพวกเธอมาโดยตลอดจากก้นบึ้งของหัวใจ]
คำพูดของอายานะยังวนซ้ำอยู่ในหัวของฉัน เธอยิ้มขณะที่พูดประโยคนั้นออกมา
เดิมทีโลกนี้จะหมุนรอบเหล่านางเอก แต่เนื่องจากมีเวลาอีกประมาณหนึ่งปีก่อนที่เรื่องราวจะเริ่มต้นขึ้น จึงไม่มีเหตุการณ์ใดๆในระยะนี้ที่คล้ายกับในเกม
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฉันใช้ชีวิตในฐานะโทวะและได้รับรู้ความทรงจำของเขา ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวละครตัวหนึ่งก็ถูกทำลายลง
(…อายานะ)
ใช่แล้ว คนๆนั้นคืออายานะ นางเอกนั่นเอง
ไม่ต้องพูดอะไรเลย การปรากฏตัวของเธอส่งผลกับหัวใจฉันโดยตรง และฉันก็ชอบเธอตั้งแต่ตอนที่ฉันเล่นเกมแล้ว แต่ตอนนี้ฉันรักอายานะจริงๆ ทั้งในฐานะโทวะและตัวตนดั้งเดิมของฉัน ฉันกับเธอมีความสัมพันธ์กันแล้ว….. ในแง่นั้น มันเป็นสิ่งที่โทวะมีมาตั้งแต่แรก แต่เมื่อคุณรักใครสักคนแล้วเธอก็รักคุณกลับ มันจะมีความรู้สึกพิเศษในตัวเอง
(ใช่แล้ว…ณ จุดนี้ ทุกอย่างพังทลายไปแล้ว)
ความจริงที่ว่าฉันกับอายานะมีความสัมพันธ์กันหมายความว่าอายานะไม่มีความรู้สึกพิเศษกับชู กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอไม่ได้รักเขา และการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องไปจากเดิมนั้นสำคัญมาก
เมื่อความสัมพันธ์ของชูและอายานะดำเนินไป ม่านของเรื่องราวก็เปิดขึ้น และจากนั้น โลกทั้งใบก็เริ่มหันหลังให้เขา ช่วงเวลาสำคัญนั้นก็ได้มาถึง…เมื่อชูได้เห็นโทวะและอายานะมีความสัมพันธ์กัน ซึ่งนำเขาไปสู่ความสิ้นหวัง นั้นถือเป็นตอนจบของเรื่องราว
(ประการแรก โทวะเดิมมีความสัมพันธ์กับอายานะ เมื่อถึงตอนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าอายานะจะยอมรับคำสารภาพของชู… สุดท้ายแล้ว อายานะก็รักโทวะอย่างสุดหัวใจ)
เมื่อถึงจุดนี้ก็ชัดเจนเลยว่าฉันไม่สามารถเดินตามเส้นเรื่องเดิมได้ แถมต้องมาอยู่ในเกมประเภท”NTR” อีก เดิมที่ตัวละครที่มาแย่งนางเอกไปจากตัวเอกมักจะถูกมองเป็นตัวร้ายอยู่ด้วย ฉันไม่เข้าใจเลยว่าอายานะคิดจะทำอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาเธอจากมุมมองของฉัน เธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงที่มีจิตใจดีคนหนึ่งเท่านั้น
แม่ของฉันบอกว่าอายานะกำลังแบกรับอะไรบางอย่างอยู่
(…บางทีฉันควรจะขุดให้ลึกอีกสักหน่อย)
ขณะที่ฉันคิดอย่างนั้น ฉันก็มาถึงโรงเรียนแล้ว
ปกติฉันไปโรงเรียนกับชูและอายานะแต่วันนี้ฉันตื่นสายกว่าปกตินิดหน่อย ดังนั้นฉันจึงขอให้พวกเขาไปโรงเรียนกันโดยไม่มีฉัน
จริงๆแล้วฉันก็คิดเรื่องนี้เมื่อคืนเหมือนกัน และมันทำให้ฉันได้นอนตอนตี2กว่าๆ
ฉันได้รับข้อความจากอายานะเธอกังวลว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ฉันตอบว่าฉันนอนแค่นอนดึก และเธอก็ส่งสติ๊กเกอร์น่ารักๆมาให้ฉัน แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เช้าของฉันสดใสขึ้น
“หืม?”
ขณะที่ฉันเปลี่ยนรองเท้าที่ล็อกเกอร์ ฉันสังเกตเห็นอิโอริกับมาริกำลังช่วยกันติดประกาศบนกระดานข่าวของโรงเรียนที่อยู่ตรงหน้าทางเข้า
ฉันคิดว่ามันแปลกที่มาริซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับสภานักเรียนกำลังช่วยงานอิโอริซึ่งเป็นประธานนักเรียนอยู่
ฉันจ้องพวกเธออยู่ครู่หนึ่ง แต่ทั้งสองดูเหมือนจะรู้จักกันและไม่มีอะไรแปลกเป็นพิเศษดังนั้นฉันจึงยอมรับมันอย่างเงียบๆ
ขณะที่ฉันสังเกตพวกเธออยู่ ทั้งสองก็บังเอิญหันมาสบตากับฉันพอดี
มาริยิ้มกว้างและโบกมือมาทางฉัน ขณะที่อิโอริแม้จะยิ้มเล็กน้อยแต่ก็โบกมือมา เช่นกัน
“…สงสัยจังว่าถ้าโบกมือกลับจะมีอะไรเกิดขึ้นไหมนะ”
ฉันคิดแบบนั้นแล้วจึงเดินไปหาพวกเธอ
“อรุณสวัสดิ์ ยูกิชิโระคุง”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ รุ่นพี่ยูกิชิโระ!”
เสียงของอิโอริเบามาก แต่เสียงของมาริค่อนข้างดัง มันดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน แต่เนื่องจากโถงทางเดินในตอนเช้าโดยทั่วไปมักจะมีเสียงดังอยู่แล้ว เสียงของเธอจึงไม่โดดเด่นมากนัก
“ประธาน มาริ อรุณสวัสดิ์ครับ กำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ?”
“หนูเห็นว่ารุ่นพี่อิโอริกำลังติดประกาศอยู่คนเดียว หนูเลยเข้ามาช่วยค่ะ”
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง”
“อืม มันเป็นปัญหาจริงๆเหรอครับ? นอกจากนี้ ผมไม่คิดว่ารุ่นพี่อิโอริไม่มีเหตุผลที่จะบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ”
“..…อะ”
“ฟุฟุ♪”
ทำไมมันดูเหมือนเป็นการประลองกันของผู้หญิงของชูเลยล่ะ? แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นภาพที่แปลกและอบอุ่นใจมากเมื่อฉันไม่ได้นึกถึงเรื่องราวดั้งเดิม
มาริมีเวลาว่างเพียงเล็กน้อยเนื่องจากกิจกรรมในชมรมของเธอ ในขณะที่อิโอริซึ่งไม่ได้อยู่ในชมรมใดๆ สามารถใช้เวลาร่วมกับชูได้มากว่า
ในความทรงจำของฉัน ทั้งสองถูกกล่าวว่าในที่สุดก็ตกอยู่ในอันตรายที่ใกล้เข้ามา ดังนั้นผู้คนจึงสงสัยว่าเรื่องราวกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางใด แต่การได้ดูพวกเธอตัวเป็นๆนั้นสนุกจริงๆ
(อะ ถึงตอนนี้ฉันก็ยังเป็นแฟนเกมอยู่เหรอ?)
ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับตัวเอง ในขณะเดียวกันสิ่งต่างๆรอบตัวฉันก็กำลังพัฒนาไปเรื่อยๆ
“ถึงอย่างไงหนูก็จะช่วยรุ่นพี่อยู่ดี เพราะวันนี้ชมรมหนูเขายกเลิกกิจกรรมกัน”
“อาระ เป็นอย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นรบกวนด้วยนะ”
เถียงกันขนาดไหน สุดท้ายก็จบลงแบบนี้ พวกเธอเป็นคู่แข่งกันในเรื่องความรักแต่ดูเหมือนจะมีเคมีที่เข้ากันดีพอตัวนะ
แม้จะดูเหมือนว่ามาริซึ่งเป็นนักเรียนอายุน้อยกว่ากำลังถูกบังคับให้ช่วยเหลืออิโอริ แต่ก็เป็นความสัมพันธ์ที่น่ายินดี การโต้เถียงของพวกเธอ อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าพวกเธอเข้ากันได้ดี มันเป็นปฏิสัมพันธ์ที่สนุกสนานและดูแปลกใหม่ดี
“อะ จริงด้วย ยูกิชิโระคุง”
“ครับ?”
ขณะที่ฉันหยุดคุยกับมาริและหันไปหาอิโอริ เธอก็พูดกับฉัน
“ฉันอยากให้นายกับโอโตนาชิซังมาหาฉันหน่อยนะ ถ้าไม่เป็นการรบกวน นายมาช่วยฉันหลังเลิกเรียนได้ไหม?”
“…..ช่วยเหรอครับ?”
นั่นหมายความว่าเธอกำลังขอความช่วยเหลือจากชูด้วยหรือเปล่า? ฉันสงสัยว่าทำไมไม่ขอความช่วยเหลือจากสมาชิกสภานักเรียนคนอื่นๆ แต่พวกเขาคงยุ่งอยู่กับงานอื่นๆอยู่มั้ง
“มันไม่ใช่ว่าคนไม่พอหรอกนะ ฉันแค่อยากจะใช้เวลาร่วมกับนายและชูคุง ฉันขอให้นายเข้าร่วมเพราะฉันมีเรื่องอยากรู้อยากเห็นนะ”
“ค-ครับ..…”
ดูเหมือนว่าไม่ใช่เรื่องของการขาดคน อิโอริก็แค่อยากรู้อยากเห็น
มาริดูอิจฉาเล็กน้อยกับคำพูดของอิโอริ แต่วันนี้เธอตั้งใจแน่วแน่ที่จะช่วยอิโอริดังนั้นฉันคิดว่าตอนเลิกเรียนเธอต้องมาด้วยแน่
ฉันไม่มีปัญหาในการให้ความช่วยเหลือ แต่ฉันไม่สามารถตกลงโดยไม่ปรึกษาเรื่องนี้กับอายานะก่อนได้ถ้ามีชื่อของเธออยู่ด้วย
“ผมจะไปถามอายานะว่าเธอว่างหรือเปล่าให้นะครับ ถ้าเธอมีแผนอื่นเธอก็อาจจะปฏิเสธนะครับ”
“ขอบคุณนะ ฉันจะตั้งตารอเลย”
เธอตั้งตารอ? เธอพูดเหมือนฉันตอบตกลงไปเลย…?
“แต่นั่นหมายความว่าในที่สุดฉันก็มีโอกาสได้คุยกับรุ่นพี่อายานะแล้วสินะคะ!”
เมื่อเห็นมาริยิ้มด้วยความดีใจแบบนี้ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าอยากชวนอายานะไปจังเลย
ฉันยังไม่ตอบตกลงได้ในทันที ฉันจึงบอกลาพวกเธอแล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องเรียน
“โทวะคุง”
“โทวะ”
เมื่อฉันเข้าไปในห้องเรียน อายานะและชูซึ่งกำลังคุยกันอยู่ใกล้ทางเข้าก็ร้องเรียกฉัน
ก่อนหน้านี้ฉันได้ติดต่อกับอายานะแล้ว ฉันคิดว่าเธอคงรู้ว่าฉันนอนตื่นสาย แต่เมื่ออายานะเจอหน้าฉัน เธอก็ตรวจร่างกายของฉันอย่างเงียบๆ ราวกับว่าเธอต้องการยืนยันว่าไม่มีอะไรจริงๆ
“เห็นไหมไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหมล่ะ? โทวะแค่ตื่นสายเอง”
“เอาล่ะ เมื่อคืนฉันแค่นอนดึก โอเคไหม ฉันไม่ได้เป็นไรจริงๆ”
เมื่อพูดแบบนี้ ฉันก็เดินไปที่ที่นั่ง และทั้งสองคนก็เดินตามมาเหมือนทุกที
ภายในใจฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับสถานการณ์นี้ จากนั้นฉันก็เล่าเรื่องเมื่อกี้ที่คุยกับอิโอริให้ทั้งสองคนฟัง
“ฉันเจอกับประธานและมาริที่ทางเข้าก่อนหน้านี้..…”
ฉันอธิบายเกี่ยวกับคำร้องขอจากประธานเพื่อขอความช่วยเหลือหลังเลิกเรียน และความดีใจของมาริที่จะพูดคุยกับอายานะอีกครั้ง
“ฉันไม่ธุระอะไรนะ อีกอย่างฉันอยากรู้ด้วยว่าโทวะสนิทกับรุ่นพี่อิโอริและมาริจังมากแค่ไหนแล้ว♪”
“อะ-อะไรทำให้เธอพูดแบบนั้นนะ……”
“…ฮ่าฮ่า”
การสนทนาระหว่างอายานะและชู……ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงความสนิทสนมของเพื่อนสมัยเด็ก
มันทำให้ฉันนึกถึงคู่รักคู่หนึ่งภายในเกมที่แค่ฉันมองก็รู้ว่าพวกเขามีความสุขกันมากแค่ไหน และมันทำให้ฉันไม่คิดว่าโศกนาฏกรรมจะเกิดขึ้นเหมือนในเกม
อย่างไรก็ตาม มันเป็นความจริงที่ฉันกำลังมีความสัมพันธ์กับอายานะและฉันกำลังทรยศต่อชูในเรื่องนี้
[ฉันอยากให้นายสนับสนุนฉันกับอายานะ]
ความทรงจำเกี่ยวกับคำพูดที่เขาเคยพูดกับฉันในห้องพยาบาลกลับมาอีกครั้ง
ฉันจะไม่ยกเธอให้กับนาย และอายานะเป็นผู้หญิงของฉันคนเดียว…..ความรู้สึกที่หลากหลายเหล่านี้กำลังรวมกันเป็นสีดำ แต่ความสัมพันธ์ที่ฉันมีกับอายานะทำให้ฉันรู้สึกเหนือกว่าชู และทำให้ฉันสงบลง……นี่เป็นความรู้สึกที่น่าหนักใจจริงๆ
“โทวะคุง?”
“อืม…?”
ดูเหมือนฉันจะจมอยู่กับความคิดของตัวเองอีกแล้ว
ทันทีที่ฉันรู้สึกตัวชูก็หายไปแล้ว และอายานะก็มองมาที่ฉันด้วยสีหน้ากังวล
“ชูอยู่ไหนแล้วล่ะ”
“เขาไปเข้าห้องน้ำนะ”
“อา…..”
“ไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ เหรอ?”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่เห็นอะไรเลย”
ฉันรับรองกับเธอ และอายานะก็วางมือของเธอบนหน้าผากของฉัน ตรวจดูฉันอย่างใกล้ชิด ราวกับว่าเธอกำลังทำให้แน่ใจว่าฉันสบายดี
ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับดวงตาของเธอที่จ้องมาที่ฉัน ฉันจับมือเธอเพื่อให้เธอมั่นใจอีกครั้งว่าฉันสบายดี
“ฉันบอกเธอแล้วว่าทุกอย่างโอเค”
“แต่…เมื่อคืนนายยังส่งอะไรแปลกๆมาอยู่เลย”
“ขอร้องล่ะ อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย..…”
ฉันก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฉันทำแบบนั้น ฉันไม่สามารถอธิบายได้ว่าฉันรู้สึกกังวลเรื่องอายานะแค่ไหนและฉันก็ส่งข้อความไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แน่นอน ฉันรู้ว่าข้อความนั้นไร้สาระอย่างยิ่ง ตอนนี้ฉันยังนึกเสียใจอยู่เลย
“ฟุฟุ…ตอนแรกฉันก็ตกใจนะเพราะปกติโทวะคุงไม่ส่งอะไรแบบนี้มา แต่ฉันดีใจที่นายเป็นห่วงฉันนะ”
“อ-โอ้..…”
“ใช่ ฉันก็คิดเรื่องเธอเหมือนกัน หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้…”
“ฉันก็แค่…….ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี แต่รู้สึกเหมือนเราเชื่อมโยงกันเลยว่าไหม?”
มันเป็นคำพูดที่ค่อนข้างน่าอาย แม้ว่าเราจะห่างกันแต่ความรู้สึกของเราก็ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกัน เป็นเพราะฉันรู้สึกแบบนั้นเมื่อคืนเลยส่งข้อความแบบนั้นไป
อายานะมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ แล้วเธอก็ยิ้มพร้อมเอามือแตะที่ริมฝีปาก
การจ้องมองที่นุ่มนวลนั้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความใจดีของเธอ เหมือนโดนบอกว่าอย่าคิดมาก นั่นคือความรู้สึกที่ฉันได้รับ
“ใช่แล้วจ้า ที่เราเชื่อมโยงกัน…ฉันก็คิดแบบเดียวกันเมื่อวานนี้เหมือนกัน”
ทันทีที่ฉันเห็นรอยยิ้มของอายานะ เสียงรอบข้างก็ดูจางหายไป หากให้อธิบายแบบโรแมนติก คงจะบอกว่าฉันหลงใหลในรอยยิ้มของเธออีกครั้ง เสน่ห์ที่เคยเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน
ฉันหลงใหล…เธอ ใช่ หลงใหลเธอจริงๆ
ฉันไม่ได้เชื่อว่าไม่มีใครอยู่ในโลกนี้นอกจากอายานะในขณะนั้น แต่ฉันเอื้อมมือไปหาเธอ
อายานะยิ้มมากยิ่งขึ้นเมื่อเธอเห็นมือที่ยื่นออกมาของฉันและเรียกชื่อฉันเบาๆ
“โทวะคุง”
[โทวะคุง]
เดียวนะ ทำไหมเหมือนฉันได้ยินเสียงเอคโค่เลยละ
ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากจะขยี้ตาเพราะว่าตรงหน้าฉัน มันดูเหมือนมีอายานะสองคน
นอกจากอายานะที่จ้องมองฉันด้วยรอยยิ้มแล้ว ยังมีอายานะอีกคนหนึ่งที่ยิ้มอยู่เช่นกันถึงจะยิ้มไม่เท่าอายานะตรงหน้าก็เถอะ อายานะคนที่สองหายไปทันที และเมื่อฉันได้สติอีกครั้ง ก็มีเพียงอายานะคนเดียวที่อยู่ตรงหน้าฉัน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ โทวะคุง?”
“…ไม่ ไม่มีอะไร”
มันเกิดขึ้นอีกแล้ว…มันเป็นความรู้สึกคล้ายกับตอนที่ฉันเห็นผู้หญิงคนนั้น คนในชุดฮูดสีดำ
ย้อนกลับไปตอนนั้นและเดี๋ยวนี้ ทุกครั้งที่ฉันพบกับปรากฏการณ์ที่อธิบายไม่ได้ สีหน้าของอายานะก็เปลี่ยนไปมากจนทำให้เธอดูแปลกไป
(ฉันรู้ดีว่ามันไม่ปกติ ฉันเข้าใจ แต่จู่ๆ ก็มีฉากประหลาดๆแบบนี้……)
แต่ละครั้งฉันอดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับอายานะ ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉันมากแค่ไหน แต่ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไง บางที…ไม่ อายานะอาจจะรับฟังและเชื่อฉันจริงๆ
หากเป็นเช่นนั้น บางทีฉันควรจะบอกเธอ
“ออดดังแล้วไอพวกเด็กน้อย~ นั่งที่สะ~”
“อา…ไว้คุยกันทีหลังนะโทวะคุง”
ครูประจำชั้นของเรามาถึงแล้ว และอายานะก็กลับไปนั่งที่ของเธอ ชูกลับมาหลังจากที่อาจารย์เข้ามาแปบหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน โฮมรูมตอนเช้าก็เริ่มขึ้น
“เราจะมีการประชุมช่วงเช้าทั้งโรงเรียนตอนสุดสัปดาห์กัน เพราะงั้นเตรียมตัวให้พร้อมด้วยล่ะ ส่วนเรื่องที่เหลือ…..”
ขณะที่ฟังคำพูดของครูอยู่ ฉันก็เหลือบไปมองสมุดบันทึก
ไม่ใช่แค่สภาพแวดล้อมของโลกนี้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงปรากฏการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวฉัน ฉันได้บันทึกทุกอย่างลงในสมุดบันทึก
“…เอาล่ะ เรื่องนี้ก็น่าจะสำคัญเหมือนกัน”
สิ่งที่ฉันเพิ่งบันทึกไปคือสิ่งที่ฉันเห็นเมื่อสักครู่
อายานะที่ยิ้มกว้างและอายานะที่ยิ้มน้อยๆ…..มันอาจเป็นความเข้าใจผิดก็ได้ และที่แย่กว่านั้นคือ มีความเป็นไปได้ที่อาจมีบางอย่างผิดปกติกับฉัน
จนกระทั่งได้เวลาพักกลางวัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อายานะเข้ามาหาฉันด้วยความกังวล แต่ฉันทำให้เธอมั่นใจอีกครั้งว่าฉันไม่เป็นไร และสุดท้ายเธอก็ตกลงที่จะเชื่อฉัน
“พูดก็พูดเถอะ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าประธานจะขอความช่วยเหลือจากนายกับอายานะนะ”
“เสียใจด้วยนะ ที่เราไปรบกวนเวลาของนายกับประธานนะ”
“ไม่ นั่นไม่ใช่…ฉันหมายถึง—”
“อ่า ชูคุงกินมูมมามอีกแล้วนะ~?”
อายานะหยิบเมล็ดข้าวออกจากแก้มของชู
ชูหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัดและจ้องไปที่อายานะ แต่เธอก็ยิ้มเล็กน้อยโดยไม่ทำอะไรอีกเลย
ฉากนี้คล้ายกับฉากจากเกมที่ฉันรู้จักดี ชูยิ้มอย่างจริงจัง และรอยยิ้มที่รู้ใจของ อายานะก็เพียงพอที่จะทำให้เขาหน้าแดง อย่างไรก็ตาม ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงการแสดงบางอย่างจากเธอ บางทีฉันอาจจะคิดมากไปเอง
ราวกับว่าพวกเขาต้องการสร้างเสน่ห์ให้อีกฝ่ายด้วยการนำเสนอตัวตนที่ดีที่สุดของพวกเขา บางทีฉันอาจจะคิดมากเกินไป
“โทวะคุง? ทำไมนายถึงจ้องแบบนั้นล่ะ”
“เอ๊ะ? ม-ไม่ โทษทีฉันแค่กำลังคิดอะไรอยู่นะ..…”
“ฟุฟุ เป็นไปได้ไหมว่า…นายกำลังหลงเสน่ห์ฉันอยู่นะ?”
เธอพูดพร้อมกับยิ้มมา การยิ้มของเธอก็เป็นแบบเดียวกับที่ยิ้มให้ชู แต่ฉันตอบเธออย่างตรงไปตรงมาโดยไม่รู้สึกเขินอาย ไม่เหมือนที่ชูทำ
“มันไม่ได้ทำให้ฉันหลงเสน่ห์เธอเท่าไหร่นักหรอก เพราะยังไงตอนนี้ฉันก็หลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว”
“อา….…”
อะ แย่ละ
ฉันเสียใจทันทีที่พูดแบบนั้นออกไป แต่ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลบางอย่าง อายานะเบิกตากว้างครู่หนึ่ง แต่แล้วเธอก็หน้าแดงและมองต่ำลง
ปฏิกิริยาของเธอช่างน่ารัก แต่ชูดูเหมือนจะไม่ตลกนัก
“ฉันก็คิดเหมือนกันนะอายานะ! เธอน่ารักเสมอเลยอายานะ!”
“เอ่อ อา ขอบใจนะ”
คำพูดจากใจจริงของชูดูเหมือนจะไม่โดนใจอายานะอย่างที่เขาหวังไว้
นี้คือสิ่งที่ฉันรู้สึกได้–ภาพลักษณ์ตัวเอกที่แสนซื่อสัตย์ของชู และพฤติกรรมของอายานะที่ไม่สนใจคำพูดของชู– ฉันเคยสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน แต่ฉันตัดสินใจจะบันทึกมันลงในสมุดของฉันอีกครั้งเมื่อมีโอกาส
หลังจากนั้นเราสามคนก็ใช่เวลาที่เหลือร่วมกันแม้เราจะกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม มีเพื่อนของอายานะเดินผ่านมาและพาเธอไปด้วย สิ่งนี้ทำให้ชูและฉันอยู่ตามลำพังโดยไม่มีการพูดอะไรกันเลย
“เฮ้ โทวะ”
“หืม?”
แม้จะไม่ได้พูดคุยมากนัก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลย และความเงียบก็ไม่ได้ทำให้อึดอัดเหมือนกัน มันเกือบจะเหมือนกับการอ่านหนังสือเงียบๆ เล่นเกม หรือทำอะไรเช่นนั้น
ชูมองมาที่ฉันและพูดต่อในขณะที่จ้องมองมาที่ฉัน
“โทวะ…นายจะสนับสนุนฉันกับอายานะใช่ไหม?”
ฉันเงียบไปครู่หนึ่ง
เพื่อตอบสนองต่อคำพูดของชูมีหลายสิ่งที่ฉันอยากจะพูด และความรู้สึกเหนือกว่าและความโกรธปะปนอยู่ในอกของฉัน ซึ่งมันกระตุ้นฉัน แต่น่าแปลกที่ความรู้สึกเหล่านั้นลดลงอย่างรวดเร็ว และฉันก็พบว่าตัวเองพูดได้อย่างราบรื่นราวกับเตรียมไว้ล่วงหน้า
“ก็อาจจะ…..หากนายยังเดินเตาะแตะอยู่ ฉันอาจจะแย่งเธอไปก็ได้รู้ไหม”
“ม-ไม่มีทาง! จะไม่เกิดเรื่องอย่างงั้นขึ้นแน่นอน!”
“ไม่เกิดขึ้นแน่นอน? นายคิดว่านายเป็นใครถึงพูดอย่างงั้นออกมา ฮะ!”
หลังจากนั้น เสียงกริ่งก็ดังขึ้น และชูก็กลับไปที่ที่นั่งของตัวเองเพื่อเตรียมตัวสำหรับคาบต่อไป ฉันหยิบสมุดออกมาและเริ่มจดบันทึก
ขณะทำเช่นนั้น ฉันพบว่าตัวเองกำลังอ่านเนื้อหาที่เขียนอยู่
(เป้าหมายของฉันคืออะไรกันแน่…?)
ฉันควรจะลงมือเอง ตัดสินใจ แต่ฉันก็แค่ลังเล เมื่อฉันตื่นขึ้นมาในโลกนี้ครั้งแรก ฉันตั้งใจที่จะให้ชูและอายานะอยู่อย่างมีความสุขโดยที่ไม่กระทบต่อเนื้อเรื่องของเกม
แต่ในท้ายที่สุด ในไม่ช้าฉันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และฉันก็ปล่อยให้ตัวเองถูกพาไปยังสถานการณ์ต่างๆไปกับอายานะ…..เพลิดเพลินกับช่วงเวลาแสนหวานลับหลังชู
(ฉันอยากอยู่กับอายานะ อยากปกป้องเธอ…..นั่นเป็นเพราะฉันมีความทรงจำของโทวะอยู่ และฉันรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่อยู่กับอายานะ ฉันทิ้งเธอไว้กับชูไม่ได้ ฉันไม่อยากทิ้งเธอไป ไม่อยากทิ้งเธอให้กับเขา)
บางทีมันอาจจะง่ายกว่านี้มากถ้าฉันเป็นเพียงผู้เล่นที่เล่นเกมโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา
ฉันต้องการหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด ฉันไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น..… แม้ว่าฉันจะคิดเกี่ยวกับมัน แต่ท้ายที่สุดแล้ว การกระทำของฉันจะนำไปสู่ผลลัพธ์ และมันจะขึ้นอยู่กับว่าฉันจะทำอย่างไร ซึ่งส่งผลต่ออายานะและชู พวกเขามีเจตจำนงของตนเอง พวกเขาไม่ใช่สิ่งที่ถูกโปรแกรมไว้ พวกเขาเป็นมนุษย์ที่มีชีวิต
“…ฮ่า”
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดดูอีกที ก็ผ่านไปได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้วนับตั้งแต่ที่ฉันตื่นขึ้นมาในฐานะโทวะ เมื่อพิจารณาถึงเรื่องนั้น ฉันก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้หลังจากจัดการข้อมูลก็อัดแน่นอยู่ในหัวของฉันในช่วงเวลาสั้นๆนี้ ฉันควรยกย่องตัวเองจริงๆ
แน่นอนว่าฉันไม่ได้นิ่งเฉยกับเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณของฉันจะฝังลึกอยู่ในร่างกายของโทวะแล้ว
“…ฮาวววว…”
บางทีอาจไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะลดความระมัดระวังลง เนื่องจากมีเสียงหาวหลุดรอดมาจากฉัน
ในช่วงเวลานี้เป็นคาบวรรณกรรมคลาสสิก และมีครูผู้หญิงเป็นผู้รับผิดชอบ ฉันที่เพิ่งหาวอย่างเปิดเผยถูกครูจับได้ทันที
“ยูกิชิโระคุง? เบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่ ค-คือ ขอโทษครับ”
“ครั้งต่อไประวังให้มากขึ้นใช่ไหม? คราวนี้ฉันจะทำเป็นไม่เห็นให้ละกันเพราะปกติแล้วเธอทั้งใจเรียนคาบฉันอยู่เสมอ แต่จำไว้ว่าจะไม่มีคราวหน้าแล้วนะ”
“ครับ”
หลังจากคำพูดของอาจารย์และเสียงหัวเราะจากคนรอบข้าง ฉันก็เกาหัวตัวเองเบาๆ
ฉันมองไปรอบๆ ทั้งอายานะและชูซึ่งนั่งแยกกัน รวมถึงไอซากะต่างหัวเราะกัน น่าอายจริงๆ…ตอนนี้ต้องไอนั้นสินะประโยคคลาสสิกที่ว่า อยากแทรกแผ่นดินหนี ฉันเริ่มอยากทำมันตอนนี้แล้วสิ
———————————————————————————————————————————————————–
คุยท้ายตอน
เกือบมีมวย แต่กริ่งดันดังสะก่อนอดดูเลย
Comments