เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด 13.2 มุมมองของ อายานะ

Now you are reading เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด Chapter 13.2 มุมมองของ อายานะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โทวะคุง ดูเหมือนจะสงบลงแล้วนะคะ”

 

โทวะคุงที่นอนอยู่บนเตียงไร้ซึ่งวี่แววความวิตกกังวลเหมือนที่เขามีเมื่อสักครู่ มันทำให้ฉันโล่งใจขึ้นมาก แต่ดูจากเวลาแล้วตอนนี้ผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีตั้งแต่เราคุยกับไอซากะคุงครั้งล่าสุด ถึงแม้ฉันจะสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะกลับไปเข้าเรียน แต่ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมที่จะกลับไปจริงๆ

 

“ขอบคุณนะคะอาจารย์ที่เข้าใจหนู ปกติแล้วหนูคงโดนสั่งให้กลับไปเข้าเรียนแน่ๆ”

 

โทวะคุงหลับไปเกือบจะในทันทีที่เขาล้มตัวลงบนเตียง ขณะที่ฉันมองดูเขาหลับอย่างสงบ ฉันก็คิดที่จะกลับไปที่ห้องเรียน แต่โทวะคุงจับมือฉันไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเลย ฉันไม่แน่ใจนักว่าจะทำอย่างไรต่อดี จนกระทั่งอาจารย์ประจำห้องพยาบาลแนะนำความคิดดีๆ มาให้

 

“เอ่อ ปกติแล้วฉันจะไม่แนะนำอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่ทำไมไม่ลองโดดเรียนสักคาบดูละ…คือ อยู่ดูแลยูกิชิโระคุง แล้วดูว่าเขาเป็นยังไง? ว่าแต่ตอนนี้เรียนวิชาอะไรเหรอ?”

 

“วิชาภาษาอังกฤษค่ะ”

 

“โอเค เดี๋ยวฉันจะส่งข้อความไปบอกอาจารย์ประจำวิชาให้นะ”

 

ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงตัดสินใจอยู่ดูแลโทวะคุงขณะที่เขานอนหลับอยู่ต่อ

 

“…..”

 

แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรต้องกังวลมากนักแล้ว สีหน้าของเขาดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเขาก็ดูเหมือนจะหลับสนิทอย่างสบายใจ ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะมองดูใบหน้าตอนหลับของโทวะคุงที่บริสุทธิ์และอ่อนเยาว์ เขาอาจจะดูเท่ตลอดเวลา แต่ใบหน้าในตอนหลับของเขาที่เหมือนเด็กน้อยแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน

 

“ฟุฟุ♪”

 

ในช่วงที่คนอื่นๆอยู่ในห้องเรียน ฉันรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยที่ได้อยู่กับคนที่ฉันรักขณะที่เราอยู่นอกห้องเรียนแบบนี้ ฉันต้องยอมรับเลยว่าบางครั้งฉันก็มีความคิดซนๆแบบนี้เหมือนกัน

 

ฉันยังคงมองดูใบหน้าของโทวะคุงต่อไปอีกสักพัก ฉันเพียงแค่จับมือเขาไว้ขณะที่มองดูเขา ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ฉันมีความสุข แต่ก็ยังมีคำพูดบางอย่างที่ยังคงวนเวียนอยู่ในใจอขงฉัน

 

[อายานะ ตอนนี้เธอ…มีความสุขอย่างงั้นเหรอ?]

 

โทวะคุงถามคำถามนั้นกับฉันก่อนที่เขาจะหลับไป ฉันควรจะมีความสุข ไม่ต้องมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย การที่ได้อยู่เคียงข้างเขาแบบนี้ ไม่มีทางที่ฉันจะไม่มีความสุข แล้วทำไมเขาถึงถามคำถามแบบนั้นกับฉันล่ะ?

 

มือของฉันที่จับมือกับโทวะคุงอยู่แบบแน่นขึ้นเอง แต่ฉันก็รู้ตัวก่อนและรีบผ่อนแรงที่มือลง ฉันหายใจออกเบาๆ แล้วปล่อยให้ความคิดไหลไปเรื่อยๆ

 

“ใช่…ฉันมีความสุข ไม่มีอะไรจะปฏิเสธเรื่องนี้ได้เลย และนั่นคือเหตุผลที่ฉันอยากให้นายมีความสุขมากขึ้นไปอีก ฉันไม่อยากให้ใครมาทำร้ายนายอีกแล้ว…”

 

ด้วยเหตุผลนั้น ฉันก็เลย…

 

ทันใดนั้น หัวฉันก็โล่งไปหมด คิดอะไรไม่ออก และฉันก็ต้องไปคิดถึงอย่างอื่นแทน ตอนนี้อาจารย์ประจำห้องพยาบาลไม่อยู่แล้ว และไม่มีนักเรียนคนอื่นอยู่ในห้องเลย ในห้องพยาบาลนี้มีแค่เราสองคนเท่านั้น

 

“ฉันคงทำแบบนั้นที่นี้ไม่ได้ใช่มั๊ย? การคิดถึงเรื่องแย่ๆทำให้จิตใจฉันแย่ลงไปด้วย งั้นฉันควรโฟกัสไปที่การชมใบหน้าที่แสนน่ารักตอนหลับของโทวะคุงดีกว่า!”

 

การมองดูคนที่ฉันรักทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมความง่วงนอนที่สะสมมาตลอดทั้งวันนั้น ถึงได้เข้าครอบงำฉันอย่างกะทันหัน ฉันกลั้นเสียงหาวและตัดสินใจอดทนกับมัน

 

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะกลับไปเรียนตอนนี้นิ…แค่แป๊บเดียวคงไม่เป็นไรหรอก ใช่มั๊ย?”

 

ปกติฉันไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้หรอกนะ แต่ถึงแม้ฉันจะอดทน แต่ฉันก็สัปหงกเพราะความง่วงและ…ฉันก็พบว่าตัวเองกำลังหลับตาลงขณะที่พิงหลังกับเก้าอี้ที่แสนนุ่มสบายนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“…เอ๊ะ?”

 

เมื่อกี้ฉันยังนอนอยู่ข้างๆโทวะคุงอยู่เลย แต่ไม่รู้เพราะอะไร ตอนนี้ฉันดันมาอยู่ในสถานที่แปลกๆที่ไม่คุ้นตา รอบๆมืดไปหมดและฉันก็มองไม่ค่อยชัดเท่าไหรด้วย ฉันรู้ได้ในทันทีว่านี่คือฝัน

 

“ความฝัน…พื้นที่มืดๆ…ฟุฟุ เหมือนกับว่ามันสะท้อนหัวใจของฉันเลย”

 

ขณะที่ฉันพูดแบบนั้น ฉันก็รู้สึกตกใจขึ้นมาทันที ทำไมฉันถึงแสดงออกว่าหัวใจของตัวเองเป็นสถานที่หม่นหมองแบบนี้ละ? ถ้าฉันต้องเปรียบเทียบหัวใจของตัวเอง มันควรจะเป็นที่ๆสว่างกว่านี้ เพราะนั่นคือสีสันแห่งความสุขที่ฉันพยายามจะสื่อให้โทวะคุงเห็น

 

“…ที่นี่มันดูอึดอัดจังเลย….หรือว่าที่ฉันฝันแบบนี้มันจะมีความหมายอะไรนะ?”

 

ถ้านี้เป็นความฝัน ฉันว่าฉันน่าจะลองทำอะไรที่ฉันในชีวิตจริงทำไม่ได้ดีกว่า มันเป็นสิ่งที่ฉันจะไม่แสดงให้ใครเห็น แม้กระทั่งโทวะคุง

 

ฉันตะโกนออกไปดั่งๆ เสียงนั้นดังก้องไปทั่ว และการที่ฉันตะโกนออกไปมันเหมือนกับว่ามันเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง สถานที่มืดๆนั้นก็เปลี่ยนไป มีบางอย่างมาจับขาฉัน ทำให้ฉันร้องออกมา

 

“….เอ๊ะ?”

 

มันเป็นมือของผู้หญิง – ใบหน้านั้นฉันจำได้ดี – เธอกำลังจับขาของฉันอยู่

 

“รุ่นพี่?”

 

ใช่แล้ว เธอคือ ฮอนโจ อิโอริ

 

เธอดูแตกต่างไปจากคนที่ฉันเคยรู้จักมาก เสื้อผ้าของเธอสกปรก ผมของเธอแตกแห้งและยุ่งเหยิงไปหมด และที่สำคัญที่สุดคือ เธอส่งกลิ่นแปลกๆออกมาด้วย มันยากที่จะเชื่อว่านี่คือคนเดียวกันกับรุ่นพี่ฮอนโจที่ฉันรู้จัก

 

“รุ่นพี่มาทำอะไรที่นี่คะ…? เอ๊ะ? รุ่นพี่ดู…แก่กว่าตอนที่เราเจอกันครั้งล่าสุดนิดหน่อยนะ?”

 

ฉันสังเกตเห็นว่า เธอดูแก่กว่า ฮอนโจ อิโอริ ที่ฉันรู้จัก

 

เป็นไปได้ไหมว่า เธอจงใจแสดงให้ฉันเห็นตัวเองในวัยที่แก่กว่าภายในฝันแปลกๆและน่าขนลุกนี้อย่างนั้นเหรอ? ขณะที่ฉันครุ่นคิดอยู่นั้น เธอก็จ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาไม่เป็นมิตร และพูดออกมา

 

“เธอจะไม่มีวันมีความสุข…ไม่มีวัน”

 

“….ฮ่าๆ?”

 

ถึงฉันจะโดนบอกว่าฉันจะไม่มีความสุข แต่ไม่เป็นไร ความสุขของฉันเป็นเรื่องรอง สิ่งเดียวที่ฉันต้องการคือ การที่โทวะคุงมีความสุข ไม่ว่าใครจะพูดอะไร มันก็จะไม่มีผลกับฉัน นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด และด้วยที่นี่เป็นแค่ฝันของฉัน ฉันจึงคิดที่จะเหยียบหัวเธอ

 

[บางทีฉันอาจจะเป็นคน…ที่พรากเธอมาจากฉันเอง]

 

“…เอ๊ะ?”

 

หลังจากร่างของ ฮอนโจ อิโอริ ที่เมื่อกี้พึ่งจับขาฉันหายไปแล้ว ฉันก็ได้ยินเสียงของเขาจากข้างหลัง ในความว่างเปล่าอันมืดมิด เสียงของเขาดังเหมือนยาบรรเทาใจที่รักษาหัวใจของฉัน เป็นแสงแห่งความหวังที่ส่องสว่างนำทางให้ฉัน ฉันหันกลับไปอย่างอย่างรวดเร็วและพบเขาอยู่ตรงนั้น เหมือนกับที่ฉันคิดไว้จริงๆด้วย

 

“โทวะคุง!”

 

ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาเขาและเอื้อมมือไปแตะตัวเขา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ ฉันก็ชักมือกลับมาในขณะที่มือของฉันกำลังจะสัมผัสตัวเขา ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น ฉันคิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าฉันไม่ใช่โทวะคุง

 

“ไม่ใช่ เขาคือโทวะคุง แต่เหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ฉันอยากจะอยู่ด้วย นี้มันเกิดอะไรขึ้น?”

 

โทวะคุงที่หันหลังให้ฉันอยู่ เขาเป็นโทวะคุงจริงๆ แต่เขากลับแสดงสีหน้าเจ็บปวดราวกับว่าหัวใจของเขากำลังจะแหลกสลาย

 

ทำไมกัน? ทำไมเขาถึงทำหน้าแบบนั้นละ? ทำไมเขาถึงดูเหมือนกำลังจะร้องไห้เลย

 

“โทวะคุง…!”

 

ฉันรู้…ว่านี่คือความฝัน และฉันก็รู้ว่าโทวะคุงที่อยู่ตรงหน้าฉันแตกต่างออกไป

 

ถึงอย่างนั้น ฉันก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไป เพราะสิ่งที่ฉันอยากเห็นน้อยที่สุดในโลกนี้คือสีหน้าเศร้าโศกของโทวะคุง ฉันไม่อยากเห็นใบหน้าที่ร้องไห้บนเตียงนั้นอีกแล้ว

 

“โทวะคุง…?”

 

ฉันเอื้อมมือไปอย่างสิ้นหวัง มือของฉันทะลุผ่านอากาศไป แล้วโทวะคุงก็หายไป แต่เสียงของเขายังคงดังเข้ามาในหูอยู่

 

หน้าอกของฉันแน่นขึ้น ฉันเอามือจับหน้าอกตัวเองไว้ สิ่งนี้มันแย่มาก…ฉันไม่อยากเห็นหรือได้ยินอะไรแบบนี้เลย แต่เสียงของโทวะคุงยังคงดังเข้ามา

 

[เป็นตัวฉันเองที่พรากผู้หญิงอบอุ่นและใจดีคนนั้นไป…ฉันน่าจะรู้ตัวเร็วกว่านี้… ฉันน่าจะคุยกับอายานะให้มากกว่านี้…บ้าเอ๊ย…บ้าเอ๊ย!!]

 

“หยุด…หยุดเถอะ…ได้โปรด…”

 

ฉันขอร้องให้เขาหยุดพูดถึงชื่อฉันแบบเศร้าๆ มันเหมือนกับว่าฉันกำลังทำร้ายโทวะคุงด้วยการทำสิ่งที่กำลังจะทำอยู่ ขณะที่ฉันกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ ฉันก็สังเกตเห็นบางอย่าง

 

“ถ้าฉันทำแบบนี้ต่อไป…โทวะคุงจะไม่มีความสุขเหรอ?… ฉันกำลังทำให้โทวะคุงเป็นแบบนี้เหรอ? ฉันทำให้โทวะคุงเจ็บปวดเหรอ…?”

 

โทวะคุงใจดีมาก และนั่นคือเหตุผลที่ฉันไม่อยากเปิดเผยสิ่งที่ฉันกำลังจะทำ ฉันอยากจบเรื่องนี้โดยที่เขาไม่รู้ เพื่อที่เขาจะไม่เจ็บปวด และจะได้กำจัดสิ่งที่น่ารำคาญออกไปจากตัวฉัน อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา สิ่งเดียวที่ฉันต้องทำคืออยู่ใกล้โทวะคุง มอบความฝันอันแสนสุขให้เขา และทำให้เขาลืมเรื่องนี้ไป ฉันคิดอย่างนั้น แล้วทำไมความฝันนี้ถึงทำให้ฉันเห็นภาพเหล่านี้ล่ะ

 

“ฉัน….ฉัน… ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…”

 

ในขณะที่ฉันกุมหัวด้วยมือทั้งสองข้าง ฉันก็พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้น ฉันก็รู้ตัว…

 

ฉันกำลังทำทั้งหมดนี้เพื่อความสุขของโทวะคุง หรือฉันกำลังใช้เขาเป็นข้ออ้างเพื่อระบายความเกลียดชังที่มีต่อคนที่ทำร้ายฉัน

 

สุดท้าย เมื่อฉันคิดถึงเรื่องนี้ ฉันก็ตื่นขึ้นมาเสียก่อน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“อ่า…”

 

“อาระ ตื่นแล้วเหรอคะ?”

 

“อาจารย์…?”

 

ฉันตื่นขึ้นมา และอาจารย์ก็พูดกับฉัน อาจจะเป็นเพราะเพิ่งตื่น ทำให้หัวของฉันรู้สึกงงๆ แต่การเห็นอาจารย์มองมาที่ฉัน และโทวะที่ยังคงหลับอยู่บนเตียง ทำให้ฉันตื่นเต็มตา

 

“โอโตนาชิซัง เธอดูซีดๆนะ ไม่เป็นไรแน่นะ”

 

“เอ่อ…หนูสบายดีค่ะ แค่ฝันร้ายนิดหน่อย”

 

“เหรอคะ ถ้าเธอว่าอย่างนั้น ก็คงไม่เป็นไรนะคะ”

 

เมื่อพูดจบ อาจารย์ก็โน้มตัวเข้าไปตรวจดูใบหน้าของโทวะคุง

 

“ยูกิชิโระคุง หน้าของคุณดีขึ้นเยอะเลยนะคะ อาจจะเป็นแค่พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือออกกำลังกายหนักก่อนนอนรึเปล่าคะ?”

 

“อ่า…”

 

เมื่ออาจารย์พูดถึงเรื่องออกกำลังกายก่อนนอน ฉันก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ทันที

 

โชคดีที่อาจารย์กำลังสนใจโทวะคุงอยู่ ฉันเลยไม่ถูกจับสังเกต

 

ฉันเช็คเวลาแล้วเห็นว่าเรานอนไปประมาณห้าสิบนาที

 

“คาบเรียน…น่าจะใกล้จบแล้วใช่มั้ยคะ?”

 

“ใช่ค่ะ อีกเดี๋ยวก็ถึงเวลาคาบต่อไปแล้ว เธอน่าจะกลับได้แล้วนะ”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ ช่วยดูแลโทวะคุงแทนด้วยนะคะ”

 

“ฉันจะดูแลเขาเองค่ะ”

 

โทวะคุง หายไวๆนะ แสดงให้ฉันเห็นว่านายมีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อนและทำให้ฉันสบายใจขึ้นทีนะ

 

“งั้นหนูขอตัวนะคะ”

 

ฉันอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย แต่ก็ไม่มีทางเลือก

 

หลังจากออกจากห้องพยาบาล ฉันมุ่งหน้ากลับห้องเรียน ระหว่างทางนั้น ใจของฉันเต็มไปด้วยเรื่องของโทวะคุง และอีกอย่างคือเนื้อหาของฝันเมื่อกี้

 

“ทำไมฉันถึงจำมันได้ละเอียดขนาดนี้ล่ะ?”

 

ฉันจำรายละเอียดของฝันได้ทุกอย่าง

 

ถ้าลืมมันไปเลยคงจะดีกว่า…ฝันแบบนั้นมันไม่น่าจำขนาดนี้นั้นหรอก

 

ขณะที่เดินไปตามทางเดิน เสียงออดก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าเลิกเรียนแล้ว

 

พอฉันเดินเข้าไปในห้องเรียน เพื่อนๆ ของเขาก็ถามถึงอาการของโทวะคุง ฉันเลยบอกพวกเขาไปว่าโทวะคุงกำลังหลับอยู่

 

“จริงเหรอ? โล่งใจจัง”

 

“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับยูกิชิโระคุง อายานะจะต้องร้องไห้แน่ๆ!”

 

“ฟุฟุ ฉันขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงนะ”

 

หลังจากเพื่อนๆของโทวะคุงเริ่มเดินจากไป ไอซากะคุงก็เดินเข้ามาถามถึงอาการของโทวะคุง

 

“ฉันได้ยินที่เธอพูดเมื่อกี้แล้ว ฉันดีใจที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับยูกิชิโระคุงนะ”

 

“ค่ะ ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ ไอซากะคุง”

 

คิดดูแล้ว ฉันไม่ได้รู้สึกตัวเลย แต่ฉันอาจจะพูดแรงกับไอซากะคุงไปนิดหน่อยก็ได้

 

ฉันสงสัยว่าฉันดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?

 

แต่จริงๆ แล้วฉันก็แค่เป็นห่วงโทวะคุงจริงๆ

 

“อายานะ”

 

“…”

 

หลังจากไอซากะคุงกลับไปนั่งที่แล้ว ชูคุงก็เดินเข้ามา

 

“โทวะเป็นไงบ้าง?”

 

“ค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

 

ฉันตอบไปอย่างมั่นใจ และชูคุงก็ดูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด

 

อย่างไรก็ตาม โทวะคุงที่ถูกหลายคนเป็นห่วงแบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขอย่างแปลกๆ ราวกับว่าบุคลิกของเขาดึงดูดผู้คนมากมาย

 

“เฮ้ อายานะ”

 

“อะไรเหรอ?”

 

ฉันยิ้มบางๆ ให้กับความคิดนั้น ฉันสังเกตเห็นว่าชูคุงกำลังเกาแก้มและดูเขินๆ จากนั้น เขาก็เงียบไปสักพัก แล้วส่ายหัว บอกว่าไม่มีอะไร

 

“ขอโทษนะ แต่เมื่อคืนขอบคุณที่รับโทรศัพท์นะ ฉันรู้สึกดีใจมากๆเลย”

 

“อ๋อ นั่นเหรอ ไม่เป็นไรหรอก”

 

“ฉันรู้สึกดีที่ได้ยินเสียงของเธอตอนกลางคืน บางทีอาจเป็นเพราะว่าฉันได้ยินแต่เสียงของอายานะมาตลอดก็ได้”

 

“ใครจะไปรู้ล่ะ”

 

พูดตรงๆ คือ ฉันตอบคำถามแบบส่งๆไป เพราะฉันกำลังคิดถึงฝันเมื่อกี้นี้อยู่ ไม่ใช่แค่ตอนนี้ แต่ตลอดการคุยกับชูคุง ไอซากะคุง และเพื่อนๆ

 

ชูคุงดูไม่พอใจกับคำตอบของฉัน และพูดออกมา

 

“อายานะ เธอรู้ไหม…เธอเป็นห่วงโทวะมากเกินไปแล้ว เธอไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้นะ”

 

“ฮะ นายหมายความว่ายังไงน่ะ?”

 

เสียงของฉันต่ำลงจนตัวเองยังตกใจ

 

ชูคุงตัวสั้นราวกับกำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่ จากนั้นเขาก็พูดว่าไม่มีอะไรและจากไปราวกับว่าเขากำลังหลบหนี

 

“…”

 

ฉันไม่สนใจว่าชูคุงจะคิดยังไงหรือว่าเขาหนีไปไหน

 

หลังจากนั้น แม้ว่าจะเริ่มเรียนแล้ว ฉันก็ไม่สามารถจดจ่อกับบทเรียนได้ สิ่งเดียวที่ดังก้องอยู่ในหัวของฉันคือเสียงนั้น

 

[เด็กผู้หญิงคนนั้น…อายานะแสดงท่าทีเป็นห่วงฉัน ปิดกั้นความรู้สึกของตัวเอง…เพื่อไม่ให้ฉันเห็นเธอเจ็บปวด]

 

เสียงของโทวะคุงที่พูดแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยังคงก้องอยู่ในใจฉัน

 

ฉันไม่ควรจะกังวล…ฉันไม่ควรใส่ใจกับฝันที่ไม่ชัดเจนแบบนั้น ฉันควรจะปล่อยมันไป แต่ถึงอย่างนั้น เสียงของคนที่ฉันรักก็ยังคงก้องกังวานอยู่ตลอดเวลา

 

(สิ่งที่ฉันพยายามทำ…มันผิดหรือเปล่า? มันผิดหรือเปล่า ที่จะทำให้คนที่ทำร้ายโทวะคุงต้องเจ็บปวด แม้ว่าจะลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาก็ตาม… เพราะถ้าพวกเขายังอยู่ โทวะคุงก็จะยังคงเจ็บปวดต่อไป…)

 

ตั้งแต่วันนั้น ตั้งแต่วันที่โทวะคุงร้องไห้ในห้องพยาบาล ฉันได้ตัดสินใจแล้วที่จะกำจัดคนที่ทำร้ายโทวะคุงออกไป แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับคนบริสุทธิ์ก็ตาม แต่ถ้าการกระทำของฉันทำให้โทวะคุงเจ็บปวด สิ่งที่ฉันเตรียมการมาทั้งหมดมันคืออะไร?

 

ช่วยฉันที โทวะคุง…ฉันพบว่าตัวเองกำลังพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ฉันต้องการคำปลอบใจจากโทวะคุง โทวะคุง……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด