เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด 14.2 ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

Now you are reading เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด Chapter 14.2 ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อายานะยังคงร้องไห้อยู่ แต่สีหน้าของเธอเริ่มผ่อนคลายลงเพราะบทสนทนาของเราเมื่อสักครู่แล้ว ฉันคิดในใจว่า “นี่แหละ” และฉันก็เริ่มลงมือทำบางอย่างเพื่อให้ความปรารถนาของฉันกับโทวะกลายเป็นจริง

 

“เอ่อ อายานะ วันนี้ฉันอยากเอาชนะความเศร้าในอดีตต่อหน้าเธอ และในเวลาเดียวกัน เรามาก้าวไปข้างหน้าด้วยกันเถอะ อย่าถูกกักขังไว้ด้วยอดีต ก้าวต่อไป…ด้วยกันสองคน”

 

“เอ๊ะ?”

 

ฉันถือลูกบอลที่ซ่อนไว้ออกมา

 

อายานะเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นมัน ฉันเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงประหลาดใจขนาดนั้น ถ้าความจำของฉันไม่ผิด ฉันไม่ได้แตะบอลเลยตั้งแต่ฉันออกจากโรงพยาบาล ซึ่งภาพตรงหน้าคงทำให้เธอประหลาดใจไม่น้อย

 

(พูดตรงๆ นะ ถึงแม้โทวะจะบอกว่าไม่เป็นไร ฉันก็ไม่คุ้นกับการทำอะไรแบบนี้เลย…แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าต้องทำอะไร… ไม่ใช่ในความหมายตรงตัวหรอกนะ ฉันแค่รู้ว่าฉันอยากทำอะไร)

 

จากนั้น ฉันก็ทำตามสัญชาตญาณ

 

ฉันวางลูกบอลลงบนพื้นและช้อนมันขึ้นมาไว้อยู่บนปลายเท้าอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นฉันก็เริ่มเดาะบอลไปมา มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าร่างกายของฉันจำทักษะนั้นได้ราวกับว่าฉันเคยทำมาก่อน ฉันควบคุมบอลได้อย่างคล่องแคล่ว เหมือนกับที่โทวะเคยทำในอดีต

 

“เอาล่ะ! อะ! นั่นแหละ!”

 

ขณะที่ฉันยังคงเดาะบอลไปมา ความทรงจำในอดีตก็ไหลเข้ามาในหัวฉัน—ความทรงจำครั้งแรกที่ฉันพบกับอายานะ ฉันอยากจะทำให้อายานะที่ท้อแท้สดใสขึ้นและทำทุกอย่างเพื่อทำให้เธอยิ้ม ฉันอยากเห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง รอยยิ้มที่เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกที่มีต่อเธอ

 

“อ๊า… ฮึ”

 

ขณะที่ฉันจับบอลอยู่ ฉันก็เหลือบไปมองอายานะที่กำลังร้องไห้ แต่ใบหน้าที่เปียกน้ำตาของเธอไม่ได้เต็มไปด้วยความเศร้าเพียงอย่างเดียว

 

และแล้วฉันก็เห็นมัน

 

“ฟู่ฟู่”

 

อายานะที่กำลังยิ้มอยู่

 

“อายานะ จำได้ไหม ที่ฉันพยายามทำให้เธอยิ้มตอนที่เธอกำลังจะร้องไห้ตอนนั้นนะ…ฉันทำแบบนี้เพราะฉันอยากเห็นเธอยิ้ม!”

 

“อืม…ใช่แล้ว! ฉันจำได้ แน่นอน…เพราะนั่นคือตอนที่ฉันเจอเธอครั้งแรก โทวะคุง!”

 

ฉันพยักหน้าในขณะที่กำลังเดาะลูกบอลอยู่

 

ใช่แล้ว…ตั้งแต่นั้นมา เรื่องราวของเราก็เริ่มต้นขึ้น และเราก็แบ่งปันช่วงเวลาดีๆมากมายมาตั้งแต่นั้น แต่เรื่องราวนี้จะไม่จบลงตรงไหน—ใช่แล้วมันคือเรื่องที่เราไม่อยากให้จบ เรื่องราวที่เริ่มต้นจากการพบกันของเรายังคงดำเนินต่อไป

 

ฉันหยุดเดาะบอลในขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู เหตุผลที่ฉันเลือกที่จะใช้เวลากับอายานะที่นี่ เพราะมันเต็มไปด้วยความทรงจำของฉันกับอายานะ และการมีโกลฟุตบอลอยู่ที่นี่มันทำให้รู้สึกเป็นสัญญาณที่ดีทีเดียว

 

ราวกับว่าที่นี่กำลังบอกว่า “ใช้ฉันสิ” ทุกอย่างเข้ากันอย่างสมบูรณ์ ทำให้ที่นี่เป็นที่ๆเหมาะสำหรับอายานะและก็ฉัน              

 

“ จริงอยู่ที่ฉันยังมีความเศร้าและโกรธจากอุบัติเหตุครั้งนั้นอยู่…เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีช่วงหนึ่งที่ฉันคิดว่า ‘ทำไมเรื่องนี้ถึงเกิดขึ้นกับฉันกัน?’ ”

 

ความเศร้าและความแค้นที่โทวะมียังคงคุกรุ่นอยู่ภายในตัวฉัน แต่ตอนนี้มันเพียงพอแล้วหรือยังนะ? ถึงแม้ฉันจะเปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่ฉันสามารถเอาชนะมันได้ มาแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงอนาคตที่กำลังพังทลายของอายานะนั้นง่ายนิดเดียวกันเถอะ

 

“ดังนั้นฉันจะเอาชนะมันให้ได้! เพราะงั้นอายานะ เธอควรหยุดยึดติดกับอดีตที่นี่เถอะ มาเอาชนะมันไปด้วยกัน—เพราะฉันจะไม่เป็นไร…ไม่มีอะไรที่เธอต้องแบกรับแทนฉันอีกแล้ว!”

 

“โทวะคุง…”

 

ด้วยสายตาที่คอยจับจ้องมาที่ฉันจากด้านหลัง ในที่สุด

 

“…ฟู่ววว”

 

ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติตัวเอง มันอาจดูเหมือนแนวคิดที่ง่ายที่จะทำ แต่ตอนนี้ ฉันต้องจัดการกับอารมณ์ด้านลบที่ฝังอยู่ในใจให้ได้ เพราะมันเป็นความรู้สึกของฉันเอง และฉันเท่านั้นที่จะจัดการกับมันได้

 

(ฉันจะลุยแล้วนะ…ฉันจะเอาแล้วนะ โทวะ)

 

ฉันไม่แน่ใจว่าเขายังอยู่ข้างในฉันหรือเปล่า แต่ฉันรู้สึกถึงการพยักหน้าเห็นด้วยของใครบางคน ฉันเหวี่ยงเท้าส่งบอลตรงเข้าประตูด้วยการเตะอย่างแรง

 

ลูกบอลพุ่งตรงเข้าไปในตาข่าย ทำให้เกิดเสียง “สวิช” ที่น่าพอใจ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว และมันทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้น ราวกับว่าบางสิ่งที่เกาะติดฉันอยู่ถูกเป่าออกไป

 

“Nice shot”

 

ฉันพยักหน้าให้ตัวเอง มันเป็นการยิงที่ดีจริงๆ ในขณะที่ฉันกำลังชมตัวเองอยู่ อายานะก็เข้ามากอดฉันจากด้านหลัง อายานะเอาแขนของเธอโอบรอบเอวฉันไว้

 

ชั่วขณะหนึ่ง ฉันรู้สึกประหลาดใจกับผลกระทบที่ไม่คาดคิด แต่ความรู้สึกนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความรักที่มีต่อเธออย่างล้นหลาม ความรู้สึกยินดีจากการยิงประตูได้เริ่มลดลง

 

“ฉันคิดว่าฉันจะไม่มีวันเห็นโทวะคุงเล่นฟุตบอลอีกแล้ว…การแสดงให้ฉันดูแบบนี้ ทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าอะไรทั้งหมด ฉันชอบดูโทวะคุงเล่นฟุตบอลมากจริงๆ”

 

“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน…ฉันชอบเวลาที่ได้เห็นเธอกับแม่คอยเชียร์ฉันอยู่ข้างสนามจริงๆนะ”

 

ขณะที่เรากำลังรำลึกถึงอดีต ฉันค่อยๆ คลายแขนของเธอออกจากเอวของฉันและหันไปเผชิญหน้ากับเธออีกครั้ง ฉันกอดเธอไว้เหมือนอย่างที่ฉันเคยทำเมื่อก่อน

 

(…ฉันมีความสุขจริงๆ ที่ได้กอดคนที่รักแบบนี้)

 

หลังจากกอดกับอายานะอยู่สักพัก ฉันมองเข้าไปในดวงตาของเธออีกครั้ง

 

“ถึงฉันจะบอกไปแล้วก็เถอะ แต่ตอนนี้ฉันโอเคจริงๆ เพราะงั้น ฉันจะบอกลาอดีตอันแสนเศร้าและช่วงเวลาที่ยากลำบาก”

 

“…………”

 

“ฉันขอพูดอีกครั้งนะอายานะ…ไม่มีอะไรที่เธอต้องแบกรับแทนฉันอีกแล้ว”

 

“แต่…”

 

แม้ว่าฉันจะพูดไปหมดแล้ว อายานะก็ยังไม่สามารถยอมรับมันได้ อย่างที่ฉันคิดไว้ก่อนหน้านี้ เธอเป็นคนหัวแข็งจริงๆ

 

ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ฉันคิดว่าตัวเองต้องดูเหมือนพระเอกที่พยายามเอาชนะนางเอกจอมหัวแข็งแน่ แต่อย่างไรก็ตาม ฉันยังคงพูดกับอายานะต่ออย่างจริงจัง

 

“อย่าแบกมันไว้ อย่าทนกับมัน อายานะเธอเป็นแบบนี้ตลอดเลย ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ทิ้งได้ง่ายๆ เพราะงั้น ฉันจะไม่ปฏิเสธความรู้สึกเหล่านั้นของเธอ…ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอ พยายามรักษาความรู้สึกเหล่านั้นไว้”

 

“โทวะคุง…”

 

“ดังนั้น ฉันจะสอนให้เธอรู้ว่าไม่จำเป็นต้องเกลียดหรือเศร้ากับอดีตที่ผ่านมาแล้ว ถ้าคนหนึ่งมีความสุขในขณะที่อีกคนทุกข์อยู่ นั่นไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่สำหรับเราทั้งคู่…เราทั้งคู่ต้องมีความสุข”

 

“!?”

 

ใช่แล้ว มันไร้ความหมายถ้ามีแค่คนเดียวที่มีความสุข หากเราต้องการให้คนอื่นมีความสุขจริงๆ เราต้องหาความสุขด้วยตัวเอง ฉันเชื่อว่านี่คือวิธีที่เราทั้งคู่จะสามารถมีความสุขและจับมือกันไปสู่อนาคตได้จริงๆ

“ที่ฉันชวนอายานะมาที่นี่วันนี้เพราะอยากคุยเรื่องนี้ และมีอีกอย่างที่ฉันอยากจะบอกเธอ”

 

“…มีอีกเรื่องเหรอ”

 

“แน่นอน…อะ แต่เรื่องนี้อาจสำคัญกว่าก็ได้”

 

ฉันยังไม่ได้รับคำตอบจากอายานะ แต่ฉันจะให้เธอได้ยินสิ่งที่ฉันจะพูดตอนนี้และปล่อยให้เธอตัดสินใจ สิ่งที่ฉันกำลังจะบอกนั้นจำเป็นต่อการยุติความสัมพันธ์ที่คลุมเครือของเราในปัจจุบันและก้าวไปข้างหน้า

 

“อืม…คือ…เอ่อ…”

 

ทำไมฉันถึงเขินเอาตอนนี้นะ ฉันเคยกอดอายานะแบบนี้ พูดเรื่องน่าอายหลายครั้ง และแม้แต่มีช่วงเวลาใกล้ชิดกันด้วย… แล้วทำไมฉันถึงยังลังเลเอาตอนนี้นะ ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งและพูดออกมาในที่สุด

 

“คิดดูสิ… ฉันไม่เคยบอกเธอจริงๆเลยใช่ไหม ฉันแค่ไหลไปกับความสัมพันธ์แบบนี้…ดังนั้น ฉันขอพูดตรงๆเลยนะ…ฉันรักเธอ อายานะ”

 

“อ่า…”

 

พูดตามตรง นี่คือส่วนที่ฉันควรบ่นเกี่ยวกับตัวเองในอดีต

 

เดิมที ฉันกับอายานะแค่ไหลไปตามกระแสเราไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมาอย่างถูกต้องเท่าไหร่…แน่นอน เราพูดว่ารักกันหลายครั้ง แต่สุดท้ายมันก็แค่คำพูดที่พูดเพราะบรรยากาศพาไปเท่านั้น

 

นั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมฉันถึงสารภาพความจริงในตอนนี้

นี่คือคำตอบของฉัน หลังจากคิดว่าจะเอาชนะอดีตและก้าวต่อไปได้อย่างไร

 

“…โทวะคุงหรือว่า…”

 

“ใช่…”

 

“นายเป็นคนที่พิลึกจริงๆเลย โทวะคุง”

 

พูดจบ อายานะก็ก้มหน้าลงแล้วเอาหน้ามาแนบกับอกของฉันอีกครั้ง

 

เธอกอดฉันแน่นขึ้น แสดงถึงความรู้สึกอันแรงกล้าที่เธอมีต่อฉัน

 

“พูดจริงๆนะ…ฉันไม่เคยคาดหวังเลยว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นจริง ไม่เพียงแต่เธอจะสังเกตเห็นสิ่งที่ฉันแบกไว้ตลอดเวลา แต่เธอยังแสดงให้ฉันเห็นด้านของเธอที่ฉันอยากเห็นอีกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้น เธอยังพูดคำพูดที่ฉันอยากได้ยินที่สุดอีกด้วย”

 

อายานะเงยหน้าขึ้น เธอมองตรงเข้ามาในดวงตาของฉัน และเธอก็ยังคงพูดต่อ

 

“โทวะคุง ฉันเป็นคนแย่มากๆ ฉันอยากจะทำให้คนพวกนั้นเสียใจกับสิ่งที่ทำ และฉันคิดที่จะใช้ความรู้สึกของชูคุงเพื่อผลักดันเป้าหมายของตัวเอง ฉันยังคิดที่จะใช้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเบี้ย แต่แค่คำพูดของเธอ ฉันก็กลับสั่นคลอนได้ง่ายๆ ฉันเป็นคนที่ใจง่ายมากๆเลยนะ…แต่ถึงอย่างนั้น โทวะคุง…”

 

“ฉันรักเธอ ไม่ว่าเธอจะเป็นคนแบบไหน ฉันก็รักเธอ ไม่ว่าจะพูดกี่ครั้ง ฉันก็รักเธอสุดหัวใจ”           

 

ฉันถ่ายทอดความรู้สึกนี้ออกมาอย่างแน่วแน่ และอายานะก็พยักหน้าตอบรับ

“ฉันก็รักเธอเหมือนกัน โทวะคุง ฉันรักเธอมากจนแทบจะทนไม่ไหว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่อยากให้เราจากกันไปไหน นั่นคือความรักที่ฉันมีให้เธอ ถึงแม้เธอจะคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงคลั่งรัก แต่ฉันก็ไม่สน ฉันรักเธอมากขนาดนั้นเลยนะโทวะคุง”

 

ด้วยคำพูดที่จริงใจของอายานะและความรู้สึกในอกของฉัน ฉันรู้สึกถึงความสุขที่พุ่งขึ้นมาจากภายในตัว แม้ว่าเราจะเคยแสดงความรู้สึกที่มีต่อกันมาหลายครั้งแล้ว แต่คำพูดที่เราพูดกันตอนนี้มีความหมายที่แตกต่างและลึกซึ้งกว่านั้นมาก

 

ขณะที่ฉันมองอายานะ เธอก็ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ เพื่อตอบสนองต่อสัญญาณของเธอ ฉันเลยเอนตัวเข้าไปใกล้เธอและจูบกับริมฝีปากของเธอ

 

“…อายานะ”

 

“…โทวะคุง”

 

เราจูบกัน จากนั้นเราก็แยกริมฝีปากของเราออกเล็กน้อยและเรียกชื่อกันและกัน จูบแต่ละครั้งให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการตอกย้ำความรักของเรา

 

“จูบทำให้รู้สึกมีความสุขแบบนี้จริงๆ เหรอ”

 

“ใช่ ฉันรู้สึกแบบนี้มาตลอด แต่จูบครั้งนี้กลับมีความสุขยิ่งกว่าครั้งไหนๆ”

 

ฉันเห็นด้วยกับความรู้สึกของเธอ ตอนนี้เหลืออีกอย่างเดียว…อีกสิ่งที่ฉันต้องพูด

 

“อายานะ”

 

“ค่ะ?”

“เธอจะเป็นแฟนกับฉันได้ไหม? ฉันอยากให้เธออยู่กับฉันตั้งแต่ตอนนี้ตลอดไป”

 

“ได้ค่ะ ฉันเองก็อยากทำแบบนั้น ฉันอยากคบกับเธอ…ฉันอยากอยู่กับโทวะคุงตลอดไป”

 

หลังจากบอกความรู้สึกของฉันไปแล้ว ฉันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ไม่ว่าเราจะเจอเรื่องยุ่งยากหรือลำบากแค่ไหนในอนาคต ฉันก็รู้สึกดีใจอยู่ดีที่ได้พูดแบบนั้นออกไป

 

“เหนื่อยรึเปล่า โทวะคุง”

 

“อืม…เราไปนั่งตรงม้านั่งสักพักเถอะ”

 

ฉันนั่งลงบนม้านั่งกับอายานะเหมือนกับที่เราเคยทำ ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้วแต่ดูเหมือนอายานะจะไม่มีทีท่าว่าจะกลับเลย เธอโอบแขนฉันไว้แน่น

 

(…การได้อยู่กับอายานะแบบนี้ก็สบายใจดีเหมือนกันนะ)

 

มันชั่งอบอุ่นจริงๆ แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่รอเราอยู่ข้างหน้า ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะยากแค่ไหน แต่ฉันมั่นใจว่าถ้ามีอายานะอยู่ข้างๆ เราก็สามารถเอาชนะทุกสิ่งได้

 

“….โทวะคุง”

 

“ครับ”

 

“เป็นอะไรเหรอ?”

 

“เปล่า ฉันมัวแต่คิดเรื่องไร้สาระอยู่นะ เลยเผลอพูดสุภาพไป”

 

“ฟู่ฟู่♪”

 

ฉันไม่ควรจะหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองตอนที่มีคนอยู่ข้างๆด้วย แต่ตอนนี้ ฉันหวังว่าเธอจะยอมให้เป็นแบบนั้น

 

อายานะยกมือมาปิดปาก หัวเราะคิกคัก “เปลี่ยนรูปแบบการพูดแบบนี้มันไม่เสถียรเลยนะ! ฮ่าๆ”

 

อืม มันคงหมายความว่าเธอมีความสุขสินะ

 

เมื่อเห็นอย่างนั้น ฉันเลยโน้มตัวเข้าไปจูบเธออีกครั้ง เราจูบกันราวกับว่าเราพยายามจะลดระยะห่างระหว่างเราลงทุกครั้งที่เราแยกจากกัน

 

“ขอบคุณนะ…เฮะเฮะ”

 

“เธอนี้น่ารักเหลือเกินนะ”

 

สำหรับฉัน อายานะเป็นคนที่น่ารัก สวย และน่าดึงดูดมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับดูมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเดิม ฉันอดเป็นกังวลไม่ได้ กลัวว่าความชอบของฉันจะแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าความสุขที่ฉันเพิ่งคว้ามาได้นี้เป็นหนึ่งในสมบัติของฉัน

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันกังวล

 

(ทั้งในเกมและในโลกนี้ อายานะกำลังวางแผนที่จะทรมานชูและคนอื่นๆ แต่เธอจะทำมันสำเร็จได้ด้วยตัวเองจริงๆเหรอ?)

 

ถึงแม้ว่าจะมีบอกไว้ในแผ่นแฟนดิสว่าอายานะได้เตรียมผู้ชายไว้สำหรับนางเอกแต่ละคน แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่น่าจะจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคิดถึงเรื่องนี้

 

“โทวะคุง”

 

“หืม?”

 

อายานะเรียกชื่อฉัน ฉันเลยหันไปหาเธอ

 

 เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าโดยไม่สบตากับฉัน ภาพนี้ทำให้เธอดูเหมือนเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ผู้งดงาม แม้ว่าเราจะนัดพบกันตอนบ่ายแก่ๆ แต่ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว น่าจะเป็นเวลาที่จะกลับบ้านแล้ว แต่ฉันอยากคุยกับเธออีกสักหน่อย

 

“โทวะคุง เธอเคยบอกว่าวิธีที่ฉันทำอยู่มันโหดร้ายใช่ไหม? จริงๆแล้วฉันก็เห็นด้วยนะ…สิ่งที่ฉันพยายามทำคือทำให้ชูคุงสิ้นหวังโดยการแสดงให้เขาเห็นถึงความเน่าเฟะของคนที่เคยสนิทกับเขา และสุดท้าย ฉันก็อยากให้เขารับรู้ว่าฉันไม่เคยมีความรู้สึกอะไรกับเขาเลยตั้งแต่แรก”

 

“…”

 

มันรู้สึกแปลกๆอยู่นะ ที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากเธอโดยตรง คำพูดของเธอหมายความว่าเธอตั้งใจจะก่อเรื่องที่มันโหดร้ายมากๆ แต่บรรยากาศที่เธอเปล่งออกมากลับอ่อนโยนมากจนฉันไม่รู้สึกกลัวเธอเลย ฉันอดรู้สึกไม่ได้เลยว่าอายานะจะไม่ทำอะไรแบบนั้นจริงๆ

 

“ฉันยังมีความรู้สึกที่ไม่สามารถจะให้อภัยกับคนเหล่านั้นได้อยู่…แต่โทวะคุงก็อยู่ข้างฉันเสมอ คอยปลอบโยนฉันและบอกว่าเราควรเดินหน้าต่อไปด้วยกัน…ดังนั้นฉันจะพยายามเอาชนะความรู้สึกเหล่านั้นให้ได้”

 

“อายานะ…”

“ตั้งแต่แรก…ฉันไม่จำเป็นต้องแบกรับมันไว้เพียงคนเดียว ฉันคิดเสมอมาว่าถึงแม้จะฟังดูแปลกๆ แต่ฉันสามารถทำมันได้ด้วยตัวเอง ฉันมีความมั่นใจว่าฉันจะแก้แค้นคนเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน มันแปลกนะว่าไหม?”

 

“อืม…”

 

“ใช่…มันแปลกจริงๆ”

 

บางทีอาจเป็นความตั้งใจของโลกที่ทำให้อายานะรู้สึกแบบนั้นก็ได้

 

แต่ถึงอย่างนั้น เพราะเรากำลังอยู่ในโลกใบนี้ นี่คือความเป็นจริงของเรา และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมการพูดคุยแบบนี้สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้มากเท่าที่เราต้องการ

 

“อายานะเป็นแฟนฉัน…แฟนของฉันเหรอ ฮ่าๆ”

 

ถึงอย่างนั้น เมื่อฉันยอมรับความสัมพันธ์ของเราในปัจจุบันอีกครั้ง มันทำให้ฉันยิ้มออกมา อายานะก็หัวเราะเบาๆแล้วจิ้มแก้มฉันด้วยนิ้วชี้พลางพูดว่า

 

“ฉันก็มีความสุขเหมือนกันนะ เพราะงั้นเก็บอาการหน่อยสิ ไม่อย่างนั้นแก้มของฉันอาจจะร้อนจนไม่สามารถกลับมาเป็นปกติก็ได้นะ”

 

“ฉันเป็นผู้ชายที่โชคดีจริงๆนะรู้ไหม ไม่ว่าหน้าเธอจะเป็นแบบไหนเธอก็ยังน่ารักเสมอ”

 

“อาระ ถ้าเธอพูดแบบนั้น…โทวะคุง เธอก็หล่อเหมือนกันนะ มันไม่ยุติธรรมเลย”

 

“….ฮ่าๆ”

“….ฟุฟุ”

 

และด้วยเหตุนี้ เราก็หัวเราะออกมาพร้อมกันโดยไม่ตั้งใจ ความรู้สึกนี้มันยอดเยี่ยมจริงๆ แม้ว่าการอยู่กับอายานะจะเหมือนเดิม แต่เธอก็มีความสดใสและไร้เดียงสาในสถานการณ์ปัจจุบันของเรา

 

ฉันพึมพำเบาๆ ขณะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่แดงขึ้นเล็กน้อย

 

“…ฉันสงสัยว่าแบบนี้มันดีแล้วรึเปล่านะ…เฮ้อ”

 

บางทีอาจจะนะ ตอนนี้อายานะอาจยังไม่รู้สึกเหมือนฉันทั้งหมดสักเท่าไหร่…แต่ตอนนี้คงจะโอเคแล้วล่ะ         

 

ฉันพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว เสียงนั้นเบามาก แต่เหมือนว่าอายานะจะได้ยิน

 

“ไม่เป็นไรหรอก สุดท้ายแล้ว ฉันก็ไม่มีทางทำอะไรโง่ๆ อย่างเปิดเผยแผนการของตัวเองกับคนที่รักหรอก”

 

“นั่นหมายความว่าเธอคงทำไปแล้วถ้าไม่มีใครรู้ใช่ไหม”

 

“แน่นอน มันแค่แสดงให้เห็นว่าความรู้สึกของฉันมันจริงจังแค่ไหน!”

 

…เห้อ คำพูดของเธออาจจะฟังดูชั่วร้าย แต่เพราะตอนนี้เธอสบายใจแล้ว มันเลยทำให้เธอดูน่ารักไปอีก

 

“เจ้าปีศาจตัวน้อยจอมซน”

 

“ฟู่ฟู่ ถ้าเธอไม่ลงโทษฉัน ฉันอาจจะทำอะไรสักอย่างก็ได้น่ะ”

“……”

 

ฉันเริ่มหมดคำศัพท์ที่จะบรรยายความน่ารักของอายานะแล้วสิ

 

หลังจากจ้องตากันสักพักและจูบกันอีกครั้ง เราก็ลุกขึ้นยืนเพื่อกลับบ้าน

———————————————————————————————————————————————————–

คุยท้ายตอน

ในที่สุดก็จบไปอีกปมแล้ว ยินดีกับทั้งสองคนด้วยครับ ผมหวังว่าหลายๆคนคงจะฟินกันนะคัรบ

อะ ยังไม่จบเล่ม2นะครับยังเหลืออีกตอนแล้วก็มีตอนพิเศษแถมให้ด้วย 

(ตอนหน้าผมว่าหลายๆคนตั้งตารอฉากนี้อยู่แน่ๆ)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด