เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด 9.2 เดทหลังเลิกเรียน
หลังจากนั้นฉันก็เดินไปตามทางเดินกับอายานะ
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากเรื่องทั้งหมดนั้น และดูเหมือนเธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเห็นได้จากรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
(ฉันแน่ใจว่า…เธอต้องได้เคยรับคำสารภาพรักจากผู้คนมากมายในลักษณะนั้นแน่)
ครั้งนี้เป็นเพียงการเรียกตัวไปเท่านั้น แต่ถ้าคุณนับว่านี้เป็นการสารภาพรัก ก็คงจะมีไม่น้อย..…อายานะเป็นเด็กสาวที่มีเสน่ห์มาก เพราะงั้นคุณไม่ควรจะทิ้งเธอไว้ตามลำพัง
“…หืม?”
ขณะเดินอยู่ในโถงทางเดินกับอายานะ ฉันสังเกตเห็นชูกับอิโอริกำลังช่วยกันถือของจำพวกกระเป๋ากันอยู่หลายใบ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สังเกตเห็นเรา แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ากระเป๋าที่พวกเขาถือมันไม่เยอะเกินไปเหรอ?
ฉันควรจะเสนอตัวไปช่วยไหม?.…ฉันคิดแบบนั้น แต่น่าแปลกที่ขาของฉันไม่ยอมขยับ
(ทำไมละ..…?)
ฉันสงสัยว่าทำไมเท้าของฉันถึงขยับไม่ได้ อย่างไรก็ตามอายานะที่จับมือฉันไว้พูดประมาณว่า
“โทวะคุง ชูคุงกับอิโอริไม่เป็นไรหรอก กลับบ้านกันเถอะ”
ทันทีที่ฉันได้ยินคำพูดของอายานะ ขาของฉันซึ่งดูเหมือนจะติดอยู่กับพื้นก็เริ่มขยับ
ราวกับว่าความอบอุ่นอันและความอ่อนโยนของเธอบนฝ่ามือของฉันและเสียงที่ไพเราะของเธอกำลังกระซิบกับฉันว่าฉันควรจะไว้วางใจเธอ
ยิ่งเราออกห่างจากชูและอิโอริมากเท่าไร ความรู้สึกไม่สบายใจที่ฉันรู้สึกก่อนหน้านี้ก็หายไป และเมื่อเราออกจากอาคารเรียนฉันก็ไม่รู้สึกกังวลเรื่องนั้นอีกต่อไป
“เราจะไปที่ไหนก่อนไหม? หรือเรามุ่งหน้าตรงกลับบ้านกันดี?”
“แบบนั้นมันไม่น่าเบื่อไปหน่อยเหรอ?”
“หมายความว่า…..เธออยากอยู่กับฉันต่อเหรอ?”
อายานะวางนิ้วไว้บนริมฝีปากของเธอด้วยท่าทางสนุกสนาน
ไม่ว่าเธอจะแสดงท่าทางอะไรเธอก็ดูน่าทึ่งอยู่เสมอ และราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติที่สุดในโลก ฉันก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้าอย่างนั้น มาทำให้เดทวันนี้เป็นเดทที่น่าจดจำกันเถอะ!”
“จ้า”
ใช่แล้ว…เราไปสนุกกับการออกเดทให้เต็มที่กันเถอะ
อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอะไรหรือจะไปที่ไหนกัน ดังนั้นฉันคงจะเดินไปรอบๆกับอายานะตามความตั้งใจของเธอในวันนี้
ขณะที่เรากำลังเดินออกจากประตูโรงเรียน ฉันสังเกตเห็นสมาชิกชมรมกรีฑากำลังวิ่งกันอยู่
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพึ่งกลับมาจากการออกไปวิ่งข้างนอกกัน และในหมู่พวกเขา ฉันก็เห็นใบหน้าที่คุ้นตา
“โอ้ รุ่นพี่อายานะ รุ่นพี่ยูกิชิโระ สวัสดีค่ะ!”
แม้ว่าจะวิ่งจนหายใจไม่ทัน แต่คำทักทายอันร่าเริงก็ออกมาจากอุชิดะ มาริ ผู้เป็นรุ่นน้องของเราและเป็นหนึ่งในนางเอกเหมือนกันกับอายานะและอิโอริ
“สวัสดีจ้า มาริจัง วันนี้ก็ซ้อมหนักเหมือนเคยเลยนะ”
“ใช่แล้วค่ะ! ไม่ว่าเมื่อไหร่หนูก็ทุ่มสุดตัวเสมอ!”
มาริที่ยังคงขยับขาของเธออย่างต่อเนื่องแม้ว่าเธอจะหยุดคุยกับพวกเรา เธอเหมือนกับกลุ่มก้อนพลังงาน เมื่อฉันคุยกับเธอครั้งแรก ฉันก็คิดเหมือนกันว่าความร่าเริงอันไร้ขอบเขตของเธอสามารถแพร่เชื้อได้และฉันก็อดยิ้มไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้
“อะ แล้วรุ่นพี่ชูอยู่ไหนเหรอคะ?”
“เขาไปช่วยงานสภานักเรียนนะ”
“…..มูมู”
มาริดูไม่พอใจกับคำตอบของฉันอย่างเห็นได้ชัด แต่มันก็เหมาะกับเธอแล้วเพราะเธอมีใบหน้าที่น่ารักเป็นทุนเดิม และการแสดงออกใดๆที่เธอทำก็เน้นย้ำถึงความน่ารักของเธอเพียงเท่านั้น
“เฮ้ อุชิดะ! เรายังอยู่ระหว่างการซ้อมนะ!”
“โอ้จริงด้วย! ถ้าอย่างนั้นรุ่นพี่ไว้มาคุยกันอีกนะ!”
“ได้สิ”
“ฟุฟุ ฉันจะตั้งตารอนะ”
หลังจากคุยกับมาริเสร็จเราก็มุ่งหน้าไปยังย่านใจกลางเมืองที่คึกคัก
อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ เราไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ดังนั้นฉันจึงใช้เวลาเดินไปรอบๆกับอายานะอย่างไร้จุดหมาย
(…แต่คุณก็รู้ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น)
แค่ได้อยู่กับอายานะก็ทำให้ฉันมีความสุขแล้ว
ฉันจะทำอะไรให้เธอได้บ้าง…ฉันไม่ได้จริงจังขนาดนั้นนะ แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าตอนนี้ฉันจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เธอมีความสุขมากขึ้น ฉันควรทำอะไรดี?
“โอ้ พี่สาวกับพี่ชายตรงนั้นกำลังเดทกันอยู่เหรอ? ทาโกะยากิสักหน่อยมั้ย?”
ขณะที่เราเดินด้วยกันไปเรื่อยๆ คุณลุงที่ทำทาโกะยากิก็ร้องเรียกเรา
ทาโกะยากิ..…อืม…..
ฉันรู้สึกหิวนิดหน่อยเลยมองไปที่อายานะแล้วเธอก็พยักหน้า เธอบอกว่าเราควรจะลองมันสักหน่อย
“เอาล่ะ นั้นเราเอา8ลูก”
“ได้เลย แล้วมายองเนสล่ะ?”
“รบกวนด้วยครับ!”
“เข้าใจแล้ว!”
ทาโกะยากิที่ไม่มีมายองเนส ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อนเลย
ดังนั้นเราจึงรับทาโกะยากิร้อนๆจากคุณลุงและนั่งลงที่ม้านั่งใกล้ๆ
เราทั้งสองเป่ามันเพื่อทำให้มันเย็นลงเราระวังไม่ให้ปากไหม้ และไม่น่าแปลกใจเลยที่การกินมันจะลำบากเล็กน้อยเนื่องจากความร้อน
“ร้อน…ร้อน!”
“อาใช่ ร้อน…ร้อน!”
เราทั้งคู่อุทานว่ามันร้อนพร้อมกันขณะที่เราพยายามใส่ทาโกะยากิเข้าปากโดยไม่ทำให้ปากไหม้
แม้มันจะร้อนและกินยาก แต่รสชาติก็ถือว่ายอดเยี่ยมมาก
ไม่นานเราก็กินทาโกะยากิทั้ง8ลูกจนหมดและตบท้ายด้วยเครื่องดื่มเย็นๆที่อยู่ในมือ
“โทวะคุง”
“หืม มีอะไรเหรอ?”
“ขอบคุณนะ ที่นายเข้ามาช่วยฉันก่อนหน้านี้นะ”
“ก่อนหน้านี้…..อ่า เธอหมายถึงเรื่องรุ่นพี่คนนั้นเหรอ?”
“ใช่”
ดูเหมือนเธอจะขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือของฉัน
แต่ดีที่มันไม่บานปลายไปสู่การทะเลาะวิวาท และชายคนนั้นก็ถอยหลังทันทีเมื่อฉันปรากฏตัว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องขอบคุณจริงๆ
ฉันเอื้อมมือไปแตะแก้มของอายานะอย่างเป็นธรรมชาติและพูดต่อ
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก ฉันรู้ว่าเธอคงลำคาญ และเหนือสิ่งอื่นใดฉันไม่สามารถปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นต่อหน้าฉันได้หรอก”
“จ้า♪”
อายานะค่อยๆ ถูแก้มของเธอกับมือฉันอย่างมีความสุข และเธอก็เอามือของเธอมาโอบมือของฉันไว้
“เราอยู่แบบนี้กันสักพักได้ไหม?”
“ได้สิ”
ถ้าเป็นคำขอของเจ้าหญิงคนนี้ ฉันคงปฏิเสธไม่ได้
แต่…อายานะเป็นเด็กผู้หญิงที่แปลกจริงๆ หรือเธอค่อยข้างจะมีเสน่ห์อยู่ในระดับที่น่าหลงใหลกัน
แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่ฉันไม่สนใจ แต่ฉันพบว่าตัวเองคิดว่าฉันสามารถปล่อยวางทุกสิ่งและสนุกไปกับชีวิตที่ไร้กังวลในฐานะยูกิชิโระ โทวะ ได้
(นั่นคงเป็นเส้นทางที่ง่าย…แค่ใช้ชีวิตแบบยูกิชิโระ โทวะ โดยไม่ต้องคิดอะไร… มันอาจจะเป็นเส้นทางสู่ชีวิตประจำวันอันแสนหวานก็ได้)
ในฐานะมนุษย์เป็นเรื่องปกติที่จะเลือกเส้นทางที่ง่ายกว่าหากมีอยู่แทนที่จะเลือกเส้นทางที่ยาก
อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างในตัวฉันกรีดร้องว่ามันไม่ถูกต้อง ดังนั้นฉันต้องไม่กลายเป็นคนเฉยเมยไป
“อายานะ คราวนี้ฉันขอเป็นคนนำได้ไหม”
“เอ๊ะ?”
ฉันค่อยๆปล่อยมือออกจากแก้มของเธอ และวางมือบนไหล่ของเธอ แล้วดึงเธอเข้ามาใกล้ๆ
ขณะที่ฉันกอดอายานะไว้ในอ้อมแขน สิ่งแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น—ความรู้สึกเสน่หาต่อเธอก็พลุ่งพล่านขึ้นในใจฉัน
มันเหมือนกับที่เคยเป็นมา..…..
แต่ความมุ่งมั่นที่อยู่ในใจนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะถูกลบหายไปง่ายๆ ฉันไม่สามารถทำตามความรู้สึกนั้นได้ นั่นอาจจะผิดอารมณ์สองอารมณ์ที่ขัดแย้งกันในตัวฉันแทบจะทำให้ฉันอยากจะหัวเราะ แต่ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของฉันคือสิ่งเดียวที่แน่นอน
“อืม! ขอบใจนะอายานะ”
“เอ่อ…โทวะคุง?”
“ฮ่าฮ่า อายานะ สีหน้าตกใจของเธอน่ารักจริงๆ”
“ขอบคุณ..…?”
อายานะไม่ใช่แค่เบิกตากว้างเท่านั้น แต่เธอกระพริบตาถี่ๆด้วย และมันก็น่ารักสุดๆ
เราใช้เวลาเดินเล่นตามร้านขายของข้างทางประมาณหนึ่งชั่วโมง และเมื่อถึงเวลา 5 โมงเย็น เราก็ตัดสินใจว่าถึงเวลากลับบ้านแล้ว..…
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น ฉันได้เห็นใครบางคนที่ทำให้ฉันพูดไม่ออก
“อา…..”
“โทวะคุง?”
คนที่ฉันเห็น…มันชัดเจนมากแม้ฉันจะเห็นแค่ข้างหลังพวกเธอก็ตาม
[ไม่มีใครต้องการเธอ]
[พี่อายานะ หมอนั้นเป็นตัวหายนะใช่ไหม!]
ราวกับการเปิดบาดแผลเก่า เสียงเหล่านั้นดังก้องอยู่ในใจของฉัน
คนสองคนที่หันหลังให้ฉัน – ซาซากิ ฮัตสึเนะ แม่ของชู และซาซากิ โคโตเนะ น้องสาวของชู
ฉันได้พบกับโคโตเนะครั้งหนึ่งตั้งแต่ฉันมาเป็นโทวะ แต่ฉันไม่เคยพบหรือพูดคุยกับฮัทสึเนะเลย…แม้ว่าฉันจะจำบทสนทนาในความฝันที่โรงพยาบาลได้ แต่ฉันก็มีความทรงจำอันเลวร้ายที่เกี่ยวข้องกับพวกเธออยู่
“โทวะคุง มานี่หน่อยสิ”
อายานะจูงมือฉันเบาๆ
เพียงเสี้ยววินาที…เพียงเสี้ยววิเท่านั้น ฉันคิดว่าฉันเห็นสีหน้าของอายานะดูเคร่งขรึมขึ้น แต่ฉันคิดว่ามันเป็นเพียงจินตนาการของฉัน และในขณะที่ฉันเอียงหัวด้วยความสับสน ทุกสิ่งรอบตัวฉันก็เงียบลงทันทีราวกับว่าเสียงทั้งหมดหายไป
“เกิดอะไรขึ้น…?”
รู้สึกเหมือนว่าฉันถูกทิ้งไว้คนเดียวบนโลกนี้ ราวกับว่าฉันเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
อายานะยังคงจูงมือฉัน และทุกอย่างดูเหมือนเคลื่อนไหวช้าลง เกิดอะไรขึ้นกัน…?
“อายานะ—”
“ตอนนี้นายรู้สึกอย่างไรบ้าง”
ฉันกำลังจะถามอายานะว่าเราจะไปที่ไหนกันแต่ในขณะเดียวกันก็มีคนเดินผ่านฉันไป
ในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ ฉันอดไม่ได้ที่จะสนใจการมีอยู่ของคนๆนั้น คนในเสื้อฮูดสีดำ ฉันละสายตาจากเธอไม่ได้
“…เอ๊ะ?”
เมื่อฉันพยายามมองเธออีกครั้ง เธอก็หายไปแล้ว
ราวกับว่าเธอไม่เคยอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก
ประสบการณ์ประหลาดนี้ทำให้ฉันพูดไม่ออก แต่เมื่อฉันหันไปมองที่ที่ฉันเพิ่งมองไป โคโตเนะและฮัทสึเนะซังยังคงอยู่ที่นั่นโดยหันหลังให้พวกเรา
ต้องทำให้เขาจนมุม…..ไล่ต้อนเขา…..
ทำให้เขาทุกข์ทรมาน……ทำให้เขาเจ็บปวด…….
มีคนกระซิบข้างหูฉันแบบนั้น…มันเป็นเสียงของผู้หญิง
และดูเหมือนว่ามันจะเป็นข้อความเดียวกันกับที่ปรากฏบนกระดานระหว่างคาบเรียนวันนี้
“…!”
ฉันเอามือปิดปากแล้วหยุดเดินทันที ทันใดนั้นภาพในอดีตก็แวบขึ้นมาในหัวฉัน
มันเป็นภาพที่โคโตเนะและฮัทสึเนะซังที่ถูกผู้ชาย*่ม*ืนอยู่มันเป็นฉากภายในเกม ที่พวกเธอพูดถึงความเลวทรามของพวกเธอ โดยที่พวกเธอพูดถึงชูคนที่พวกเธอรักมากราวกับว่าเขาเป็นก้างขวางคอ……และ
“โทวะคุง!”
“!?”
ฉันกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้งเมื่อชื่อของฉันถูกเรียก ฉันคิดว่าเราไม่ได้เดินไปไกลขนาดนั้น แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นความสับสนของฉันเอง เราอยู่ห่างจากโคโตเนะและฮัทสึเนะซังค่อนข้างไกล ทำไมฉันถึงได้เหม่อขนาดนี้กัน?
“เธอสบายดีไหม? ดูเหมือนเธอจะอาการไม่ดีเลยนะ”
“ฉันสบายดี…ใช่ ฉันสบายดี ขอโทษนะอายานะ”
“………”
เอาน่า เธอไม่ควรกังวลขนาดนั้นนะ!
เธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรและฉันอยากให้เธอรู้เรื่องนี้ไว้ ฉันจึงจับมืออายานะแล้วเริ่มเดินโดยบอกให้เธอรู้ว่าฉันสบายดี
เรามุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะแห่งนั้น สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำของเราทั้งคู่
เนื่องจากเป็นเวลาดึกแล้วจึงไม่มีเด็กๆวิ่งเล่นกันเหมือนปกติ และไม่มีใครนอกจากพวกเรา
“……”
ตั้งแต่เรามาที่นี่หรือบางทีตั้งแต่ตอนที่ฉันจับมือเธอ อายานะก็เป็นแบบนี้ แม้ว่าเธอมักจะยิ้มเมื่อเธออยู่ข้างๆฉัน แต่ตอนนี้เธอแค่มองลงต่ำอย่างเงียบๆ
สาเหตุน่าจะเป็นปฏิกิริยาของฉันเมื่อเห็นโคโตเนะและฮัทสึเนะซัง…ฉันกอดอายานะและลูบหลังเธอเบาๆ
“ฉันสบายดี ฉันแค่แปลกใจและ…”
“นั่นโกหกใช่ไหม”
“………”
เธอบอกว่ามันเป็นเรื่องโกหก และฉันก็เงียบไป ตั้งแต่ฉันกอดเธอใบหน้าของเราก็อยู่ใกล้กันมากเมื่อเรามองหน้ากัน และดวงตาสีเข้มและขุ่นมัวของเธอก็จับจ้องมาที่ฉัน
“อายานะ?”
“ใช่ ตอนนี้ฉันคืออายานะ”
เสียงของเธออ่อนโยนมาก แต่ดวงตาของเธอกลับดูน่ากลัว และฉันก็รู้สึกอยากจะหลบสายตาของเธอ
อายานะเอาแขนของเธอโอบหลังฉัน กอดฉันไว้แน่น แล้วพูดต่อ
“ไม่เป็นไรนะโทวะคุง ฉันสัญญาว่าฉันจะจัดการทุกอย่างเอง…..”
“เธอทำอะไรนะ..…?”
“อืม ไม่เป็นไรนะโทวะคุง”
ทุกอย่างจะโอเค เสียงถ้อยคำเหล่านั้นราวกับทำนองอันไพเราะที่บุกรุกส่วนลึกของหัวใจของฉัน
แม้ว่าท่าทางของเธอจะแตกต่างจากปกติและมีบางอย่างที่น่ากลัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ฉันก็ยังยอมรับอ้อมกอดของเธอและโอบกอดเธอไว้
“อายานะ…..เธอรู้สึกอย่างไงกับสองคนนั้น?”
เธอตอบคำพูดของฉันด้วยรอยยิ้มและหัวเราะเบา ๆ
“ฉันเกลียดพวกเธอ ฉันเกลียดพวกเธอมาโดยตลอดจากก้นบึ้งของหัวใจ”
Comments