เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด 7.1 ความฝัน

Now you are reading เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด Chapter 7.1 ความฝัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

(……ฉันอยู่ที่ไหนกัน?)

 

ฉันพึมพำกับตัวเองขณะมองไปรอบๆตัวฉัน

 

มีไม่บ่อยนักที่ฉันจะรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่ แต่ฉันจำช่วงเวลานี้ได้โดยสัญชาตญาณ

 

ห้องที่เป็นสีขาวและให้ความรู้สึกสงบนี้ ดูเหมือนจะเป็นห้องในโรงพยาบาล

 

(…อะไรกัน? นี่ฉันฝันอยู่เหรอ?)

 

ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆ เลยพยายามลุกจากเตียง แต่แล้วฉันก็รู้ว่าร่างกายของฉันอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถขยับได้

 

แขนของฉันถูกพันด้วยผ้าพันแผลและขาของฉันถูกแขวนไว้จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ดูเหมือนว่าเอวของฉันก็ขยับไม่ได้เช่นกัน

 

ความฝันนั้นเหมือนจริงมากจนฉันเริ่มสงสัยว่ามันเป็นความฝันจริงๆหรือเปล่า

 

แน่นอนว่าฉันรู้สึกถึงสิ่งเร้าภายนอก และยังรวมถึงความเจ็บปวดจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าฉันได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง

 

(อ๊าา..…ดูเหมือนฉันจะพูดไม่ได้นะเนี่ย!)

 

เนื่องจากฉันขยับปากไม่ได้จึงพูดไม่ได้ ตอนนี้ฉันทำได้แค่พูดในใจอย่างนี้เท่านั้น

 

ฉันขยับตัวไม่ได้และพูดไม่ได้……แต่ถ้านี้เป็นความฝันของฉัน มันต้องมีที่ฉันบินไปบนท้องฟ้า ใช้ดาบเวทมนตร์ และฟันศัตรูให้เป็นผุยผงด้วยสิ แต่นี้มันอะไรกันแค่ขยับปากฉันยังทำไม่ได้เลย

 

ประตูห้องในโรงพยาบาลเปิดออกขณะที่ฉันกำลังคิดว่าจะทำยังไงดีถ้าไม่ตื่นจากฝันนี้

 

“….อา โทวะ!!”

 

เป็นชูนั่นเองที่เข้ามา

 

เขาดูเด็กกว่าตอนที่เราเจอกันครั้งล่าสุดเล็กน้อย แต่ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้ ดังนั้นฉันจึงต้องรอให้เขาพูดอะไรบางอย่าง

 

เมื่อเห็นฉันบนเตียง สีหน้าของชูก็ค่อยๆบิดเบี้ยว และเขาก็เริ่มร้องไห้ น้ำตาไหลอาบหน้าและมีน้ำมูกไหลลงมาจากจมูก

 

“ฉ-ฉันขอโทษ……ฉันขอโทษโทวะ! ฉัน……ฉันกำลังมองไปทางอื่น และนายก็ทำอย่างงั้น!”

 

ฉันแค่ดูและไม่เข้าใจว่าทำไมชูถึงร้องไห้

 

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง หัวใจของฉันก็ร้อนรุ่มไปด้วยความโกรธ และฉันรู้สึกว่าความโกรธนี้อาจมุ่งตรงไปที่ชู

 

แน่นอนว่าฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความโกรธนี้เลย……แต่สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีความโกรธเช่นนี้

 

“อย่าร้องนะชู”

 

ปากของฉันขยับไปเอง

 

ฉันรู้สึกประหลาดใจกับตัวเองที่จู่ๆก็พูดออกมา

 

“เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอน่า นายไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ฉันดีใจจริงๆที่นายไม่เป็นไร”

 

[…..ทำไม……ทำไมนายถึงร้องไห้ขนาดนั้น? ฉันต่างหากที่อยากจะร้องไห้!?]

 

นอกจากคำพูดที่ฉันพูดแล้ว เสียงของฉันก็ซ้อนทับกับโทวะราวกับเป็นเสียงเอคโค่

 

ฉันกังวลว่าจะไม่ทำให้ชูรู้สึกผิด แต่ความโกรธของฉันที่มีต่อเขากลับควบคุมได้ ทำไมกันละ?

 

นี่เป็นความโกรธของโทวะอย่างแน่นอน ซึ่งมันกลายมาเป็นความโกรธที่หลอมรวมเข้ากับฉันด้วย

 

(……อ่า นี่มัน!)

 

จากนั้นฉันก็เริ่มจำได้

 

ฉันจำได้ว่าทำไมฉันถึงอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ทำไมร่างกายของฉันถึงเป็นขนาดนี้ และทำไมฉันถึงโกรธชูขนาดนี้

 

มันง่ายมาก—ฉันประสบอุบัติเหตุ

 

ตอนนั้นฉันนึกอะไรไม่ออกและวิ่งไปที่ถนนและผลักเขาออกมาแล้วตัวเองก็มาลงเอยในสภาพนี้

 

“ตอนนี้ฉันค่อยข้างแย่เลยละ ฉันขยับร่างกายไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เลยไม่รู้ว่าฉันจะไปห้องน้ำยังไงดี ฉันอายที่ต้องให้คุณพยาบาลช่วยดูแลฉันด้วยสิ”

 

[ทำไม……ทำไมต้องเป็นช่วงนี้ด้วย! การแข่งใกล้เข้ามาแล้ว…… ฉันซ้อมอย่างหนักเพื่อทำให้แม่มีความสุข!!!]

 

การแข่งขัน……ใช่แล้ว จะมีการแข่งขันฟุตบอลเร็วๆนี้

 

ทั้งชมรมซ้อมกันอย่างหนักแล้วยังมีคนที่คอยตามเชียร์เรา และฉันก็พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อตอบรับพวกเขา!

 

แม่ยังสละเวลางานเพื่อมาให้กำลังใจฉันอีกด้วยนะ! อายานะบอกว่าจะมาเชียร์ฉันด้วย ฉันจะทำยังไงดี…….

 

(น่าขยะแขยงเป็นบ้า..…อารมณ์ของฉันสับสนไปหมด…)

 

มันแปลกเพราะฉันรู้สึกเหมือนฉันกับโทวะมีอารมณ์สับสนปนเปกันไปหมด

 

ฉันไม่สามารถแม้แต่จะเปล่งเสียงนั้นได้ และยังคงเผชิญกับอารมณ์ทั้งสองที่ปะปนกันอยู่ทันใดนั้นคนที่ดูเหมือนเป็นหมอก็เข้ามาในห้อง

 

“……ยูกิชิโระคุง”

“……ฉันขออยู่กับเขาสองคนหน่อยนะเธอช่วยออกไปรอข้างนอกก่อน”

 

หมอดูราวกับว่าเขาไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงดี แต่ในไม่ช้าหมอก็เริ่มพูดราวกับว่าเขากำลังเตือนฉันถึงเรื่องในอนาคต

 

“ยูกิชิโระคุง ฉันขอพูดตรงๆนะ การแตกหักที่แขนขาของเธอนั้นร้ายแรงมาก แต่….หลังของเธอแย่กว่านั้นอีก มันอาจเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะกลับไปเล่นฟุตบอลแบบเดิม และถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นฉันว่ามันอาจถึงขั้นทำกิจกรรมหนักๆไม่ได้เป็นปีๆหรือมากกว่านั้นเลยละ”

 

คำพูดของหมอบาดใจฉันได้อย่างง่ายดาย

 

ฉันตกใจมากราวกับว่าฉันถูกแทงเข้าที่หน้าอกด้วยมีด……แต่เพื่อที่จะรักษาความสุขุมไว้ ฉันจึงอ้าปากพร้อมกับหัวเราะ

 

“ฮาฮา…..นั้นสิ มันคงเป็นไปไม่ได้กับผมในสภาพแบบนี้……ฮ่าๆๆ ช่วยไม่ได้ละนะ”

 

[……]

 

ฉันไม่ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธอีกต่อไป

 

ปากของฉันขยับไปเอง คำพูดถูกพ่นออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต และน้ำตาก็ไม่ไหลแม้ว่าใจฉันจะยุ่งเหยิงและฉันไม่สามารถทำอะไรกับมันได้

 

ฉันไม่รู้ว่านี่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของโทวะเองหรือเพราะเขาตกใจมากจนไม่สามารถยอมรับความจริงได้

 

“นั้นฉันไปก่อนนะ”

 

“ครับ…..”

 

จากนั้นหมอก็เดินออกไปที่ประตูและคนที่เดินเข้ามาคืออายานะกับฮัตสึเนะซังแม่ของชูและชูที่เดินเข้าตามมาติดๆ

 

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม……?”

 

ดวงตาของอายานะเป็นสีแดงสด เธอเข้ามาหาฉันทันทีและจับมือฉันไว้

 

การได้เห็นเธอแบบนั้น มันทำให้ฉันอยากร้องไห้มากและฉันรู้สึกเสียใจมากที่ทำให้เธอเป็นกังวลถึงขนาดนี้

 

“ฉันทำให้เธอกังวล……ใช่ไหม?”

 

“แน่นอนสิ! ตอนฉันเห็นโทวะคุงล้มลงและนิ่งไป ฉัน……ฮือ..ฮื..อ…!”

 

ฉันลูบหัวของอายานะที่กำลังร้องไห้อยู่เบาๆด้วยมือที่พอขยับได้

 

มันไม่เหมาะที่จะคิดแบบนี้ แต่ฉันดีใจที่เห็นเธอร้องไห้แบบนั้น และฉันก็พยายามยิ้มเพราะไม่อยากให้อายานะร้องไห้

 

แต่แล้วฉันก็ได้ยินเสียงของฮัทสึเนะที่พูดกับชู

 

“ลูกกับอายานะไปข้างนอกก่อนนะ แม่ต้องคุยกับอะไรกับเขาหน่อย”

 

จากคำพูดของฮัทสึเนะ ชูพยักหน้าแล้วออกไปข้างนอก แต่อายานะก็ไม่ขยับจากจุดของเธอ ราวกับว่าเธอจะไม่อยากทิ้งฉันไป

 

แม้ว่าเธอจะมองฉันด้วยสายตาที่บอกว่าฉันไม่อยากทิ้งนายไว้ แต่ฮัทสึเนะซังก็หันสายตาตำหนิมาที่ฉันในทันที

 

ฉันรู้ว่าครอบครัวของชูรวมถึงฮัทสึเนะซังและแม่ของอายานะ ไม่ได้มองฉันดีเท่าไหร่เพราะประวัติในอดีตที่ฉันพาอายานะไปเที่ยวเล่น……แล้วเธอจะว่ายังไงกับฉันล่ะ?

 

“เธอจะทำอย่างไรถ้าชูหรืออายานะซังได้รับบาดเจ็บ? น่ายินดีจริงๆที่มีแต่เธอเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บ”

 

“……เอ๊ะ?”

 

“!?”

 

ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดกับฉัน

 

ดูเหมือนว่าอายานะจะเป็นเหมือนกันกับฉัน เธอเงยหน้าขึ้นจากท่าคว่ำและมองฮัทสึเนะซังราวกับว่าเธอพึ่งได้ยินคำพูดที่ไม่น่าเชื่อจากฮัทสึเนะซัง

 

ฉันอยู่ในอาการตกตะลึง แต่ฮัทสึเนะยังคงพูดกับฉันต่อไป

 

“ดูสิ ไม่มีใครต้องการเธอเลย ชูมีอายานะ และอายานะก็มีชู มันเป็นโลกที่สมบูรณ์แบบ เธอที่เป็นสิ่งแปลกปลอมดังนั้นถูกแล้วที่เธอจะต้องถูกลงโทษ”

 

“ฮัทสึเนะซัง! คุณพูดอะไรนะ!?”

 

ขณะที่ฉันฟังเสียงอันดังก้องของอายานะ ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร

 

ฉันอยู่ที่นั่นกับพวกเขาในฐานะเพื่อนของพวกเขาเท่านั้น……ฉันทำอะไรผิดกัน?

 

“……อ้อฉันเข้าใจแล้ว เป็นอย่างงี้เองสินะ”

 

“มีอะไรเหรอ โทวะคุง?”

 

“ไม่มีอะไร….”

 

ฉันเข้าใจแล้ว โลกของพวกเขาสมบูรณ์ด้วยตัวของมันเอง

 

โลกที่ชูและอายานะอยู่ด้วยกัน นั่นคือโลกที่พวกเขาต้องการ และพวกเขาจะไม่ยอมทนต่อสิ่งแปลกปลอมที่มาทำร้ายโลกของพวกเขา……อ่า ฮ่าๆ ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ฉันหัวเราะ

 

มันจะเป็นความคิดที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย อย่างน้อยก็ในโลกที่ฉันอาศัยอยู่นี้ แต่ฉันเดาว่าคงเป็นเพราะโลกมันกว้างใหญ่มากเลยมีคนที่มีความคิดบิดเบี้ยวแบบนี้อยู่ด้วย

 

(……ฉันสงสัยว่าโทวะคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้)

 

ต่างจากฉันที่สามารถมองสถานการณ์นี้อย่างเป็นกลางได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าฉันจะเชื่อมโยงกับอารมณ์ของโทวะ แต่ฉันสงสัยว่าโทวะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับคำพูดเหล่านี้

 

เขาจะไม่พอใจหรือจะยอมแพ้กัน?

 

หลังจากนั้น ดูเหมือนว่าฮัทสึเนะซังจะพูดสิ่งที่ต้องการจะพูดจบแล้วจึงออกจากห้องไป ทิ้งบรรยากาศที่ไม่อาจอธิบายได้ระหว่างอายานะกับฉันไว้

 

“ฉัน…..ไม่คิดว่าเธอจะเกลียดฉันขนาดนี้”

 

“โทวะคุง……”

 

แม้ว่าฉันไม่คิดว่าเธอจำเป็นต้องพูดมันออกมา แต่ฉันเข้าใจความคิดที่ว่าโทวะเป็นเหมือนแมลงที่กำลังทำลายสวนของพวกเขา……ถึงแม้ฉันจะไม่อยากจะเข้าใจ แต่ฉันก็เข้าใจความคิดที่พวกเขามีได้

 

“……………”

 

ฉันรู้สึกเศร้าเหมือนกัันนะ แต่ตอนนี้หัวใจของฉันได้รับการเยียวยาจากอายานะซึ่งอยู่เคียงข้างฉัน

 

เมื่อฉันเอื้อมมือไปหาอายานะ เธอก็โอบมือของเธอรอบมือของฉันทันที และฉันก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากมือของเธอ

 

ด้วยความรู้สึกไม่มั่นคงในใจ ฉันจึงขอความช่วยเหลือจากอายานะ

 

นี่คือสิ่งที่ฉันไม่เคยจะพูดในสถานการณ์ปกติ แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะพูดแล้ว

 

“……ขอกอดได้ไหม? ถ้าฉันร้องไห้จะไม่เป็นไรเหรอ?”

 

“……..ไม่เป็นไรหรอก”

 

ฉันซบหน้าลงบนหน้าอกของอายานะ

 

สัมผัสที่นุ่มนวลบนแก้มและกลิ่นหอมทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ……ความอบอุ่นของอายานะห่อหุ้มฉันราวกับจะรักษาบาดแผลที่ฉันได้รับในใจ

 

“ฮือ..ฮื..อ…ฉัน……”

 

และฉันก็ร้องไห้

 

ฉันไม่สามารถที่จะกลั้นไม่ให้ร้องไห้ได้อีกต่อไปแล้วเมื่อถูกกอดไว้ในอ้อมแขนของอายานะ และเธอก็ปล่อยให้ฉันร้องไห้ที่ไป ราวกับจะบอกว่าให้น้ำตาของฉันไหลออกมาให้หมด

 

ตลอดเวลาที่ฉันร้องไห้ออกมา อายานะไม่เคยปล่อยฉันเลย

 

ฉันไม่รู้ว่าอายานะทำหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ได้รับการช่วยเหลือจากการมีเธออยู่ข้างๆ

 

“……?”

 

หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดฉันก็สงบลงและพยายามถอยห่างจากอายานะ แต่เธอก็ไม่ยอมปล่อยฉันไป

 

“อายานะ?”

 

ฉันเรียกชื่อเธอและได้ยินเสียงที่เย็นชาที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินจากเธอ

 

“นี่มันไร้สาระชะมัน ทำไมโทวะคุงต้องมาผ่านเรื่องแบบนี้ด้วย? ทำไมต้องพูดจาแบบนั้นด้วย”

 

อายานะยังไม่หยุดและพูดต่อ

 

“แม้ว่าโทวะคุงจะเป็นคนที่ทุกข์ทรมานมากที่สุด……ฉันก็หวังว่าฉันจะได้เข้ามาแทนที่นายถ้าทำได้ แต่ทำไมเธอถึงพูดอะไรแย่ๆ เกี่ยวกับนาย—”

 

“…………….”

 

ดูเหมือนว่าอายานะจะรู้สึกถึงความขุ่นเคืองของฉันเช่นกัน

 

ฉันเชื่อว่ามันเป็นความเมตตาที่เราสามารถมีต่อผู้อื่นได้ และสามารถเสียใจกับผู้อื่นได้

 

ฉันคงจะโกรธพอๆกับอายานะเหมือนกันถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ……อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าความโกรธของอายานะจะมีความหมายแตกต่างออกไปเล็กน้อย

 

“คนพวกนั้น……หือ? คนพวกนั้นเหรอ? พวกนั้น……คนอย่างนั้นเหรอ? ไม่ สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่คน……สิ่งเหล่านั้นคือ……พวกนั้นคือ……”

 

อายานะพึมพำต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาอย่างถึงที่สุด

 

ฉันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆจากอายานะ และฉันก็ถอยห่างจากเธอเพื่อเริ่มบิดขี้เกียจสักหน่อย

 

อายานะจ้องมองมาที่ฉันพร้อมกับกลอกตาไปมา บางทีอาจจะตกใจเล็กน้อย และบรรยากาศที่เธอเป็นอยู่ก่อนหน้านี้ก็หายไป

 

“……ฟู่”

 

แม้ว่าฉันจะพลาดความรู้สึกจากการโอบกอดของอายานะ แต่ฉันก็นอนลงบนเตียงโดยหันหลังให้เธอ เหนื่อยจริงๆทั้งๆที่เป็นเพียงความฝันเท่านั้น

 

อายานะเอาใจใส่ฉันมาก

 

“เธอไม่กลับบ้านเหรอ?”

 

“ฉันจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย ฉันแน่ใจว่าแม่ของโทวะคุงจะมาที่นี่ในไม่ช้า”

 

“อา……ตอนนี้แม่ควรจะไปทำงานได้แล้ว”

 

“โทวะคุงประสบอุบัติเหตุ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะต้องมา”

 

“…….ก็จริงของเธอ”

 

ฉันสงสัยว่าแม่ของฉันจะร้องไห้เหมือนกันหรือเปล่า……ฉันแน่ใจว่าเธอจะร้องไห้

 

ฉันจะต้องปลอบแม่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และดูเหมือนว่าฉันจะต้องพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อปลอบแม่

 

“โทวะคุง”

 

“หืม?”

 

“ฉันจะมาเยี่ยมนายทุกวันเลย นายจะได้ไม่รู้สึกเหงา”

 

“ฉันดีใจนะที่ได้ยินอย่างนั้น แต่ฉันไม่อยากให้เธอมาทุกวันหรอก….”

 

“ไม่ ฉันจะมาทุกวันแน่นอน”

 

ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของอายานะทำให้แก้มของฉันคลายลง

 

“นั้น ฉันขออะไรหน่อยได้ไหม? ฉันอยากคุยกับอายานะทุกวันเหมือนกัน”

 

“ได้สิ!”

 

ในที่สุดเธอก็ยิ้มได้แล้ว

 

ใบหน้าเศร้าโศกของเธอหายไป และรอยยิ้มที่เธอแสดงให้ฉันเห็นอยู่เสมอก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

 

(……ฉันจะจำความฝันนี้ได้ไหม? ตื่นมาฉันจะลืมหรือเปล่านะ?)

 

ฉันกังวลว่าฉันจะลืมความฝันนี้ซึ่งมันจะทำให้ฉันเข้าถึงหัวใจของโทวะได้อย่างแน่นอนหรือเปล่านะ? แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันคงจะไม่เป็นไร

 

ฉันจะไม่มีวันลืมสิ่งนี้ ฉันไม่มีอะไรมายืนยันแต่ฉันมั่นใจ

 

ฉันมีความฝันที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอดีตที่ซ่อนอยู่ของโทวะ และในขณะเดียวกัน มันเป็นความฝันอันเจ็บปวดที่ฉีกหัวใจของฉันออกจากร่าง

 

“……อายานะ ฉันจะ……”

 

ฉันสาบานอย่างหนักแน่น ว่าจะปกป้องเธอ……และปกป้องหัวใจของเธอ

———————————————————————————————————————————————————–

 คุยท้ายตอน

 

อืมมมมมมม……….นี้คือคำพูดของคนที่เป็นแม่คนจะพูดออกมาใส่เด็กที่อายุเท่าลูกชายตัวเองเหรอ? แถมโทวะคุงช่วยลูกชายป้าไว้นะ

พระเจ้าอาจจะให้อภัย…..แต่กูไม่วะ  ครอบครัวซาซากิแม่งเ*ี้ย (ไม่รับความเห็นต่าง)

โอ้แล้วตอนหน้ามีend creditด้วยนะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด