เกิดใหม่ในโลกเเห่งเกม 18+ เเต่ไหงตัวเราต้องกลายเป็นจอมมารสาวที่เป็นทาสกามของอีตาเพื่อนผู้กล้าจอมหื่นด้วยล่ะค่ะ !? 10: นี่เเหล่ะค่ะ คือชีวิตวัยรุ่น

Now you are reading เกิดใหม่ในโลกเเห่งเกม 18+ เเต่ไหงตัวเราต้องกลายเป็นจอมมารสาวที่เป็นทาสกามของอีตาเพื่อนผู้กล้าจอมหื่นด้วยล่ะค่ะ !? Chapter 10: นี่เเหล่ะค่ะ คือชีวิตวัยรุ่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จริงหรอครับ ! ขอบพระคุณมากๆครับ”

วันรุ่งขึ้นนายท่านก็ให้คำตอบกับคุณลูอิสว่าจะช่วยสอน

พอรู้ว่าตั้งเเต่เย็นวันนี้เป็นต้นไป นายท่านจะพาไปฝึกที่สนามประลอง คุณลูอิสก็ก้มหัวขอบคุณยกใหญ่ เล่นเอาซ่ะนายท่านไปไม่ถูกเลยทีเดียว

“ตายจริง ! นายท่านเขินด้วยล่ะ”

“มาเคีย…วันนี้ถ้าผมปรับระดับความเเรงของไอเท็มนั่นซักหน่อย เธอคงไม่ว่าอะไรสิน่ะ”

“ฮี๊ ! ไม่เอาๆ อย่านะคะ ข้อร้องล่ะคะ ขอโทษค่ะๆ จะไม่ล้อนายท่านอีกเเล้วค่ะ”

ตรงข้ามกับตัวเราที่กุมก้นของตัวเองด้วยใบหน้าซีดเผือดจากภาพฝังใจของเจ้าวัตถุคล้ายเเปรงขัดห้องน้ำที่หมุนติ้วๆเเล้วช่วยทำความสะอาดร่างของเราทุกซอกทุกมุมจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน

คุณลูอิสกลับพูดขอบคุณซ้ำไปซ้ำมา จนนายท่านต้องยกมือขึ้นปราม

“เรื่องเล็กน้อยน่าคุณลูอิส พอเถอะ ถ้ายังก้มหัวต่ออีกล่ะก็ ผมจะเปลี่ยนใจเเล้วน่ะ”

“อึก ! ยังไงก็ขอบคุณจริงๆครับ”

เเต่สุดท้ายคุณลูอิสก็เผลอก้มหัวให้อีกจนได้ นายท่านก็ถึงกับยิ้มเหยเกพลางกอดตัวเราเอาไว้เเน่นราวกับกอดตุ๊กตา

“ท่านยูลิอุสสอนผมด้วย”

“สอนพวกเราด้วยค่ะ”

“ได้โปรดเถอะน่ะครับ !”

พอรู้ว่านายท่านยอมสอนคุณลูอิส นักเรียนคนอื่นๆก็พากันมาขอร้องนายท่านเช่นเดียวกัน เเม้จะไม่ถึงกับก้มหัวขอร้องเเบบหมอนั่นก็ตาม

“ไม่—“

“ตกลงค่ะ !”

เเต่ก่อนที่นายท่านจะตอบปฏิเสธอีกเเล้ว เราก็รีบพูดเเทรก

“มาเคีย…”

มีเหตุผลอยู่ค่ะนายท่าน

เรากระซิบข้างหูของนายท่านเเล้วให้เหตุผลตามสมควร

“ขุนนางเป็นสิ่งมีชีวิตขี้อิจฉาค่ะ พอรู้ว่าคุณลูอิสได้รับการยอมรับเเค่คนเดียว ในขณะที่ตัวเองไม่ได้ดั่งที่หวัง พวกเขาก็คงไม่ชอบใจเอาเเน่ๆ”

ทุกคนในห้องนี้ต่างรู้ฐานะของคุณลูอิสกันดี เพราะอย่างงั้นตัวคุณลูอิสที่มีฐานะยากจนเเละค่อนข้างจะไร้อำนาจในฐานะขุนนาง ตัวเขาจึงไม่มีเพื่อนเลยซักคน

“ความไม่ชอบใจอาจจะทำให้เกิดการกีดกันเเละการกลั่นเเกล้งขึ้นมาได้ค่ะ”

ความอิจฉาริษยาทำให้มนุษย์สามารถทำเรื่องเลวๆได้หลายอย่าง

ยิ่งในสังคมขุนนางที่ชอบเเบ่งเเยกชนชั้น คุณลูอิสที่เป็นพวกเลือดผสมระหว่างขุนนางเเละสามัญชนจะโดนรังเกียจก็เป็นธรรมดา

“เเต่ถ้านายท่านยอมรับพวกเขาด้วย พวกเขาก็จะถือว่าที่เป็นเเบบนี้ได้ ส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะได้คุณลูอิสที่กล้าขอร้องนายท่านเป็นคนเริ่ม นั่นคงทำให้คุณคุณลูอิสได้รับการยอมรับขึ้นมาบ้าง เเละถ้าโชคดี ในระหว่างการฝึก ทั้งนายท่านเเละคุณลูอิสอาจจะสนิทสนมกับทุกคนมากขึ้นก็ได้ค่ะ”

เเถมหลังจากที่สิ้นสุดการประลองระหว่างนายท่านเเละดันเต้ มันก็คงมีขุนนางหลายๆคนไม่ชอบหน้าเเละเพ่งเล็งนายท่านเป็นธรรมดา

ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าพวกขุนนางงี่เง่ามันจะกล้าทำอะไรบ้าๆบ้าง การที่นายท่านมีพวกเยอะเข้าไว้ มันก็ถือเป็นเรื่องดีค่ะ

“เฮ้อ…เธอนี่มีความเป็นขุนนางมากกว่าผมซ่ะอีกน่ะ ไม่นึกเลยว่าจะคิดละเอียดถึงขนาดนี้”

“เเห่ะๆ”

ระหว่างที่นายท่านกำลังลูบหัวของเราจนเรารู้สึกเคลิบเคลิ้ม เขาก็บอกให้ทุกคนที่ต้องการจะรับการสอนรู้ถึงเงื่อนไขดังต่อไปนี้ตามข้อเเนะนำของเรา

1. คนๆนั้นจะต้องใช้เวทย์ธาตุลมเป็น เพราะนายท่านใช้ได้เเค่สามธาตุคือ ไฟ ลม เเละก็ เเสง จากทั้งหมดหกธาตุคือดิน น้ำ ลม ไฟ มืด เเละเเสง โดยที่นายท่านถนัดเเค่ธาตุลม

ความจริงนายท่านก็ถนัดทั้งสามธาตุนั่นเเหล่ะค่ะ เพียงเเต่พูดโกหกไปเพื่อที่จะได้ลดจำนวนลูกศิษย์ลง

โดยนายท่านได้ให้ข้ออ้างว่า ‘อยากลองสอนดูก่อนว่าตัวเขามีคุณสมบัติมากพอในการสอนคนอื่นหรือเปล่า ? ถ้าใช้ได้ก็ค่อยเปิดการสอนในเวทย์ธาตุอื่นๆเพิ่มเติมทีหลังก็ยังทัน’ ทั้งๆที่ความจริงเเล้ว ไม่คิดจะสอนเยอะเกินสิบคน

การให้เหตุผลก่อนหน้านี้ทำไปเพื่อให้ความหวังลมเเล้งๆเเละลดความไม่พอใจของพวกที่ไม่ได้เรียนเพียงเท่านั้น

2. การทำการสอนจะจัดขึ้นทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์

ส่วนวันอังคาร เเละ พฤหัส นายท่านได้เเอบตกลงกับคุณลูอิสอย่างลับๆเอาไว้ว่าทั้งคู่จะออกไปผจญภัยด้วยกันเพื่อหาเงิน

พอรู้ว่านายท่านเอาใจใส่ตัวเองเเละเเม่มากถึงขนาดนี้ คุณลูอิสก็ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

3. การฝึกจะจัดขึ้นที่สนามประลองของโรงเรียนซึ่งจองไว้ทุกๆเย็น โดยให้ข้ออ้างกับอาจารย์ว่าใช้ฝึกฝนเพื่อเตรียมรับมือกับงานเเข่งประลองเวทย์สหภาคีของโรงเรียนที่จัดขึ้นปีล่ะครั้ง

งานประลองเวทย์สหภาคีที่ว่าคืองานโรงเรียนที่จัดขึ้นทุกๆครั้งในช่วงก่อนปิดเทอม มันเป็นการเเข่งขันจำลองสมรภูมิรบซึ่งมีกฏบังคับให้นักเรียนทุกๆคนต้องเข้าร่วมเเละจัดทีมกันเป็นห้องๆ

ลักษณะของเกมคล้ายกับการทำสงครามจำลองที่ให้เเต่ล่ะห้องเรียนของเเต่ล่ะชั้นปีคือ A,B,C,D,E,F รวม 6 ห้อง ได้รับปราสาทจำลองไปคนล่ะหลังเเละทำการปกป้องเอาไว้ให้ได้จนกว่าจะจบการเเข่งขัน

ระหว่างนั้นก็จะต้องบุกโจมตีปราสาทของเเต่ล่ะฝ่ายให้พัง ไม่อย่างงั้นจะจบเกมไม่ได้

มันเป็นการประลองเพื่อสอนให้นักเรียนในเเต่ล่ะห้องรู้จักความสามัคคีรวมไปถึงเปิดโอกาสให้นักเรียนหลายๆคนได้เเสดงศักยภาพ

ซึ่งสาเหตุที่ใช้งานประลองเวทย์สหภาคีเป็นข้ออ้าง นั่นก็เพื่อที่จะทำให้พวกนักเรียนรุ่นพี่บางคนซึ่งกำลังเพ่งเล่งนายท่านเข้าใจผิดว่ามันเป็นการฝึกของคนทั้งห้อง หาใช่การสอนของนายท่านเพียงคนเดียว

หากพวกเขารู้ว่านายท่านเเอบซุ่มสอนนักเรียนอย่างลับๆ พวกขุนนางเหล่านั้นอาจจะเข้าใจผิดว่านายท่านพยายามสร้างพรรคพวกเพื่อต่อต้านพวกตนเอาได้

ในกรณีร้ายเเรง พวกเขาอาจถึงขั้นพยายามขัดขวางนายท่านเลยทีเดียว

“”” ตกลง ค่ะ/ครับ”””

หลังจากที่ได้ฟังข้อเสนอต่างๆ พวกเขาก็ตอบรับข้อตกลงของนายท่าน

จากนักเรียนในห้องจำนวน 35 คน มีถึง 12 คนที่เข้ารับการสอนของนายท่าน

อีก 10 กว่าคนที่เหลือยอมถอยออกมาด้วยความเสียดายเพราะไม่ถนัดเวทย์ธาตุลม เเต่ด้วยเหตุผลข้อหนึ่งที่ให้มา พวกเขาก็มีความหวังอยู่บ้าง เพราะถ้านายท่านคิดว่าตัวเองสอนดี พวกเขาอาจจะได้รับการสอนในธาตุอีกสองธาตุที่พวกตนถนัดทีหลังก็เป็นได้

“เฮ้อ…เสียดายเวลาชะมัด”

“ยังไงกลับไปที่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไรที่มีสาระอยู่เเล้วนิค่ะ”

หนึ่งในสาเหตุที่เราอยากให้นายท่านไปสอนเพื่อนๆ นั่นก็เพื่อลดจำนวนชั่วโมงที่เราจะต้องรับมือกับหมาป่าหนุ่มที่กระหายเรือนร่างของเราเเทบจะตลอด 24 ชั่วโมง

ถ้านายท่านไปสอนจนหมดเเรง พอกลับมาถึงบ้าน นายท่านอาจจะไม่มีเเรงลากเราขึ้นเตียงอีกก็ได้

“มีจุดประสงค์อื่นเเอบเเฝงรึเปล่า ?”

“มะ มะ ไม่นิค่ะ”

อย่ามาเฉลียวใจตอนนี้เเล้วก็มองเราด้วยสายตาเเบบนั้นสิค่ะนายท่าน เรากลัวน่ะ !

“เฮ้อ…งั้นวันเสาร์อาทิตย์ก็ขออยู่บ้านทั้งวันล่ะกัน”

“ปกติจะไปทำธุระที่กิลนักผจญภัยช่วงเช้าไม่ใช่หรอคะ ?”

“ยังไงก็ไปทุกวันอังคารเเละพฤหัสอยู่เเล้ว เพราะงั้นตารางเวลาเดิมไม่จำเป็น”

อ่าว ซวยเเล้วไงค่ะ

“จะอยู่ทั้งวันจริงๆหรอคะ ?”

“มาเคียไม่อยากอยู่กับผมงั้นหรอ “

“อยากอยู่สิค่ะ !”

เเต่ขืนหมกตัวอยู่ที่บ้านด้วยกันทั้งวัน เราไม่รู้เลยว่านายท่านจะทำอะไรกับเราบ้าง

บรื๊อออ เเค่คิด มันก็ปวดเอวไปเองโดยอัติโนมัติเเล้วค่ะ

นี่นายท่านรุนเเรงกับเราจนเราประสาทหลอนไปเเล้วนะคะ เห็นไหม ?

“ฮ่าๆ มาเคียของผมน่ารักที่สุดเลย”

“ถะ ถะ ถึงจะชมก็ไม่ดีใจหรอกค่ะ !?”

ไม่รู้ทำไมหลายๆคนถึงจ้องพวกเราเขม็ง โดยเฉพาะพวกผู้หญิง สายตาของพวกเธอน่ากลัวสุดๆไปเลยค่ะ

 

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

 

หลังจากวันนั้น นายท่านก็เริ่มทำการสอนพวกเพื่อนๆในห้องอย่างขันเเข็ง

เเม้ปากจะบอกว่าขี้เกียจ เเต่พอทำเเล้ว นายท่านก็เป็นคนที่ตั้งใจทำทุกอย่างอย่างเต็มที่สุดความสามารถ

สมเเล้วที่เป็นนายท่าน ยังเป็นผู้ชายที่น่านับถือไม่เปลี่ยนเลยค่ะ

“สิ่งสำคัญคืออิมเมจ..จงจินตนาการให้เห็นภาพมากกว่าใช้คำพูด”

นายท่านสอนว่าสิ่งสำคัญในการร่ายเวทมนต์ มันก็คือจินตนาการ

คนส่วนมากมักให้ความสำคัญกับบทร่าย มากกว่าการจินตนาการถึงรูปร่างของเวทมนต์

“เพื่อช่วยให้เข้าใจในสายลม พวกนายทุกคนก็ต้องสัมผัสกับสายลม”

ในตอนเเรก นายท่านเสกพายุขึ้นมาเเล้วโยนเพื่อนๆทุกคนเข้าไปในนั้น

“เหวออออ”

“กรี๊ดดดด”

พวกผู้ชายกรีดร้องราวกับเด็กผู้หญิง ส่วนพวกผู้หญิงก็กรี๊ดกร๊าดพลางกดกระโปรงลง ร้ายที่สุดก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถึงกับอ๊วกออกมาเลยทีเดียว

ช่างเป็นการฝึกที่โหดเหี้ยมไร้ปราณีซ่ะเหลือเกิน เเต่ถึงอย่างงั้นทุกคนก็เข้าใจว่านายท่านทำไปด้วยความหวังดี

“หลังจากนี้ก็จงจินตนาการถึงสัมผัสตอนที่ถูกพายุเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา”

หลังผ่านจากการทรมานด้านร่างกายเเละจิตใจไปได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ นายท่านก็สั่งให้ทุกคนลองจินตนาการเเล้วร่ายเวทย์ดูอีกครั้ง

“สุดยอด ! จินตานาการง่ายกว่าเดิมตั้งเยอะ”

“เเจ๊วไปเลย !”

“พลังเวทย์ ! นี่คือเวทมนต์บทเดิมจริงๆหรอเนี่ย !?”

ทุกคนต่างได้ข้อสรุปว่าถึงจะเป็นการฝึกที่โหด เเต่ผลตอบเเทนที่ได้ก็ถือว่าคุ้มค่า

“ท่านยูลิอุสค่ะ ไม่ทราบว่าประมาณนี้หรือเปล่า”

“เกือบจะดีเเล้ว เเต่เกร็งไหล่มากไปหน่อย ลดพลังเวทย์ลงอีกนิด”

“……………”

มีบางครั้งที่นายท่านต้องเเตะตัวสาวๆเพื่อตรวจสอบพลังเวทย์เเละจัดท่าจัดทาง

หลังๆมานี้ มันก็จะมีบ่อยขึ้นที่พวกผู้หญิงขอให้นายท่านช่วยปรับท่าทางให้ด้วยใบหน้าเคอะเขิน

การที่พวกเธอได้สัมผัสตัวนายท่าน มันทำให้พวกเธอกระดี๊กระด๊ากันยกใหญ่

“ฮึ่ม !”

“โอ๋ๆ อย่าทำหน้าเเบบนั้นสิ สำหรับผมเเล้วมาเคียน่ารักที่สุดอยู่เเล้ว”

“ไม่ได้งอนซ่ะหน่อย หลงตัวเองจริงๆค่ะ เชอะ !”

พอนายท่านรู้ตัวเรากำลังมองนายท่านสอนพวกผู้หญิงอยู่ หลังจบการฝึก เขาก็มักจะมากอดเราจากข้างเเล้วพ่นถ้อยคำหวานๆใส่ตลอด

เเน่นอนว่าเราไม่ได้เขินเเล้วก็ไม่ได้ดีใจเลยซักนิดค่ะ !

ถึงจะยิ้มเยาะพวกผู้หญิงที่มองเราด้วยสายตาอิจฉา เเต่ขอรับรองว่าเราไม่ได้ตื๊อให้นายท่านลูบหัวเราหลังจากนั้นหรอกนะคะ

จะว่าไปพอพูดถึงพวกผู้หญิงจบเเล้ว เราก็มาพูดถึงฝั่งผู้ชายหน่อยก็ดี

“มาเคียจางงง ขอเเบบเดิมครับ”

“ขอผมด้วย !”

“ด้วยความยินดีค่ะ !”

เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเราเเละพวกเพื่อนๆของนายท่าน เราก็เลยเตรียมเครื่องดื่มไม่ก็ขนมมาให้พวกเพื่อนๆของนายท่านทานทุกๆครั้งหลังฝึกเสร็จ

“ฮ๊า…ชดชื่นจริงๆ “

“หวาน ! ช่างเป็นขนมที่กลมกล่อมอะไรเยี่ยงนี้”

“ท่านยูลิอุสค่ะ ! ขอยืมตัวมาเคียจังหน่อยจะได้ไหมคะ ?”

ผลของความพยายามเเละด้วยอำนาจเเห่งขนมหวาน พวกทาสของหวานทั้งชายเเละหญิงต่างพ่ายเเพ้ศิโรราพต่อตัวเรา

พวกเขาเรียกชื่อของเราอย่างเป็นกันเองมากขึ้น เเถมพวกผู้หญิงก็ลดความเกลียดชังที่มีต่อเราลงไปเยอะเลยด้วย

มีบางคนที่ถึงขนาดชื่นชอบในตัวเราเเละขอซื้อตัวเราไปเป็นเซฟทำขนมส่วนตัว

เเน่นอนว่าทุกครั้ง นายท่านจะดึงตัวเรากลับไปกอดเเล้วตอบปฏิเสธอย่างเย็นชา เล่นเอาซ่ะพวกผู้หญิงยิ้มเเหยๆ จนนานวันเข้า พวกเธอก็ส่ายหัวเเละตัดใจจากนายท่านไปจนได้

“นี่คือวิธีหักธงเเบบใหม่สิน่ะ”

“ส่วนเธอก็เลิกปักธงไปมั่วๆซ่ะทีเถอะ”

นายท่านว่าเราเเบบนั้น ทั้งๆที่เราไม่ผิด

ความงามคือบาป ความน่ารักคือคำสาป

มันเป็นเพราะตัวเราเริ่มจะกลายเป็นที่ชื่นชอบในหมู่เด็กผู้ชายขึ้นมา นายท่านก็เลยไม่ค่อยชอบใจซักเท่าไหร่

“มาเคียจังขอน้ำหน่อย”

“ค่าาาา”

“มาเคียจังขอนอนหนุนตักหน่อย”

“ค่าาาาาาา”

เเต่พอเจอประโยคทำนองนั้นทีไร นายท่านก็จะเข้าข้างหลังพวกผู้ชายเหล่านั้นเเล้วกระซิบที่ข้างหูด้วยเสียงเย็นชา

— เดี๋ยวผมรินให้เอง (จากนั้นก็เอาน้ำหนึ่งเเกลลอนเทกรอกปาก)

— มาหนุนตักผมเเทนไหม ? (จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็วิ่งหนีนายท่านสุดชีวิต)

“เฮ้อ ….มาเคียก็ระวังหน่อยเถอะ เเถวนี้มันมีพวกโลลิค่อนอยู่เต็มเลย “

“””นั่นมันเเกต่างหากเฟ้ย !!!”””

พอนายท่านพูดเเบบนั้นออกไป ทุกๆคนที่อยู่ในสนามฝึกก็เเทบจะตบมุขอย่างพร้อมเพียง

การกระทำเช่นนี้เเสดงให้เห็นว่าทุกๆคนสนิทสนมกับนายท่านมากขึ้นกว่าเเต่ก่อนเยอะเลยค่ะ

“เฮ้อ…ไม่คิดเลยว่าไอ้เจ้าโลลิค่อนนั่น มันจะสอนคนอื่นเป็นกับเขาด้วย พอเป็นเเบบนี้ก็ชมไม่ได้เต็มปากเลยเเฮะ”

“ซักจะเห็นใจมาเคียจังขึ้นมาหน่อยๆเเล้วค่ะ”

“ชิ ! ทำไมเอาเจ้าหมอนี่ถึงได้เก่งขนาดนั้นฟร่ะ น่าหมั่นไส้จริงๆ”

หลังจากนั้น เวลาก็ผ่านไปได้ประมาณหนึ่งเดือน นอกจากจะพัฒนาพลังเวทย์ได้เเล้ว ความสัมพันธ์ของนายท่านกับคนในห้องก็เป็นไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น

“ยูลิอุสคุงงงง มาเคียจางงงง มาทานข้าวกัน”

“ไม่ค่ะ ! ทั้งสองต้องมาทานกับพวกเราต่างหาก”

“ว้าว นั่นมันอะไรน่ะ ? ไข่ยัดไส้งั้นหรอ ? ขอเเบ่งหน่อยสิ !!!”

“อร่อย ! มาเคียจังทำอาหารร่อยที่สุดเลย”

“นั่นสิ ! ตรงข้ามกับไอ้เจ้ายูลิอุสราวฟ้ากับเหว เวลากินของทอดที่มันทำทีไร รสชาติเเบบว่า— เหวออออ ขอโทษๆ เเค่ล้อเล่นเฉยๆ วางส้อมลงก่อนสหาย !”

พอรู้ตัวอีกที พักกลางวันของเราก็เต็มไปด้วยความครื้นเครงตลอด เพื่อนๆต่างเเย่งชิงตัวเราเเละนายท่านอยู่บ่อยครั้ง

หุๆ คนเนื้อหอมนี่ลำบากจริงๆค่ะ

“หลงตัวเองมากไปเเล้ว”

“หนวกหูค่ะ !!! อ้าปากเเล้วกินๆไปได้เเล้ว เอ้า ! อ้ามมมม”

พอเห็นเราป้อนข้าวให้นายท่าน พวกผู้หญิงก็มักจะกุมเเก้มด้วยสีหน้าหลงใหล ในขณะที่พวกผู้ชายก็มักจะมองมาที่นายท่านด้วยสายตาโกรธเเค้น

“ปกติไม่มีใครทำอย่างงั้นหรอกนะคะ”

มีครั้งหนึ่งที่รองหัวหน้าห้องมาเตือนพวกเราเรื่องความไม่เหมาะสมบนโต๊ะอาหาร

“มาป้อนข้าวให้ผู้ชายตอนพักกลางวัน สำหรับพวกผู้หญิงเเล้วมันคือเรื่องน่าอายค่ะ ถึงเเม้มาเคียจังจะเป็นทาสก็ตามเถอะ”

พอรู้ว่าสิ่งที่เราทำมันผิดปกติ เราทั้งคู่จึงรีบเเก้ไข

“มาเคีย เอ้า อ้ามมมม”

“งับ ! ออบอุุนเอ้าอ่ะ(ขอบคุณเจ้าค่ะ)”

“ไม่ใช่เเล้ว ! นี่มันไม่ใช่เเล้วค่ะ !!! ถึงจะสลับให้ยูลิอุสคุงเป็นฝ่ายป้อนเเทน มันก็ไม่ต่างกันซักหน่อย !!! “

พอโดนพวกเราตีมึนใส่ คุณรองหัวหน้าห้องสาวก็ถึงกับส่ายหัวเเล้วยอมเเพ้ด้วยความเหนื่อยใจ

ผลสุดท้ายก็เลยกลายเป็นว่าเราเเละนายท่านสลับกันป้อนเเทน

“ฟู่วๆ นายท่านค่ะ อ้าปากกว้างๆนะคะ”

“มาเคียก็เหมือนกัน จะเอาอะไรดี รอบนี้เอาข้าวอีกหน่อยไหม ?”

“น่าอิจฉาชะมัด”

“อยากมีเเฟนจังโว้ยยยย”

“คู่รักงี่เง่า ไปตายซ่ะ !”

เหมือนจะเกิดข่าวลือเเปลกๆเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราเเละนายท่านขึ้นซ่ะเเล้ว

เเต่ลองดูที่ปลอกคอนี่สิคะ เห็นไหมๆ เรายังใส่ปลอกคอทาสอยู่เลยน่ะ

เพราะงั้นสถานภาพคนรักอะไรนั่น มันไม่ใช่หรอกค่ะ จริงๆเเล้วเราคือทาสกามของนายท่านต่างหาก

จะว่าไป เผลอเเป๊ปเดียวหนึ่งเดือนก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่นายท่านสนิทสนมกับคนในห้องมากขึ้น พระเอกของเกมอย่างเลออนก็ยังไม่กลับมาซ่ะที

“ลูอิส รู้สึกว่าช่วงหลังมานี้ นายไม่มีสมาธิเลยน่ะ”

เเล้วก็ ตั้งเเต่ที่รู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นกับลูอิส นายท่านก็สะกดรอยติดตามลูอิสตลอดเพื่อหาโอกาสจัดการเผ่าปีศาจที่จะมาทำสัญญากับเขา

ทว่า เวลาผ่านไปตั้งหนึ่งเดือน นายท่านก็ยังหามันไม่พบซ่ะที จนคิดว่าลูอิสไม่น่าจะทำสัญญากับเผ่าปีศาจเเล้วล่ะมั้ง

“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ?”

กลับกัน เผลอเเป๊ปเดียว ลูอิสก็เเข็งเเกร่งขึ้น ตรงข้ามกับร่างกายของเเม่ของเขาที่อยู่บ้านเกิดซึ่งทรุดป่วยลงเรื่อยๆ

พอรู้ว่าหากไม่รักษา เเม่ของลูอิสจะอยู่ได้อีกไม่ถึงปี นายท่านก็ยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้กับลูอิส

“นายติดหนี้ผมเเล้วน่ะ ก็ไม่ได้จะยกให้ฟรีๆหรอก หลังจากนี้จะขอคิดดอกเบี้ย 15% …ไว้ซักวันพอนายเป็นจอมเวทย์ราชสำนักได้เเล้วก็ค่อยเอาเงินมาคืนผมล่ะกัน”

“ฮึก ! ยูลิอุสคุง ขอบคุณจริงๆ”

เป็นอีกครั้งที่ลูอิสพุ่งเข้ากอดนายท่านทั้งน้ำตา เล่นเอาซ่ะนายท่านรับมือไม่ถูกเลยทีเดียว

“ฮุๆ นายท่านซึนดาเระล่ะ”

“……….”

“เเถมโดนผู้ชายกอดเเล้วเขินด้วย ช่างเป็นมิตรภาพระหว่างลูกผู้ชายที่วิเศษอะไรขนาดนี้”

พอพูดออกไปเเบบนั้น จนถึงวันรุ่งขึ้น เราที่ถูกนายท่านเกาะติดทั้งวันทั้งคืนก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาเป็นภาษาคนได้อีกเลยค่ะ

ขอโทษค่ะๆๆ จะไม่เเซวเรื่องเเบบนี้อีกเเล้วค่ะ

ขอน้ำให้เราหน่อย ได้โปรดค่ะ ! ร้องมาทั้งคืนจนคอเเห้งจะตายอยู่เเล้วค่ะ

นายท่านขา นายท่านที่เเสนจะใจดีมีเมตตาของเรา ได้โปรดเมตตาทาสสาวตาดำๆด้วยเถิด

“ไม่ !”

“อุ๊ ! เเงๆๆๆๆๆ”

เเม้จะร้องไห้เเละร้องขอชีวิต เเต่สุดท้ายนายท่านที่ร่ายเวทย์เสริมพลังกายจนเเข็งเเกร่งก็จู่โจมตัวเราอย่างป่าเถื่อนทั้งด้านหน้าเเละหลัง

ยิ่งพอเป็นวันเสาร์อาทิตย์ด้วยเเล้ว ตารางเวลาของเราก็เลยยิ่งผิดเพี้ยนเข้าไปใหญ่

อาบน้ำ กินข้าว จากนั้นก็นอน เเล้วตื่นขึ้นมาอาบน้ำใหม่

เป็นการวนลูบซ้ำไปซ้ำมา โดยที่เวลาบางส่วนขาดหายไปเพราะหมดสติ

มันเป็นอาการเดจาวูทำนองอยู่ดีๆไฟในห้องก็ดับ พอตื่นมาในอีกสองชั่วโมงให้หลังก็พบร่างของตัวเองที่นอนเหนียวเหนอะอยู่บนเตียงโดยที่มีนายท่านฉีกยิ้มอย่างชั่วร้ายอยู่ข้างๆ

พอได้เห็นเเสงสว่างเเละสัมผัสรอยยิ้มอันอบอุ่นของนายท่านไม่ถึงนาที ไฟในห้องก็ดับไปอีกรอบพร้อมกับบางอย่างอุ่นๆที่พุ่งเข้ามา

จากนั้นก็หมดสติไปอีกรอบ เเล้วตื่นขึ้นมาอีกทีในอีกสองชั่วโมงให้หลัง

“ฮืออ นะ นะ นายท่าน”

น้ำตา ! น้ำตามันไหลออกมาเองอ่า

“หุๆ ไม่ต้องร้องน่ะมาเคีย”

พรึ่บ !

เเต่ถึงนายท่านจะพูดเเบบนั้น ไฟในห้องก็ดับลงอีกรอบโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า

ลูปนรกที่สร้างโดยนายท่านสองวันติด มันทำให้เราไม่มีเเรงกระทั่งจะร้องไห้เลยทีเดียว

“กระซิกๆ(ร้องไห้)”

“ดูท่าจะไม่ไหว วันนี้ผมขอไปโรงเรียนคนเดียวล่ะกัน”

เเม้จะร่ายเวทย์รักษาให้ เเต่ความเหนื่อยล้าด้านจิตใจก็ทำให้เราอ่อนเเอเกินกว่าจะเคลื่อนไหว

ในวันจันทร์ถัดจากเสาร์อาทิตย์อันโหดร้าย ตัวเราก็ไม่ได้ไปโรงเรียนเป็นเพื่อนกับนายท่าน

“โกหกไปล่ะกันว่า มาเคียกำลังทำความสะอาดบ้านอยู่”

“ปีศาจ ! นายท่านคือปีศาจที่โหดร้ายยิ่งกว่าจอมมาร !!! หลังจากนี้ก็ไปเข้าโบสถ์เเล้วชำระจิตใจที่สกปรกโสมมนั่นซ่ะเถอะไป๊ !!!”

พรึ่บ !

พอพูดเเบบนั้นจบ ไฟในห้องก็ดับ ทั้งๆที่ยังเช้าตรู่

— นั่นจึงเป็นอีกครั้งที่นายท่านโดดเรียนเพื่อที่จะอยู่ข้างๆตัวเราทั้งวันทั้งคืน

ไอ้ความรักที่มากเกินไปเเบบนี้น่ะ ช่วยพอซ่ะทีเถอะค่ะนายท่าน

จะพังอยู่เเล้ว ! จะตายอยู่เเล้วอ่าาาา

เราได้ตัดสินใจเเล้วว่าจะหาคนมาช่วยเเบ่งเบาภาระของเราให้จงได้

 

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

 

— หนึ่งเดือนครึ่งผ่านไป หลังการสอนของนายท่านที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของเพื่อนร่วมห้องอย่างก้าวกระโดด

ในวันนี้พวกเราก็ได้กลับมาที่สนามประลองอีกครั้งตามที่ได้เคยจองกับอาจารย์เอาไว้

เเต่ทว่า–

“เสียใจด้วยน่ะพวกปีหนึ่ง”

เมื่อมองลงไปที่สนาม เราก็พบพวกรุ่นพี่ปีสามกำลังนั่งคลุกคลีอยู่กับทาสมนุษย์สัตว์ในสนามฝึกราวๆ 30-50 คน

“พอดี พวกเราจองที่นี่ไว้ใช้ฝึกล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน เพราะงั้นไปฝึกที่อื่นซ่ะเถอะ “

นักเรียนชั้นปีสามที่ดูน่าจะเป็นขุนนางยศสูงๆเดินออกมาบอกพวกเราเอาไว้เเบบนั้น

พวกเราที่มีอยู่กันสิบคนหน่อยๆก็มองหน้ากันด้วยความสับสน

สายตาของพวกเราทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“ฮ่าๆๆ เขยิบมาใกล้ๆซิ เเม่สาวน้อย”

“อร๊ายยย เเหมนายท่านเนี่ยล่ะก็ ช่วยอ่อนโยนกับดิฉันมากกว่านี้หน่อยสิค่ะ”

“เฮ๊ย ! ยัยหนองโพตรงนั้นน่ะไปเอาเหล้ามานี่ซิ ! “

“ขะ ขะ เข้าใจเเล้วค่ะ !!!”

“อุฟุๆ การที่รอบข้างรายล้อมด้วยทาสสาวสวยๆเช่นนี้ นี่มันไม่ใช่ความฝันใช่ไหมเนี่ย ?”

“ขอยืมห้องน้ำเเป๊ปนึงน่ะ”

“นะ นะ นายท่าน !!! ที่นี่มันโรงเรียนนะคะ”

“เเล้วไงว่ะ !?”

“ฮ่าๆๆ เอาสิ ! ข้าขอร่วมวงด้วยคน”

“เอาด้วยๆ ข้าเอาด้วย !”

เเถมสนามฝึกที่เราเคยใช้เป็นประจำ เจ้าพวกนี้ มันกลับเอามาใช้เป็นเเหล่งมั่วสุมของตัวเองซ่ะอย่างงั้น

ทาสสาวหน้าตาสวยๆที่นุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น เเถมยังขุนนางหนุ่มๆที่กระดกเหล้าเข้าปากกันตั้งเเต่เย็น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะทำอะไรกับสถานที่เเห่งนี้

“นายท่าน ?”

“โดนเล่นเเล้วไง”

—- ค่ะ ! ช่วงเวลาอันเเสนสั้นระหว่างพวกเราเเละเพื่อนๆจึงต้องสิ้นสุดลงโดยการคุกคามของพวกขุนนางที่เเสนจะเห็นเเก่ตัว

ข่าวเรื่องที่ว่านายท่านเเอบสอนการร่ายเวทย์โดยล่ะการร่ายอย่างลับๆ มันจะต้องเเพร่งพรายออกไปเเล้วเเน่ๆ พวกขุนนางชั้นปีสามที่ไม่ชอบนายท่านถึงได้โผล่มาขัดขาพวกเราเเบบนี้

“เฮ้อ..ช่วยไม่ได้นะคะ”

“มาเคีย ?”

“มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะนายท่าน”

ผ่านไปหนึ่งเดือนกว่าๆ ตัวเราที่สนิทกับพวกผู้หญิงภายในห้องก็ไม่ได้ผลาญเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์

“มาเริ่มกันเลยดีกว่า—“

ได้ข้อมูลมามากพอเเล้ว เพราะอย่างงั้น—

“ได้เวลารวบรวมพรรคพวกเเล้วล่ะคะ นายท่าน”

— การปฏิวัติโรงเรียนของพวกเราจึงเริ่มขึ้นตั้งเเต่วินาทีนี้เป็นต้นไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด