เกิดใหม่ในโลกเเห่งเกม 18+ เเต่ไหงตัวเราต้องกลายเป็นจอมมารสาวที่เป็นทาสกามของอีตาเพื่อนผู้กล้าจอมหื่นด้วยล่ะค่ะ !? 13: จะอยู่ข้างๆเองค่ะ

Now you are reading เกิดใหม่ในโลกเเห่งเกม 18+ เเต่ไหงตัวเราต้องกลายเป็นจอมมารสาวที่เป็นทาสกามของอีตาเพื่อนผู้กล้าจอมหื่นด้วยล่ะค่ะ !? Chapter 13: จะอยู่ข้างๆเองค่ะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อยู่ๆในเย็นวันนั้น องค์ชายรีเกลก็มาบอกให้พวกเรารู้ถึงความจริงที่ว่า เลออน อาเรนเดีย ชายซึ่งเป็นพระเอกของเกมเเละเป็นเพื่อนสนิทของนายท่านได้เสียชีวิตไปเรียบร้อย

เเม้ตอนเเรกนายท่านจะทำใจเชื่อไม่ลง เเต่อีกฝ่ายก็เอาหลักฐานมาให้ดู

“นี่คือบัตรประจำตัวนักเรียนของเลออน”

บัตรที่อีกฝ่ายเอามาให้ดูคือภาพเด็กหนุ่มผมเเดงคนหนึ่งที่ยิ้มอยู่ในภาพติดบัตรอย่างร่าเริง

บนบัตรสีขาวที่เเสดงให้เห็นมีหยดเลือดสีเเดงเปรอะเปื้อนอยู่ประปราย

“พวกเราเก็บกลับมาได้เเค่นี้ ขอโทษด้วยจริงๆ”

“………….”

หลังจากนั้นนายท่านก็ไม่พูดอะไรอีกเลย จนกระทั่งทำข้อตกลงกันเสร็จ นายท่านก็ยังนิ่งเงียบไม่ไหวติง

“ขอโทษ !”

“องค์ชาย ?”

เเม้องค์ชายรีเกลจะก้มหัวขอโทษ นายท่านก็ไม่เเสดงท่าทางโต้ตอบใดๆนอกเสียจากพูดสั้นๆว่า

“ไม่ใช่ความผิดของนาย…”

เเล้วเขาก็เดินจากไปโดยที่อุ้มตัวเราขึ้นมาเองเออเอง

“เอ่อ…คงช็อคน่าดูเลยสิน่ะ”

องค์ชายรีเกลมองนายท่านด้วยสีหน้าเจ็บปวด

ในขณะที่สีหน้าของนายท่านในตอนนี้กลับว่างเปล่า

“ขอโทษค่ะ ไว้หายดีเเล้ว จะรีบติดต่อกลับมาใหม่”

“ไม่เป็นไร..ของเเบบนี้คงต้องใช้เวลา ไม่ต้องรีบหรอก”

หลังจากบอกลากันพอเป็นพิธี นายท่านก็อุ้มตัวเรากลับบ้านโดยที่ตลอดทางไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยซักคำ

“ขอผมอยู่คนเดียวหน่อยน่ะ….”

เมื่อมาถึงบ้าน นายท่านก็พูดออกมาด้วยเสียงเเห้งผากก่อนจะเดินตรงไปที่ระเบียง

จะว่าไปเราก็เคยได้ยินมาว่า บางครั้งลูกผู้ชายต้องการอยู่คนเดียวเพื่อคิดอะไรบางอย่าง

“นายท่าน…”

เเต่ดูจากสีหน้าเศร้าหมองที่ไม่มีเเม้เเต่น้ำตา เราก็คิดว่าคงปล่อยนายท่านทิ้งเอาไว้ไม่ได้

เฮ้อ…ทนปล่อยให้นายท่านอยู่คนเดียวไม่ไหวจริงๆนั่นเเหล่ะค่ะ

ยังไงเวลาเจ้านายเศร้าหมอง ทาสรับใช้ก็มีหน้าที่ช่วยบรรเทาความเศร้าอยู่เเล้วนิเนอะ

เพราะงั้นสิ่งที่เราทำต่อจากนี้มันเป็นทั้งหน้าที่เเละความตั้งใจของเราเอง

“ก็บอกว่าอยากอยู่คนเดียว…ไม่ได้ยินรึไง ?”

พอเราเดินตรงไปที่ระเบียง เราก็พบกับนายที่นั่งอยู่ตรงพื้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

เสียงของเขาในตอนนี้ดูเย็นชามากกว่าปกติ

“นายท่านก็รู้ดีว่าเราเป็นทาสที่นิสัยไม่ดี”

เราจึงตอบๆสั้นก่อนจะตรงเข้าไปใกล้เเล้วนั่งลงบนตักของนายท่าน

หมับ !

จากนั้นก็ถือวิสาสะเอาเเขนของเขามากอดตัวเราที่นั่งตักนายท่านอยู่

“ขัดคำสั่ง..เดี๋ยวก็ลงโทษซ่ะหรอก”

“นายท่านไม่หื่นขนาดมีอารมณ์ในเวลาเช่นนี้หรอกค่ะ”

“มั่นใจซ่ะจริงน่ะ”

“อื้ม เเต่ต่อให้ทำเรื่องเเบบนั้นตอนนี้ มันก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

เรากอดเเขนของนายท่านเเน่น สัมผัสได้ถึงผิวหนังที่เย็นเฉียบเเละกล้ามเนื้อที่สั่นเทาตลอดเวลา

“ถ้าทำให้นายท่านหายเศร้าก็ไม่เป็นไร ถ้าทำให้นายท่านกลับมายิ้มได้เราก็จะทำ”

“…………..”

“ที่ที่นายท่านอยู่ มันคือสถานที่ของเราเสมอค่ะ เพราะงั้นไม่ว่านายท่านจะอยู่ในอารมณ์เเบบไหน หากที่เเห่งนั้นนายท่านอยู่ เราก็จะตามไปอยู่ที่นั่นด้วย”

“ดื้อดึง…”

“ใช่…เราเป็นผู้หญิงเอาเเต่ใจเเบบนั้นตั้งเเต่เเรกเเล้วค่ะ นายท่านก็น่าจะรู้ดีอยู่เเล้วนี่นา”

สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นตุบตุบเเละร่างกายอันอบอุ่นของนายท่าน

ความรู้สึกเศร้าใจของเขาเราอาจจะไม่เข้าใจ เเต่การที่จะปล่อยไปโดยไม่ทำอะไรเลย เราไม่มีทางยอมรับเป็นอันขาด

“จะช่วยปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวซักครั้งไม่ได้เลยหรอ…”

“อื้ม…ลูกผู้ชายคงอยากจะอยู่คนเดียวในบางครั้งจริงๆสินะคะ เฮ้อ….เเต่ไอ้เราก็เห็นเเก่ตัวเกินกว่าที่จะให้นายท่านมีเวลาส่วนตัวซ่ะด้วยสิ”

เอาใบหน้าถูกับอกของนายท่านเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ค่ำคืนที่หนาวเหน็บ

เพราะวันนี้กลับมาดึก ในตอนนี้ฟ้าก็เลยมืดไปเรียบร้อย เเถม มันก็มีดวงดาวอยู่บนท้องฟ้าเต็มไปหมดเลย

“อยากจะช่วยนายท่านค่ะ”

สิ่งที่เราทำได้จึงมีเเค่พูดออกไปตรงๆ

“เเต่เราไม่รู้จักเพื่อนของนายท่าน ไม่เคยเห็นหน้า เเล้วก็ไม่เคยคุยด้วยเลยซักครั้ง ตัวเราคงสรรหาคำพูดใดๆมาปลอใจบนายท่านของเราไม่ได้”

ดังนั้นสิ่งที่ทำได้จึงมีเเค่อย่างเดียว

“เพราะงั้นเราจึงทำได้เเค่อยู่ข้างนายท่านค่ะ ไม่ว่าจะเศร้าใจ เจ็บปวด หรือ สุขใจ เราได้ตัดสินใจไปเเล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะคอยอยู่เคียงข้างนายท่านเสมอ”

“มาเคีย….”

“คิดซ่ะว่าเราเป็นเเค่หมอนข้างก็ได้ ถ้าคืนนี้จะนอนอยู่ที่ระเบียงเหงาๆก็กอดตัวเราเเล้วหลับอยู่ตรงนี้ไปด้วยกันทั้งคืนก็ไม่เป็นไร หรือถ้าอยากจะระบายความเจ็บปวดกับใครซักคน เราก็พร้อมที่จะช่วยเเบกความรู้สึกนั้นไปด้วยอีกเเรง”

เมื่อเงยหน้าขึ้นไป เราก็พบนายท่านที่ก้มหน้าลงมาเเล้วยิ้มเเห้งๆ ด้วยใบหน้าที่มีหยดน้ำไหลซึมอยู่ที่ขอบตา

“พูดเเบบนี้ขี้โกงน่ะ..ถ้าไล่เธอไป..ผมคงเป็นผู้ชายที่เเย่น่าดู”

“ถึงไล่ก็จะขอหน้าด้านนั่งอยู่ตรงนี้อยู่ดีค่ะ”

ว่าเเล้วเราก็กอดเเขนนายท่านให้เเน่นยิ่งกว่าเดิม

หมับ !

พอเป็นเช่นนั้น นายท่านก็กอดเราตอบจนร่างกายของเราทั้งคู่เเนบชิดกันเเละกัน

“มาเคีย….”

ซู๊ดดดด

เสียงสูดน้ำมูกดังขึ้น พร้อมกันนั้นนายท่านที่กอดเราเเน่นก็ซุกหน้าลงบนคอของเรา

เส้นผมสีดำชวนให้จักะจี้ เเถมพอโดนกอดเเน่นๆมาก มันก็ทำให้รู้สึกอึดอัด

เเต่พอได้สัมผัสของเหลวอุ่นๆที่เปื้อนคอเเละได้สัมผัสกลิ่นกายของนายท่าน เรากลับคิดว่า สภาพของเราทั้งคู่ในตอนนี้ มันก็ไม่ได้เเย่อะไรขนาดนั้น

เราจึงซุกหน้าลงไปที่เเก้มของนายท่านเเล้วถูไปเบาๆเพื่อปลอบโยน

เเม้เเก้มของนายท่านจะสากไปเล็กน้อย เเต่เราก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น

“เธอนี่เหมือนสัตว์ตัวน้อยๆเลยเเฮะ”

“เเต่นายท่านเป็นฝ่ายซุกหน้าลงมาก่อนไม่ใช่หรอคะ ?”

ถูๆๆ เเก้มของเราถูกันเเละกันเพื่อเเบ่งความอบอุ่นเเล้วปลอบโยนหัวใจของอีกฝ่าย

“เล่นอะไรของเธอกันน่ะ”

“เพราะนายท่านกอดอยู่เลยลูบหัวไม่ได้ค่ะ เเล้วก็ได้ยินมาว่าพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบางชนิดจะมอบความอบอุ่นให้กันเเบบนี้”

เเก้มของเราเสียดสีกันจนเกิดความร้อนขึ้นมา กระนั้นเเล้วมันก็ไม่ใช่อะไรที่เเย่ กลับกันเเล้วสกินซิฟเล็กๆน้อย มันก็ทำให้หัวใจชุ่มชื้นขึ้นมา

“วันนี้เป็นกรณีพิเศษ จะให้ยืมตัวทั้งคืนเลยค่ะ”

“งั้นหรอ…งั้นคืนนี้ผมขอกอดเธอหน่อยล่ะกัน”

“ด้วยความยินดีค่ะ จะทำมากกว่านั้นก็ไม่เป็นไรนะคะ”

“ไม่หรอก…เเค่นี้ก็พอเเล้ว”

นายท่านพูดเอ่ยเศร้า เราจึงประสานนิ้วทั้งห้าเข้ากับนิ้วมือของเขาเเล้วกุมเอาไว้เเน่น

ระหว่างที่กำลังกอดกันอยู่ นายท่านก็กุมมือของเราตอบด้วยเเรงบีบที่อ่อนโยน

“หนาว…ตอนนี้รู้สึกหนาวมากๆ”

“ค่ะ”

“อึดอัด…เเล้วก็ปวดจี๊ดที่กลางอก”

“เราเข้าใจค่ะ”

“ได้เเต่ตั้งคำถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าทำพลาดไปตอนไหน”

“เรารู้เเล้วค่ะ”

“หมอนั่นน่ะ…ที่ผ่านมาหมอนั่นไม่เคยบอกอะไรให้ผมรู้เลย”

“ค่ะ…”

“ไม่สิ ! ความจริงเเล้ว มันอาจจะเป็นผมตั้งหากที่ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของหมอนั่นเลยซักครั้ง”

เสียงคร่ำครวญ เสียงสะอื้น

อารมณ์อันหลากหลายที่อัดเเน่นอยู่ข้างในลำคอทำให้เสียงของนายท่านสั่นเครือขึ้นเรื่อยๆ

“ทั้งๆที่เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวเเท้ๆ เเต่ตัวผมก็ชอบทำตัวเย็นชาใส่หมอนั่นเป็นประจำ”

“งั้นหรอค่ะ”

“เคยเห็นหน้ากันอยู่ทุกๆวัน เคยไปโรงเรียนด้วยกันเป็นประจำ เเต่กลับไม่เคยรู้ถึงความสำคัญของช่วงเวลาเหล่านั้น กว่าจะรู้ว่าหมอนั่นเป็นเพื่อนคนสำคัญ มันกลับเป็นตอนที่ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับหมอนั่นอีกเเล้ว”

ไม่มีเเม้กระทั่งศพให้เคารพ ไม่มีเเม้กระทั่งคำบอกลาที่จะได้มอบให้เป็นครั้งสุดท้าย

“นี่..มาเคีย”

“คะ ?”

หยดน้ำอุ่นๆสัมผัสใบหน้าของเรา พอเงยหน้าขึ้นไป ภาพใบหน้าของนายท่านที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาก็ทำให้หัวใจของเรารุ้สึกปวดร้าว

“ผมนี่มันเป็นเพื่อนที่เเย่จริงๆสิน่ะ”

“…………”

“ทั้งๆที่เพื่อนของตัวเองลำบาก เเต่ตัวเองกลับใช้ชีวิตสุขสบายโดยไม่ทุกข์ร้อนอะไร”

“……….”

“ถ้าผมรู้ตัวเร็วกว่านี้ มันจะไม่ลงเอยเเบบนี้รึเปล่าน่ะ ?”

เป็นคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบ

เป็นคำพูดที่รำพึงกับตัวเอง

มารู้สึกตัวตอนนี้ มันก็สายเกินเเก้

มาสำนึกตัวตอนนี้ มันก็เเก้อะไรไม่ได้อีกเเล้ว

เเต่ถึงอย่างงั้น คนนอกอย่างเรา ก็คงตอบได้เพียงเเค่ว่า—

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ…”

เราไม่มีทางเข้าใจ

“ตั้งเเต่ที่อยู่บนโลกนี้มาทั้งชีวิต ไม่มีใครยอมรับตัวเราเลยซักคน ตัวเรานั้นไม่เคยมีเพื่อนเเม้เเต่คนเดียว จะมีก็เเต่นายท่าน คนที่สำคัญกับเรา…มากยิ่งกว่าโลกทั้งใบ”

เราหันหน้าเข้าไปใกล้เเล้วจับเเก้มทั้งสองข้างของนายท่าน จากนั้นก็ปาดน้ำตาเหล่านั้นทิ้ง

“เพราะงั้นเราจึงไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของนายท่านหรอกค่ะ เเล้วก็ไม่มีสิทธิไปตัดสินผิดถูกเรื่องของนายท่านอีกด้วย เเต่ว่า—“

กระนั้น เราก็มีอย่างหนึ่งที่อยากให้นายท่านรู้เอาไว้

“อะไรที่ผ่านไปเเล้ว ต่อให้มานั่งเสียใจตอนนี้ เราก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้หรอกค่ะ สิ่งที่พวกเราทำได้ในตอนนี้ก็มีเเค่ใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ให้ดีที่สุดเพื่อที่พวกเราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง”

เเล้วอีกอย่าง…

“จริงๆเเล้ว มันก็น่าอิจฉานิดหน่อยค่ะ”

“มาเคีย ?”

“ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากเราตายไปซักคน มันก็ไม่เเม้เเต่คนเดียวที่จะมาร่ำไห้หรือคำนึงหาถึงตัวเราที่จากไป ไม่มีเลย…ไม่มีเเม้เเต่คนเดียว”

เป็นความทรงจำอันขมขื่นตลอดสิบสามปีที่ถูกกักขังอยู่ในห้องเเคบๆ ไม่ว่าจะนึกถึงความทรงจำนั้นอีกกี่ครั้ง หัวใจก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกบีบรัดด้วยบางอย่างที่มองไม่เห็น

“เราเลยคิดว่าเพื่อนของนายท่านเป็นคนที่โชคดีมากๆค่ะ เพราะถึงจะตายไปเเล้ว…อย่างน้อย มันก็มีใครซักคนที่ร้องไห้ให้กับความตายของเขา”

“มาเคีย…นี่เธอ..”

“ถ้าเพื่อนคนนั้นไม่สำคัญจริงๆ นายท่านคงไม่รู้สึกผิดเเละเศร้าใจขนาดนี้หรอกค่ะ คนที่ร้องไห้เพื่อผู้อื่น เราไม่คิดว่าคนๆนั้นเป็นคนเลว ถ้าจะให้พูดตามความเห็นของเรา เเม้จะมีมุมมองที่คับเเคบไปหน่อย เเต่เราไม่เคยคิดว่านายท่านเป็นเพื่อนที่ไม่ดีเลยเเม้เเต่น้อย”

“…………”

“เเต่ถ้านายท่านยังทำใจไม่ได้ก็ร้องไห้ออกมาเถอะค่ะ..ร้องไห้ออกมาเยอะๆ ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาจนกว่าจะหมด อยากจะโทษตัวเองเท่าไหร่ก็โทษไป อยากจะกล่าวขอโทษซ้ำไปซ้ำมาเท่าไหร่ก็ทำไป หากมันทำให้พรุ่งนี้นายท่านกลับมาเป็นนายท่านคนเดิมได้อีกครั้ง เราก็จะคอยอยู่ๆข้างๆเพื่อซับน้ำตาของนายท่านเอง หากโลกทั้งใบหรือเเม้เเต่ตัวของนายท่านเองไม่ยอมให้อภัยในสิ่งที่นายท่านก่อ ตัวเราก็จะขอเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเเล้วให้อภัยในทุกสิ่งที่นายท่านเคยทำผิด”

ค่อยๆลุกขึ้นมา จากนั้นก็สัมผัสเเผ่นหลังอันสั่นเทา

โอบกอดร่างกายที่กำยำ หากเเต่ภายในนั้นเปราะบาง

หากเพื่อปลอบประโลมชายคนนี้ ต่อให้ต้องเอาดวงจันทร์มาขับกล่อม ตัวเราก็จะทำ

“ฮึก ! มาเคีย ! มาเคีย !”

นายท่านที่ดึงตัวเราเข้ามากอดเเน่นๆ เเล้วร่ำไห้ออกมาราวกับเด็กๆ

เสียงของนายท่านเรียกตัวเราซ้ำไปซ้ำมาอย่างไร้สติ

“อยู่ข้างๆผม ได้โปรดอย่าจากผมไปอีกคนเลยน่ะ”

“เเน่นอนค่ะ !”

ความอบอุ่นที่เเผ่ซ่าน กล้ามเเขนที่กอดรัดร่างของตัวเราเเน่นหากเเต่สั่นเทาด้วยความรู้สึกที่เปราะบาง

เสียงคร่ำครวญของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศรก

หยาดน้ำที่ไหลอาบเเก้มของเขากลั่นกรองมาจากความเศร้าใจ

สิ่งเดียวที่เราทำได้ มันก็มีเพียงหนึ่งไม่เปลี่ยนเเปลง

เพิ่มเเรงเเขน เพิ่มเเรงกอด

จากนั้นก็จ้องเข้าไปในนั้น…มองทะลุไปยังดวงตาของนายท่านที่กำลังทุกข์ทรมาน

“จะไม่มีทางหายไปเองเออเองอย่างเเน่นอน เพราะงั้นก็จงเสียใจให้เต็มที่ เเล้วก็ร้องไห้ให้เต็มที่ เพื่อที่วันพรุ่งนี้พวกเราทั้งคู่จะได้เริ่มต้นวันใหม่ที่เต็มที่ยิ่งกว่าที่เเล้วๆมา …ได้โปรดอย่าอดทนอีกเลยนะคะ …ยูกิคุง”

ฮึก !

ได้ยินเช่นนั้น เสียงสะอื้นก็เล็ดรอดออกมาจากปากของนายท่านพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพร่วงพรูออกมาไม่หยุด

“ขอบคุณน่ะ มาเคีย”

— เเละเเล้วค่ำคืนนั้นก็ผ่านไปจนถึงเช้า โดยที่นายท่านโอบกอดตัวเราทั้งคืน

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด