เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]บทที่ 108 บะหมี่เส้นยาว

Now you are reading เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] Chapter บทที่ 108 บะหมี่เส้นยาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 108 บะหมี่เส้นยาว

หลังจากนั้นซูหม่านซิ่วก็ซื้อม้วนผ้ามาพอสมควร แล้วบอกว่าจะทำเสื้อผ้าให้พี่สะใภ้ทุกคน

“ถ้ามีตั๋วผ้าก็เตรียมทำชุดให้ตัวเองเถอะ หลานใกล้จะคลอดแล้วต้องเตรียมตัวไว้นะ พวกพี่สะใภ้มีเสื้อผ้าให้ใส่อยู่แล้วน่า” คุณย่าซูรีบปฏิเสธ

“ชุดที่จื่ออันสวมเป็นพวกเครื่องแบบ ประหยัดตั๋วผ้าไม่น้อยเลยค่ะ เลยอยากจะซื้อผ้าไปทำเสื้อผ้าให้พี่สะใภ้พอดี เป็นความตั้งใจของฉันกับจื่ออันเอง” ซูหม่านซิ่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกพี่สะใภ้ดีต่อฉันมาก ดีต่อพ่อกับแม่ด้วย ฉันอยากตอบแทนต่อพวกเธอค่ะ”

ต้องพูดเลยว่าหม่านซิ่วเป็นคนดีนัก มีตั๋วผ้าแท้ ๆ แต่ไม่คิดจะทำให้พี่ชาย แต่กลับเลือกทำให้พี่สะใภ้แทน

“ยากนักที่ลูกจะเป็นเด็กดีขนาดนี้ ทั้งยังยุติธรรมกับพวกพี่สะใภ้ด้วย” คุณย่าซูพูดด้วยความซาบซึ้ง

กลับกัน หากเป็นลูกสาวคนเล็ก แค่เงินคอยอุดหนุนไม่พอหน่อย มีที่ไหนจะคิดได้ถึงขนาดนี้?

คุณย่าซูจำได้ว่าซูหม่านซิ่วอยากกินบะหมี่เส้นยาว พอกลับถึงบ้านก็ล้างมือแล้วลงมือทำทันที

เธอเป็นลูกสะใภ้ที่เก่งกาจตั้งแต่ยังสาว โดยเฉพาะฝีมือการทำบะหมี่เส้นยาว

อันที่จริงบะหมี่เส้นยาวทำมาจากบะหมี่ทำมือที่ตัดอย่างประณีตแล้วโปะลงด้านบนของน้ำซุปเนื้อผัด

ช่วงปีใหม่คนในท้องถิ่นจะทักทายแขกเหรื่อด้วยบะหมี่เส้นยาว ซึ่งหมายถึงการไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ

บะหมี่เส้นยาวพูดง่าย แต่ขั้นตอนการทำนั้นไม่ง่ายดาย

บะหมี่เส้นยาวที่ดีต้องเส้นเหนียวหนึบ รสชาติกลมกล่อม และเส้นยาวไม่ขาดจากกัน

น้ำสำหรับนวดบะหมี่ควรผสมเกลือเล็กน้อยหรือเบกกิ้งโซดาในน้ำอุ่น

เมื่อพูดถึงสัดส่วนของบะหมี่ แต่ละคนล้วนนิสัยแตกต่างกัน และเส้นบะหมี่ก็จะแตกต่างกันด้วย คุณย่าซูก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

ในชุมชนการผลิตหงซิน หากบ้านใครจะแต่งลูกสะใภ้เข้าบ้าน ก็ต้องเชิญคุณย่าซูที่คุ้นเคยที่สุดช่วยทำบะหมี่เส้นยาว

ผ่านมาตั้งหลายปี ฝีมือการทำบะหมี่คุณย่าซูไม่เคยตกเลยสักนิด

ตราบใดที่ใช้มือบีบนวด คุณย่าซูจะรู้ได้ว่าเส้นได้ที่หรือยัง ต้องนวดนานแค่ไหน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ล้วน ๆ

หญิงชราชำนาญกับการทำเส้นเป็นอย่างดี เริ่มนวดเส้นก่อน และสุดท้ายถึงนวดให้เข้ากัน

“อายุปูนนี้แล้ว นวดให้เข้ากันทีเหงื่อออกเต็มไปหมด!”

“คุณแม่ ให้ผมทำเองครับ!” ซูเหล่าซานรีบพูด

ผู้เป็นแม่มองลูกชาย ก่อนจะพยักหน้า “ได้สิ ฉันจะคอยดูอยู่ข้าง ๆ แล้วกัน”

ซูเหล่าซานเป็นคนแข็งแรง ด้วยการแนะนำของมารดาทำให้นวดเส้นเขากันได้อย่างรวดเร็ว

ตอนนี้แป้งเหนียวหนึบมาก เหนียวกำลังดี ไม่เกาะติดมือ

“เหล่าซาน เอาเส้นพักทิ้งไว้ในกะละมังให้ขึ้นฟู แล้วก็ไปดูด้วยว่าในบ้านน้องสาวยังมีงานอะไรต้องทำอีกไหม ไปช่วยหน่อยแล้วกัน”

“ครับ! เข้าใจแล้วครับแม่!” ซูเหล่าซานรีบตอบรับ

ระหว่างรอบะหมี่ คุณย่าซูก็เริ่มรวนหมูต่อ เนื้อที่ซื้อมาเมื่อเช้ายังเหลืออยู่ จึงจัดการหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ และเริ่มผัดอีกครั้ง

หลังจากรวนหมูเสร็จ เส้นที่ตั้งพักไว้ก็ได้ที่แล้ว คุณย่าซูก็เริ่มทำเส้นบะหมี่

มันยิ่งกว่าทักษะเสียอีก

การทำแป้งของบะหมี่เส้นยาวต้องทำให้เป็นรูปร่าง มีบางคนทำไม่ได้ นวดไปนวดมากลายเป็นทรงกลม

แต่คุณย่าซูนวดออกมาเป็นสี่เหลี่ยม

ขั้นตอนสุดท้ายคือการตัดเส้นบะหมี่ คุณย่าตัดเป็นเส้นบาง ๆ ให้ได้สัดส่วน และให้ตัวเส้นแยกออกจากกัน เส้นทั้งบางและไม่ขาดจากกัน

คุณย่าซูทั้งนวดและตัดเส้นทั้งหมดในคราวเดียว นอกจากส่วนที่จะกินในตอนเย็นแล้ว ส่วนที่เหลือจะนำไปตากไว้ก่อน

ซูหม่านซิ่วยืนดูอยู่ข้าง ๆ มาตลอด ส่วนซูเสี่ยวเถียนก็จับตามองด้วยความสนใจ

เมื่อชาติที่แล้วหลังจากที่มีเครื่องนวดเส้น งานฝีมือแบบดั้งเดิมนี้ก็ไม่มีผู้ใดทำได้แล้ว

กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ซูเสี่ยวเถียนจึงสนใจดูคุณย่าซูทำบะหมี่เส้นยาวมาก

“คุณแม่คงเหนื่อยแล้วล่ะ ไปพักก่อนเถอะค่ะ”

“อะไรกัน เส้นนี้ก็พี่ชายลูกนั่นละที่ทำ ไม่ได้เปลืองแรงอะไรแม่นักหรอก” คุณย่าซูพูดด้วยรอยยิ้ม “เส้นบะหมี่แม่นวดให้เรียบร้อยแล้ว หมูก็รวนเสร็จแล้วเหมือนกัน ถ้าอยากกินก็ทำซุปกินเองได้เลยนะ”

ตกเย็นเฉินจื่ออันกลับมาถึงบ้านก็ได้กินบะหมี่เส้นยาวแสนหอมกรุ่น

กลิ่นของเนื้อและไข่คละคลุ้งไปทั่วบ้านหลังเล็ก และแม้แต่เพื่อนบ้านก็ยังโดนดึงดูดด้วยกลิ่นนี้

หากไม่ใช่เพราะนิสัยเย็นชาของชายหนุ่ม คงจะมีคนมาขอกินแล้ว

“คุณแม่ครับ บะหมี่ที่คุณแม่ทำอร่อยมาก!” เฉินจื่ออันว่าหลังจากกินหมดไปสี่ชาม

“พวกเธอชอบกินก็ดีแล้ว” คุณย่าซูพูดอย่างมีความสุข

ซูเสี่ยวเถียนเองก็กินถึงสองสาม ช่วยไม่ได้นี่นา บะหมี่เส้นยาวจะใส่เส้นน้อยแต่น้ำซุปเยอะ ชามเดียวไม่พออิ่มหรอก

“หลานก็ตะกละเหมือนกันนะ? ไว้กลับไปย่าจะไปทำให้อีกเยอะ ๆ เลย ถึงปีใหม่เมื่อไรก็กินให้พอ” คุณย่าซูมองหลานสาวด้วยความรัก!

วันรุ่งขึ้น เฉินจื่ออันยังคงยุ่งวุ่นวาย จึงให้คนขับรถพาคนบ้านซูไปส่งที่บ้าน

ทุกคนในครอบครัวตกใจเมื่อพบว่าซูหม่านซิ่วกำลังตั้งครรภ์

ตอนที่แต่งงานกับหวังเจี่ยฟ่าง กี่ปีแล้วที่ไม่มีลูกสักที เธอแต่งกับเฉินจื่ออันได้ไม่นานก็มีลูกแล้ว?

“เด็กดีของฉัน ก่อนหน้านี้ยังพูดกับพี่เถาฮวาอยู่เลยว่าเด็กในท้องแม่ม่ายไม่ใช่ลูกไอ้หมาหวัง ฉันยังไม่เชื่อเลย” หวังเซียงฮวาตบต้นขา

“เถาฮวาพูดก่อนหน้านี้หรือ?” คุณย่าซูถามด้วยความประหลาดใจ

“พี่เถาฮวาบอกว่าเธอได้ยินมา แม่ม่ายคนนั้นมีความสัมพันธ์กับชายอื่นไม่น้อยเลย เป็นไปได้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของตระกูลหวัง แต่ฉันไม่เชื่อก็เลยไปถามมา”

ทีแรกหวังเซียงฮวายังคิดอยู่เลยว่า เรื่องแย่ ๆ พวกนั้นของไอ้หมาหวังอย่าไปพูดถึงเลย เดี๋ยวคนในบ้านจะเดือดร้อนเอา

ฉีเหลียงอิงยิ้ม “เป็นเรื่องดีที่เราหย่ากันได้ ไม่งั้นคงเป็นตัวถ่วงน้องใหญ่ไปตลอดชีวิตแน่”

“อายุน้องใหญ่มากแล้ว จะตั้งท้องก็ไม่ง่ายด้วย ไม่รู้ว่าน้องเขยจะดูแลดีไหม!” เหลียงซิ่วกล่าวอย่างกังวล

เฉินจื่ออันเป็นผู้ชาย ทั้งยังเป็นคนหยาบกร้านที่เป็นทหารด้วย เกรงว่าจะดูแลน้องใหญ่ได้ไม่ดี

“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ฉันไปอยู่ดูแลดีไหม?” คุณย่าซูไม่สนใจสิ่งอื่นใดแล้วรีบพูดขึ้น

คุณปู่ซูขัด “ไม่ต้องไปหรอก ถ้าเขาต้องการ เดี๋ยวพวกเขาก็มาพูดกับเราเองนั่นแหละ”

ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่แต่งงานออกไปแล้ว จะอำนวยความสะดวกถึงบ้านเขาไปทำไมล่ะ?

คุณย่าซูพยักหน้า

“คุณแม่คะ ปีนี้บ้านเรามีข้าวฟ่างเยอะเลย ไม่งั้นส่งไปให้น้องใหญ่ใช้ตอนอยู่ไฟไหมคะ” ฉีเหลียงอิงถาม

หากก่อนหน้านี้ฉีเหลียงอิงมีความคิดไม่ดี จะต้องลังเลแน่นอน

แต่ซูหม่านซิ่วแต่งงานกับเจ้าหน้าที่ มีความสัมพันธ์อันดี ซึ่งมันก็ดีต่อครอบครัวของเธอด้วย

นอกจากนี้ ที่บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนอาหารเท่าไร พ่อแม่สามีก็พูดอีกว่าเก็บเงินแต่งงานไว้ให้พวกลูก ๆ นิดหน่อยแล้ว จึงไม่ลังเลอะไร

ฉีเหลียงอิงผู้ขี้เหนียวที่สุดยังเอ่ยปาก หวังเซียงฮวาผู้ไม่รู้จักคิด และเหลียงซิ่วผู้ใจกว้างก็ไม่คัดค้าน

คุณย่าซูพอใจกับความใจกว้างของลูกสะใภ้มาก จึงเอาแต่พูดซ้ำ ๆ ว่าโชคดีจริง ๆ ที่มีลูกสะใภ้ที่ดีแบบนี้

“ใช่แล้ว ดูซิ ฉันมีความสุขจนลืมไปหมดแล้ว น้องใหญ่ซื้อม้วนผ้ามาให้พวกเธอคนละม้วน มาหยิบเอาไปทำเสื้อผ้าสิ” คุณย่าซูขุดผ้าลายดอกไม้ออกมาสองสามม้วน แล้วแจกจ่ายให้สะใภ้ทั้งสาม

“น้องใหญ่เพิ่งแต่งงาน ควรสวมเสื้อผ้าดี ๆ สักหน่อย ทำไมเอามาให้พวกเราคะเนี่ย?” เหลียงซิ่วพูดพลางแตะผ้าเนื้อดี

มันดีกว่าผ้าทอในชนบทมาก หากนำมาทำเป็นเสื้อผ้าจะต้องดูดีอย่างแน่นอน!

ส่วนอีกสองคนมัวแต่พูดว่าไม่เอา ๆ

“ซิ่วเอ๋อร์ซื้อมาแล้วก็อย่าได้เกรงใจไปเลย ถึงปีใหม่เมื่อไรก็ใส่กลับบ้านพ่อแม่แล้วกันนะ แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน” คุณย่าซูพูดอย่างร่าเริง

พวกลูกสะใภ้ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ซูเหล่าเอ้อร์ถามขึ้น “คุณแม่ ซิ่วเอ๋อร์ให้แค่พวกสะใภ้หรือ? ไม่มีของพี่ชายบ้าง?”

คุณย่าซูจ้องเขม็ง “น้องสาวแกมีตั๋วผ้าเท่าไร? มันเป็นของที่น้องเขยเขาเก็บไว้ แกเป็นลูกผู้ชายจะใส่ดีเด่ไปทำอะไร?”

ลูกชายคนรองโดนแม่ด่าแล้ว เลยหดแขนกลับไม่กล้าพูดอะไรอีก

“ตาเฒ่า อันนี้เป็นของที่ลูกสาวซื้อให้ แล้วก็มีชุดพวกนี้อีก ส่วนอันนี้เป็นของพวกลูก…”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *