เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]บทที่ 358 หยิ่งผยอง

Now you are reading เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] Chapter บทที่ 358 หยิ่งผยอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 358 หยิ่งผยอง

บทที่ 358 หยิ่งผยอง

“นักเรียนซู คุณจำชื่อแรกได้ไหม?”

ครูใหญ่รู้สึกเพียงว่าเปลือกตาของเขากำลังกระตุก และรับรู้ได้ในทันทีถึงความร้ายแรงของปัญหา ในฐานะครูใหญ่ เขายังตระหนักถึงแก่นแท้ของปัญหาด้วย!

“ชื่อโจวหรุ่ยซูค่ะ”

เสี่ยวเถียนจำได้อยู่แล้ว

ตอนนั้นเธอสับสนมากว่าโจวหรุ่ยซูเก่งขนาดนี้เลยหรือ

เพราะคะแนนสามร้อยเก้าสิบหก ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้ ส่วนอันดับที่สองก็ได้น้อยกว่าอันดับแรกห้าสิบคะแนนใช่ไหม? ตอนนั้นซูเสี่ยวเถียนรู้สึกรับไม่ได้ที่สุด

เมืองหลวงเป็นสถานที่ที่มีมังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบ*[1] อยู่แล้ว การที่จะมีคนเก่งกว่าเธอก็ไม่น่าแปลกใจอยู่แล้ว

ต่อให้เธอมีความรู้กว้างขวาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่มี

ทว่าจนถึงตอนนี้แล้ว มีอะไรที่เสี่ยวเถียนจะไม่เข้าใจอีกล่ะ?

สิ่งที่เธอเข้าใจนั้น ครูใหญ่ก็เข้าใจเหมือนกัน

เขาอดทนไม่ไหวแล้ว แต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า

โจวหรุ่ยซูเป็นลูกสาวของโจวหยวนและว่านหงอิง ก่อนหน้านี้เคยทักทายกันแล้ว ทั้งยังบอกว่าการสอบในรอบนี้ไม่รู้ว่าลูกสาวจะทำได้เท่าไร รบกวนช่วยดูแลเธอด้วย

ตอนนั้นเขาไม่เห็นด้วยเพราะห้องเรียนพิเศษห้องนี้ เขาเลือกเด็กที่เก่งที่สุดท่ามกลางคนที่เก่ง เพื่อให้ได้นักเรียนที่เก่งสุด ๆ ออกมา!

แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะทำถึงขนาดนี้

ตอนนั้นเขาเห็นผลงานของโจวหรุ่ยซู สอบไม่ติดสี่สิบอันดับแรกด้วยซ้ำ

หรือต้องบอกว่าการสอบในครั้งนี้เธอสอบไม่ติดเลย

“โจวหรุ่ยซูคือใคร ครูใหญ่น่าจะรู้นะคะ?” เสี่ยวเถียนเอ่ยเสียงเรียบ

ผู้หญิงที่เคยเผชิญหน้ากับพวกเรามาหลายต่อหลายครั้งชื่อเสี่ยวหรุ่ย

แถมเธอยังเอาแต่บอกว่ามีเบื้องบนคอยดูอยู่ด้วย

และอันดับหนึ่งที่มีได้คะแนนอันน่าเหลือเชื่อก็คือ โจวหรุ่ยซู

ถ้าบอกว่าสองคนนี้ไม่ได้เกี่ยวโยงกัน เสี่ยวเถียนก็ไม่เชื่อหรอกนะ

ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่ครูใหญ่ยังคงพยักหน้าด้วยความยากลำบาก

“รู้สิ นักเรียนคนนี้ชื่อโจวหรุ่ยซู เป็นลูกสาวของโจวหยวนกับว่านหงอิง!”

ตอนนั้นครูใหญ่ไม่ได้นึกว่าพวกเฉินจื่ออันจะรู้ไหมว่าสองคนนี้เป็นใคร

ซึ่งเฉินจื่ออันไม่รู้จริง ๆ

แต่มันไม่สำคัญหรอกว่าจะรู้หรือไม่

เพราะเรารู้แค่ว่าคนที่บงการเรื่องนี้คือสองสามีภรรยาคู่นั้นก็พอ

“ครูใหญ่กู้ เรื่องนี้ฝากคุณจัดการแล้วกัน ผมต้องการคำตอบที่น่าพอใจเท่านั้น! แน่นอนว่าถ้าคุณมีความคิดอื่น มาคุยกับผมได้”

ตอนบ่ายเขามีงานอื่นต้องทำ เลยอยู่ที่โรงเรียนไปตลอดเพราะเรื่องนี้ไม่ได้

“ไม่ต้องกังวลครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้อย่างเหมาะสม งั้นผมพาเด็ก ๆ ไปลงทะเบียนก่อน ส่วนเรื่องอื่น ๆ จะรีบอธิบายคุณให้โดยเร็วที่สุดครับ!”

ท่าทีของครูใหญ่กู้ชัดเจนมาก นั่นคือปัญหาต้องได้รับการแก้ไขให้แจ่มแจ้ง

เฉินจื่ออันค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ เขาพยักหน้า “ตกลงครับ!”

“เสี่ยวเถียน พวกหลานไปลงทะเบียนก่อนนะ เรื่องอื่น ๆ ไว้ค่อยว่ากัน”

พวกเสี่ยวเถียนพยักหน้าตอบ

ว่าจบ เฉินจื่ออันก็ทิ้งที่อยู่เอาไว้แล้วจากไป

พอส่งชายคนนั้นไปแล้ว ครูใหญ่ก็พาครูฝึกงานมาพาพวกเด็ก ๆ ไปลงทะเบียน

“เด็ก ๆ พวกนี้คุณพาไปลงทะเบียนก่อนแล้วกัน ฉันมีเรื่องต้องทำที่นี่” ครูใหญ่กู้อธิบายเป็นพิเศษ เพื่อที่ให้คนพวกนี้รู้ว่าเขากำลังพยายามแก้ไขปัญหานี้อยู่

พอครูสาวรู้เรื่องก็ตกใจมากจนอ้าปากค้าง เธอมองพวกเขาอย่างระมัดระวังอยู่หลายรอบ แล้วเริ่มสงสัยว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับเด็กกลุ่มไหนอยู่?

เมื่อครู่ครูใหญ่ยังบอกอีกว่าพวกเขามาจากชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ

ได้ยินว่าสภาพการสอนที่นั่นแย่มาก แต่ผลการเรียนของเด็กพวกนี้ดีกว่าเด็กที่เติบโตในเมืองด้วยซ้ำ

ห้องเรียนพิเศษชั้นมัธยมปลายปีที่หนึ่ง สามพี่น้องสอบได้ที่หนึ่ง ที่ห้า และที่หก ส่วนชั้นมัธยมปลายปีที่สอง เด็กบ้านนี้อีกสองคนสอบได้ที่สามและสี่

“ครูครับ ครูมองแบบนี้ผมอายนะ!” เสี่ยวจิ่วกระซิบ

ครูสาวยิ้มแห้ง

“ก่อนหน้านี้ครูของพวกเธอยอมปล่อยมาหรือ?” เธออดถามด้วยความสงสัยไม่ได้

ถ้าเป็นนักเรียนของเธอ เธอคงจะลังเลใช่ไหมล่ะ?

มีครูคนไหนบ้างที่ไม่อยากสอนเด็กเก่ง ๆ ไว้เสริมบารมีน่ะ?

เสี่ยวเถียนยิ้ม “ครูคะ ครูของพวกเราใจกว้างมาก ถ้าไปแล้วดีเขาก็ไม่ห้ามค่ะ!”

ครูสาวตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น

เธอรู้สึกละอายใจกับความคิดของตัวเองเสียเหลือเกิน เธอเป็นครูในเมืองหลวง แต่ไม่ฉลาดเหมือนครูในโรงเรียนในอำเภอเลย

หลายปีมานี้ช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ

“เธอพูดถูก เป็นครูก็ไม่ควรมีวัตถุประสงค์อื่น ๆ ตราบใดที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของนักเรียน ทำไมจะปล่อยไปไม่ได้ล่ะ?”

เสี่ยวเถียนแค่พูดไปงั้น ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะไปจี้ใจดำเข้า

ขณะที่กำลังสนทนาก็บังเอิญชนเข้ากับคนคนหนึ่งที่มุมตึก

พอเห็นอีกฝ่าย เธอก็คิดอย่างเดียวเลยว่าโลกมันแคบจริง ๆ!

พื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ เจอใครไม่เจอ ทำไมต้องมาเจอเสี่ยวหรุ่ยที่ไปไหนก็หาเรื่องแต่พวกเขาด้วยเนี่ย?

ไม่รู้ว่าสมองยัยนี่แตกไปหรือยัง เจอทีไรก็ไม่มีอะไรดีเลย!

ทันทีที่เสี่ยวหรุ่ยเห็นพวกเสี่ยวเถียนก็ทำหน้าภาคภูมิใจ

ถึงจะไม่รู้สถานการณ์แน่ชัด แต่หลังจากที่อ่านใบประกาศแล้วก็รู้ว่าไอ้พี่น้องน่ารำคาญบ้านนี้มันไม่มีโอกาสได้มาเรียนในโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดแล้ว

“พวกแกสอบไม่ผ่านใช่ไหมล่ะ? พูดไปตั้งนานแล้วว่าพวกแกไม่คู่ควรหรอก!”

เสี่ยวเถียนแค่มอง แต่ไม่ได้พูดอะไร

“ฉันรู้ว่านะว่าไอ้พวกขาจุ่มโคลนอยากจะมาเรียนในเมือง ฉันแนะนำนะว่าพวกแกฝันยังจะเร็วกว่าอีก!”

ว่าจบ เธอก็จงใจมองที่ไปฉืออี้หย่วนที่ยืนข้าง ๆ อีกหลายครั้ง

จากนี้ไป เด็กชายคนนี้และเธอจะเป็นเพื่อนในรั้วโรงเรียนเดียวกัน เธอจะต้องตั้งใจเพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นความเป็นเลิศของเธอให้ได้

เพราะเขาถูกกำหนดมาให้เป็นของเธอ!

แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้เธอทำไปโดยไม่บอกผู้เป็นแม่

เพราะแม่เกลียดฉืออี้หย่วนที่ทำงานในร้านอาหาร แต่เสี่ยวหรุ่ยกลับเฝ้าคะนึงถึงเขาโดยไม่รู้ตัว

ครูสาวมองสองสาวที่ยืนประจันหน้ากัน รู้จักกันหรือ? ทำไมบรรยากาศรอบตัวถึงรุนแรงแบบนี้ล่ะ?

“โจวหรุ่ยซู?” เสี่ยวเถียนเอ่ยทันใดและพูดด้วยเสียงเย้ยหยัน

อีกฝ่ายตกใจมากแต่ก็ยังถาม “แกรู้จักชื่อฉันได้ยังไง?”

“เธอสอบไม่ได้ที่หนึ่งใช่ไหมล่ะ? ฉันรู้อยู่แล้ว!”

ตอนเสี่ยวเถียนเอ่ย เธอคลี่ยิ้มเย็นเยือกออกมา เพราะใช้ชีวิตมานานเลยเห็นมาเยอะ ลบผลคะแนนคนอื่นยังว่าทำมากเกินไปแล้วนะ นี่ยังหน้าด้านเอามาเป็นของตัวเองอีก

สีหน้าของโจวหรุ่ยซูดูไม่สบายใจในคราแรก แต่จากนั้นก็โล่งใจ

จากนั้นก็เลิกคิ้วมองด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

“ทำไม ไม่เชื่อหรือ? ไม่เชื่อก็สอบที่หนึ่งให้ฉันดูสิ!”

เพราะสีหน้านั่นทำให้คนที่รู้เรื่องราวทั้งหมดรู้สึกพะอืดพะอมมาก

*[1] พรสวรรค์ที่ซุกซ่อนอยู่

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *