เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]บทที่ 596 หนูคิดวิธีได้แล้วค่ะ
บทที่ 596 หนูคิดวิธีได้แล้วค่ะ
บทที่ 596 หนูคิดวิธีได้แล้วค่ะ
หวังเซียงฮวาเงียบกริบ คนอื่น ๆ ในบ้านก็เช่นกัน
เสี่ยวเถียนเอ่ยถามอีกครั้ง “พ่อใหญ่ พ่อรอง ฟาร์มหมูเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ตอนนี้ฟาร์มยังดีอยู่ หมูของเราจะรอเชือดกันอีกทีในช่วงสิ้นปี ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องห่วงจ้ะ!”
เด็กหญิงนิ่งเงียบ
เรื่องไข่สดต้องถูกค้างไว้เป็นสิ่งที่จัดการยากมาก
มันเป็นของเปราะบาง แตกได้ง่ายถ้าไม่ระวัง การขนส่งทางไกลไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้อยู่แล้ว
แถมขนส่งเองก็มีความเสี่ยงสูงและต้นทุนสูง
การขายของในพื้นที่แบบนี้ยากจริง ๆ นะ
ไข่เก็บทิ้งไว้นาน ๆ ก็ไม่ได้ เพราะมันจะค่อย ๆ เสียและเสื่อมสภาพลง
“หนูคิดออกวิธีนึงค่ะ”
หวังเซียงฮวา “ลูกยังเด็กอยู่เลย ตั้งใจเรียนไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกนะจ๊ะ!”
เสี่ยวเถียนเพิ่งจะอายุเท่านี้เอง อย่าให้เด็กมากังวลเรื่องของผู้ใหญ่เลย
“ถูกต้องเลย เสี่ยวเถียนเอ๋ย ถ้าเด็ก ๆ เป็นกังวลมากเกินไปตัวเขาจะไม่สูงเอานะ!”
เสี่ยวเถียนวัดความสูงตัวเองโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าเธอไม่ได้ตัวเตี้ยขนาดนั้นเสียหน่อย
“พ่อใหญ่ หนูค่อนข้างสูงอยู่นะคะ” เด็กหญิงพูดจาเอื่อย ๆ
หวังเซียงฮวามองความสูงลูกสาว ก่อนจะนึกถึงอายุของเธอแล้วค่อยรู้สึกว่าไม่ได้ตัวเล็กไปจริง ๆ
ทุกคนหัวเราะครืน บรรยากาศดีขึ้นถนัดตา
หลังจากนั้นเสี่ยวเถียนจึงเอ่ยต่อ “หนูมีวิธีค่ะ เราเอาไข่มาแปรรูปแล้วบรรจุภัณฑ์ มันสามารถเพิ่มระยะเวลาการเก็บรักษาได้ แถมยังขนส่งง่ายขึ้นด้วยค่ะ”
“แล้วเราจะแปรรูปมันยังไงล่ะ? เราคงไม่สามารถทำเป็นไข่ต้มชาได้ทั้งหมดหรอกนะ อีกอย่างต่อให้ทำมันก็อยู่ได้แค่ไม่กี่วันเองนะ” เหล่าเอ้อร์หมดหนทาง
เด็กสาวยิ้ม “มันคล้ายกับไข่ต้มชาค่ะ แต่ต้องบรรจุแบบสุญญากาศ!”
ในยุคปัจจุบัน จะมีไข่ยี่ห้อหนึ่งที่ขายดีมาก
ช่วงหลายวันมานี้เธออ่านหนังสืออยู่ แล้วบังเอิญเห็นสูตรหนึ่งเข้า เหมาะในการทำสิ่งนี้มาก
“บรรจุแบบสุญญากาศคืออะไรหรือ?” หวังเซียงฮวาเริ่มสนใจ
ถึงจะไม่เข้าใจที่ลูกพูด แต่มักจะรู้สึกเสมอว่าเจ้าตัวพูดจามีเหตุผล
เสี่ยวเถียน “มันคือการบรรจุไข่ต้มในถุงพลาสติกแล้วสูบเอาอากาศข้างในถุงออกให้หมดค่ะ สามารถเก็บไว้ได้อย่างน้อยสองสามเดือนเลยนะคะ”
แม่ใหญ่หมดความสนใจทันที ไข่ต้มหรือ เป็นเราก็คงไม่ซื้อไข่ต้มมากินหรอกมั้ง? ใครที่ไหนจะลงทุนมาซื้อ?
“เสี่ยวเถียน แม่ว่าคงเป็นไปไม่ได้หรอก เดี๋ยวหาวิธีอื่นดีกว่าจ้ะ!” เธอคิด “แม่ว่าจะกลับไปดูในเมืองสักหน่อยว่ามีที่ไหนทำเรื่องแปรรูปอาหารบ้าง เผื่อจะได้รู้ว่าร่วมมือกันได้หรือเปล่า”
เด็กสาวไม่ค้านที่อีกฝ่ายอยากหาทางด้วยตัวเอง แต่ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้หากันง่าย ๆ อยู่แล้ว
ถ้ามันง่ายจริงป่านนี้เจอแหล่งขายไปนานแล้ว จะมารออย่างตอนนี้ทำไมล่ะ
เสี่ยวเถียนตั้งใจไว้ว่ารอพี่รองกลับมาก่อนค่อยไปหรงเฉิงอีกรอบ แต่ไม่รู้ที่นั่นมีเครื่องบรรจุสุญญากาศบ้างไหม หรือเครื่องอะไรก็ได้ที่คล้าย ๆ แบบนั้น
และถ้าไม่มีจริง ๆ จะลองถามอาเขยดูว่ามีนักธุรกิจชาวต่าวชาติที่พอซื้อให้ได้หรือเปล่า
ลี่เฉิงเป็นเขตพัฒนา เป็นพื้นที่ที่สามารถทำธุรกิจกับชาวต่างชาติได้ ถ้าจะให้ดีต้องให้อาเขยจัดการ
เสี่ยวเถียนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น
จากนั้นก็แยกย้ายกันพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น หวังเซียงฮวาไปทำงานที่ฟาร์มไก่ ส่วนฉีเหลียงอิงทำอาหารให้เด็ก ๆ
พอกินข้าวเสร็จเสี่ยวเถียนเดินทางไปหาหลี่หมิงไฉ ตอนได้พบกับอีกฝ่ายเธอยิ้มแย้มทักทายด้วย ทว่าอีกฝ่ายแทบจำเด็กสาวไม่ได้แล้ว
ช่วงปีใหม่เขากลับไปเยี่ยมญาติพอดี ขากลับมาถึงเด็กสาวก็กลับเมืองหลวงไปเสียแล้ว เลยได้แต่นึกเสียใจที่ไม่ได้เจอกัน
เขาชื่นชมทักษะทางการแพทย์ของเธอเอามาก ๆ และหวังว่าจะมีเวลาได้ติดต่อกันบ้าง
เพราะไม่เจอกันนาน แถมเสี่ยวเถียนยังเปลี่ยนไปไม่น้อย ไม่แปลกที่หลี่หมิงไฉจะจำไม่ได้
“หนูคือซูเสี่ยวเถียนเองค่ะ พอดีได้หยุดหน้าร้อนก็เลยกลับมา แล้วก็มาหาคุณหมอค่ะ!”
“เห็นหน้าคล้าย ๆ ก็เลยไม่กล้าทัก! เสี่ยวเถียนเอ๋ย กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมไม่เห็นพ่อใหญ่พูดถึงเลย? ปู่ย่ากลับมาด้วยไหม?”
เสี่ยวเถียนหยิบห่อขนมมาวางไว้ตรงหน้าอีกฝ่าย “ปู่ย่าอยู่เมืองหลวงค่ะ มีแค่หนูกับพี่ใหญ่ที่กลับมา แล้วก็หนูไม่ได้มาหาเฉย ๆ นะ เอาขนมมาฝากด้วยค่ะ”
พวกขนมเป็นสินค้าหายากในยุคนี้มาก ถึงหลี่หมิงไฉจะเป็นหมอแต่เขาเป็นหมอบ้านนอก พอได้เห็นก็รู้ทันทีเลยว่ามันมีราคาแพงมาก
“เสี่ยวเถียน ลูกเอ๋ย แค่มาหาก็พอ ทำไมต้องเอาของมาให้ด้วยเล่า? อุตส่าห์มาหาทั้งที ขอแค่ใบสั่งยาก็พอ!” หลี่หมิงไฉยิ้มและไม่ได้ปิดบังสิ่งที่คิดเลย
“ได้ค่ะ เดี๋ยวกลับไปเขียนใบสั่งยาใช้ทั่วไปมาให้สองรายการนะคะ”
เธอมีใบสั่งยาอยู่อีกเยอะเลย และได้ปรับอีกเล็กน้อยด้วย จะได้ไว้ให้ทางฝั่งนี้ได้ใช้ของดี ๆ สักหน่อย
หลี่หมิงไฉมีความสุขมาก เอาแต่พูดจายกยอปอปั้นไม่หยุด
“เสี่ยวเถียน เธอคือเฟิงหวงสีทองของหงซินเราชัด ๆ ไม่ใช่แค่ในกองชุมชนเรานะ ทั้งอำเภอของเรา เด็กเก่ง ๆ แบบเธอแทบไม่มีเลย!”
“และตอนนี้เฟิงหวงสีทองของเรายิ่งโตยิ่งสวยด้วยนา! ไม่รู้ใครจะได้ไปเป็นสะใภ้น้อ”
ทว่าพอนึกถึงอายุของเธอ เขาก็รีบหยุดทันทีที่รู้ว่าไม่เหมาะจะพูด
“เหมือนเห็นลูกหลานตัวเองค่ะ ไม่ว่าอะไรก็อยากให้ได้ดี ๆ!”
หลี่หมิงไฉพอใจกับคำว่า ‘ลูกหลานตัวเอง’ มาก
แถมเด็กคนนี้ยังพูดเองอีก จิตใจจึงเบิกบานไม่หยอก!
“เธอพูดถูก ทุกคนคือคนของเรา!”
“วันนี้หนูมาซื้อสมุนไพรค่ะ คุณหมอดูหน่อยนะคะว่ามีไหม!” เสี่ยวเถียนเพิ่งนึกเรื่องที่จะทำขึ้นได้จึงเอ่ย
“บอกมาได้เลย เดี๋ยวหยิบมาให้” หลี่หมิงไม่อ้อมค้อม เขากลายเป็นตาแก่ที่แข็งแรงขึ้นทันที คล่องแคล่วว่องไวมาก
เสี่ยวเถียนเอ่ยชื่อวัตถุดิบยา จากนั้นชายชราก็รีบไปหยิบมาให้ ที่จริงเขาคิดไม่ออกเลยว่าเวลาผสมพวกมันเข้ากันจะรักษาโรคอะไรได้
เพราะแบบนั้นจึงเอ่ยถาม
เสี่ยวเถียน “หนูจะใส่ในอาหารนิดหน่อย แล้วก็เอามาทำวัตถุดิบยาด้วยค่ะ!”
ชายชราไม่สงสัยอยู่แล้ว เพราะคิดว่าเป็นอาหารที่ทำเป็นยาจึงอารมณ์ดีมาก
เสี่ยวเถียนเคยสัญญาไว้ว่าจะเอาใบสั่งยามาให้ เธอจึงเขียนให้อีกฝ่ายทันที
คุณหมอหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น
เขากอดใบสั่งยาแน่นราวกับของล้ำค่า ส่วนเด็กสาวไม่ได้รบกวนต่อ หลังจากคำนวณราคาเสร็จก็วางเงินห้าเหมาไว้แล้วหันหลังกลับบ้านไป
หลังจากอ่านใบสั่งยาจบ กว่าจะรู้ตัวอีกฝ่ายก็ไม่อยู่เสียแล้ว
ยิ่งเห็นเงินห้าเหมาวางอยู่ด้วย เขารู้สึกสะเทือนใจเหลือเกิน “เจ้าเด็กคนนี้ ไม่คิดเอาเปรียบใครเลยนะ! ใบสั่งยาที่ให้มาก็มากพอให้รู้สึกไม่สบายใจแล้ว ไม่ได้การ ต้องมอบอะไรกลับคืนเธอสักหน่อย”
หลี่หมิงไฉพึมพำ
Comments