เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]บทที่ 611 ความเร็วแบบนี้
บทที่ 611 ความเร็วแบบนี้
บทที่ 611 ความเร็วแบบนี้
ในหมู่คนพวกนี้มีบางส่วนที่จำเสี่ยวเถียนได้ พวกเขายิ้มทันที “สาวน้อย ทำไมเพิ่งมาเนี่ย?”
“คุณลุง คุณป้า คุณปู่ คุณย่า พวกคุณมาเช้าจังเลยค่ะ ร้านเราเปิดเก้าโมง อีกเดี๋ยวก็ถึงเวลาแล้ว หนูขอเข้าไปตรวจดูก่อนนะคะว่าเรียบร้อยหรือยัง พวกคุณรอข้างนอกกันก่อนนะคะ”
“รอได้ ๆ ไม่มีปัญหาเลย แต่เมื่อวานเธอบอกไว้แล้วนะ ต้องให้ส่วนลดพวกเราด้วยล่ะ!”
“แน่นอนค่ะ หนูให้อยู่แล้ว ลดราคาตลอดสามวันแรกเลย!”
เสี่ยวเถียนตอบเสียงดังฟังชัด เพราะเราคุยกันไว้แล้วไง และบทสนทนานั้นทำให้คนรอบข้างเริ่มให้ความสนใจ เธอสังเกตเห็นว่ามักจะเป็นพวกคนรุ่นคุณปู่คุณย่า
ไม่ว่าจะยุคไหน พวกเขาเป็นกลุ่มวัยที่เป็นกำลังหลักในการซื้อเลย
เด็กหญิงเข้าไปในร้าน ก่อนวางข้าวของไว้บนเคาน์เตอร์ พ่อรองเป็นคนซื้อมาจากตลาดนัดมือสอง มันเป็นตู้ไม้สภาพดี 60% แข็งแรงมาก
หลังจากทำความสะอาดอย่างระมัดระวังก็ดูดีเป็นอย่างมาก ไม่สกปรกอีกแล้ว ตอนนี้มันมีหม้อหลายใบวางอยู่บนนั้น เป็นหม้อไข่พะโล้ เนื้อตุ๋น และผักตุ๋น
“แม่รอง อาหารพร้อมหรือยังคะ?”
เสี่ยวเถียนถามด้วยความตื่นเต้น
ฉีเหลียงอิง “กลัวไม่ทันเวลามากกว่า เสี่ยวเถียน เราตุ๋นผักเยอะไปหรือเปล่าเนี่ย?”
หญิงวัยกลางคนมองหม้อตุ๋นผักขนาดใหญ่สองใบด้วยความกังวล
พวกผักตุ๋นจะไม่เหมือนเนื้อสัตว์กับไข่ ของแบบนี้ครอบครัวไหนก็ทำได้ จะมีใครยอมควักเงินจ่ายด้วยหรือ?
เสี่ยวเถียนยิ้ม “มีคนซื้อแน่นอนค่ะ งั้นพวกเรามาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ดีกว่าค่ะแม่รอง เผื่อให้พวกเขาได้ชิมกันค่ะ”
นี่คือสิ่งที่เธอคิดไว้เมื่อคืน ถ้าปล่อยให้พวกเขาดมแต่กลิ่นแต่ไม่ได้ลองชิม ผลลัพธ์คงไม่ดีแน่นอน แต่ถ้าได้ลองสักนิด มันจะเกิดความต่างขึ้นแน่ ๆ
ฉีเหลียงอิง “โอ๊ะ เสี่ยวเถียนฉลาดจริง ๆ เลย เป็นกลเม็ดการขายสินะ พ่อคุณ วันนี้เราทำตามที่ลูกสาวพูดกันนะ ตกลงไหม?”
ได้ยินเช่นนั้นเหล่าเอ้อร์พลันยกยิ้ม “มีอะไรไม่เห็นด้วยกันล่ะ? เรื่องแค่นี้เองนะ ซื่อเลี่ยง พร้อมจุดประทัดหรือยังไง? วันเปิดร้านคือวันสำคัญเลยนะ ต้องเสียงดังกันสักหน่อย”
วันเปิดร้านถือเป็นวันสำคัญ ทว่าบ้านเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่งั้นถ้ามีทุกคนมาร่วมด้วยคงคึกคักน่าดู
“พร้อมแล้วครับพ่อ เป็นพวงประทัดห้าร้อยลูกครับ”
“โห แพงมากเลยนะนั่น ซื้อมาแค่ฟังสักร้อยเม็ดก็พอแล้ว!”ถึงฉีเหลียงอิงจะพูดเช่นนั้นแต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับ
“แม่รองคะ พี่รองกับหนูเป็นคนซื้อมากันคนละพวงค่ะ ทีแรกพวกพี่ใหญ่จะช่วยซื้ออีกแต่หนูว่ามันเยอะไป กลัวแม่จะหัวใจวายเอา!”
เหล่าเอ้อร์หัวเราะเรอะ “เสี่ยวเถียนรู้ใจแม่รองเหมือนเดิมเลยนะ เธอเป็นคนแบบนี้เองหรือเนี่ย?”
ฝ่ายภรรยาตำหนิ “พูดแบบนี้จะบอกว่าฉันขี้งกหรือ? เพราะพวกเด็ก ๆ ลำบากหาเงินมาต่างหากล่ะ!”
เราหัวเราะกันสนุกสนาน จากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
“พวกเขารอไม่ไหวแล้วหรือเปล่าน่ะ?” ฉีเหลียงอิงว่า
“อีกสิบนาทีจะเก้าโมงนะคะ ไม่น่าใช่หรือเปล่า”
จากนั้นเราก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังเข้ามา
“พี่รอง พี่สะใภ้ ผมหลี่จู้จื่อเองครับ พวกพี่อยู่ข้างในหรือเปล่าครับ?”
“อาสี่มาหรือคะ?” เสี่ยวเถียนมีความสุขมาก
“อาสี่มาด้วย เขามาเร็วเพราะไม่รู้ว่าฝั่งเราลงหลักปักฐานกันหรือยังน่ะ”
เหล่าเอ้อร์ดูแลหลี่จู้จื่อเหมือนน้องชายแท้ ๆ พอได้ยินเสียงก็เอ่ยอย่างมีความสุข
ซื่อเลี่ยงเปิดคนเดินไปเปิดประตู
“ผมหาเจอสักที เมื่อวานก็ลมบอกให้พวกพี่ทิ้งที่อยู่เอาไว้ด้วย เลยหามาตลอดทางเลยครับ” เขาปาดเหงื่อ
เพราะบอกแค่ว่าจะเข้าเมืองมาแต่ก็ดันลืมถามคำถามสำคัญอย่างที่อยู่ไปเสียได้ ตอนแรกคิดว่าตัวเมืองในมณฑลคงไม่ใหญ่กว่าอำเภอเท่าไร
ตั้งแต่วานบ่ายจนถึงเช้าวันนี้ เขาตามหาอยู่หลายที่เลย เผอิญเห็นตรงนี้กำลังคึกคักจึงตัดสินใจมาลองดู
จากนั้นก็ได้ยินคนข้างนอกบอกว่ามีเด็กผู้หญิงด้วยอะไรนี่แหละ เลยลองเข้ามาดู
“อาสี่ ฝั่งนั้นเรียบร้อยแล้วหรือคะ?” เสี่ยวเถียน
“เรียบร้อยแล้ว อาสะใภ้ย้ายเข้าเมืองมากับคุณตาและน้อง ๆ แล้วล่ะ ตั้งใจว่าจะอยู่ให้ชินกันก่อน แล้วก็รออาเดินทางวิ่งทำธุรกิจสักสองสามรอบถึงค่อยเปิดน่ะ”
หลี่จู้จื่อมองการจัดวางและการตกแต่งร้านด้วยความตื้นตันใจ “พี่สะใภ้รอง ผมไม่คิดเลยว่าพี่จะเปิดกันแล้ว ผมตามหลังอยู่สินะ”
“พวกเราอยากลองกันก่อนนะ ไว้ถึงเวลาเดี๋ยวของเธอก็ง่ายเองล่ะ!” ฉีเหลียงอิง
ชายหนุ่มพยักหน้า “พี่พูดถูกครับ พอถึงเวลาชื่อร้านและการตกแต่งของเราจะอิงตามของพี่เลยครับ!”
อย่างน้อยก็ใช้เสมอต่อให้เหมือนกันก็ตาม
เสี่ยวเถียนได้ยินก็ตกใจ หรือนี้จะเป็นจังหวะการพัฒนากลายเป็นร้านแฟรนไชส์?
เราคุยกระทั่งถึงเวลา เป็นจู้จื่อและซื่อเลี่ยงที่ออกไปจุดประทัด
ในยุคนี้เป็นพิธีเรียบง่าย หลังจุดเสร็จเหล่าเอ้อร์ยกผ้าสีแดงออก ก็ถือเป็นการเปิดแล้ว
“พ่อแม่พี่น้องคะ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้ามาแวะชมนะคะ ทางเราได้เตรียมอาหารไว้ให้ลองชิมเป็นพิเศษด้วยค่ะ สามารถมาชิมกันได้นะ”
เสี่ยวเถียนยิ้ม
ในยุคปัจจุบันมีหลายร้านที่ทำอาหารไว้ให้ลองชิมด้วย แต่ก็มีบางคนที่ไปลองชิม ไปลองละเมียดละไมดู แต่ไม่รู้ว่ายุคนี้มีคนแบบนั้นหรือเปล่า
โชคดีที่รู้ว่าทุกคนรอคอยโอกาสนี้อยู่ เช่นนั้นแล้วพวกเขาต่างพากันชิมคนละคำ
รสชาติหลู่เว่ยของร้านเราดีมาก พวกเขาตัดสินใจซื้อทันทีที่ชิมเสร็จ
เมื่อวานเราตุ๋นไว้ทั้งหมด 30 จิน และเนื้อทั้ง 30 จินนั่นหมดอย่างรวดเร็ว
เด็กสาวไม่คิดเลยว่าเนื้อจะขายดีขนาดนี้ ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ
“สาวน้อย หมูพะโล้ของหนูหมดแล้วหรือ ตอนฉันได้ยินพี่สะใภ้ข้างบ้านบอกมาก็รีบมาซื้อเลย ฉันมาไม่ทันหรือเนี่ย?” หญิงชราผิดหวังมากเมื่อรู้ว่าเนื้อพวกนั้นหมดแล้ว
“คุณย่าคะ ที่จริงไข่พะโล้กับผักตุ๋นของเราก็อร่อยเหมือนกันนะคะ ลองชิมดูก่อนไหมคะ?” เสี่ยวเถียนรีบชวน
เนื้อหมดแล้ว แต่ไข่กับผักยังเหลืออยู่บานเบอะเลย เราเพิ่งจะขายไข่ได้ 30 ฟองเท่านั้น
เหมือนว่าพรุ่งนี้ต้องเพิ่มเนื้อแล้ว ส่วนไข่อาจจะยังไม่ได้รับความสนใจเท่าไร เห็นแบบนี้สงสัยต้องใช้เวลาค่อย ๆ พัฒนา
แต่อีกฝ่ายก็ยังผิดหวังอยู่ดี อุตส่าห์มาซื้อเนื้อเพราะวันนี้มีแขกที่บ้าน แต่มันหมดแล้วน่ะสิ แบบนี้งานเลี้ยงก็ไม่น่ากินแล้วสิ!
Comments