เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]บทที่ 982 เกิดเรื่องขึ้น
ตอนที่ 982 เกิดเรื่องขึ้น
ตอนที่ 982 เกิดเรื่องขึ้น
เสี่ยวเถียนเห็นเธอวิ่งมาอย่างตื่นตระหนก เลยถอยหลบให้
จังหวะวิ่งผ่านสายตาพลันเหลือบไปเห็นเด็กที่อีกฝ่ายอุ้มเอาไว้
ห่อลูกในผ้าแน่นตอนฤดูนี้ไม่กลัวร้อนหรือ?
เธอสงสัยมาก แต่ไม่ได้นึกใส่ใจ
เรื่องชาวบ้านเขา
จากนั้นก็เห็นชายอีกคนวิ่งตามมาพร้อมกับเด็กเหมือนกัน
เธอเริ่มสงสัย
เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?
ทำไมรีบกันขนาดนั้น?
จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เธอมองผู้ชายที่เพิ่งผ่านไป
อีกฝ่ายอุ้มเด็กเหมือนกัน
แต่วิธีอุ้มนี้แปลกมากเลยเนี่ย
เออใช่ ผู้หญิงก่อนหน้านั้นก็เหมือนกัน
เธอสงสัยสองคนนี้ทันที
เสี่ยวเถียนรีบล้างถ้วยชามแล้วกลับไปห้องโดยสาร
ซึ่งเซี่ยหนานกำลังนอนอ่านนิยายอยู่
แต่ตนไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วง จึงหาข้ออ้าง “อาจารย์เซี่ย หนูกินเยอะไปหน่อยค่ะ ขอไปเดินย่อยหน่อยนะคะ”
เซียวหย่วนหยางที่กำลังจัดกระเป๋าได้ยินแล้วโมโหจัด
กินเยอะไปหน่อย ทำไมไม่รู้จักแบ่งชาวบ้านเขาบ้างล่ะ?
เซี่ยหนานมัวแต่อ่านเลยไม่ได้สนใจสักนิด
เธอพยักหน้า
“ไปเถอะ ๆ อย่าไปไกลก็พอ”
เสี่ยวเถียนหมุนตัวจากไป
เซียวหย่วนหยางพูดกับอิ่นหรูอวิ๋น “เราลงสถานีหน้านะ ทำไมยังไม่เก็บของอีก?”
ผู้หญิงคนนี้เริ่มไม่เชื่อฟังอีกแล้ว
ถ้าไม่ติดว่ายังสาว หน้าตาดีป่านนี้ทิ้งไปนานแล้ว
อิ่นหรูอวิ๋นดูเหม่อลอย ไม่ได้ฟังประโยคนั้นเลย
เซียวหย่วนหยางเดินไปกระชากแขนอีกฝ่าย
“ได้ยินไหม?”
อิ่นหรูอวิ๋นมอง
“รองอธิการบดีเซียว ฉันอยากกลับเมืองหลวงค่ะ ฉันคงไม่ไปกับคุณแล้ว!”
จากนั้นเธอก็ยิ้มออกมา
แล้วเอ่ยคำขออย่างสุภาพ
เซียวหย่วนหยางตะลึงงัน
หมายความว่ายังไง?
ไปเมืองหลวง?
ทำไมอยากจะไปที่นั่น?
“คิดจะทำอะไรอีก?”
เซียวหย่วนหยางเห็นว่ายังอยู่บนรถ แถมมีเซี่ยหนานอยู่ด้วยจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบ
ทว่าดวงตากลับจ้องเขม็ง
ความหมายชัดเจน ถ้าคิดสร้างปัญหาอะไรได้เห็นดีกันแน่
แต่เขาไม่รู้ว่าสาวเจ้ามีความคิดใหม่แล้ว
ถ้าจากกันเมื่อไร เธอจะไม่กลับมาเจออีกฝ่ายอีก
ต่อให้เห็นคำเตือนผ่านสายตาเธอก็ไม่สนใจโนเวล-พีดีเอฟ
อิ่นหรูอวิ๋นเผยยิ้มสงบ “จู่ ๆ ก็คิดถึงที่บ้านค่ะ เลยอยากกลับไปเยี่ยมพวกเขาหน่อย… เพราะยังไงก็เป็นญาติกัน”
เซียวหย่วนหยางกำลังเดินทางไปทำงาน เลยบอกให้หญิงสาวตามมาด้วยเพราะอยากให้คนบริการตัวเอง
แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายคิดกลับเมืองหลวงทันทีที่ได้ขึ้นรถ
เขานึกว่าเพราะเห็นซูเสี่ยวเถียนเลยทำให้เธออยากกลับ จึงไม่ได้คิดเยอะ
อิ่นหรูอวิ๋นไม่อยากฉีกหน้าเซียวหย่วนหยางให้เป็นที่ขบขันของชาวบ้านบนรถไฟ
เธอเลยพูดจาคลุมเครือ ไม่ได้บอกให้ชัดเจน
คงเพราะมีอาจารย์เซี่ยหนานอยู่ด้วย ต่อให้เซียวหย่วนหยางไม่พอใจก็คงไม่ทำให้ตัวเองขายหน้าหรอก
“ดีเหลือเกิน คิดจะกลับไปเพื่อ? แกลืมไปแล้วหรือไงว่าพวกนั้นทำร้ายตัวเองเอาไว้น่ะ?” เซียวหย่วนหยางเอ่ยอย่างมีน้ำอดน้ำทน
เขาพยายามระงับความโมโหโกรธาเอาไว้
“ความสัมพันธ์ในครอบครัวจะไปตัดขาดเพียงชั่วข้ามคืนอย่างที่รองอธิการบดีว่าได้ยังไงล่ะคะ?”
“ก็ได้ กลับไปเยี่ยมซะ เจอกันเสร็จเมื่อไรกลับมาหาฉันด้วย” นั่นคือทั้งหมดที่เซียวหย่วนหยางพูดได้
เขาเดินทางมาทำงานเป็นระยะเวลายี่สิบวัน ต่อให้อิ่นหรูอวิ๋นแวะเมืองหลวงและกลับมาหาเขา ตนก็ยังอยู่ในระหว่างการทำงานอยู่ดี
เซียวหย่วนหยางเชื่อมั่นมากว่าต่อให้หญิงสาวกลับไปบ้านก็คงไม่มีที่ให้ยืนอยู่ดี
เพราะผู้หญิงที่มีชื่อเสียงไม่ดีในยุคนี้ย่อมไม่มีทางเลือก
ถ้ามันอยากขายหน้าก็ปล่อยไปซะ
ไว้กลับมาเมื่อไรค่อยฝึกให้เชื่องแล้วกัน
ตอนนั้นเองที่พนักงานตรวจตั๋วมาทำหน้าที่
อิ่นหรูอวิ๋นชำระค่าตั๋วครึ่งที่เหลือ
เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น พนักงานตรวจตั๋วไม่ได้สร้างความลำบากอะไร เขาเอาตั๋วไปเมืองหลวงให้หญิงสาวเพิ่มอีกใบ
อิ่นหรูอวิ๋นรับมาก่อนจะถอนหายใจด้วยความรู้สึกสบายใจ
หัวใจเธอเต้นระรัว ตั๋วใบนี้จะพาเธอไปสู่อนาคตที่แตกต่าง!
พนักงานเดินจากไป ระหว่างนั้นก็เอ่ยเตือนด้วยว่าอีกยี่สิบนาทีจะเทียบเข้าสถานี ขอให้คนที่จะลงเตรียมตัวไว้ด้วย
ทางฝั่งเสี่ยวเถียนที่ไล่ตามคนทั้งสองไปกลับไม่เจอวี่แววเลย
เธอมาถึงตู้ขบวนสุดท้ายอย่างรวดเร็ว แต่ไม่พบใครเลย จึงได้แต่ยืนสับสน
สายตาคอยสังเกตอย่างระมัดระวัง
แต่สองคนนั้นกลับหายตัวไปราวกับไม่มีตัวตนอยู่
เสี่ยวเถียนรู้สึกผิดปกติมากกว่าเก่า
แต่ตอนเดินผ่านห้องน้ำ เธอก็เห็นประตูถูกล็อกเอาไว้ บางทีพวกเขาอาจจะซ่อนตัวในนั้นก็ได้
แต่ตู้โดยสารที่ต่อจากตู้ของเธอมีห้าหกตู้เลยนะ แล้วพวกเขาจะซ่อนอยู่ตู้ไหนล่ะ?
ยิ่งได้ยินพนักงานบอกเวลาที่เหลืออยู่ยิ่งกระวนกระวายใจ
สัญชาตญาณของเธอบอกว่าสองคนนั้นมีบางอย่างผิดปกติ และอาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้
มีผู้โดยสารบางส่วนทยอยเดินไปทางประตูแล้วด้วย
เสี่ยวเถียนทำได้แค่เดินกลับไปที่ตู้โดยสาร
แต่คนเยอะมากจนเธอโดนขวางอยู่ตลอดทาง
เธอจึงตัดสินใจรอจนรถไฟเทียบท่าก่อน
เสี่ยวเถียนหาจุดที่ไม่แออัดยืนแล้วคิดเรื่องชายหญิงคู่นั้น
งั้นเด็ก ๆ ในอ้อมแขนพวกเขาล่ะ?
อากาศร้อนขนาดนี้ทำไมห่อผ้าให้ลูกแน่นเชียว?
แถมตอนอุ้ม ไม่ได้นึกเลยหรือว่าลูกจะหายใจไม่ออก?
พอรวมปัจจัยพวกนี้เข้าด้วยกัน สมองก็ผุดความคิดน่าเหลือเชื่อออกมา
สองคนนี้เป็นแก๊งค้ามนุษย์!
เด็กพวกนั้นไม่ใช่ลูกของพวกเขา แต่เป็นเด็กที่ขโมยมา
น่าจะขโมยจากรถไฟหรือที่อื่นมา แล้วตั้งใจจะเอาไปขายที่อื่นใช่ไหม?
Comments