เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้ายบทที่ 278 หรือไม่…ก็ช่วยตัวเอง?
บทที่ 278 หรือไม่…ก็ช่วยตัวเอง?
“ดูสิ! เด็กสองคนนี้ชอบพอกันขนาดไหน”
“ไม่แน่เดือนหน้าพวกเราก็สามารถจัดงานได้แล้ว โอ๊ย”
บรรดาท่านป้ากำลังคุยกันถึงเรื่องแต่งงานอย่างมีความสุข แต่ทางด้านนั้นแทบจะแยกเขี้ยวใส่กันอยู่แล้ว
เซียวเย่เจ๋อจับอาหารสองจานเอาไว้ รู้สึกว่าโลกนี้ช่างวิเศษจริง ๆ
วันนี้จี้จือฮวนทำอาหารสองอย่างให้เยว่พั่วหลัวเป็นพิเศษ โดยคำนึงถึงว่าอากาศของสำนักกู่เย็นและชื้น การที่พวกเขาอยู่ในป่าฝนตลอดทั้งปี สิ่งที่พวกเขาชอบกินที่สุดจึงเป็นอาหารเผ็ดร้อน สดใหม่ และนุ่ม
เมื่อไป๋จิ่นเห็นอาหารจานนั้น เขาก็เข้าใจถึงคำที่บอกว่าเลือกที่รักมักที่ชังขึ้นมาทันที เรื่องอะไร! เรื่องอะไรนางมาแล้วแต่กลับได้กินอาหารบ้านเกิดเช่นนี้ ส่วนเขาไม่มีอะไรสักอย่าง
อีกอย่าง เหตุใดวัตถุดิบในจานนั้นถึงดูคุ้นเช่นนี้กัน?
“งูนี่…”
“จับมาจากบ้านเจ้า” จี้จือฮวนหยิบตะเกียบขึ้น ให้เยว่พั่วหลัวรีบชิม กลัวว่าหากเย็นแล้วจะคาว
เยว่พั่วหลัวหยิบตะเกียบขึ้นมาต่อหน้าไป๋จิ่น ไป๋จิ่นน้อยใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
เรื่องอะไรกัน! ทำไมต้องเอางูของเขาไปให้นางกินด้วย!?
รังแกกันเกินไปแล้ว เขาก็จะกินด้วย!
“ดูสิ อร่อยจนเสี่ยวไป๋น้ำตาไหลด้วยความปีติแล้ว!”
“ไม่เลวนี่นา เดี๋ยวนี้เจ้ารู้จักใช้สำนวนแล้ว”
“ก็เรียนมาจากโรงเรียนอนุบาลไม่ใช่หรือ! ใครจะใช้ไม่เป็นกัน”
หลังจากกินข้าวเสร็จ เซียวเย่เจ๋อที่อิ่มหนำสำราญแล้วก็ตั้งใจไปหาฮวาเซียงเซียงเพื่อย่อยอาหารไปในตัว และถามนางเกี่ยวกับเรื่องเปิดร้านอาหารในเมืองหลวงด้วย กินแต่ของอร่อยจนเคยตัว กลับจวนไปพ่อครัวคงไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้เป็นแน่
แม้แต่เซียวผิงก็ยังอ้วนขึ้นเลย
สุดท้ายเพิ่งจะเดินไปได้ไม่ไกล ก็ถูกไป๋จิ่นดึงตัวไปหลังต้นไม้
เซียวเย่เจ๋อเมื่อเห็นว่าเป็นเขาก็เอ่ยด้วยความโมโหขึ้นมาทันที “ทำอะไรกัน ทำให้คนตกใจตายได้เลยนะ!”
“ข้าจะล้างแค้น!” ไป๋จิ่นจะตอบโต้!
“เจ้าจะล้างแค้นทำไมไม่รีบบอก ฮ่องเต้กลับไปแล้ว”
“ข้าไม่ได้มีความแค้นกับฮ่องเต้ เรื่องที่เจ้าพูดครั้งก่อนข้าตกลง” ไป๋จิ่นล้วงผงยาห่อเล็ก ๆ ออกมา “จี้จือฮวนฆ่างูของข้า!”
เซียวเย่เจ๋อกะพริบตาเล็กน้อย “นางไม่ได้เพิ่งฆ่าเป็นครั้งแรกเสียหน่อย”
“ไม่ใช่ก็จริง แต่ว่านางทำให้เยว่พั่วหลัวกิน! ข้ายังไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เลย”
“เมื่อครู่เจ้าเองก็กินไปไม่น้อยเหมือนกันนะ”
“ข้าไม่สน เดิมเจ้าเป็นคนออกความคิดไม่เข้าท่านี่เอง เจ้าจะทำหรือไม่ทำ?”
เซียวเย่เจ๋อคิดไปคิดมา สุดท้ายก็เริ่มหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย แต่อีกสองวันเขาก็ต้องกลับแล้ว งานที่จวนมีอีกเป็นตั้ง ทั้งยังต้องไปจัดการเรื่องร้านให้เรียบร้อย
เขาเอื้อมมือไปรับห่อยามา ก่อนจะเปิดดูเงียบ ๆ “สีสันฉูดฉาดแบบนี้ จะเอาไปใส่อะไรได้กัน มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะกิน”
ไป๋จิ่นกำลังจะพูดว่า ‘เจ้าจะไปรู้อะไร อย่างจี้จือฮวนไม่ให้ยาแรงหน่อยจะสำเร็จอย่างนั้นหรือ?’
“ใครเป็นคนโง่กันหรือ?!”
ไม่รู้ว่าฮวาเซียงเซียงโผล่มาจากที่ใด ทำเอาเซียวเย่เจ๋อตกใจจนมือสั่น จนสาดยาทั้งหมดเข้าใบหน้าของตัวเอง
ไป๋จิ่นรีบหยิบพัดพับออกมา พร้อมกับดึงฮวาเซียงเซียงถอยไปข้างหลังสามจั้ง พลางปิดปากและจมูกของนางเพื่อลอบสังเกตการณ์
เห็นเซียวเย่เจ๋อยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม มองเขาอยู่อย่างนั้น
ไป๋จิ่นกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ คิดอยู่นานก่อนจะเอ่ยขึ้น “หรือไม่…ก็ช่วยตัวเอง?”
“ไป๋จิ่น!!!!!!”
ครึ่งชั่วยามต่อมา
“โอ๊ย!” เซียวเย่เจ๋อซึ่งกำลังกัดผ้าเช็ดหน้าพลางกุมก้นเอาไว้ ก็เดินออกจากห้องโถงอย่างเงียบ ๆ
ช่างน่าอายยิ่งนัก แค่สองวันก้นของเขากลับมีรูเข็มรูใหญ่ข้างละรู
เขาไม่ใช่เซียวซื่อจื่อที่หล่อเหลาและสง่างามอีกแล้ว!
“ดูความไม่ได้เรื่องของเจ้าสิ” จี้จือฮวนยืนพิงประตู ก่อนจะเอาอ่างล้างหน้าไปล้างอย่างเงียบ ๆ การมีอยู่ของเจ้าเด็กคนนี้เป็นแค่การเพิ่มภาระให้กับกล่องยาน้อยของนางก็เท่านั้น
วันนี้เซียวเย่เจ๋อจึงไม่สามารถไปนอนเบียดกับพวกเซียวผิงได้
เนื่องจากมีครอบครัวทหารเพิ่มเข้ามา ผ้าห่มในหมู่บ้านตระกูลเฉินจึงไม่เพียงพอ ภายในห้องก็มีคนนอนบนพื้นเพิ่มขึ้นมา
แค่เขาได้ยินเสียงกรนก็รู้สึกทรมานแล้ว ดังนั้นจึงกลับมานอนเบียดกับเผยยวน
จี้จือฮวนปิดประตูห้องน้ำแล้ว ฮวาเซียงเซียงก็เปิดหน้าต่างห้องออกแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มขึ้นมา “เอ๊ะ ก้นยังเจ็บอยู่หรือ? กินลูกอมหรือไม่?”
เซียวเย่เจ๋อถลึงตาใส่นาง “เจ้ามันไร้มโนธรรม ทำเช่นนี้กับผู้มีพระคุณของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
ฮวาเซียงเซียงล้วงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาและหยิบขนมด้านในออกมา “ข้าไร้มโนธรรมตรงไหนกัน? เจ้าอย่าลืมสิว่าเมื่อครู่ตอนเจ้าฉีดยา ใครอยู่เป็นเพื่อนเจ้ากัน!”
เซียวเย่เจ๋อมองผ้าเช็ดหน้าในมือของฮวาเซียงเซียง ก่อนจะเอ่ยด้วยความอับอาย “ไม่เอา น่าอาย”
ฮวาเซียงเซียงมีสีหน้าไม่เข้าใจ “น่าอายอะไรกัน ข้าไม่ได้เห็นก้นเจ้าเป็นครั้งแรกเสียหน่อย ขาวอย่างกับอะไรดี เอาล่ะ รีบมากินเถอะ อีกเดี๋ยวขนมนี่ก็ไม่อร่อยแล้ว”
เซียวเย่เจ๋อหมดอาลัยตายอยาก สตรีเดี๋ยวนี้พูดจาไม่มีการอ้อมค้อมเลยสักนิด
ทว่าตัวเขาเองกลับค่อย ๆ ชินเสียแล้ว!
เซียวเย่เจ๋อเดินเข้าไปอย่างลีลา ก่อนจะหยิบขนมในมือของนางขึ้นมากินหนึ่งคำ “ใช้ได้ ขนมเกาลัดหรือ?”
“ใช่แล้ว ข้าทำเอง เทียบกับของฮวนฮวนไม่ได้หรอก”
“ข้าว่ามันอร่อยมากทีเดียว เจ้าจะกลับตำบลฉาซู่เมื่อใด?”
“พรุ่งนี้เช้า ที่ร้านขาดข้าไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นข้าเขียนจดหมายถึงพ่อข้าแล้ว เขาต้องมาด้วยตัวเองอย่างแน่นอน” ฮวาเซียงเซียงเอามือทั้งสองข้างเท้าที่คาง ก่อนจะถามเขาผ่านทางหน้าต่าง
“เจ้าล่ะ? จะกลับเมืองหลวงเมื่อใด? ยังจะกลับมาที่นี่อีกหรือไม่?”
เซียวเย่เจ๋อครุ่นคิดอยู่สักพัก “คาดว่าอาจจะกลับไปสักครึ่งเดือน ท่านพ่อข้าไม่สนใจการค้าของที่บ้าน น้องสาวข้าก็ไม่รู้เรื่อง ข้าต้องไปช่วยเปิดร้านในเมืองหลวงให้แม่ทัพเผยกับจี้จือฮวน อยู่ภายใต้ชื่อของข้าจะดีกว่า เจ้าคงไม่ได้คิดถึงข้าหรอกกระมัง”
“บ้านเจ้าน่ะสิ” ฮวาเซียงเซียงถลึงตาใส่เขา
“ครอบครัวเจ้าไม่รับข้าราชการกันหรือ? ลูกหลานตระกูลข้าราชการทางเจียงหนาน อยากจะเป็นกันจนตัวสั่น”
เซียวเย่เจ๋อปัดเศษขนมเกาลัดในมือแล้วเอ่ยขึ้นมา “ราชสำนักกำลังจะวุ่นวายไม่ช้าก็เร็วนี้ จะสอดมือเข้าไปยุ่งทำไมกัน ทำการค้าอย่างน้อยทั้งครอบครัวก็ไม่อดตาย ครอบครัวข้าไม่มีความคิดคร่ำครึเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นท่านพ่อข้าเดิมก็ว่างงานอยู่แล้ว ข้าเองก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไรนัก”
ฮวาเซียงเซียงพยักหน้ารับรู้ “ก็จริง”
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก จนผ่านไปครู่หนึ่งเซียวเย่เจ๋อก็ถอนหายใจออกมา “เอาล่ะ ข้าจะรอเจ้าไปเปิดร้านอยู่ที่เมืองหลวงนะ”
“ได้ ขอให้การค้าของพวกเราประสบความสำเร็จ เงินทองไหลมาเทมา!”
ตอนที่จี้จือฮวนออกมาจากห้องน้ำหลังล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ เซียวเย่เจ๋อก็ได้กลับห้องไปนอนแล้ว ฮวาเซียงเซียงก็ไปที่ห้องท่านป้าเพื่อฟังนางเล่าเรื่อง
ทันทีที่นางวางอ่างลง ก็ได้ยินเสียงคนเดินมาอย่างไม่เร่งรีบ
จี้จือฮวนที่กำลังฟังเสียงอยู่ก็เห็นเผยยวนก้าวเข้ามา
ทั้งสองสบตากัน แววตาล้วนแฝงไปด้วยรอยยิ้ม
“ไปไหนมา?”
เมื่อครู่กินข้าวเสร็จนางก็ไม่เห็นเขาแล้ว
เผยยวนหยิบเสื้อคลุมจากที่แขวนเสื้อมา และช่วยคลุมให้นาง “จะพาเจ้าไปดูของดีที่ภูเขาด้านหลัง”
ในใจจี้จือฮวนคิดว่าเกี่ยวกับเหมืองที่เขาดูแลอยู่ จึงเอ่ยถามออกไป “พบของดีอะไรอีกแล้วหรือ?”
เผยยวนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างจำยอม “นับว่าใช่ก็ได้”
“เช่นนั้นก็พาคนไปมากหน่อยสิ”
เผยยวนกอดนางเอาไว้ “ไม่ได้ แค่เราสองคนก็พอแล้ว”
จี้จือฮวนชะงักไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา “ทำไมล่ะ?”
เผยยวนพูดไม่ออก ผ่านไปสักพักจึงกระแอมออกมาเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าค้นพบบ่อน้ำพุร้อน ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าจะสอนข้าว่ายน้ำไม่ใช่หรือ?”
จี้จือฮวนรู้สึกประหลาดใจจริง ๆ “บ่อน้ำพุร้อน? ไปเจอที่ใดกัน?”
“ในพื้นที่ราบระหว่างภูเขาเล็ก ๆ บนภูเขาด้านหลัง มีพงหญ้าและต้นไม้ปกคลุมหนาทึบ หากไม่สังเกตดูให้ดี ๆ ไม่มีทางรู้ว่าจะมีพื้นที่เช่นนี้อยู่”
จี้จือฮวนคิดไปคิดมา ตอนกลางคืนเหมาะมากจริง ๆ
.
.
.
Comments