เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้ายบทที่ 369 ฮ่องเต้เซี่ยเจินโมโหมาก

Now you are reading เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย Chapter บทที่ 369 ฮ่องเต้เซี่ยเจินโมโหมาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 369 ฮ่องเต้เซี่ยเจินโมโหมาก

เมื่ออี้ชุ่นจากไปแล้ว ฮ่องเต้เซี่ยเจินจึงได้สั่งเจียงเต๋อให้เขาไปแจ้งถังกั๋วกง สั่งให้ถังกั๋วกงไปหมู่บ้านตระกูลเฉินรับองค์หญิงใหญ่กลับมาด้วยตัวเอง

อย่างไรเสียลูกชายตัวเองวางราชกิจในถู่เจียเพื่อมาพบแม่อย่างนาง นางคงไม่ถึงกับไม่ยอมกลับมาหรอกกระมัง

ฮ่องเต้เซี่ยเจินคิดได้ดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหลายส่วน แต่เมื่อคิดถึงเซี่ยวั่งซูที่ทำตัวสูงส่งตลอดกาลและไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ในใจก็รู้สึกกลัดกลุ้มอย่างมาก

ลูกภรรยาเอกกับลูกอนุมีอะไรต่างกัน? เขาเป็นลูกอนุแต่ก็ยังสืบราชบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ได้ นางเป็นลูกภรรยาเอกก็ยังต้องแต่งกับพวกคนเถื่อนเลยไม่ใช่หรือ? ทั้งชีวิตก็กลับมาได้แค่ไม่กี่ครั้งไม่ใช่หรือ?

“หาคนแฝงไปในกลุ่มผู้ติดตามถังกั๋วกง สำรวจภายในและภายนอกหมู่บ้านตระกูลเฉินซะ”

เจียงเต๋อพยักหน้ารับคำสั่ง จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบาขึ้นมา “อัครมหาเสนาบดีหานกลับเมืองหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ตอนนี้ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีว่างลง ทุกคนต่างก็รู้ว่าฮ่องเต้เซี่ยเจินยังอาลัยอาวรณ์หานเหล่ยอยู่ จู่ ๆ เรียกเขากลับมาเช่นนี้ เจียงเต๋อย่อมต้องเปลี่ยนคำเรียกไปด้วย

ฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่ได้โต้แย้งใด ๆ และยอมรับคำเรียกนี้

ความจริงหานเหล่ยควรกลับจวนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้าวังเพื่อไปเข้าเฝ้าตั้งนานแล้ว แต่ใครจะคิดว่าจู่ ๆ หานฉีก็หนีไป ทำให้เสียเวลาอย่างมาก

หานฉีเดี๋ยวนี้ทำตัวแปลกขึ้นเรื่อย ๆ บางครั้งก็ไม่ค่อยสนใจคำสั่งของเขา หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้หานฉีไม่เคยทำพลาดมาก่อน หานเหล่ยคงไม่เก็บเขาเอาไว้อีก

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” ทันทีที่หานเหล่ยเข้ามาก็คารวะอย่างเป็นทางการทันที

ฮ่องเต้เซี่ยเจินลงจากบัลลังก์มาประคองเขาให้ลุกขึ้นด้วยพระองค์เอง “ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว”

ทั้งสองเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ทว่าความจริงแล้วก็เพิ่งจะแยกกันไม่นาน แต่ทั้งสองคนยังคงรู้สึกกลัวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่พบเจอที่หมู่บ้านตระกูลเฉินอยู่

หานเหล่ยคิดที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของฮ่องเต้เซี่ยเจินก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก “ฝ่าบาทพระพลานามัยยังแข็งแรงดีอยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

เหตุใดผมถึงขาวไปกว่าครึ่งเช่นนี้เล่า? นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่เท่าไรเองนะ?

วัยของฮ่องเต้เซี่ยเจินตอนนี้ เกลียดการที่คนอื่นบอกว่าเขาแก่เป็นที่สุด หานเหล่ยถามเช่นนี้ ในใจของฮ่องเต้เซี่ยเจินจึงเกิดความไม่พอใจขึ้นมา แต่เขาก็รู้ดีว่าร่างกายของตนนั้นแย่ลงเรื่อย ๆ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่โปรดปรานเจียงเช่อถึงเพียงนั้น เพราะว่ามีเพียงเจียงเช่ออยู่ด้วยเท่านั้น เขาจึงจะสามารถนอนหลับได้อย่างสบาย

“ข้าไม่เป็นอะไร”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฮ่องเต้เซี่ยเจิน หานเหล่ยก็เข้าใจได้ในทันที เพราะระหว่างทางกลับเมืองหลวงเขาก็ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันคร่าว ๆ มาแล้ว

“กองทัพทหารเกราะเหล็กใกล้จะหมดกำลังแล้ว ดังนั้นฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องไปกังวล เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการกู้หน้าตาและชื่อเสียงของราชสำนักที่เสียไปกลับคืนมาให้ได้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

เผยยวนต่อให้จะมีเงินมากเพียงใด แต่เมื่อมีทหารที่ต้องเลี้ยงดูมากมายเพียงนั้น อาศัยพื้นที่เล็ก ๆ อย่างหมู่บ้านตระกูลเฉิน จะสามารถทำอะไรได้?

ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปคอยหาเรื่องเผยยวนไม่ปล่อยเช่นนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะความกลัวในใจฮ่องเต้เซี่ยเจินเอง ที่ต้องการเห็นเผยยวนตายจึงจะพอใจ

เขามองว่าเผยยวนไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้ ไม่ช้าก็เร็วต้องกลับซีเป่ยเป็นแน่

หานเหล่ยคิดว่าคำพูดของตัวเองจะสามารถโน้มน้าวฮ่องเต้เซี่ยเจินได้ แต่ใครจะคิดว่าไม่นานจะมีเจ้าหน้าที่คนอื่นมาขอเข้าเฝ้าด้วย อีกทั้งฮ่องเต้เซี่ยเจินเองก็ไม่คิดที่จะปิดบังเรื่องที่จะให้หานเหล่ยกลับมาแต่อย่างใด จึงให้พวกเขาทั้งหมดเข้าเฝ้าอย่างไม่พอใจ

“ฝ่าบาท สินค้าทางน้ำถูกสกัดกั้นทั้งหมด และต้องเสียภาษีมากกว่าปีที่แล้วถึงแปดเท่า เราจะจ่ายไหวได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”

โดยเฉพาะอย่างยิ่งของเหล่านั้นล้วนเป็นวัตถุดิบสดใหม่สำหรับเจ้านายในวังหลวง ที่รวบรวมมาจากที่ต่าง ๆบราวนี่ออนไลน์

นอกจากนี้ยังมีส่วยภาษีท้องถิ่นก็ถูกสกัดกั้นไว้ทั้งหมดเช่นกัน แต่คนที่อยู่เบื้องหลังของอีกฝ่ายกลับเป็นไท่ซ่างหวง ใครจะกล้าแตกหักด้วยเล่า

ฮ่องเต้เซี่ยเจินเบิกตากว้าง “เจ้าบอกว่าเท่าใดนะ?”

“แปดเท่าพ่ะย่ะค่ะ…”

“บังอาจ!” ฮ่องเต้เซี่ยเจินโมโหเป็นอย่างมาก ก่อนจะเอ่ยกับหานเหล่ย “เจ้าได้ยินหรือไม่ เจ้ายังจะบอกว่าเขาไม่ได้คิดเช่นนั้นอีกหรือ! เงินที่เลี้ยงกองทัพทหารเกราะเหล็กก็มาจากตรงนี้ไม่ใช่หรือ!”

“ไปบอกเขาว่าที่เขาทำเป็นการลบหลู่กฎหมาย! ปล้นสินค้าผ่านทาง เขาช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนัก!”

เจ้าหน้าที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา “ทางด้านนั้นไม่ได้ปล้นชาวบ้านพ่ะย่ะค่ะ แต่พุ่งเป้ามาที่การขนสินค้าของทางการเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินเงยหน้าขึ้นด้วยความโมโห “เขากำลังยั่วยุข้าอย่างนั้นหรือ ไม่พอใจข้าอย่างนั้นหรือ!”

หานเหล่ยก็คิดไม่ถึงว่าเผยยวนจะใช้วิธีนี้มาข่มขู่ราชสำนัก ทำเช่นนี้โง่เขลาเกินไปแล้ว เขาไม่กลัวว่าชื่อเสียงของเขาจะป่นปี้เลยหรืออย่างไร?

แต่เมื่อเขาลองคิดดูอีกครั้ง ไม่ ไม่มีทาง เผยยวนได้ช่วยราษฎรในเมืองหลวงจากคดีที่องค์ชายสามและราชครูวางแผนทำร้ายประชาชนเพื่อทรัพย์สินไว้ได้ แค่การที่หย่งอันถังแจกยาถอนพิษโดยไม่คิดเงิน ก็ได้ใจราษฎรไปมากมายแล้ว

กอปรกับชื่อเสียงของราชสำนักในตอนนี้ ราษฎรมีแต่จะรู้สึกว่าที่เผยยวนทำนั้นถูกต้องแล้ว

แต่อาศัยแค่การปล้นของจากราชสำนัก ก็สามารถเลี้ยงกองทัพทหารเกราะเหล็กมากมายเพียงนั้นได้แล้วอย่างนั้นหรือ? หานเหล่ยก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

คงไม่ใช่ว่าไท่ซ่างหวงแอบหาวิธีอื่นช่วยเผยยวนด้วยหรอกกระมัง?

ดูท่าไท่ซ่างหวง…คงจะเก็บเอาไว้ไม่ได้แล้ว

หานเหล่ยสามารถปีนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งทุกวันนี้ได้ ย่อมไม่มีอะไรที่เขาไม่กล้าคิดและไม่กล้าทำ

ตอนนี้ฮ่องเต้เซี่ยเจินก็ถูกบีบจนไร้หนทางแล้ว หากปล่อยให้ไท่ซ่างหวงทำอะไรที่ไม่ไว้หน้ากษัตริย์เช่นนี้ต่อไป ก็จะทำให้ขุนนางใต้บังคับบัญชาค่อย ๆ เอนเอียงไปทางไท่ซ่างหวงมากขึ้น

นี่ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง

ในเมื่อลงจากตำแหน่งแล้ว ก็ควรประพฤติตัวให้เหมาะสม สอดมือเข้ามาก้าวก่ายเกินไปมีแต่จะทำให้คนรำคาญ

ในใจหานเหล่ยกำลังวางแผนร้าย ส่วนฮ่องเต้เซี่ยเจินก็กำลังเดินไปเดินมาด้วยความโมโห เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเผยยวนถึงไม่ร้อนใจเลยสักนิด ทั้งยังแจกจ่ายยาให้ราษฎรโดยไม่เก็บเงิน ของเหล่านั้นเอามาจากที่ใดกัน คงไม่ได้ปล้นมาหรอกกระมัง

ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ ก่อนจะกวาดฎีกาบนโต๊ะทรงอักษรทั้งหมดลงไปกองกับพื้นทันที

เซี่ยเซวียน ตระกูลเมิ่ง เป็นเขาที่เป็นคนทำ เจียงเช่อก็เช่นกัน!

ดีจริง ๆ เขาเคยบอกแล้วว่าความทะเยอทะยานเยี่ยงหมาป่าของเผยยวนไม่เคยหยุดหย่อนแม้แต่อึดใจเดียว แล้วเขาเอาเงินที่ใดมาเลี้ยงทหารกัน หากไม่ได้คำตอบเรื่องนี้ เกรงว่าคืนนี้เขาคงยากที่จะนอนหลับได้

เจียงเต๋อรีบเก็บฎีกาที่ตกลงบนพื้นเหล่านั้น ฮ่องเต้เซี่ยเจินชำเลืองเห็นฎีกาฉบับหนึ่ง จึงเอ่ยอย่างหมดความอดทน “บนนั้นเขียนว่าอะไร?”

“เป็นตำบลฉาซู่ส่งมาพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินดวงตาเย็นเยียบ “นำขึ้นมา”

ดูจากวันที่คงกองอยู่ในนี้มาสักระยะแล้ว ฮ่องเต้เซี่ยเจินเดาว่าคงเป็นนายอำเภอขี่ลาที่ไม่กลัวตายผู้นั้นส่งมาเป็นแน่ เขาไม่ได้มีความประทับใจกับเจ้าสารเลวนั่นเลย เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีโอกาสที่จะเล่นงานเขาได้

หากเขากล้าเขียนในฎีกาถึงตอนที่เขาไปหมู่บ้านตระกูลเฉินตอนนั้น ฮ่องเต้เซี่ยเจินจะเล่นงานเขาทันที ส่งเขาไปที่ทุรกันดารที่ไกลที่สุด!

ฮ่องเต้เซี่ยเจินเปิดฎีกาด้วยความคิดเช่นนั้น แต่เมื่อเขาอ่านเนื้อหาจบ กลิ่นคาวเลือดก็พุ่งขึ้นมาจากลำคอ จากนั้นเลือดสด ๆ ก็พุ่งพรวดออกมา เขากระอักเลือดออกมาจนเต็มปาก

“ฝ่าบาท!!!”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินเดิมกินยาอายุวัฒนะเข้าไป บวกกับเครื่องหอมที่เพิ่มปริมาณขึ้นเป็นสองเท่า ไฟในตับมีมากประกอบกับความหุนหันพลันแล่นและหงุดหงิดง่าย ครั้งนี้จึงถูกกระตุ้นจนถึงขีดจำกัด ทำให้เขาสลบไปทันที

หานเหล่ยรีบให้คนไปตามหมอหลวงมา ก่อนจะหยิบฎีกาฉบับนั้นขึ้นมาอ่านคร่าว ๆ

เขาเองก็เกือบจะกระอักเลือดออกมาเช่นกัน

ในตอนแรกฮ่องเต้เซี่ยเจินดีใจเป็นอย่างมาก เพราะท้องพระคลังขาดดุลมานานแล้ว ลูกคิดของเจ้าหน้าที่กรมพระคลังดีดจนเสียงดังไปหมด ทุกปีล้วนหาเงินไม่เคยพอ สุดท้ายหมู่บ้านตระกูลเฉินกลับพบเหมืองทองและเหมืองเหล็ก! นี่คือสิ่งที่นายอำเภอเจียงผู้นั้นตั้งใจเขียนมาบอกฮ่องเต้เซี่ยเจินโดยเฉพาะ

เดิมทีเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง! แต่นายอำเภอลาผู้นั้นกลับเสริมมาอีกหนึ่งประโยค บอกว่าได้ขายภูเขาและที่ดินบริเวณนั้นเป็นจำนวนเงินสองพันสองร้อยตำลึงให้แก่จี้จือฮวนไปแล้ว

นี่ต่างจากการขายให้เผยยวนที่ใดกัน!

ไม่เพียงยกภูเขาทองให้แต่ยังแถมแร่เหล็กให้อีกด้วย เผยยวนอาศัยสองสิ่งนี้ก็สามารถอยู่ในตำแหน่งได้ตลอดไปแล้ว!

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด