เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้ายบทที่ 452 ตามหาตัวคนเพื่อชำระบัญชี

Now you are reading เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย Chapter บทที่ 452 ตามหาตัวคนเพื่อชำระบัญชี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 452 ตามหาตัวคนเพื่อชำระบัญชี

คนเฝ้าประตูเห็นอาอินเดินออกมา ก็รีบเข้ามาต้อนรับ “คุณหนูจะไปที่ใดหรือขอรับ?”

อาอินกลอกตาคิดไปมา “ป้ายหยกขององค์ชายสิบหล่นหาย ข้าจะไปตามหาเป็นเพื่อนเขา เดี๋ยวก็กลับแล้ว!”

“อย่างนั้นหรือขอรับ เช่นนั้นให้พวกเราไปหาให้ก็ได้นะขอรับ”

“ไม่ต้อง ปีใหม่ทั้งที คงลำบากพวกเจ้าแล้ว อีกเดี๋ยวตอนกลางคืนจะมีแจกอั่งเปาให้พวกเจ้าด้วย”

คนเฝ้าประตูตอบรับด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าจะอยู่ในจวนอ๋อง แต่บรรดาเจ้านายทั้งหมดก็ล้วนแต่ใจกว้าง พระชายาแม้แต่สาวใช้สักคนก็ไม่ต้องการ วัน ๆ เอาแต่พูดกับพวกเขาว่าคนเรานั้นเท่าเทียมกัน แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี และรู้แค่ว่าบรรดาเจ้านายล้วนเป็นคนที่อัธยาศัยดีเท่านี้ก็พอแล้ว

อาอินเดินนำเซี่ยห่วงออกมา และเห็นฉู่จิ้นที่ยืนอยู่ตรงนั้นเข้าพอดี จึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยออกมา “เจ้ามาทำอะไร?”

ฉู่จิ้นใบหน้าแดงเรื่อขึ้น เขาเม้มริมฝีปากแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ข้ามาขออภัย”

อาอินเกาหัวเล็กน้อย “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่ไปบอกคนเฝ้าประตูเล่า?”

“ข้า…” ฉู่จิ้นกลัวเผยยวนจะไม่ให้เขาเข้าพบ จึงรู้สึกลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจรอเซี่ยห่วงให้เขาช่วยไปถ่ายทอดคำพูดให้ แต่คิดไม่ถึงว่าอาอินจะออกมาเอง

“เอาล่ะ เจ้าเข้าไปเถอะ พ่อแม่ข้าไม่ใช่คนใจแคบ เจ้าจะขออภัยก็ควรพูดให้ชัดเจน”

เพราะตอนนี้อาอินกำลังรีบไปช่วยสั่งสอนคนให้เชลยอ้วนอยู่

ฉู่จิ้นเห็นนางจะไปแล้ว ก็ลังเลเล็กน้อยก่อนจะตามมาด้วย “เจ้าจะไปที่ใด?”

อาอินไม่ได้ปิดบังเขา พลางชี้นิ้วไปที่เชลยอ้วน “มีคนรังแกลูกน้องข้า ข้าในฐานะพี่ใหญ่ย่อมต้องไปช่วยล้างแค้น วันส่งท้ายปีเก่าเช่นนี้มารังแกเด็กผิดบ้านแล้ว”

เดิมฉู่จิ้นอยากจะหัวเราะนางว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะสู้ใครได้กัน แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่จี้จือฮวนพูด ก็เอ่ยด้วยความรู้สึกละอายใจออกมา “ข้าขอตามไปด้วยได้หรือไม่?”

อาอินชำเลืองมองเขา “เจ้าคงไม่ได้มาเพื่อท้าดวลชี้ขาดกับข้าอีกหรอกกระมัง? เจ้าแพ้ข้าแล้วนะ”

“ไม่ใช่ ๆ ๆ ข้ามาเพื่อขออภัยจริง ๆ เจ้าอย่าเข้าใจข้าผิด” ฉู่จิ้นสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง “ขอโทษ ข้าไม่ควรคิดว่าเจ้าอายุยังน้อยและเป็นแค่เด็กผู้หญิงแล้วจะดูถูกเจ้าได้ และไม่ควรด้อยค่าผู้หญิงด้วย”

อาอินเอียงคอมองเขา “ข้ายกโทษให้เจ้าแล้ว”

ฉู่จิ้นประหลาดใจ “จริงหรือ?”

“ใช่ แม้ว่าคำพูดของเจ้าก่อนหน้านี้จะทำให้ข้าโมโหมากก็ตาม แต่เมื่อเจ้ายอมรับผิดแล้ว ข้าย่อมอภัยให้เจ้าอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ข้ารีบไปตีคนจริง ๆ เพราะอีกเดี๋ยวต้องมากินอาหารเย็นส่งท้ายปีเก่าแล้ว”

“เช่นนั้น…เช่นนั้นข้าไปกับเจ้าด้วยดีกว่า บางทีคนมากก็อาจจะช่วยอะไรได้บ้าง”

เซี่ยห่วงก็คิดว่าท่าทางของฉู่จิ้นดูสู้เก่งไม่น้อย “หรือไม่พาเขาไปด้วยเถอะ บ้านของญาติผู้พี่ผู้นั้นของข้ามีอันธพาลอยู่เยอะมาก”

อาอินคิดไปคิดมา “ก็ได้!”

แต่นางเพิ่งจะเดินออกไปได้สองก้าว ก็พบกับจ้านอิ่งที่กลับมาจากการไปเดินเล่นพอดี สามคนหนึ่งม้าสบตากัน จ้านอิ่งส่งเสียงฟึดฟัดออกมาทางจมูก พลางกระทืบเท้าทีหนึ่งเป็นสัญญาณบอกให้อาอินขึ้นมา

อาอินจึงขึ้นหลังม้าไปทันทีโดยไม่พูดอะไร แต่ฉู่จิ้นกลับสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปหนึ่งเฮือก พลางเดินรอบตัวจ้านอิ่งหนึ่งรอบ “นี่…นี่ราชาม้าไม่ใช่หรือ?!”

เมื่อก่อนเวลาที่เผยยวนขี่ไปที่ค่ายทหาร ไอพลังเช่นนั้นเขาดูแล้วก็รู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสมันใกล้ ๆ เช่นนี้

จ้านอิ่งส่งเสียงออกมาทางจมูก พลางปรายตามองฉู่จิ้น จากนั้นก็สะบัดหัวไปมา อาอินจึงเอ่ยขึ้น “รีบนำทาง!”

เซี่ยห่วงพยักหน้ารับ จากนั้นก็วิ่งนำหน้าไป เพราะเขาไม่กล้าขี่ม้าตัวเดียวกันกับอาอิน ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกหลานชายตีตายได้ อีกอย่าง ม้าตัวนี้ไม่ใช่ว่าใครอยากจะขี่ก็จะสามารถขี่ได้ นอกจากครอบครัวเนี่ยเจิ้งอ๋องแล้ว มันไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น

อันชินอ๋องผู้นั้นเมื่อก่อนไม่ถูกกับเซี่ยเจิน ดังนั้นจวนที่เขาอยู่จึงห่างจากวังหลวงค่อนข้างไกล ทำเอาเซี่ยห่วงวิ่งจนแทบหายใจไม่ทันกว่าจะไปถึง

อาอินเตรียมที่จะลงจากหลังม้าแล้วเข้าไปเอง ฉู่จิ้นก็เอ่ยขึ้นมา “ข้าไปเคาะประตูเอง มาหาซื่อจื่อของอันชินอ๋องใช่หรือไม่?”

“ไม่ใช่” เซี่ยห่วงส่ายหน้า “ซื่อจื่อแต่งงานมีลูกแล้ว ดังนั้นคนที่เราต้องการพบคือลูกชายคนสุดท้องของพวกเขา อายุมากกว่าข้าเล็กน้อย เจ้าไปบอกเขาว่าเจ้านายของเจ้าส่งมา ให้มาขอพบเขา!”

เจ้าเด็กนั่นต้องออกมาอย่างแน่นอน เดิมทีเขาก็เหมือนมีหนามอยู่ที่ก้น ไม่สามารถอยู่บ้านเฉย ๆ ได้ ตอนนี้เป็นเวลาที่กำลังรอกินมื้อค่ำส่งท้ายปีเก่า ไม่แน่เขาอาจจะกำลังเบื่ออยู่ก็เป็นได้

ฉู่จิ้นพยักหน้ารับ “ได้!”

เซี่ยห่วงมองดูฉู่จิ้นไปเคาะประตู “ลูกพี่ เจ้าเด็กนี่คบหาได้เลยนะ สั่งให้ไปก็ไปจริง ๆ”

อาอินลงจากหลังม้า จ้านอิ่งก็เดินตามหลังของพวกเขาไปทันที นางเลี้ยวเข้าไปในตรอก หยิบถุงกระสอบกับท่อนไม้ขึ้นมา แล้วให้เซี่ยห่วงหลบเข้าไปอยู่ในตะกร้า “อีกเดี๋ยวข้ามัดคนเรียบร้อยแล้ว เจ้าก็เข้าไปตีได้เลย เข้าใจหรือไม่? แล้วห้ามส่งเสียงเด็ดขาด”

เซี่ยห่วงพยักหน้ารับคำ “เช่นนั้นหากข้าอดไม่ได้ขึ้นมาจะทำเช่นไรเล่า!”

“ทนไม่ได้ก็ต้องทน” อาอินเอาตะกร้าสวมให้เขาเรียบร้อย กำลังจะหมุนตัวไปก็ชนเข้ากลับต้นขาที่แข็งแรงข้างหนึ่ง

เซียวเซวียนจิ่นย่อตัวลงมา มองอาอินที่อึ้งไปแล้วเอ่ยขึ้น “กลับมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อใด?”

อาอินลูบหน้าผากตัวเองป้อย ๆ “วันนี้เอง เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

“ข้าจะไปคารวะปีใหม่ที่จวน แล้วจะไปเยี่ยมพี่ใหญ่ของเจ้าด้วย ก็เห็นพวกเจ้าทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ที่นี่เสียก่อน สารภาพมาซะดี ๆ มาทำเรื่องไม่ดีอะไรกัน?”

เซียวเซวียนจิ่นเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง พลางเน้นย้ำอีกหนึ่งประโยค “หากโกหก ข้าจะตีก้นเจ้า”

อาอินปิดก้นน้อย ๆ เอาไว้ทันที “พวกเราไม่ได้ทำเรื่องไม่ดี เชลยอ้วนของพวกเราถูกคนรังแก! วันส่งท้ายปีเก่าแต่ตีคนจนเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งไปหมดใช้ได้ที่ใดกัน!”

เซียวเซวียนจิ่นขมวดคิ้ว เซี่ยห่วงก็ชะโงกหน้าออกมา ก่อนจะเล่าเรื่องวันนี้ให้เขาฟัง

เซียวเซวียนจิ่นปัดจมูกของอาอินหนึ่งที “เจ้าเด็กนั่นไม่มีทางออกมาแน่นอน”

และก็จริงตามนั้น ฉู่จิ้นกลับมารายงานพอดี “คนเฝ้าประตูบอกว่าหากไม่บอกชื่อไปรายงานให้ไม่ได้”

เซียวเซวียนจิ่นกล่าวเสริม “อีกทั้งหากไปรายงานก็ต้องไปบอกอันชินอ๋องโดยตรง ไหนเลยจะต้องไปบอกลูกชายคนเล็กของพวกเขา ตามข้ามาเถอะ”

เซียวเซวียนจิ่นจึงพาพวกเขาเดินเข้าไปในตรอก เซี่ยห่วงคิดไปคิดมา “เช่นนั้นกระสอบกับตะกร้ายังจะต้องเอาไปด้วยหรือไม่?”

เซียวเซวียนจิ่นพยักหน้าให้ “เอาไปด้วย จวนอันชินอ๋องเมื่อวานข้าเพิ่งไปมา ข้าคุ้นเคยดี”

เขาพาพวกอาอินเดินไปตามตรอกก่อนจะเลี้ยวไปทางประตูหลัง แล้วถามฉู่จิ้นขึ้นมา “เป็นวรยุทธ์หรือไม่?”

ฉู่จิ้นเข้าใจจุดประสงค์ของเซียวเซวียนจิ่นได้ทันที “เป็น”

“เจ้าพาเขาเข้าไป” เซียวเซวียนจิ่นย่อตัวเอง อุ้มอาอินขึ้นมา “จับให้ดี ๆ ล่ะ”

อาอินให้จ้านอิ่งยืนรอพวกเขาอยู่ที่นี่ จากนั้นตัวก็ลอยขึ้นมา เซียวเซวียนจิ่นอุ้มนางกระโดดข้ามกำแพงเข้าไปแล้ว

อาอินจึงรีบเอ่ยถาม “พี่ชาย เจ้าทำเรื่องเช่นนี้บ่อยหรือ?”

เซียวเซวียนจิ่นหัวเราะด้วยความโมโห “เจ้าเด็กน้อยนี่เหตุใดถึงใส่ร้ายพี่ชายได้ ข้าจะปีนกำแพงบ้านคนอื่นได้ทุกวันอย่างนั้นหรือ? หากข้าจะปีนก็คงปีนเข้าบ้านเจ้าเป็นที่แรกและอุ้มเจ้าหนีออกมา”

อาอินส่งเสียงหึออกมา “เจ้าขโมยไม่สำเร็จหรอก ท่านพ่อท่านแม่ข้าเก่งจะตายไป”

เซียวเซวียนจิ่นเห็นฉู่จิ้นแบกเซี่ยห่วงอย่างลำบาก จึงทำสัญญาณมือให้เขา จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าต่อ เดิมพวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงสายตาคนได้ แต่ใครจะคิดว่า ถึงแม้ฉู่จิ้นจะสามารถแบกเซี่ยห่วงได้ แต่ท้องของเซี่ยห่วงนั้นใหญ่เกินไป ขณะที่ซ่อนตัวอยู่หลังภูเขาจำลองจึงถูกคนรับใช้ที่ลาดตระเวนเห็นเข้าพอดี

ทั้งสามคนต่างมองไปทางเซียวเซวียนจิ่น ก่อนจะเห็นเขายกยิ้มขึ้นมา “กลัวอะไร ถูกพบเข้าแล้วก็แค่เดินออกไปตรง ๆ”

ซึ่งเซียวเซวียนจิ่นและเซี่ยห่วงนั้น คนของจวนอันชินอ๋องต่างก็รู้จักดี แต่พวกอาอินพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน จึงคิดว่าคงเป็นสาวใช้และผู้ติดตามที่พวกเขาสองคนพามาด้วย

“คารวะองค์ชายสิบ คารวะซื่อจื่อ”

อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นแค่เด็กอายุสิบกว่าขวบ คนรับใช้เหล่านี้จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร และกำลังครุ่นคิดว่า ป่านนี้แล้วเหตุใดพวกเขาถึงยังอยู่ในจวนอีก

และไม่ได้ยินว่าทั้งสองคนนี้จะมา

“คุณชายน้อยของพวกเจ้าอยู่ที่ใด เล่นซ่อนแอบกับพวกเราแต่ตัวเองกลับหายไปเสียเอง”

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด