เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้ายบทที่ 610 เจ้าเมาหรือไม่

Now you are reading เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย Chapter บทที่ 610 เจ้าเมาหรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 610 เจ้าเมาหรือไม่

“อีกอย่าง ปี้ลี่เก๋อขอแต่งงานกับเจ้า แต่ข้าปฏิเสธไปแล้ว คนผู้นี้เจ้าชู้หลายใจ ไม่ใช่คู่ครองที่ดี รออาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้ว พี่จะเลือกนักรบที่ดีที่สุดให้เจ้า ให้เขารักและปกป้องเจ้าไปตลอดชีวิต ดีหรือไม่?”

ซูตี๋หย่ามองดูตัวเองในกระจกด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

มู่เหรินถอนหายใจออกมา “ข้ายังมีธุระที่ด้านนอก ข้าจะให้คนมาช่วยเจ้า และให้เจ้าออกเดินทางคืนนี้เลย”

มู่เหรินลุกขึ้นยืน ซูตี๋หย่ามองเขา “พี่ชาย ท่านยังจำสิ่งที่ท่านแม่กำชับท่านในตอนนั้นได้หรือไม่?”

มู่เหรินกัดฟัน “ซูตี๋หย่า เจ้าต้องการมากเกินไป และโลภเกินไปแล้ว”

ซูตี๋หย่าเบนสายตาหนี

หลังจากมู่เหรินออกไปแล้ว คนรับใช้ที่เขาพามาเหล่านั้นก็เข้ามาช่วยซูตี๋หย่าเก็บข้าวของ

นางชอบความหรูหรา หากในเผ่ามีของดีอะไรก็มักจะอยู่ที่นางทั้งหมด ดังนั้นเหล่าคนรับใช้จึงเก็บของอย่างระมัดระวัง

ซูตี๋หย่าสวมผ้าปิดหน้า ตามคนเหล่านั้นออกจากกระโจมไป

“พวกเจ้าไปบอกพี่ชายข้าที ข้าอยากพบหน้าอาฉื่อน่าหลู่เป็นครั้งสุดท้าย”

อย่างไรเสียก็เป็นน้องสาวของผู้นำเผ่า ทุกคนจึงมองหน้ากัน แต่กลับไม่มีใครกล้าปฏิเสธซูตี๋หย่า

“เช่นนั้นพวกเราไปส่งท่านก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

ซูตี๋หย่ารู้ว่าคนเหล่านี้ไม่มีทางให้นางไปเพียงลำพัง “อืม”

นางจึงระงับอารมณ์ลง และมุ่งหน้าไปหาอาฉื่อน่าหลู่

“หยุด”

ซูตี๋หย่าเงยหน้าขึ้นก็เห็นจื่อฮุ่ยและอาเอ่อร์ไท่ยืนอยู่ตรงนั้น จึงมองด้วยสายตาไม่พอใจ “ข้าต้องการพบองค์ชายใหญ่ พวกเจ้ามีปัญหาอะไร?”

จื่อฮุ่ยส่งเสียงจิปาก ส่งสัญญาณให้อาเอ่อร์ไท่คุยกับผู้หญิงคนนี้

อาเอ่อร์ไท่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ท่านข่านบอกว่าไม่อนุญาตให้เจ้าพบองค์ชายใหญ่อีกต่อไป”

ซูตี๋หย่าเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บหนัก เมื่อได้ยินคำพูดนี้สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที “มีสิทธิ์อะไรไม่ให้ข้าพบอาฉื่อน่าหลู่!

อาฉื่อน่าหลู่ ข้าต้องการเจ้า ข้าคือน้าของเจ้า!” ซูตี๋หย่าตะโกนเสียงดังโดยไม่สนใจอะไร

อาเอ่อร์ไท่อยากเดินเข้าไปปิดปากนาง แต่จื่อฮุ่ยกลับผลักเขาออกไป “เจ้าหลีกไป!”

จากนั้นก็ตบหน้านางไปสองที ก่อนจะเอาฝ่ามือซัดเข้าที่ท้ายทอย ทำให้ซูตี๋หย่าสลบไปทันที

ก่อนจะปัดมือไปมาว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว “พาตัวไป!”

รถม้าที่เตรียมไว้เป็นรถม้าที่แข็งแรงที่สุดของต้าจิ้น และม้าที่ใช้ก็เป็นม้าที่เร็วที่สุดของถู่เจีย!

รีบเอาเทพแห่งหายนะผู้นี้ไปไกล ๆ!

เห็นแล้วน่ารำคาญยิ่งนัก

อาเอ่อร์ไท่ตกตะลึง มองคนเหล่านั้นพาตัวซูตี๋หย่าไป ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “เจ้าคงไม่ได้ฆ่านางหรอกกระมัง”

จื่อฮุ่ยหรี่ตาลง “ต้องดูว่านางคิดจะรนหาที่ตายอีกหรือไม่ หากอยู่ต้าจิ้น ตั้งแต่ตอนที่นางล่วงเกินองค์หญิงใหญ่ หัวก็หลุดจากบ่าแล้ว”

อาเอ่อร์ไท่พยักหน้าหงึก ๆ อย่างตกตะลึง

จื่อฮุ่ยจึงเอ่ยอย่างดูแคลน “ข้ารู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ก่อนไปต้องสร้างปัญหาอีกเป็นแน่”

อาเอ่อร์ไท่ตามขึ้นไป “เจ้ารู้ได้อย่างไร มีคนบอกเจ้าหรือ?”

“เจ้านี่มันโง่จริง ๆ เลย นางจะเต็มใจจากไปได้อย่างไรกัน คนประเภทนี้ข้าเจอมานักต่อนักแล้ว ไม่ตายไม่เลิกรา ต้องทำทุกวิธีเพื่อหาโอกาสลงมืออย่างแน่นอน”

จื่อฮุ่ยพูดถึงตรงนี้ก็เริ่มสงสัย ว่าชาวถู่เจียเหล่านี้เป็นพวกที่โตแต่ตัวใช่หรือไม่

แต่ละคนรูปร่างสูงใหญ่ ความสามารถในการขี่ม้ายิงธนูนับว่ายอดเยี่ยม ทว่ากลับเก่งแค่เรื่องใช้กำลัง

หากพูดถึงจิตใจคนและกลอุบาย เทียบไม่ได้กับนางที่เป็นแค่สาวใช้คนหนึ่งด้วยซ้ำ

ชิ ๆ ๆ หมดกัน

เริ่มเป็นห่วงองค์ชายที่องค์หญิงจะให้กำเนิดวันหน้าเสียแล้ว

“จริงสิ ท่านข่านของพวกเจ้า หัวสมองดีมากใช่หรือไม่?”

อาเอ่อร์ไท่ยืดหลังตรงขึ้นมาทันที “ท่านข่านเป็นคนที่ชาญฉลาดและเก่งกาจที่สุดบนทุ่งหญ้าของเรา!”

“พอ ๆ ๆ ถือว่าข้าไม่ได้พูดก็แล้วกัน!” จื่อฮุ่ยกลอกตามองบน

งานเลี้ยงดำเนินไปจนดึก ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้าย

ชางฉีดื่มเหล้าไปไม่น้อย แต่เซี่ยวั่งซูไม่เห็นว่าเขาจะเดินเซแต่อย่างใด มีเพียงแค่ดวงตาที่แดงขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

มือข้างหนึ่งก็จับจูงเซี่ยวั่งซูเดินไปอย่างมั่นคง

เมื่อกลับมาถึงกระโจม นางจึงมองไม่ออกว่าเขาเมาหรือไม่

เซี่ยวั่งซูจึงตกใจกับความคอแข็งของเขาเล็กน้อย

แต่ก็ยังให้คนรีบไปเตรียมน้ำอุ่นสำหรับอาบมา

เมื่อชางฉีเห็นพวกจื่อหลันหิ้วน้ำเข้ามา ก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของนางออกด้วย

ปากก็เอ่ยพึมพำ “ดวงจันทร์น้อยรักสะอาด ต้องอาบน้ำ อาบให้สะอาด”

เมื่อได้ยินเขาพูดจ้อ เซี่ยวั่งซูจึงได้สติขึ้นมา นี่เขาเมาแล้วนี่นา

นางหัวเราะเบา ๆ และสั่งให้คนออกไป ก่อนจะช่วยเขาปลดสายรัดเอวออก

“หืม? นี่ไม่ใช่สายรัดเอวที่ดวงจันทร์น้อยทำให้ข้านี่นา?” ชางฉีดึงสายรัดเอวออก เผยให้เห็นกล้ามหน้าอกที่แข็งแรง

“ข้าจะเอาสายรัดเอวที่ดวงจันทร์น้อยทำให้ข้า”

เซี่ยวั่งซูจึงพูดด้วยความโมโห “จะอาบน้ำอยู่แล้วจะเอาสายรัดเอวไปทำอะไรกัน”

“นั่นเป็นของแทนใจที่ดวงจันทร์น้อยมอบให้ข้า”

ในถู่เจีย สายรัดเอวถือเป็นของที่ใช้เป็นตัวแทนความรู้สึกของผู้หญิง

และเป็นของที่เซี่ยวั่งซูมอบให้เขากับมือ

เขาจึงยืนกรานจะเอาสายรัดเอวเส้นนั้นให้ได้

เซี่ยวั่งซูทำอะไรไม่ได้ จึงจะไปหยิบสายรัดเอวในตู้เสื้อผ้ามาให้เขา

สุดท้าย ขณะที่กำลังค้นอยู่นั้น ก็มีแขนข้างหนึ่งสอดมาจากทางด้านหลัง

“ดวงจันทร์น้อย นี่คืออะไร?”

เซี่ยวั่งซูมองไปที่ผ้าบาง ๆ ในมือของเขา ทันใดนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และรีบแย่งมันมาจากมือของเขา

“นี่…นี่เป็นชุดนอนของข้า”

ชางฉีดวงตาเป็นประกาย “ใส่ให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”

เซี่ยวั่งซูตอนนี้แม้แต่ใบหูก็แดงก่ำแล้วเช่นกัน “วันนี้ข้าไม่อยากใส่”

ชางฉีจึงกดนางเข้ากับตู้เสื้อผ้า ทันทีที่นางขยับมือของชางฉีก็สะบัดหนึ่งที แหวกชุดนอนสีแดงสดบางเบาราวกับปีกจักจั่นนั่นให้แยกออก

“ดวงจันทร์น้อย ข้าอยากเห็นเจ้าใส่”

น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความล่อลวง แต่กลับมีอำนาจบางอย่างที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

ราวกับว่า หากนางไม่ใส่ให้เขาดู วันนี้เขาจะไม่ยอมเลิกรา

เซี่ยวั่งซูพูดอย่างอึกอัก “เจ้าปล่อยก่อน น้ำจะเย็นหมดแล้ว”

ชางฉีส่งเสียงรับคำ จากนั้นนิ้วก็ปัดผ่านปมเสื้อผ้าของนาง

สำหรับเขาแล้ว ชุดแต่งงานที่หนาหนักในคืนวันแต่งงาน เป็นปมในใจเขาอย่างมาก

วันนั้นเขาร้อนใจจริง ๆ เสื้อผ้านั่นทั้งหนาหนักทั้งเทอะทะ จนเขาไม่สามารถถอดออกได้

แต่วันนี้ดวงจันทร์น้อยสวมชุดชาวถู่เจีย เขาจึงสามารถเปลื้องผ้านางออกได้อย่างรวดเร็ว และดื้อรั้นจะสวมให้นางเอง

ไม่นานนางก็อยู่ในชุดนอนที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะได้ชื่นชม มันบางเบาจนแทบจะไม่ปกปิดสิ่งใด

นางถูกเขาเกี่ยวเอวแล้วอุ้มขึ้นมา ก่อนจะวางลงในถังอาบน้ำที่อุณหภูมิน้ำกำลังพอดี

เหมือนกับดอกบัวปีศาจสีแดงที่เบ่งบานอยู่ในน้ำ ผ้าเนื้อบางเบานั่นลอยฟูฟ่องอยู่ในน้ำ และกระเพื่อมตามการเคลื่อนไหวของน้ำเป็นระยะ

เขาก้มหน้าลงมาจูบ

จูบนั้นค่อย ๆ เร่าร้อนขึ้น ราวกับจะกลืนกินนางลงท้อง และเต็มไปด้วยความต้องการอันไร้ที่สิ้นสุด

เหมือนกับต้องการช่วงชิงลมหายใจทั้งหมดของนางไป

มือของนางค่อย ๆ ผสานกับมือของเขา น้ำอุ่นก็ไหลผ่านหัวใจของพวกเขา

นอกกระโจมยังมีเสียงคนพูดคุยกันให้ได้ยิน

แต่ลมหายใจของพวกเขาเวลานี้กลับสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ดวงตาของคนทั้งคู่แฝงไว้ด้วยความรักใคร่ที่มีให้กันและกัน

สำหรับเซี่ยวั่งซู นี่เป็นประสบการณ์ที่นางไม่คุ้นเคย

การใช้ชีวิตร่วมกับคนคนหนึ่ง ใช้ลมหายใจร่วมกับเขา

ทำให้อากาศรอบ ๆ ตัวอุ่นซ่านขึ้นมา

ทุกครั้งที่นางสั่นไหว เขาก็โหมกระหน่ำใส่นางครั้งแล้วครั้งเล่า

น้ำในอ่างก็กระฉอกออกจากถังตามจังหวะของพวกเขา ลมหายใจที่กระชั้นของนางล้วนถูกเขาช่วงชิงไป และกลืนหายเข้าไปในโพรงปาก

อารมณ์ของนางที่ทะยานขึ้นมา ในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อยพร้อมกับการมาถึงของเขา ด้วยความรักที่ตอกตรึงหนักแน่นและเร่าร้อน

นิ้วมือของทั้งคู่สอดประสานกัน ใบหน้าก็คลอเคลียไม่ห่าง เซี่ยวั่งซูไม่เคยรู้เลยว่าคนเราจะมีอารมณ์เช่นนี้ด้วย ที่แท้การรักใครคนหนึ่งเป็นประสบการณ์เช่นนี้เอง

“ดวงจันทร์น้อย

ข้าชอบเจ้ายิ่งนัก”

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด