เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้ายบทที่ 614 คนหนุนหลัง
บทที่ 614 คนหนุนหลัง
เซี่ยวั่งซูหยิบถ้วยชาขึ้นมา และจิบไปหนึ่งอึก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ฆ่าเขาซะ”
ถั่นรุ่นชะงักงัน จากนั้นก็ได้สติขึ้นมา “องค์หญิงใหญ่!”
แม้แต่กัวเซี่ยวเองก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เหตุใดองค์หญิงใหญ่ถึงทรงทำเช่นนี้กัน?
“องค์หญิงใหญ่ ต่อให้พระองค์จะเป็นองค์หญิงใหญ่ แต่การจะประหารขุนนางของราชสำนักก็ต้องมีเหตุผลนะพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมพูดคำใดผิด หรือทำอะไรผิดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เซี่ยวั่งซูลุกขึ้น โดยมีมือกระบี่ทั้งสามคนอยู่ด้านหลัง
“เจ้าอยากรู้ความผิดก่อนตาย? ย่อมได้
ลบหลู่เบื้องสูง จาบจ้วงข้าครั้งแล้วครั้งเล่า นี่เป็นความผิดข้อแรก”
ถั่นรุ่นพูดไม่ออก นี่! นี่จะนับว่าเป็นความผิดได้อย่างไรกัน?
“คนที่พวกเจ้าต้องจับกุมคือคนที่ปล้นฆ่าคนในหมู่บ้านวันนั้น แต่ตอนนี้คนที่พวกเจ้าจับกุมมาเป็นแค่กลุ่มคาราวานชาวถู่เจียผู้บริสุทธิ์ และข้าก็บอกแล้วว่าพวกเขาอยู่กับข้าในวันนั้น แต่เจ้ากลับไม่ยอมฟัง เอาแต่บอกว่าพวกเขาเป็นฆาตกร ส่วนข้าก็เป็นพยานเท็จ เช่นนั้นจะจับข้าเข้าคุกด้วยเลยหรือไม่?”
เซี่ยวั่งซูก้าวเข้าไปหาเขาหนึ่งก้าว “ข้าเป็นตัวแทนของราชวงศ์ต้าจิ้น เป็นตัวอย่างให้กับสตรีในใต้หล้า และเป็นเค่อตุนแห่งราชสำนักถู่เจีย เป็นมารดาของชาวถู่เจียมากมาย เจ้าเหยียดหยามข้าว่าเป็นพวกเดียวกับโจร ใส่ร้ายราษฎรของข้าว่าเป็นโจร ทำหูทวนลมกับคำพูดของข้า ไม่แบ่งแยกถูกผิด ข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้ เจ้ามีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?!”
ถั่นรุ่นอ้าปากพะงาบ ๆ “กระหม่อมเพียงแค่กลัวองค์หญิงใหญ่จะถูกหลอก ปล่อยโจรชาวถู่เจียเหล่านี้เข้ามา ถึงเวลาทำให้ปินโจวของกระหม่อมเดือดร้อน จะกลายเป็นชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านเอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“บังอาจ!” เซี่ยวั่งซูคว้ากระบี่จากในมือของมือกระบี่มา แล้วแทงเข้าที่หน้าอกของถั่นรุ่นทันที!
“ประกาศคำสั่งของข้าออกไป หากมีคนปล่อยข่าวลืออีกก็จะต้องเป็นเหมือนคนผู้นี้!
แม่ทัพกัว”
กัวเซี่ยวลุกขึ้น “องค์หญิง”
“หากท่านเชื่อข้าก็จงส่งคนไปค้นที่จวนของเขาเดี๋ยวนี้ เกรงว่าคงพบอะไรดี ๆ เป็นแน่”
กัวเซี่ยวได้สติขึ้นมา “องค์หญิงทรงคิดว่า เจ้าเมืองถั่นสมคบคิดกับผู้อื่นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ใช่หรือไม่ ไปตรวจสอบดูก็จะรู้เอง”
ต่อให้ไม่ใช่ แต่การปล่อยให้ถั่นรุ่นเป็นเจ้าเมืองอยู่ที่นี่ต่อ นอกจากจะเพิ่มความขัดแย้งให้ถู่เจียกับต้าจิ้นแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อันใดอีก
ประกอบกับคนผู้นี้ทำตัวมีพิรุธมากจริง ๆ
ต่อให้มีนางเป็นพยานยืนยันก็ยังกัดไม่ปล่อย กล่าวหาว่าคนของกองคาราวานเป็นคนทำ อีกทั้งยังยั่วยุนางครั้งแล้วครั้งเล่า คงคิดว่านางไม่กล้าฆ่าเขากระมัง
เด็กที่เติบโตขึ้นมาจากในวัง อยู่ภายใต้อำนาจมาโดยตลอด จะมีสักกี่คนกันที่เป็นคนมีเมตตา
คนที่สร้างความสับสนให้กับผู้คน พยายามก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสองแคว้นเช่นนี้ ไม่มีอะไรนอกจากได้รับผลประโยชน์มหาศาล ถึงได้พูดจาลำเอียงเช่นนี้
หากปล่อยให้คนประเภทนี้อยู่ต่อ นั่นต่างหากที่เป็นความล้มเหลวของนาง
กัวเซี่ยวได้ให้คนไปตรวจค้นอย่างรวดเร็ว
ทางด้านเซี่ยวั่งซูก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร นางต้องการดูสิว่าถั่นรุ่นผู้นั้นปิดบังอะไรไว้กันแน่ และต้องการจะดูด้วยว่าในถู่เจียมีคนกินดีหมีหัวใจเสือกล้าทำลายสัญญาหรือไม่
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของทั้งสองแคว้น ดังนั้นจะให้มีข้อผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
คนที่กัวเซี่ยวส่งไปไม่นานก็กลับมา แต่กลับไม่มีจดหมายใด ๆ
พบเพียงหีบเงินในจวนของถั่นรุ่นห้าหีบเท่านั้น
ด้วยตำแหน่งของถั่นรุ่นแล้ว เงินเหล่านี้ต่อให้เขาทำงานจนอายุเจ็ดสิบแปดสิบก็ไม่มีทางหาได้มากมายเช่นนี้แน่
ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่เมืองชายแดนเช่นนี้อีก!
กัวเซี่ยวก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติทันที แต่เรื่องนี้ก็เหมือนที่องค์หญิงใหญ่ตรัสไว้จริง ๆ เป็นเรื่องการเมืองภายในของถู่เจีย สิ่งที่ต้าจิ้นทำได้จึงมีไม่มาก เรื่องที่เหลือคงต้องมอบให้ท่านข่านแห่งถู่เจียเป็นผู้ตัดสิน
“กระหม่อมจะให้คนไปปล่อยตัวกองคาราวานทั้งหมดออกมา องค์หญิง คืนนี้ทรงประทับในเมืองก่อนดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ เดินทางตอนกลางคืนอันตรายยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยวั่งซูเองก็คิดเช่นนั้น “อาเอ่อร์ไท่ เจ้าพาคนไปรับกองคาราวานมาที คืนนี้เราจะพักที่ปินโจว พรุ่งนี้ค่อยกลับราชสำนัก”
อาเอ่อร์ไท่ลังเล “เค่อตุน…”
เซี่ยวั่งซูรู้ว่าเขากังวลอะไร แต่สิ่งที่นางต้องทำก็คือ กำจัดช่องว่างระหว่างถู่เจียและต้าจิ้น
“เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?”
อาเอ่อร์ไท่มองเซี่ยวั่งซู “ข้าย่อมเชื่อใจเค่อตุนอยู่แล้วขอรับ”
เพื่อพวกเขา เค่อตุนถึงกับกล้าฆ่าคน มิหนำซ้ำคนที่ถูกฆ่ายังเป็นขุนนางของต้าจิ้นอีกด้วย
“เช่นนั้นก็ไปพักผ่อนให้เต็มที่”
เซี่ยวั่งซูรั้งกัวเซี่ยวเอาไว้แค่คนเดียว
“แม่ทัพกัวทราบหรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงรั้งท่านเอาไว้แค่คนเดียว?”
กัวเซี่ยวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “องค์หญิงมีเรื่องอะไร โปรดรับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยวั่งซูหยิบป้ายคำสั่งออกมา “นี่เป็นสิ่งที่เสด็จพ่อมอบให้ข้าก่อนที่ข้าจะออกจากวังหลวงมา ด้วยป้ายคำสั่งนี้ ข้าสามารถสั่งการทหารชายแดนห้าหมื่นนายได้
ตอนนั้นที่เสด็จพ่อมอบให้ข้า เพราะเสด็จพ่อกลัวว่าข้าจะถูกคนรังแกตอนอยู่ที่ถู่เจียและไม่มีความสุข จึงให้ทหารห้าหมื่นนายนี้คอยคุ้มครองข้ากลับต้าจิ้น และเมื่อใดที่ข้าทำเช่นนั้นก็จะหมายความว่า เป็นเวลาที่ทั้งสองแคว้นจะต้องเปิดศึกกัน”
กัวเซี่ยวรู้ว่าเซี่ยวั่งซูเป็นที่โปรดปราน แต่คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะโปรดปรานนางถึงเพียงนี้
ลองคิดดูสิ ว่าองค์หญิงที่แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์องค์ใดบ้าง ที่ยังสามารถสั่งการทหารได้
หรือตอนนั้นที่ฝ่าบาทจะแต่งตั้งองค์รัชทายาทหญิงจะเป็นเรื่องจริง?
“หรือว่าองค์หญิง?”
“ไม่ใช่ ท่านแม่ทัพเข้าใจผิดแล้ว นี่คือไพ่ใบหนึ่งในมือของข้า แต่ข้าไม่ต้องการใช้มันสร้างศัตรูกับแคว้นของข้า ชาวถู่เจียมีความกล้าหาญและเชี่ยวชาญการต่อสู้ หากเป็นศัตรูกัน พวกเขาก็จะเป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง หากเป็นสหายกัน เช่นนั้นก็จะเป็นกองหนุนและพันธมิตรที่ดีที่สุดในชายแดนของต้าจิ้น
ทหารห้าหมื่นนายนี้ ข้าต้องการใช้กำจัดคนที่ไม่เห็นด้วยของถู่เจีย แม่ทัพกัว ท่านและข้าต่างก็อยู่ที่ชายแดน แบกรับหน้าที่ในการปกป้องบ้านเมือง ข้าเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เติบโตในวังมาตั้งแต่เด็ก ไม่สามารถเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ และไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูได้เช่นเดียวกับแม่ทัพทุกท่าน ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก
แต่ข้าหวังว่า หัวใจของข้ากับท่านแม่ทัพจะตรงกัน
ชายแดนสงบสุข ราษฎรอยู่อย่างมีความสุข หากถู่เจียไม่สงบสุข ต้าจิ้นก็จะไม่มีวันสงบสุขเช่นกัน”
กัวเซี่ยวเข้าใจแล้ว เขาจึงลุกจากเก้าอี้และคุกเข่าลง “องค์หญิงใหญ่ทรงวางพระทัย กัวเซี่ยวจะช่วยองค์หญิง ช่วยถู่เจีย และเป็นแนวหลังที่มั่นคงพ่ะย่ะค่ะ!”
เซี่ยวั่งซูประคองเขาขึ้นมา “แม่ทัพกัว ข้าเชื่อใจท่าน ท่านอย่าทำให้ข้าผิดหวัง ราษฎรของถู่เจียก็ดี ราษฎรของต้าจิ้นก็ดี ข้าอยากให้พวกเขามีชีวิตที่ดี”
ส่วนปี้ลี่เก๋อผู้นั้น เขากล้าฝ่าฝืนคำสั่งราชา นางจะให้เขาชดใช้อย่างสาสมแน่นอน!
…
“ดวงจันทร์น้อย!” ทันใดนั้นชางฉีก็ลืมตาขึ้น เขาพบว่าตัวเองยังอยู่ในถ้ำมืด ๆ จึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อครู่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขาฝันว่าดวงจันทร์น้อยถือดาบฆ่าคน
คนที่ถูกฆ่ายังเป็นชาวต้าจิ้นอีกด้วย
ชางฉีจึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
“ท่านข่าน ดื่มน้ำก่อนเถอะขอรับ”
ชางฉีรับถุงน้ำมาแล้วมองดูเหยื่อที่วางอยู่ในถ้ำ
ออกมาครั้งนี้พวกเขาควรจะล่าเหยื่อสักห้าหกวัน
ทว่าตั้งแต่ตอนเย็น หนังตาของเขาก็กระตุกไม่หยุด
ซ้ำตอนนี้ยังฝันร้ายอีก ชางฉีรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ
“ข้าจะกลับไปที่ราชสำนัก ส่วนพวกเจ้าก็ไปล่าสัตว์กันต่อ”
“ทำไมเล่าขอรับ?”
ชางฉีอธิบายไม่ถูก เขาแค่รู้สึกว่าหากเขาไม่กลับไป อาจจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
“ข้ารู้สึกเหมือนจะมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้น แต่บางทีข้าอาจจะคิดมากเกินไป”
พวกเขาล้วนเป็นพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกับชางฉีมานาน เมื่อได้ยินดังนั้นต่างก็มองหน้ากัน
“ยังมีเวลาเหลือกว่าจะเข้าหน้าหนาว ให้พวกเรากลับไปกับท่านข่านเถอะ สองวันมานี้ข้าก็รู้สึกใจสั่นแปลก ๆ กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาที่บ้านเหมือนกัน”
ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ชางฉีจึงดับกองไฟทันทีโดยไม่นอนพักต่ออีก จากนั้นก็ขึ้นม้าแล้วรีบกลับไปราชสำนัก
Comments