เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้ายบทที่ 619 ข้าได้พบกับน้องชายตัวเล็กจากจงหยวนคนหนึ่ง
บทที่ 619 ข้าได้พบกับน้องชายตัวเล็กจากจงหยวนคนหนึ่ง
…………….
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับติดปีก
เมืองหลวงก็ถูกสร้างขึ้นแล้ว
ราษฎรของราชสำนักก็ค่อย ๆ ย้ายเข้ามาอยู่ ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปพวกเขาก็จะมีบ้านอยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่ต้องย้ายไปที่ใดอีกแล้ว
พ่อค้าที่มาทำการค้าก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีพ่อค้าต้าจิ้นจำนวนมากเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงของถู่เจียเช่นกัน
บนถนนจึงมีคนสื่อสารกันด้วยภาษาถู่เจียและภาษาทางการของต้าจิ้นที่ไม่ค่อยชัดนัก
เด็กผู้ชายร่างกายแข็งแรงและน่ารักคนหนึ่งชะโงกหน้าออกไป ก่อนจะถูกเซี่ยวั่งซูดึงกลับเข้ามาอีกครั้ง
ถูลี่กะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเบียดตัวเข้าไปในอ้อมแขนของนาง “ท่านแม่ สิ่งนี้คืออะไรหรือขอรับ?”
เซี่ยวั่งซูมองไปที่กล่องไม้ที่เขาดึงออกมาจากมุมหนึ่งบนรถม้า ทว่านางกลับจำไม่ได้แล้ว
ช่วงนี้ชางฉียังคงนำคนไปสร้างกำแพงเมือง ทุกวันนางจึงต้องออกจากวังเพื่อเอาอาหารไปส่งให้เขา ถูลี่มีของเล่นมากมาย แต่เสด็จพ่อของนางยังไม่เคยเห็นหลานชายคนนี้มาก่อน ทว่ากลับสั่งให้คนเอาของกินและของเล่นมาส่งให้ตลอด
และถู่เจียในตอนนี้ก็มีการผสมผสานวัฒนธรรมของทั้งสองแคว้น ซึ่งทำให้นางรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมาก
ของเล่นแปลกตาที่ต้าจิ้นส่งมาเหล่านั้น เป็นที่นิยมอย่างมากในถู่เจีย ไม่ว่าองค์ชายน้อยชอบเล่นอะไร คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็มักจะทำตาม
ประกอบกับถูลี่ซนเหมือนลูกลิง หากคลาดสายตาจากเขาเพียงครู่เดียว ก็จะพบว่าเขาวิ่งไปทั่วแล้ว
แค่ออกจากวังมาช่วงเวลาสั้น ๆ เซี่ยวั่งซูก็ต้องให้คนเอาของเล่นที่ปกติเขาชอบเล่นติดมาด้วย
คาดว่าคงเป็นนางกำนัลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาติดมาด้วยเป็นแน่
ทันทีที่ถูลี่เปิดออก ด้านในก็มีของรูปทรงสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลายชิ้นอยู่ในนั้น และของเหล่านั้นก็มีการวาดภาพเอาไว้อีกด้วย
“ท่านแม่ นี่คืออะไรหรือขอรับ?”
เซี่ยวั่งซูดวงตาเป็นประกาย คนที่มาจากวังหลวง ใครบ้างที่เล่นไพ่นกกระจอกไม่เป็น
บรรดาพระสนมเวลาไม่มีอะไรทำก็มักจะชอบรวมตัวกันเล่นไพ่นกกระจอกและพูดคุยกัน เมื่อก่อนตอนที่เซี่ยวั่งซูต้องอยู่ข้ามคืนปีใหม่ ก็มักจะเล่นไพ่กับพวกน้อง ๆ เป็นประจำ
แต่นางแต่งงานมาอยู่ที่ถู่เจียแล้วหลายปี จึงไม่ได้แตะต้องมันอีกเลย
สาเหตุก็คือ ก่อนหน้านี้นางยุ่งมาก กอปรกับตั้งครรภ์และต้องเลี้ยงดูถูลี่ด้วยตัวนางเอง ในชีวิตของนางนอกจากสามีแล้วก็มีเพียงลูกชายเท่านั้น
“นี่คือไพ่นกกระจอก ตอนนั้นแม่ก็อาศัยมันนี่แหละ สู้กับคนในวังหลวงจนไร้คู่ต่อสู้”
“ของสิ่งนี้ใช้สู้กันอย่างไรหรือขอรับ?” ถูลี่น้อยสงสัยอย่างมาก
ต้องเอาไพ่โยนออกไปอย่างนั้นหรือ!? แต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายอะไรนี่นา
“น่าเสียดายที่ถู่เจียคนที่สามารถเล่นไพ่ได้มีไม่มาก ท่านน้าจื่อฮุ่ยของเจ้าตอนนี้ก็ท้องโตแล้ว จึงไม่เหมาะที่จะไปรบกวนนาง”
เมื่อสองปีก่อนจื่อหลันได้แต่งงานกับทหารอารักขาเมืองของต้าจิ้นที่มาเมืองหลวงบ่อย ๆ ผู้หนึ่ง เซี่ยวั่งซูก็จัดการเป็นผู้ใหญ่ให้นาง และเพิ่มสินเดิมให้นางด้วย จากนั้นก็ให้นางแต่งกลับไปอยู่ที่ต้าจิ้น
เมืองหลวงอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น จึงสามารถไปกลับได้ภายในวันเดียว
ส่วนจื่อฮุ่ยสุดท้ายก็ถูกอาเอ่อร์ไท่เจ้าเด็กโง่นั่นจับแต่งงานด้วยจนได้ และมีลูกอย่างกับออกไข่ โดยตอนนี้นางมีลูกชายถึงห้าคนแล้ว ท้องนี้จื่อฮุ่ยจึงกัดฟัน แม้แต่ถ้ำทะเลทรายก็ดั้นด้นไป เพื่ออธิษฐานให้ได้ลูกสาวสักคน
แม้ว่าถูลี่เองก็อยากจะมีน้องสาว แต่เซี่ยวั่งซูหลังจากที่คลอดเขาร่างกายก็อ่อนแอลง ชางฉีจึงไม่ยอมให้นางมีลูกอีก
แม้นางจะไม่สามารถมีลูกสาวได้แล้ว แต่บรรดาเด็กน้อยในตระกูลชนชั้นสูงในราชสำนักก็นับว่าไม่เลว เซี่ยวั่งซูจึงมักจะเชิญพวกนางมานั่งเล่นในวังบ่อยครั้ง มองดูพวกตัวเล็กเล่นด้วยกัน เวลานั้นถูลี่จึงเป็นพี่ใหญ่ที่ต้องคอยดูแลพวกเขา
ใกล้ถึงประตูเมือง ถูลี่ก็กระโดดลงไปอย่างตื่นเต้น แต่ก็ยังไม่ลืมเซี่ยวั่งซู เมื่อวิ่งไปได้สองก้าวเขาก็วิ่งกลับมา ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ตัวน้อย งอแงจะจูงมือนางให้ได้
“ท่านแม่ ๆ เร็วเข้าขอรับ! ข้าจะไปดูกำแพงเมืองที่สูงตระหง่านนั่น!”
และเมื่อขึ้นไปยืนอยู่บนกำแพงเมืองก็สามารถมองเห็นเมืองหลวงได้ทั้งหมด เขาจึงชอบปีนกำแพงเมืองที่สุด!
“ได้ ๆ ๆ” เซี่ยวั่งซูเดินตามหลังลูกชายอย่างเอือมระอา ทันทีที่ลงจากรถม้า ก็มีคนคารวะให้กับพวกเขา “เค่อตุน องค์ชายรอง”
ถูลี่เห็นชางฉีแล้ว เขาจึงกางแขนทั้งสองข้างแล้ววิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อ!!!”
อาฉื่อน่าหลู่กลับหลบเลี่ยง แล้วเอ่ยด้วยความรังเกียจ “มีแต่น้ำลาย ออกไปห่าง ๆ นะ”
แต่ถูลี่กลับไม่ถือสา และหัวเราะแหะ ๆ ออกมา
ชางฉีเดินไปรับดวงจันทร์น้อยของเขา
“มาดูทุกวันรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทว่าไม่ทันรู้ตัวก็ยาวเพียงนี้แล้ว”
ชางฉีรับเสื้อคลุมจากมือของสาวใช้มาแล้วคลุมให้นางด้วยตัวเอง “อย่าตากลมมากนัก”
“รีบกินข้าวเถอะ” เซี่ยวั่งซูยกกล่องใส่อาหารขึ้นมา
สองสามีภรรยาแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว ถึงตอนนี้ก็ยังคงจูงมือกัน ไม่ว่าชางฉีจะอยู่ต่อหน้าผู้ใดก็ไม่เคยเก็บซ่อนความรักและความภักดีที่มีต่อเซี่ยวั่งซูเลย
ส่วนถูลี่ก็คุ้นเคยกับสถานที่นี้เป็นอย่างดี เขาจึงหยิบของอร่อยออกมาและแบ่งให้อาฉื่อน่าหลู่ด้วย
อาฉื่อน่าหลู่ไม่ชอบกินขนมเด็ก ๆ เหล่านี้ จึงให้ถูลี่รออยู่นิ่ง ๆ ส่วนเขาจะไปคุมงานต่อ
เขาต้องทำผลงานให้ดี ท่านพ่อจะได้มองเห็นเขา
ทว่าถูลี่กลับเดินตามหลังเขามาต้อย ๆ “ท่านพี่ อีกเดี๋ยวพวกเราไปขี่ม้ากันเถอะขอรับ”
อาฉื่อน่าหลู่ก้มหน้าลงมองเขา “ขี่กับเจ้าไม่เห็นจะสนุก เจ้าเป็นนักรบให้ได้ก่อนเถอะ”
ถูลี่เองก็ชินชาเสียแล้ว อย่างไรเสียท่านพี่ก็ไม่เคยสนใจเขาอยู่แล้ว เขาจึงพยักหน้าให้ จากนั้นก็มองไปที่ท่านพ่อกับท่านแม่ที่กำลังป้อนข้าวให้กันอยู่ และวิ่งลงมาจากกำแพงเมือง เหล่าทหารองครักษ์ที่ดูแลเขาจึงรีบวิ่งตามลงไปด้วย
“ระวังหน่อย!” ชางฉีส่งเสียงดังขึ้นมา
เด็กคนนี้วิ่งไปไม่ไกลนัก อย่างมากก็คงไปเล่นที่ริมแม่น้ำนอกเมือง
สถานที่ที่ถูลี่ชอบไปก็มีอยู่แค่ไม่กี่แห่ง
แต่วันนี้เขากลับได้พบเด็กชาวจงหยวนคนหนึ่งที่ริมแม่น้ำ ดูท่าทางเด็กกว่าเขามาก! ทว่าท่วงท่ายามขี่ม้ากลับสง่างามเป็นอย่างมาก
เด็กชาวถู่เจียไม่มีใครที่ขี่ม้าไม่เป็น แต่เด็กชาวจงหยวนกลับมีไม่มากนัก
ถูลี่จึงเอ่ยด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นใคร?”
“เจ้าเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ก็ได้ อ๊ะ เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
“ท่านอาข้าได้รับคำสั่งให้พาคนงานจำนวนหนึ่งมาส่งที่นี่ บอกว่าให้มาช่วยองค์หญิงใหญ่สร้างกำแพงเมือง ข้าจึงตามท่านอามาด้วย”
“อ่อ เช่นนั้นพ่อเจ้าเล่า?”
เด็กน้อยเม้มริมฝีปาก และมีสีหน้าเด็ดเดี่ยว “เขาไม่อยู่แล้ว แต่ว่าท่านพ่อข้าก็เคยมาที่นี่”
“เช่นนั้นเจ้าก็คงเป็นลูกชายของแม่ทัพต้าจิ้นกระมัง”
เผยยวนน้อยมองการแต่งกายของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพยักหน้ารับ “อืม”
“เช่นนั้นข้าก็นับเป็นชาวต้าจิ้นครึ่งหนึ่ง เจ้ามาเล่นกับข้าเถอะ!”
“ก็ได้” เผยยวนน้อยก็กำลังเบื่ออยู่พอดี
เด็กน้อยทั้งสองจึงขี่ม้าแข่งกัน และยังกลิ้งไปมาบนทุ่งหญ้าอีกด้วย แม้พวกเขาต่างก็ไม่รู้จักชื่อกันและกัน แต่พวกเขาก็สามารถเล่นด้วยกันจนเหงื่อท่วมไปหมด
เมื่อเซี่ยวั่งซูให้คนมาตามถูลี่ ถูลี่จึงตบบ่าของเผยยวนน้อยเบา ๆ แล้วพูดขึ้นมา “ต่อไปเจ้าต้องมาอีกนะ เพราะพวกเราเป็นสหายกันแล้ว”
เผยยวนน้อยเช็ดเหงื่อตามใบหน้า “แต่ข้าใกล้จะกลับบ้านแล้ว ท่านแม่ข้าเขียนจดหมายมาบอกให้ข้ากลับเมืองหลวง”
ถูลี่เผยสีหน้าผิดหวังออกมา “ไม่เป็นไร ไม่แน่ภายหน้าเมื่อพวกเราโตขึ้นอาจจะได้พบกันอีกก็เป็นได้!”
เผยยวนน้อยพยักหน้ารับ “ได้สิ หวังว่าจะได้พบเจ้าอีก”
ถูลี่โบกมือให้เขา ก่อนจะวิ่งกลับไปที่กำแพงเมือง ซึ่งเซี่ยวั่งซูกับชางฉีก็กำลังรอเขาอยู่
เขากอดขาของชางฉีเอาไว้ทันที และขอให้ชางฉีอุ้ม
ชางฉีอุ้มเจ้าลิงน้อยขึ้นมา ก่อนจะเห็นถูลี่ชี้ไปยังที่ที่ไกลออกไป แล้วพูดว่า “ท่านแม่ ข้าได้พบกับน้องชายตัวเล็กชาวจงหยวนที่ดีมากคนหนึ่งขอรับ”
เซี่ยวั่งซูมองไปทางที่ถูลี่ชี้ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อให้เขา “ดีแล้ว ครั้งหน้าเจ้าก็พาแม่ไปพบเขาด้วยสิ”
“ขอรับ!”
.
.
.
[เรื่องราวขององค์หญิงใหญ่ในถู่เจีย จบ]
…………….
Comments