เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้ายบทที่ 623 สยบคนด้วยกำลัง แต่ไม่คำนึงถึงความยุติธรรม

Now you are reading เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย Chapter บทที่ 623 สยบคนด้วยกำลัง แต่ไม่คำนึงถึงความยุติธรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 623 สยบคนด้วยกำลัง แต่ไม่คำนึงถึงความยุติธรรม

…………….

คนทั้งกลุ่มคิดว่าแม่ของเผยอวิ่นเกอคงมาแล้ว

ทว่าหลังจากมองชัด ๆ กลับกลายเป็นเด็กสาวอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดคนหนึ่งเท่านั้น ผู้หญิงวัยนี้หากไม่คุยเรื่องแต่งงานก็จะเรียนเรื่องเย็บปักถักร้อยอยู่ที่บ้าน อย่างน้อยเวลาออกมาข้างนอกก็ควรสงวนท่าทีของสตรีบ้าง

แต่นี่อะไรกัน แต่งตัวอย่างกับผู้ชาย ใช้ได้ที่ใดกัน!?

อาอินสวมชุดสีแดง ท่าทางองอาจห้าวหาญ และมีไอสังหารแผ่ออกมา เมื่ออาจารย์ใหญ่และผู้ปกครองของเด็กคนอื่น ๆ เห็น ก็ตัดสินครอบครัวของเผยอวิ่นเกอทันที

ไม่ใช่โจรป่าก็ต้องเป็นสำนักคุ้มภัย เพราะดูไม่เหมือนครอบครัวบัณฑิตแม้แต่น้อย!

สายตาคนพวกนั้นก็เปลี่ยนตามไปด้วย

อาอินไม่สนใจว่าผู้หญิงพวกนั้นจะคิดอย่างไร เผยอวิ่นเกอที่เมื่อครู่ยังเหมือนลูกไก่พองขน ก็ลงมาจากบนโต๊ะทันที ก่อนจะกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของพี่สาว

พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อด้วยท่าทางเสียใจ ก่อนจะร้องไห้และพูดด้วยท่าทางบอบบางว่า “พี่หญิง ในที่สุดท่านก็มาแล้ว ฮือ ๆ ๆ เสี่ยวเกอเอ๋อร์ถูกรังแก ฮือ ๆ ๆ พวกเขาบอกว่าจะสับมือของข้าและโกนผมของข้า แล้วจะไม่ให้ข้าเรียนหนังสือด้วย พวกเรากลับบ้านกันตอนนี้เลยเถอะเจ้าค่ะ!”

อาอินได้ยินประโยคสุดท้ายของนางก็เกือบจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องนิ่งเอาไว้

พลางขมวดคิ้วจ้องมองพวกเขาเขม็ง

สีหน้าบ่งบอกว่า พวกเจ้าจะไร้ยางอายเกินไปแล้ว รังแกเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ใช้ได้อย่างนั้นหรือ!?

พร้อมกับเดินเข้ามา “ผู้ใดจะให้น้องสาวข้าออกจากสำนักศึกษา บอกชื่อมา”

คืนนี้นางจะขยี้ไข่ทุกใบในบ้านของพวกเขาซะ!

ไม่นานฮั่วจิ่วเซียวก็ตามเข้ามา “ผู้ใดจะตัดมือเจ้านายของข้า?”

เอ่ยจบก็ชักดาบโค้งออกมาแล้วปักลงไปบนโต๊ะ จนเกือบจะตัดนิ้วหัวแม่มือเจ้าอ้วนนั่นแล้ว

แก้มของเจ้าอ้วนนั่นกระเพื่อมด้วยความตกใจ ก่อนจะร้องเสียงหลง

“กรี๊ด ครอบครัวเจ้าเป็นรังโจรอย่างนั้นหรือ เหตุใดนอกจากไม่ยอมรับแล้วยังรังแกคนอื่นอีก ครอบครัวพวกเจ้าไม่มีผู้ใดเป็นผู้เป็นคนแล้วอย่างนั้นหรือ พ่อแม่ไม่สั่งสอน!” ผู้หญิงที่เป็นผู้นำตะโกนเสียงดังลั่น

“ไม่มีมารยาทจริง ๆ ในเมืองหลวงมีครอบครัวเช่นนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ พ่อแม่พวกเจ้าเล่า อย่าคิดว่าครอบครัวใหญ่แล้วพวกเจ้าจะชนะ ใต้หล้านี้ไม่ใช่ใครเสียงดังแล้วจะมีเหตุผลกว่า!”

พี่น้องสามคนที่เมื่อครู่ยังมีท่าทางสบาย ๆ ทว่าเมื่อได้ยินคำว่า พ่อแม่ไม่สั่งสอน

ก็เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกัน

“อากาศเย็นแล้ว” อาอินขยับข้อมือเล็กน้อย

“ผู้หญิงสารเลวก็สมควรตายได้แล้ว” อาชิงหรี่ตาลง

ทันทีที่สิ้นเสียงของพวกเขา หญิงสูงศักดิ์ผู้นั้นก็ตบโต๊ะเสียงดังลั่น “บังอาจ! เด็ก ๆ จัดการครอบครัวนี้ซะ ผู้หญิงก็จับโกนหัวให้หมด ส่วนผู้ชายก็ตีแขนขาให้หัก เมืองหลวงไม่สั่งสอนชาวบ้านชั้นต่ำเหล่านี้ให้ดี คิดว่าตัวเองเป็นเชื้อพระวงศ์หรืออย่างไรกัน!”

แต่ก็มีคนรู้สึกไม่ดีกับการกระทำเช่นนี้ “อย่างไรเสียพวกเขาก็ยังเด็ก หรือไม่…”

“เจ้ากลัวก็ไม่ต้องพูด ลูกสาวข้าได้รับบาดเจ็บ ข้าต้องเอาชีวิตของนางมาชดใช้ให้ได้!”

เด็กผู้หญิงที่ถูกเผยอวิ่นเกอดึงผมแค่นเสียงเย็นออกมา ก่อนจะถุยน้ำลายยั่วยุเผยอวิ่นเกออีกครั้ง

ทว่าพริบตาต่อมาก็มีลมแรงพัดมาปะทะ ทำให้คนถึงกับล้มลงไปและฟันร่วงทันที

นางเป็นคนห่วงเรื่องหน้าตา และเกลียดการที่คนอื่นเหนือกว่า เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็อ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วร้องไห้กับแม่ของตัวเอง “ท่านแม่ ท่านต้องแก้แค้นให้ลูกนะเจ้าคะ!”

“เด็ก ๆ! ตีพวกมันให้ตาย! ตีพวกมันให้ตาย”

อาชิงชี้หน้าพวกเขาแล้วเอ่ยขึ้นมา “อาจารย์ใหญ่ ท่านได้ยินแล้วนะขอรับ พวกเขาจะตีพวกเราให้ตาย”

อาอินกระแอมเล็กน้อย “ดังนั้นอีกเดี๋ยวหากทรัพย์สินในหอนี้เสียหาย ครอบครัวของเราจะรับผิดชอบเองไม่มีปัญหา แต่ประเด็นสำคัญก็คือ นี่ถือเป็นการป้องกันตัว”

อาจารย์ใหญ่พยักหน้ารับอย่างงุนงง ทว่าเมื่อคิดได้และจะส่ายหน้าปฏิเสธก็ไม่ทันเสียแล้ว

พริบตาต่อมาก็อลหม่านวุ่นวายเป็นอย่างมาก

“ที่วางพู่กันกระจกของข้า!”

“กรี๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ!”

อาอินล้วงมีดสั้นที่พกติดตัวออกมา กดหญิงสูงศักดิ์ผู้นั้นและลูกสาวของนางลงกับธรณีประตู หากมีเครื่องประหารหัวสุนัขก็สามารถฆ่าพวกนางได้เลย

จากนั้นนางก็เริ่มแสดงทักษะการใช้มีดของตัวเอง

รับรองว่าจะโกนหัวทั้งสองคนนี้ให้เกลี้ยงเกลาเหมือนไข่ต้มอย่างแน่นอน

อาชิงจัดการกับพวกลูกสมุนที่เข้ามาจากข้างนอก พลางคิดว่าหากปล่อยพวกนางไปเช่นนี้ไม่ดีแน่ จึงเทผงหัวโล้นลงไปบนหัวพวกนางเล็กน้อย ถือว่าล้างแค้นให้กับเด็กผู้หญิงที่เกือบจะเสียโฉมเพราะน้ำตาเทียนคนนั้นก็แล้วกัน

ไม่เช่นนั้นสองคนแม่ลูกที่โหดเหี้ยมคู่นี้ ภายหน้าต้องออกไปเที่ยวทำร้ายคนอื่นอีกเป็นแน่!

ส่วนเจ้าพวกเด็กหน้าเหม็นที่กล้าทำร้ายเผยอวิ่นเกอ ฮั่วจิ่วเซียวย่อมไม่มีทางปล่อยพวกเขาไป

เมื่ออาฉือลงจากรถม้าด้วยใบหน้าแฝงด้วยรอยยิ้ม เสียงร้องโหยหวนด้านในก็ถึงกับทำให้นกบนท้องฟ้าตกใจบินหนีไปเลยทีเดียว

มาช้าไปก้าวหนึ่งอีกแล้ว!

ประกอบกับคนที่กลับไปรายงานข่าวเพื่อขอกำลังเสริมก็มาถึงพอดี ส่วนเอี๋ยนเฉาที่กำลังนำคนลาดตระเวนอยู่ใกล้ ๆ เมื่อได้ยินว่ามีคนก่อเรื่องก็รีบมาทันทีเช่นเดียวกัน

วันนี้อู๋ซิ่วไม่ได้เข้าเวร จึงไปกินเกี๊ยวที่ร้าน เมื่อได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นก็ถือชามมาดูด้วย

สุดท้ายทุกคนก็มาเจอกันที่หน้าประตูสำนักศึกษาพอดี

“ฝ่า…” เอี๋ยนเฉารีบปิดปากเอาไว้

อู๋ซิ่วก็มองตาค้าง นี่มัน…

จากนั้นก็มองดูกลุ่มคนที่มีท่าทางดุดันและหมายจะเข้าไปก่อเรื่องในสำนักศึกษาเหล่านั้น จากประสบการณ์ของพวกเขาสองคน เกรงว่าครั้งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับแก้วตาดวงใจของตระกูลเผยอย่างแน่นอน

พวกเขายังคิดออก มีหรืออาฉือจะคิดไม่ออก?

เอี๋ยนเฉาเห็นเขาเดินเข้าไปแล้ว ก็หันมามองดูอู๋ซิ่วเล็กน้อย “เจ้าจะมาดูเรื่องสนุกก็ไม่เห็นต้องเอาชามเกี๊ยวมาด้วยเลยนี่นา”

“กินตอนร้อน ๆ ถึงจะอร่อยนะขอรับ” อู๋ซิ่วกินเข้าไปอีกหนึ่งคำ จากนั้นก็เช็ดปากหนึ่งที

พลางมองดูแผ่นหลังของคนที่มาหาเรื่องใส่ตัวเหล่านั้น ก็ราวกับว่า…

ราวกับมองเห็นสุสานอยู่ข้างหน้า

และอาฉือก็มาได้ทันเวลาพอดี ทันทีที่เข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงตบโต๊ะดังลั่น “เรียกคนที่สามารถตัดสินใจได้ในครอบครัวเจ้ามา ข้าจะถามสิว่าปกติสั่งสอนพวกเจ้าเช่นไรกัน!”

“มีสิ่งใดจะชี้แนะอย่างนั้นหรือ?” ทันทีที่อาฉือเข้าไป อาอิน อาชิง เสี่ยวเกอเอ๋อร์ที่เมื่อครู่ยังมีท่าทางไม่ใส่ใจ พลันก้มหน้าลงทันที

ฮั่วจิ่วเซียวยังคงยืนตัวตรง เสี่ยวเกอเอ๋อร์จึงรีบกระโดดกดหัวของเขาลง กลัวก็ต้องกลัวด้วยกัน อย่ามาทำตัวแปลกแยกเช่นนี้!

ผู้ปกครองอีกฝ่ายก็มองมา “เจ้าอย่าคิดว่าปีก่อนตอนงานวันกำเนิดพระพุทธเจ้า ตอนที่พวกนักเรียนจัดการแสดง เจ้าแสดงเป็นฮ่องเต้แล้วเจ้าจะได้เป็นฮ่องเต้จริง ๆ! เด็กบ้านพวกเจ้าทำร้ายคน เหยียบย่ำภรรยาและลูกสาวข้าถึงเพียงนี้ ข้าจะฟ้องทางการอย่างแน่นอน”

อาฉือพยักหน้ารับรู้ “แจ้งทางการ ย่อมได้อยู่แล้ว”

เอี๋ยนเฉาก็ยืดอกขึ้นมาทันที “ข้านี่แหละขุนนาง เจ้ามีอะไรจะสั่งเสีย…อ้อ ไม่ใช่ เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวก็รีบพูดมา”

อีกฝ่าย ไม่ใช่ นี่พวกเจ้าประสาทหรืออย่างไร! พวกเราจะฟ้องทางการ! ท่าทีเช่นนี้ของพวกเจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน!!!

อาฉือเดินไปยังที่นั่งหน้าสุด กำลังจะนั่งลง ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนใต้โต๊ะมีคนกำลังลูบเท้าของตัวเองอยู่ เขาจึงลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจทันที ก่อนจะพบว่าเป็นอาจารย์ใหญ่ที่กอดภาพวาดอักษรพู่กันกองหนึ่งหลบอยู่ด้านใน พลางเอ่ยด้วยตัวสั่นเทาว่า “ช่วย…ช่วยเรียกหมอให้ข้าก่อน…”

หนึ่งชั่วยามต่อมา ณ หมู่บ้านตระกูลเฉิน

จี้จือฮวนและเผยยวนกลับมาถึงบ้านแล้ว สามคนที่กำลังคัดกฎของครอบครัวอยู่ คือกลุ่มที่ทุกคนเห็นจนเป็นเรื่องชินชาเสียแล้ว

เผยยวนอยากรู้ว่าครั้งนี้ลูกสาวตัวเองไปก่อเรื่องอะไรมาอีก ทว่าทันทีที่เปิดดูก็ต้องบอกว่าเยี่ยมจริง ๆ เนื้อหาหลายพันคำ เขียนความผิดที่ทำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเอาไว้เต็มไปหมด รวมถึงเรื่องที่ไปแทงรังของอีกาด้วย ที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนหก

โดยเขียนเอาไว้ว่า ‘เดินผ่านประกาศเล็ก ๆ บนถนน จึงกรอกที่อยู่ของอาจารย์ลงไป เพื่อต้องการหาผู้หญิงให้เขา…ครั้งหน้าจะระวังกว่านี้ ข้าเป็นคนประกาศหาคู่ให้เขาด้วยตัวเองจะดีกว่า จะได้ไม่ถูกคนกลางเรียกเก็บเงินค่านายหน้า’

.

.

.

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด