เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า 283 เด็ดดาราชะตาบนฟ้า

Now you are reading เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า Chapter 283 เด็ดดาราชะตาบนฟ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 283 เด็ดดาราชะตาบนฟ้า

ประตูหยกเกิดพายุทรายขึ้น

เหยียนซิ่วชุนเปิดชุดคลุมดำที่ปิดหน้าออก

นางพ่นลมหายใจขุ่นยาว

กล่องเหล็กในอ้อมกอดสั่นไหว เลือดจิ้งจอกสวรรค์ของเจียหลัวเหมือนเข้าใกล้แดนผนึกค่ายกลแล้วก็ยิ่งไม่สงบขึ้นมา

แววตาของเหยียนซิ่วชุนไม่มีความน่าสงสารเหมือนตอนอยู่กับหนิงอี้อีก

“เมืองหลวง หนิงอี้”

นางเอ่ยมาทีละคำ

ในความคิดสะท้อนเป็นภาพที่เดินทางด้วยกันในช่วงหลายวันมานี้

ตอนอยู่หุบเขาห้าสาย คุณชายหนิงคนนั้นเคยลงมือครั้งหนึ่ง สังหารผู้บำเพ็ญขอบเขตกลางและขอบเขตแรกทั้งหมด ออกกระบี่เดียวก็ทะลวงระหว่างคิ้วผู้บำเพ็ญหลอมกายขอบเขตหลังคนหนึ่ง

เคลื่อนไหวรวดเร็วดุจสายฟ้า

การกระทำเหล่านี้ไม่ปิดบังตนเลย

แต่มองตื้นลึกหนาบางไม่ออก

“หากเป็นหนิงอี้คนนั้นแห่งเมืองหลวงจริงๆ เดินทางด้วยกันมาไม่ใช่เรื่องดี แต่เป็นหายนะ”

หญิงสวมผ้าคลุมข้างกายนางพูดด้วยความกลัว

“ได้ยินว่าคนแซ่หนิงนั่นเป็นศิษย์น้องของสวีจั้ง ลงมือสังหารเหี้ยมโหด หากถูกเขาจับตามอง การเดินทางครั้งนี้ของเรา…เกรงว่าคงไปทางร้ายมากกว่าดี” หญิงสวมผ้าคลุมค่อยๆ พูดแบบสนใจแต่ตัวเอง “พี่ ได้เลือดจิ้งจอกสวรรค์มาแล้ว…จะช่วยท่านเจียหลัวที่ถูกขังอยู่ที่ประตูหยกได้จริงๆ รึ”

เหยียนซิ่วชุนส่ายหน้า

นี่เป็นนามปลอมของนาง

ตัวตนของพวกนางสี่คน…ไม่ต้องบอกก็รู้แล้ว นั่นคือปีศาจที่กรมปราบปีศาจใต้ฟ้าต้าสุยต้องปราบปราม หลังจากเปิดจิตวิญญาณแล้วก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมเดินทางในโลกมนุษย์

“ในตัวหนิงอี้เหมือนจะมียันต์บางอย่าง…สามารถรู้ถึงไอปีศาจได้” เหยียนซิ่วชุนขมวดคิ้ว นึกไปถึงตอนเจอกันครั้งแรกแล้วก็พูดอย่างลังเล “ไม่แน่ใจว่าเขาจะมองตัวตนของเราสี่คนออกหรือไม่”

ดีที่ตนแต่งเรื่องทูตผู้ถือคำสั่งกรมปราบปีศาจ ‘ตกที่นั่งลำบาก’ ได้ทัน

และสิ่งที่นางกอดไว้อยู่ก็คือเลือดจิ้งจอกสวรรค์ของราชันปีศาจเจียหลัวจริงๆ

เพียงแต่เลือดจิ้งจอกสวรรค์นี้ ไม่ใช่แค่ของที่ใช้เสริมพลังผนึกค่ายกลประตูหยก แต่ยังเป็นกุญแจในการปลดผนึก พวกนางเตรียมการเพื่อวันนี้มานานมากแล้ว

ฆ่ากลุ่มเล็กของกรมปราบปีศาจที่ปฏิบัติภารกิจ

ชิงเลือดจิ้งจอกสวรรค์มา

หลังมาถึงประตูหยก พวกนางยังต้องการของอีกอย่าง

‘เลือดมนุษย์’ ยิ่งบริสุทธิ์เท่าไรยิ่งดี ยิ่งเยาว์วัยยิ่งแกร่งเท่าไรยิ่งดี ด้วยพลังบำเพ็ญของพวกนาง คงไม่ได้เลือดของผู้บำเพ็ญหลอมกายขอบเขตที่สิบ ต่อให้แอบขโมยก็คงไม่มีทางได้มา…ดังนั้น เหยียนซิ่วชุนจึงจ่ายเงินไปจำนวนมาก จ้างขบวนคุ้มกันที่เมืองอาทิตย์อุทัย หากไม่มีอะไรผิดพลาด ทหารรับจ้างแซ่หงส่งพวกนางถึงประตูหยกแล้วก็จะถูกสูบเลือดจนหมดตัว ก่อนใส่เข้าไปในภาชนะ

เหยียนซิ่วชุนกอดกล่องดำ นางก้มหน้าลงพูดเสียงต่ำ

“ท่านผู้อยู่ใต้ฟ้าเผ่าปีศาจเคยรับปากไว้ว่าหากปล่อยราชันปีศาจเจียหลัวออกมาได้ ก็จะมารับพวกเราที่ใต้ทะเลพลิกผันแดนอุดร แล้วก็ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวที่ใต้ฟ้าต้าสุยอีก!”

คำพูดนี้เป็นแรงผลักดันให้ทั้งสามคนก้าวต่อไป

เหยียนซิ่วชุนเม้มริมฝีปาก มองไกลออกไป

อีกไม่ไกลจะเป็นค่ายกลคุมขังใต้ประตูหยก

นางไม่ชำนาญการต่อสู้นานๆ ชุนเซี่ยชิวตงสี่คน ดูเหมือนพี่น้องแท้ๆ แต่ความจริงไม่ใช่ อีกสามคนเรียกนางว่าพี่ก็จริง เพียงแต่ไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือด อีกสามคนเป็นปีศาจพฤกษาจากต้นกำเนิดเดียวกัน เพิ่งเปิดสติปัญญาได้ไม่นาน สายเลือดพรสวรรค์ไม่ถือว่าต่ำเตี้ย สู้กับผู้บำเพ็ญจุดสูงสุดขอบเขตกลางเผ่ามนุษย์ได้เล็กน้อย สามคนร่วมมือกันสู้สุดชีวิต ถึงขั้นยื้อขอบเขตหลังได้ชั่วครู่หนึ่ง

เพียงแต่ใต้ฟ้านี้ เดินไปข้างนอก ไม่ได้ใช้ศักยภาพไปเสียทุกอย่าง

อีกสามคนรู้แก่ใจว่าพูดไม่ได้ หากพูดก็จะเผยความลับออกมา การเดินทางครั้งนี้มีเหยียนซิ่วชุนนำตั้งแต่ต้น

“ใกล้แล้ว…”

“อีกนิดเดียว…”

เหยียนซิ่วชุนริมฝีปากแห้งนิดๆ นางกอดกล่องเลือดจิ้งจอกสวรรค์ เพ่งสายตามอง ตอนนี้ยังขาดของอย่างหนึ่ง

เลือดมนุษย์…

ที่ใดมีเลือดมนุษย์?

ทรายเหลืองพัดผ่านไป หมอกค่ายกลอบอวล

เสียงกระดิ่งผูกอูฐดังมาแต่ไกล

…..

ครึ่งชั่วยามต่อมา

สี่ชุดคลุมดำลอยล่องลง ไม่เดินหน้าอีก

ตรงขอบชุดคลุมดำมีสีแดงของจุดดารากระจาย

หญิงที่ถอดผ้าคลุมออกนั่งยองบนพื้น นางเอามือข้างหนึ่งจุ่มเลือดสีแดง วาดเป็นเส้นโค้งกระชากวิญญาณที่ริมฝีปากตัวเอง นางไม่ชอบเห็นเลือด…แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว

ขบวนพ่อค้าทั้งกลุ่มมีคนราวยี่สิบสามสิบคน ล้มอยู่ในทะเลทราย เลือดไหลนอง เสียงทารกที่ดังในพายุทรายเงียบลงทีละนิด

สภาพอากาศที่ประตูหยกร้อนอบอ้าว

เหยียนซิ่วชุนมองปีศาจพฤกษาข้างกายตน บนแก้มอีกฝ่ายมีรอยแตกหลายรอย ดูค่อนข้างน่ากลัว เอาเลือดสดมาเช็ดรอยแตกแล้วก็ค่อยๆ สมานแผลกลับมาเหมือนเดิม

ก่อนหน้านี้ที่ฝึกบำเพ็ญอยู่ที่ตาน้ำ นางเคยสำแดงวิชาปิดพลัง ให้ปีศาจพฤกษาสามตนนี้ดูดซับน้ำได้อย่างเต็มที่ที่ตาน้ำ…คนปกติเดินทางในทะเลทรายใหญ่ หากไม่ได้ดื่มน้ำสองวันสองคืน ใครจะไปคิดอยากอาบน้ำกัน?

ปีศาจพฤกษาสามตนนี้เดิมทียังฝึกบำเพ็ญได้ไม่เท่าไร หากไม่มีแหล่งน้ำอีก เกรงว่าคงจะแผนแตก เผยร่างจริงออกมาทันที

ซึ่งนางเป็นคนถ่ายทอดวิชาอำพรางพลังให้ วิชานี้ทำให้ปีศาจพฤกษาสามตนนี้กลายร่างเป็นคนได้ อีกทั้งยังไม่ถูกพบ…เหยียนซิ่วชุนบอกกับปีศาจพฤกษาสามตนนี้ว่า วิชานี้เป็นวิชาลับที่สืบทอดมาจากยอดผู้บำเพ็ญใต้ฟ้าเผ่าปีศาจ สามคนเชื่ออย่างสนิทใจ การเดินทางครั้งนี้ แม้แต่หนิงอี้แห่งเมืองหลวงก็ยังหลอกได้ เห็นได้ชัดว่าวิชานี้สูงส่งจริงๆ

เหยียนซิ่วชุนยืนขึ้น กล่องดำที่บรรจุเลือดเจียหลัวกินเลือดบริสุทธิ์เผ่ามนุษย์มากพอแล้ว ในกลุ่มพ่อค้านี้ไม่มียอดฝีมืออะไร สินค้าก็มีแค่ผ้าไหมกับสิ่งทอที่ไม่มีค่าเท่าไร กลุ่มทหารคุ้มกันสภาพร่างกายยังห่างชั้นนัก แต่ก็ยังพอเอามาใช้ได้ จับเด็กมาสามสี่คนเป็นเครื่องสังเวย

กล่องเลือดเจียหลัวเริ่มสั่นไหว

เลือดปีศาจกับเลือดมนุษย์ปะทะกัน หากผสมกัน นั่นต้องดูว่าเลือดของใครจะเข้มข้นและแกร่งกว่ากัน…เป็นเลือดปีศาจกินเลือดมนุษย์ หรือเลือดมนุษย์กินเลือดปีศาจ

ชีวิตพวกนี้คือเครื่องเซ่นให้กับราชันปีศาจเจียหลัว

เลือดจิ้งจอกสวรรค์ที่เงียบสงบคึกคักขึ้นมาเล็กน้อย

ขนาดมีหนังเหล็กหุ้มไว้ เหยียนซิ่วชุนยังรู้สึกได้ว่ามันกระโดดโลดเต้นไม่หยุด

นางสูดลมหายใจเข้าลึก พายุทรายพัดผ่านแก้ม

หญิงสาวกอดกล่องเหล็กเดินไปกลางละอองทรายช้าๆ เท้าเปล่าเหยียบพื้น หลังนางถอดชุดคลุมดำออก ก็เผยชุดเบาสีแดง ดูมีความเป็นต่างแดน

ไอปีศาจแผ่ออกมา

ใต้ดินด่านประตูหยกส่งเสียงกระแทกดังสนั่น

ค่ายกลเก่าแก่กำลังรอเลือดของเจียหลัว ขอแค่ผู้มาถึงใช้ปลายนิ้วจุ่มเลือดจิ้งจอกสวรรค์ วาดไปตามลายค่ายกลตลอดสองพันปีมานี้ วาดคุกคุมขังซ้ำอีกครั้งก็จะเสริมพลังต่อไปในทุกปีได้

เหยียนซิ่วชุนเดินมาอยู่กลางค่ายกล ที่นั่นมีรูเว้าลงไป ไม่เล็กไม่ใหญ่ ใส่กล่องได้พอดี

นางนั่งยองลง เพราะทาเลือดมนุษย์ตรงปากจึงดูแดงเป็นพิเศษ

ปีศาจพฤกษาสามตนยืนอยู่นอกค่ายกล พายุทรายถาโถม พวกนางมองอยู่ไกลๆ ด้วยความตึงเครียด

เนินทรายที่รกร้างและห่างไกลที่สุดของประตูหยก

ใครจะไปคิดว่าที่นี่จะขังยอดปีศาจขอบเขตราชันปีศาจไว้

เพียงแต่สองพันปีผ่านไป เจ้าของราชวงศ์ต้าสุยเปลี่ยนบัลลังก์กันหลายคนแล้ว แม้เผ่าปีศาจจะมีอายุขัยยืนยาวไม่มีที่สิ้นสุด แต่จิ้งจอกสวรรค์ใต้ค่ายกล…จะยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่

ไม่มีใครรู้

สำหรับปีศาจพฤกษาสามตนแล้ว พวกนางเกิดและเติบโตที่ต้าสุย ไม่มีทางเลือก กรมปราบปีศาจต้าสุยมีอยู่ทุกที่ในสามหมื่นหกพันลี้ หากถูกพบก็มีแต่ความตาย

พวกนางอยากออกจากต้าสุย

ยอดผู้บำเพ็ญใต้ฟ้าเผ่าปีศาจอยากจะปล่อยเจียหลัว พวกนางจึงยอมเป็นตัวหมาก

ขอแค่สุดท้ายได้ตามที่หวังก็พอ

เพียงแต่พวกนางไม่รู้ว่า…นี่เป็นแค่สิ่งหนึ่งในคำพูดโกหกมากมาย

ไม่มียอดผู้บำเพ็ญใต้ฟ้าเผ่าปีศาจที่เหยียนซิ่วชุนบอกรับปากอะไรทั้งนั้น

หญิงที่นั่งยองอยู่กลางทะเลทรายผ้าบางด้านหลังโบกสะบัด หางยาวสีแดงงอกออกมา ขนพลิ้วไหว

เหยียนซิ่วชุนพูดพึมพำ “เจียหลัว…ข้ามาแล้ว…ให้เจ้ารอนานเลย…”

ทรายพลันกระจายขึ้น

ปีศาจพฤกษาที่กลายร่างสามตนหรี่ตาลง ยื่นมือข้างหนึ่งมากันไว้ข้างหน้า ทรายกระจายเต็มฟ้าเหมือนลูกเห็บ พุ่งใส่มือดังเปาะแปะ ‘แขน’ หลังจากกลายร่างถูกเจาะเป็นรูพรุน

เทียบกับความเจ็บปวดแล้วพวกนางตกใจยิ่งกว่า

เห็นเงามหึมานั้นบนฟ้ายามราตรีประตูหยก

หางจิ้งจอกปีศาจยาวเก้าหางแผ่ขยายออกบนทะเลทราย

ชั่วอึดใจเดียวพลังปีศาจก็ถาโถมลงมาในระยะสิบลี้ ดันแสงดาราไหลออกไป ฟ้าดินพลิกกลับโดยมีเหยียนซิ่วชุนเป็นใจกลาง

กลายเป็นแดนผนึกแสงดาราโดยแท้!

…….

โรงเตี๊ยมประตูหยก

หลังส่งข่าวแล้ว ซูฝูก็ออกจากที่นี่ไป

พูดให้ถูกคือหมายเลขสามสองเจ็ดแห่งสำนักลับเขาสู่ซาน เป็นสายข่าวที่ควรไว้ใจมากที่สุดในเขาสู่ซาน ซึ่งตัวเขาไม่มีพลังบำเพ็ญแข็งแกร่งไว้ปกป้องตัวเองด้วยซ้ำ

ภารกิจของเขาคือส่งข่าวให้เร็วที่สุด หลังมั่นใจว่าตนส่งทุกอย่างครบถ้วนแล้ว คนอ้วนปราดเปรียวก็จะกลับไปอย่างรวดเร็ว

มีคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า ‘โชคดีไม่มีภัย’

จะเห็นได้ชัดว่าหมายเลขสามสองเจ็ดอธิบายคำนี้ได้อย่างสมบูรณ์

ครึ่งก้านธูปหลังเขาออกไป ความสงบของโรงเตี๊ยมประตูหยกก็ถูกเสียงดังทำลาย

ประตูใหญ่โรงเตี๊ยมถูกกระบี่ฟันแตก

ทั้งโรงเตี๊ยมสั่นสะเทือน

เสียงตะโกน เสียงดาบกระบี่ออกจากฝักดังขึ้น จากนั้นเป็นเสียงคนทยอยกันถูกเหวี่ยงออกไปชนกับอะไรสักอย่าง

รวมถึงเสียงปราณกระบี่ที่เร็วและเบายิ่ง ซ่อนอยู่ในเงากระบี่แสงดาบ เล็กมากจนแทบจะไม่ได้ยิน

ห้องโถงโรงเตี๊ยม

‘บุรุษวัยหนุ่ม’ สวมชุดคลุมหยาบสีขาวคนหนึ่ง อย่างน้อยมองที่ใบหน้าก็ดูเยาว์วัยมาก มีความคล้ายกับซูขู่แห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่ที่รับใช้องค์ชายสามในตอนนั้นอยู่หกเจ็ดส่วน

เพียงแต่สิ่งที่เขาต่างจากซูขู่คือพลังในตัวเขาลึกลับกว่า

ในโรงเตี๊ยมมีศพนอนกันเกลื่อนกลาด

ตั้งแต่ตอนที่เขาถีบประตูใหญ่โรงเตี๊ยมก็มีคนชักดาบพุ่งเข้ามาแล้ว

ตั้งแต่ที่เขาออกกระบี่แรกจากล่างขึ้นบนฟันคนที่พุ่งเข้ามาขาดเป็นสองส่วน ทุกคนก็หยุดนิ่ง

แต่นี่ไม่ได้เปลี่ยนอะไร

บุรุษชุดคลุมหยาบสีขาวถือคมแหลมสีคราม ราวกับเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่มีใคร ตัวเบาเหมือนขนนก เปลี่ยนทิศทางไปมา คมกระบี่เฉียดผ่าน เลือดสาดกระจายเป็นหย่อมๆ

ตั้งแต่เขาเริ่มสังหารจนสังหารเสร็จสิ้น ใช้ไปราวสิบลมหายใจ

ฆ่าไปราวสามสิบคน

เร็วมากจริงๆ

เด็กรับใช้ในโรงเตี๊ยมเบิกตาโต หน้าซีดขาวราวกับกระดาษ ตัวสั่นไหวเหมือนตะเกียบ

เขาไม่เคยเห็นคนฆ่าอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้…และยังทำให้ตาลายเช่นนี้มาก่อน

ข้างหลังบุรุษชุดคลุมหยาบสีขาวมีดาวสว่างไสวดวงหนึ่ง

เด็ดดาราชะตาบนฟ้า ส่องแสงในโลกสามส่วน

นี่คือ…ยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตดาราชะตา!

……………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด