เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า 288 อาชุน

Now you are reading เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า Chapter 288 อาชุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 288 อาชุน

“ถามหน่อย อะไรคือการมีชีวิต”

“ทุกสรรพสิ่งมีจิตวิญญาณ เกิดดับยากจะคาดเดา ลืมตาได้ พูดได้ ก็คือการมีชีวิต”

“เหมือนอย่างข้า…ก็เรียกว่าการมีชีวิตรึ”

“…แน่นอน”

เสียงเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดอย่างเกียจคร้าน “เดิมทีเจ้าควรตายไปแล้ว หากไม่มีเลือดของข้า เจ้าคงตายไปนานแล้ว”

…..

ทะเลทรายประตูหยกเมื่อนานมาแล้ว ผืนทรายกว้างใหญ่ ตรงกลางพายุหมุนมีต้นหลิ่วรวงสั้นโอนเอนจะล้มลงต้นหนึ่ง ทรายฟาดลำต้นหลิ่ว กิ่งก้านแตก รากขยายลงไปใต้ดิน

เม็ดทรายที่พุ่งผ่านไปปกคลุมด้วยสีแดงอ่อนๆ

รากใต้ดินพัวพันกัน

ขยายลงไปเรื่อยๆ

ลึกสุดของใต้ดินเหมือนแตงสุกก้านร่วง รากของต้นหลิ่วรวงสั้นขดตัวเป็นแมลงสีแดง

นี่คือวันที่สามที่นางมีสติปัญญา

ในความว่างเปล่า นางจำทุกอย่างที่ตนประสบมาได้…ฝังรากลงบนทะเลทรายนี้ เพราะสภาพแวดล้อมเลวร้ายมาก สิ่งมีชีวิตในระยะสิบลี้ที่นี่จึงตายทั้งหมด

มีเพียงนางที่รอดมาได้

นางลืมตาขึ้นช้าๆ สัมผัสการมีชีวิตอย่างที่เสียงนั้นพูดกับตน นางเห็นแสงไฟสีแดงขยับไปมาในม่านตา เห็นค่ำคืนยาวนานมืดมิดซ้อนกันตรงสุดทางของโลก เห็นเค้าโครงกลางเงามืด ดวงตาแคบยาว แววตาที่ไม่ดุดัน และยังมีน้ำเสียงอ่อนโยนหลังจากนั้น…นางสัมผัสได้ว่านั่นคือคนที่ถามคำถามตน

“เจ้า ‘เปิดจิตวิญญาณ’ แล้ว”

เสียงนั้นฟังดูไม่ระคายหู ต่างกับเสียงพายุทรายที่มีไม่หยุดข้างนอก เสียงนี้ฟังดูเหมือนสายลมอ่อน พัดผ่านแก้มของตน

รู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว

“ต้นหลิ่วรวงสั้นเติบโตที่ประตูหยกได้…ต้องบอกว่าเจ้าโชคดีมาก ได้เลือดของข้ารดน้ำ” เสียงนั้นเอ่ยเนิบนาบ “หากมีโอกาส เจ้าก็ออกไปดู หากไม่มีอะไรผิดพลาด ข้างนอกฝังสิ่งมีชีวิตไว้ใต้ทะเลทราย กระดูกของพวกมันควรจะสลายไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับสมบูรณ์เหมือนอยู่ใต้น้ำแข็ง ผนึกตายอยู่ใต้ทะเลทรายชั่วนิรันดร์ ตกลงไปเรื่อยๆ”

“นอกจากเจ้าแล้ว ผู้ที่ยังไม่เปิดจิตวิญญาณล้วนตายด้วยน้ำมือกรมปราบปีศาจกันหมดแล้ว” เสียงนั้นมีการเย้ยเยาะเสี้ยวหนึ่ง “พวกมันอาจจะมีจิตวิญญาณ แต่ก็หยุดอยู่ที่ฤดูหนาวไปตลอดกาล มีเพียงเจ้า…อาชุน ที่รอดมาถึงใบไม้ผลิได้”

“อาชุนรึ”

นางยื่น ‘สองมือ’ ไปอย่างสับสน กิ่งหลิ่วแห้งตัดสลับกันเป็นมือ กลางฝ่ามือยังมีรอยแตกสามส่วน นางได้ยินเสียงของตนเหมือนสตรี ‘เผ่ามนุษย์’ ที่เคยได้ยินในความทรงจำ เสียงนี้ฟังดูไพเราะมาก

“อาชุนคือนามของเจ้า ข้าว่าเพราะดี ใบไม้ผลิเป็นฤดูที่ทุกสรรพสิ่งคืนชีพ และเป็นฤดูกาลที่เจ้ากำเนิด” เสียงนั้นมีความลำพองใจสามส่วน “เจ้าจะผ่านใบไม้ผลิแรกที่นี่ และก็ผ่านใบไม้ผลิที่สองและสาม…จนกระทั่งเจ้ากลายเป็นปีศาจที่เปิดจิตวิญญาณอย่างสมบูรณ์ บางทีเจ้าอาจจะมีโอกาสไปจากที่นี่ได้”

สตรีจับคำพูดเหล่านั้นในห้วงความคิด

อาชุน นาม ทุกสรรพสิ่งคืนชีพ…

หลังเปิดสติปัญญา ความทรงจำตอนที่ยังไม่เปิดจิตวิญญาณก็ไหลเวียนในความคิด ความคิดนางชัดเจนขึ้นทีละนิด ไม่งุนงงอีกต่อไป

อาชุน นี่คือนามของข้าหรือ

หากเป็นสัญลักษณ์ของทุกสรรพสิ่งคืนชีพ…นามนี้ก็ฟังดูไม่เลวเลย

นางเงยหน้าขึ้น ในที่สุดก็เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าชัดเจนว่าเป็นอะไร

นั่นคือปีศาจตัวใหญ่แต่มีรูปร่างดูดี

เป็นปีศาจจิ้งจอก

แต่ว่าในตัวอีกฝ่าย…ไม่มีหนัง

…..

ตรงหางใหญ่ขนปุยเก้าหางมีการต่อเติมคุกคุมขังไว้อย่างสมบูรณ์ ผนึกรังไหมแดงและตัวจิ้งจอกไว้ด้วยกัน

ปีศาจน้อยอาชุนที่ยังไม่ถึงเวลาทะลวงรังไหมออกมาเหมือนกับผลชีวิตนิรันดร์ห้อยอยู่บนรังไหมแดง นางมีสองแขนสองขาแล้ว มองไปไม่ต่างอะไรกับหญิงมนุษย์ปกติเลย…แต่นางมีหางเดียว

หางนั้นเชื่อมกับในรังไหมแดง

สติของนางค่อยๆ ตื่นขึ้นมาในความเลื่อนลอย เหมือนเมล็ดที่แตกหน่ออย่างแท้จริง รากมาถึงพื้นก็เริ่มเติบโต

ขั้นตอนนี้เรียกว่าเปิดจิตวิญญาณ

เปิดสติปัญญาในตอนแรกก็เท่ากับเริ่มการบำเพ็ญอันยาวนานแล้ว สติปัญญาเป็นของขวัญที่กาลเวลามอบให้เผ่าปีศาจ การเปิดจิตวิญญาณของเผ่าปีศาจต้องใช้เวลานานมาก หลังพวกนางกลายร่างก็จะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ

อาชุนใช้เวลาส่วนใหญ่ในการหลับใหล บางครั้งก็จะพูดกับเสียงอ่อนโยนนั้น

นามของจิ้งจอกตัวใหญ่นั้นคือ ‘เจียหลัว’

เจียหลัวบอกนางว่าการเปิดจิตวิญญาณต้องใช้เวลานานมาก ตอนที่นางไม่รู้สึกง่วง ไม่รู้สึกสับสนอีก นั่นคือเปิดจิตวิญญาณสำเร็จ

อาชุนตื่นมาครั้งนี้ ในความคิดไม่มีความเกียจคร้านอีกแม้แต่น้อย

เป็นความปลอดโปร่ง

นางมองหางใหญ่ ‘สวยงาม’ ปุกปุยนุ่มนิ่มที่แผ่กระจายปกคลุมโดยรอบ

ตรงปลายหางใหญ่เหมือนตะเกียงสวรรค์บนฟ้า เปล่งแสงอ่อนๆ

นั่นคือแสงไฟสีแดงที่นางลืมตาตื่นมาเห็น

นางจำที่เจียหลัวบอกได้ แสงไฟสีแดงนั้นคือเพลิงจิ้งจอก…เป็นสัญลักษณ์ขอบเขตพลังบำเพ็ญของจิ้งจอกสวรรค์

ทุกการงอกหนึ่งหางใหญ่จะหมายถึงพลังบำเพ็ญสูงขึ้นอีกขั้น

มีทั้งหมดเก้าหางใหญ่ หลังจากนั้นก็จะจุดเพลิงจิ้งจอกที่ปลายหาง จุดไปทีละดวง

เก้าหางเก้าเพลิง คือขอบเขตพลังสูงสุดที่จิ้งจอกสวรรค์จะฝึกได้

ส่วนเจียหลัวมีเก้าหาง มีเพลิงจิ้งจอกห้าดวง

อาชุนยื่นมือออกมาคลึงศีรษะของเจียหลัวที่หลับใหลอยู่เบาๆ

ศีรษะจิ้งจอกแบนราบเรียวยาว หลังกระดูกคอไปเหลือเพียงโครงกระดูกแห้ง…นอกจากเก้าหาง เนื้อหนังที่เหลือถูกเผ่ามนุษย์ลอกออกหมด

คนที่ถลกเนื้อหนังเจียหลัวมีชื่อว่ากลุ่ม ‘กรมปราบปีศาจ’ ชำนาญการปราบเผ่าปีศาจ ลอกหนังเขาก็เพื่อเสริมพลังค่ายกลทุกๆ ปี ขังเจียหลัวไว้ใต้ประตูหยกได้จนถึงปัจจุบัน

หลังอาชุนเปิดจิตวิญญาณก็ยังมีหลายอย่างที่ไม่เข้าใจ

นางจำได้เพียงว่าในความคิดยังมีภาพที่เห็นตอนที่ยังเป็นเมล็ดอยู่

คนชุดคลุมยาวโบกสะบัดปลูกเมล็ดบนพื้นดินแห่งนี้ ก่อนตนเปิดจิตวิญญาณก็ร่อนเร่ในทะเลทรายใหญ่ ลอยไปตามลม หยุดลงตามลม

ต้นหลิ่วรวงสั้นได้คนปลูกลงด้วยตัวเอง

หมาแมวที่วิ่งไปมาบนพื้นและสัตว์เทพก็เป็นมนุษย์ที่เลี้ยงไว้

มนุษย์คือผู้ปกครองทุกสิ่งหรือ

เจียหลัวเป็นจิ้งจอก จิ้งจอกก็เป็นสัตว์เทพเช่นกัน…แต่เจียหลัวต่างกับสัตว์เทพพวกนั้น อาชุนเห็นเก้าหางใหญ่นั้น ต่อให้เจียหลัวไม่เคยคิดร้ายกับตน แต่แค่สบตากันนางก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนหัวใจถูกฉีก

นางครุ่นคิดเงียบๆ…หากทุกสรรพสิ่งที่มีจิตวิญญาณล้วนเป็นปีศาจ เช่นนั้นเจียหลัวจะต้องเป็นยอดปีศาจที่แกร่งมากแน่

ใช่แล้ว

เขาเป็นจิ้งจอกสวรรค์ที่มีเก้าหางห้าเพลิง

แต่ว่า…เหตุใดจิ้งจอกสวรรค์ถึงต้องถูกขังอยู่ที่นี่กัน

นางไม่เข้าใจเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจถาม

…..

“เหตุใดกรมปราบปีศาจต้องผนึกปีศาจด้วย”

เจียหลัวที่หลับตาพักผ่อนอยู่นานได้ยินน้ำเสียงสงสัยของอาชุนที่เงียบหายไปนาน

เขาลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน เก็บอำนาจคุกคามในแววตากลับไป

ในดวงตาเป็นขีดสีแดงคู่นั้นมีประกายเหมือนฉาบทอง อาชุนมองดวงตานี้ เหมือนเห็นดวงตะวันใหญ่ร้อนแรง

ไม่แสบร้อน

แค่รู้สึกอบอุ่น

เจียหลัวถามคำถามอาชุนซ้ำ

“เหตุใด กรมปราบปีศาจ ต้องผนึกปีศาจรึ”

เขาพูดเสียงเบา “นี่เป็นคำถามที่ยากจะอธิบายด้วยไม่กี่คำพูดได้…ข้าตอบได้ แต่ต้องใช้เวลานานมาก”

เขาชะงักไปก่อนจะพูดต่อ “เจ้าเหมือนจะเปิดจิตวิญญาณสมบูรณ์แล้ว…เร็วกว่าที่ข้าคิดไว้มาก เจ้าอยากรู้คำตอบนี้มากรึ”

อาชุนก้มหน้าลงมองฝ่ามือที่ไม่แห้งแล้วของตน ขาวเนียนดุจหยก ใสแวววาว กลางฝ่ามือมีเลือดไหลเวียนสีจางๆ ราวกับกุหลาบใต้น้ำแข็ง

เป็นเพราะเลือดของเจียหลัวรดให้ตลอดหรือ

อาชุนเม้มริมฝีปาก

นางมองศีรษะจิ้งจอกที่หรี่ดวงตาแคบยาวยิ้มให้ตนพลางรู้สึกว่าระหว่างที่เลือดไหลเวียนยังมีความอบอุ่นอยู่

นางพูดอย่างจริงจัง “ข้ายังมีคำถามอีกมาก ต้องขอคำชี้แนะด้วย”

เจียหลัวพูดด้วยรอยยิ้ม “ยามนี้ข้าสูญเสียทุกอย่าง ตอนนี้มีเพียงของสองอย่าง หนึ่งในนั้นคือกาลเวลาอันยาวนาน”

…….

ทรายประตูหยก ภายนอกมีต้นหลิ่วรวงสั้นต้นเดียว

ใต้ทะเลทรายมีรังไหมสีแดง

ในรังไหมกำเนิดสตรีที่งดงามแต่ก็ทึ่มทื่อไร้ความรู้

นางดูดซับเลือดจิ้งจอกสวรรค์ในทะเลทราย รังไหมข้างหลังหลุดร่วง สำหรับนางแล้ว อายุขัยยืนยาวของเผ่าปีศาจเพิ่งจะเริ่ม…นางคอยอยู่เคียงข้างศีรษะจิ้งจอกสวรรค์ตัวใหญ่นั้น

นางถามคำถามมากมาย

เจียหลัวให้คำตอบทุกอย่าง

โลกนี้มีสองใต้ฟ้า เผ่าปีศาจกับเผ่ามนุษย์ ทะเลที่ถูกพลิกกลับบนฟ้าเป็นตัวแบ่งแยกสองใต้ฟ้า สองฝ่ายอยู่ร่วมกันไม่ได้

ไม่มีเหตุผล

เหมือนกับน้ำและไฟที่อยู่ด้วยกันไม่ได้

นี่เป็นเหตุผลที่เจียหลัวถูกขังอยู่ใต้ดินประตูหยกใต้ฟ้าต้าสุย ทั้งยังถูกลอกเนื้อหนัง

อาชุนไม่รู้ว่าถูกลอกหนัง เหลือเพียงกระดูกต้องเจ็บปวดเพียงใด

นางรู้แค่ว่า แผ่นหลังตนอยู่บนพื้น ถูกพายุทรายถาโถมใส่ ความเจ็บปวดทางจิตวิญญาณ นี่ก็เป็นความทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมแล้ว

แม้ในกายนางจะมีเลือดของเจียหลัวไหลเวียน แต่ก็ไม่มีทางรู้สึกร่วมกัน

อาชุนถามด้วยความฉงน “ข้าได้ยินว่าคนมีเจ็ดความรู้สึกหกความปรารถนา จะรู้สึกเจ็บ สุข โกรธ ดีใจ…ปีศาจก็มีหรือไม่”

เจียหลัวตอบ “มี”

เขามองอาชุน “ปีศาจจะรู้สึกเจ็บ รู้สึกโกรธ เจ้าเห็นสภาพข้าตอนนี้แล้ว รู้สึกแค้น…พวกมนุษย์ข้างนอกหรือไม่”

จิ้งจอกอึ้งงันไป

มีเสียงดัง ‘แปะ’

หยดน้ำกระจาย ระเหยหายไป

บนแก้มอาชุนมีรอยน้ำตาไหลลงมา

นางเอามือวางบนหน้าผากเจียหลัว สายตาหยุดอยู่ที่โครงกระดูกปีศาจ

“ข้าแค้นอยู่แล้ว” นางพูดเสียงเบา “แต่ที่มากกว่าความแค้น น่าจะเรียกว่า…เสียใจใช่หรือไม่”

หยดน้ำตานั้นตกลงตรงระหว่างคิ้วตน

จิ้งจอกสวรรค์ยิ้มเย้ยเยาะตัวเอง

หางใหญ่ขนปุยนั้นเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มอาชุน

เสียงเขาอบอุ่นบริสุทธิ์ราวกับสุรา

“อย่าแค้น และก็อย่าเสียใจ กาลเวลานั้นยาวนาน ความแค้นกับเสียใจเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ที่สุด เจ้าเปิดจิตวิญญาณได้ ในกายมีเลือดของข้าไหลเวียน จากนี้ต้องออกเดินทาง…ช่วยดูดวงตะวันข้างนอกแทนข้าที”

นางไม่ตอบ

นางกอดจิ้งจอกปีศาจเบาๆ

หางใหญ่เก้าหางหุบเข้ามา

อาชุนพูดอยู่ในใจ

‘ข้า…จะออกไปดูดวงตะวันข้างนอก เรา จะไปด้วยกัน’

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด