เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า 289 เหยียบประตูหยกให้ราบ
ตอนที่ 289 เหยียบประตูหยกให้ราบ
ความทรงจำซับซ้อนถูกพายุทรายพัดหายไป
“เจียหลัว…ข้ามาแล้ว…ให้เจ้ารอนานเลย…”
เสียงสตรีเบาดังก้องในพายุทราย
ต้นหลิ่วรวงสั้นร่างแปลงต้นนั้นเดินทางในใต้ฟ้าต้าสุยมาหลายปี ผ่านสี่ฤดูมาไม่รู้กี่ครั้ง ในที่สุดก็อดทนมาถึงตอนนี้
ค่ายกลหายไปแล้ว
หางปีศาจใหญ่เก้าหางแผ่กระจายบนฟ้าเหนือทะเลทราย
ดวงจิตที่เหลืออยู่ของเจียหลัวแทบจะไม่มีใครควบคุมได้ พุ่งขึ้นสูงจนบดบังฟ้าและดวงจันทร์
เสียงดุร้ายดังขึ้น
“ใคร!”
เหยียนซิ่วชุนพลันลุกขึ้น ชุดคลุมใหญ่โบกสะบัดกลางสายลม
นางจ้องไปในทิศทางที่ตนมา
ค่ายกลของราชันปีศาจเจียหลัวถูกนางทวนลวดลาย ทำลายลง แสงดาราในระยะสิบลี้กำลังแว้งกัด
ที่นี่กลายเป็นแดนผนึกแสงดาราอย่างสมบูรณ์!
พายุทรายหมุนตลบ ฟ้าดินมืดครึ้ม
แต่ไกลออกไปยังมีแสงกระบี่สายหนึ่งพุ่งเข้ามา
แสงกระบี่นั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เป็นสามร่างที่ตนคุ้นตา
เมื่อไม่นานนี้เพิ่งแยกกันที่ประตูหยก ใครจะไปคิดว่าจะได้พบกันอีก…กระบี่บินใต้เท้าแม่นางชุดครามนั้นลอยขึ้นตามลม ข้างหลังยังห้อยสองร่างเงาสีขาวกับดำ ระหว่างทางกระบี่ตารางหนาโคลงเคลงไม่แน่นอน แม่นางชุดครามแค่เอามือกดระหว่างคิ้ว ก็เกิดแสงดารามหาศาลขึ้นในแดนผนึกแสงดารา คุมกระบี่บินเข้ามาต่อ!
นี่มันวิชาอะไรกัน
เหยียนซิ่วชุนสีหน้ามืดหม่นลง กลุ่มตนปลอมตัวเป็นกรมปราบปีศาจมาส่งเลือดจิ้งจอกสวรรค์ ระหว่างทางปิดบังตัวตนไว้ดียิ่งก็ยังถูกจับได้อีกหรือ หรือว่าในตัวคุณชายหนิงแห่งเมืองหลวงคนนั้นจะมีเลือดผู้พิทักษ์ปราบปีศาจอยู่กัน ต่อให้ฝ่าเข้ามาในแดนผนึกแสงดาราก็คิดจะใช้กระบี่สังหารตนอีกหรือ
เหยียนซิ่วชุนกำสองหมัดในแขนเสื้อ ถูนิ้วมือ เม็ดทรายในมือร่วงลง
นางใช้จิตเข้าไปในค่ายกลประตูหยกที่พังทลายลง ลองตามหาที่อยู่ของเจียหลัว
หลายปีมานี้เลือดของเจียหลัวซึมอยู่ใต้ดิน ถูกยอดค่ายกลของกรมปราบปีศาจขังไว้ ตอนนี้ค่ายกลพังลง ใต้ดินพลิกออก ทรายสีแดงหมุนม้วนขึ้นมา ในระยะหลายลี้โดยรอบถูกหมอกแดงบดบังสายตา
เหยียนซิ่วชุนหรี่ตาลง
สามคนที่ขี่กระบี่บินเข้ามาตั้งใจมาอย่างชัดเจน…หนิงอี้มองผ่านเม็ดทรายสีแดงมาสบตากับตนนิ่งๆ
ในแววตาไม่มีจิตสังหาร
ในความวุ่นวายมีความสุขุม
เด็กหนุ่มชุดขาวที่กอดกระบี่ยาวสูงเท่าคนหลับตา ตัวโคลงเคลงตามตัวกระบี่ไม่หยุด สีหน้าเหมือนนักบวชชราที่เข้าฌานอย่างสงบนิ่ง
ชุดคลุมของสามคนมีสภาพสะบักสะบอมอยู่สามส่วน โดยเฉพาะคุณชายหนิงแห่งเมืองหลวงคนนั้น ในชุดคลุมยังมีเสียงสายฟ้าดังขึ้นเบาๆ เหยียนซิ่วชุนเงยหน้ามองทอดไกล บนฟ้าเหนือทะเลทรายไกลลิบเป็นเมฆดำปกคลุม พายุฝนก่อตัว อีกทั้งยังมีแนวโน้มจะมาถึงที่นี่…นี่เรียกเคราะห์สายฟ้ามารึ
พวกเขาสามคนถูกใครไล่ล่ามากัน
เหยียนซิ่วชุนเม้มริมฝีปาก เพิ่งเกิดความคิดนี้ขึ้นก็เห็นแม่นางชุดครามที่ขี่กระบี่ใช้มือดึงยันต์ออกมาจากในแขนเสื้อด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ภาพนี้ทำให้นางตื่นตัวอย่างยิ่ง
ตั้งแต่อาทิตย์อุทัยถึงประตูหยก นางได้เห็นหนิงอี้ลงมือ แต่ไม่เคยเห็นอีกสองคน คุณชายชุดขาวกอดกระบี่ ไปที่ใดจะอยู่ในสภาวะคลั่งกระบี่เข้าฌานฝึกบำเพ็ญ ส่วนแม่นางชุดครามที่อยู่เคียงข้างหนิงอี้คนนั้น…เหยียนซิ่วชุนปรายตาเห็นยันต์ที่ห้อยไว้ในแขนเสื้ออีกฝ่ายมุมหนึ่ง มีสีสันหลากสี ลักษณะก็ต่างกัน
เป็นปรมาจารย์ยันต์ที่หาได้ยากยิ่ง อีกทั้งยังเป็นประเภทที่มีพรสวรรค์และแข็งแกร่ง
แค่ยันต์ขนห่านที่ให้พวกเหยียนซิวชุ่นสี่คนระหว่างทางก็คาดเดาจุดนี้ได้แล้ว
หลังจากเหยียนซิวชุ่นแปลงกายออกเดินทางในต้าสุย เพื่อปกป้องตัวเอง นางจึงซื้อยันต์มากมายในระดับต่างกันในหลากหลายเมืองตั้งแต่สองแดนบูรพาประจิมไปจนถึงแดนกลาง ในกาลเวลาอันยาวนาน นางยังลองเขียนยันต์ขึ้นด้วย แต่ยันต์ของแม่นางชุดครามคนนั้น แค่ดูจากลวดลายก็รู้สึกว่ามีแนวคิดที่ต่างกัน ต่างกับคนปกติ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกตกใจ
ทะเลทรายประตูหยกไม่มีฝนตกมานานมากแล้ว
เคราะห์สายฟ้าและสายฝนไกลลิบนั้น เกรงว่าคงเกิดจากยันต์
เหยียนซิ่วชุนกังวลมากว่าแม่นางชุดครามคนนั้นจะนำยันต์ ‘ทำลายฟ้าดิน’ ใดออกมาจากในแขนเสื้อ ไล่ไอปีศาจประตูหยกและทำลายแผนการของนาง
แต่ไม่เคยคิดเลยว่าหลังแม่นางชุดครามนำยันต์ออกมาแล้วจะโยนให้คุณชายหนิงที่ขี่กระบี่อยู่ด้านหลัง
หนิงอี้พุ่งเข้าไปในแดนผนึกแสงดาราแล้วก็รีบหันไปมอง
ซูชีใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
เขารับยันต์ของเด็กสาว แขนเสื้อพองขึ้น ความเป็นเทพใส่เข้าไปในนั้น
เป็นยันต์กันน้ำ
ประกายสายฟ้าสว่างวาบไล่ตามมา หลังหนิงอี้ใส่ความเป็นเทพเข้าไปในยันต์กันน้ำก็ปาออกไปเหมือนป้ายคำสั่ง กลายเป็นแสงสว่างสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า!
นอกจากยอดปีศาจที่มีพรสวรรค์แข็งแกร่งยิ่งบางตนในใต้ฟ้าเผ่าปีศาจแล้ว ผู้บำเพ็ญปีศาจปกติ โดยเฉพาะปีศาจที่อาศัยการกินเลือดมนุษย์อยู่รอดในใต้ฟ้าต้าสุย จะค่อนข้างกลัวเคราะห์สายฟ้า
ยันต์กันน้ำนั้นเหมือนป้ายคำสั่ง ก่อนพุ่งเข้าชั้นเมฆก็แตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ยังคงพุ่งต่อไปเหมือนปราณกระบี่ยิ่งใหญ่ ฟันผ่าเมฆครึ้ม ผ่าพายุสายฟ้า สายฝนอ้อมไป ฝนแดงสองกลุ่มหมุนขึ้นเหมือนพายุหมุน ถูกยันต์กันน้ำที่ใส่ความเป็นเทพผ่าออก
เหยียนซิ่วชุนที่ยืนอยู่บนทะเลทรายอึ้งงันเล็กน้อย
เดิมทีนางคิดว่าหนิงอี้จะมาก่อกวน ทำลายแผนคืนชีพเจียหลัว…แต่ตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้น
ยันต์กันน้ำทำให้เคราะห์สายฟ้าที่แผ่ขยายมาที่นี่อ้อมผ่านไป
ไอวิญญาณในฟ้าดินบ้าคลั่งขึ้นมา แสงดาราไหลหลากไปใต้เท้าเหยียนซิ่วชุนด้วยความเร็วที่มากกว่า
ฟ้าดินแว้งกัด แสงดาราผนึก หากถูกเคราะห์สายฟ้าผ่า แค่ชั่วอึดใจเดียวก็จะถูกผ่าแหลกเป็นเสี่ยงๆ
เสียงหนิงอี้ดังข้างหูเหยียนซิ่วชุน
“แม่นางเหยียน ข้าไม่มีเจตนาร้าย แค่ขอยืมสถานที่หน่อย”
เหยียนซิ่วชุนที่ยืนกลางพายุหมุน หลังจากลงพื้นแล้วก็เห็นแม่นางชุดครามที่เหยียบกระบี่ตารางหนาสะบัดชุดคลุมใหญ่ ปล่อยยันต์แผ่นที่สองออกมา กระดาษยันต์สีดำเหมือนราตรียาวนาน นางไม่ได้ให้ยันต์กับหนิงอี้เหมือนยันต์กันน้ำ แต่เอามือลูบระหว่างคิ้ว นิ้วทะลวงยันต์ดำอย่างรวดเร็ว ก่อนเกิดแสงสีแดงสว่างวาบ ยันต์นั้นยิงเปลวเพลิงออกไป เงาระหว่างสามคนดับสลายลง
หายไปอย่างไร้ร่องรอย
นี่คือยันต์ซ่อนจิต? หรือยันต์ซ่อนตัวที่มีระดับสูงกว่า?
เหยียนซิ่วชุนเพ่งสายตามอง นางกวาดสายตามองไปทั้งทะเลทรายเท่าที่จะมองเห็น แต่ก็หาร่องรอยของพวกเขาสามคนไม่พบ
ภายใต้อานุภาพของยันต์ สามคนหายไปราวกับระเหยไปกับอากาศ
น่าเหลือเชื่อ!
จิตของเหยียนซิ่วชุนมาถึงใต้ดินประตูหยก ใต้เท้านางยุบลงไปเล็กน้อย ทรายไหลหลาก ค่ายกลประตูหยกพังลงแล้ว คุกที่ขังราชันปีศาจเจียหลัวพังลงมุมหนึ่ง ทรายมากมายจึงไหลลงไปราวกับน้ำตก
เจียหลัวยังคงหลับใหล
แต่พลังปีศาจมหาศาลที่มันสั่งสมมานานไหลผ่านเม็ดทราย อ้อมทรายขึ้นไป กระโดดโลดเต้นเหมือนกับปลาว่ายน้ำ
ค่ายกลพังแล้ว
พวกมันได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้งแล้ว!
แม่นางเหยียนที่ขาสองข้างยุบลงไปในทรายไม่ได้ไหลลงไปตามทราย แต่ขาสองข้างเหยียบบนอากาศ ไม่เคลื่อนไหว แค่ลอยอยู่อย่างนี้
นางรู้สึกถึงความอบอุ่นที่คุ้นเคย…จิตของเจียหลัวมอบมันให้กับตน
เมื่อนางลอยขึ้นช้าๆ หางทรายใหญ่เก้าหางก็น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ลอยอยู่ข้างหลังนาง
เดิมทีนางเป็นต้นหลิ่วรวงสั้นที่อ่อนแอมาก
ดังนั้นนางจึงเปิดจิตวิญญาณ มายังโลกแห่งนี้
วันนี้นางจะเปิดค่ายกลกรมปราบปีศาจ ปล่อยเจียหลัวออกมา!
นางยกแขนเสื้อสองข้างขึ้นช้าๆ พลังในตัวสูงขึ้นเหมือนน้ำขึ้น แม่นางเหยียนที่พลังเพิ่มขึ้นทีละนิดแววตาเฉยชาขึ้นมา นางจะใช้พลังปีศาจที่เหลือของราชันปีศาจเจียหลัวหาสามคนที่ซ่อนอยู่ใต้ดินออกมาก่อนทำการปลุกตื่นขั้นตอนสุดท้าย
สตรีปีศาจพฤกษาสามตนที่ยืนตรงริมทะเลทราย ผ้าคลุมพลิ้วไหว ชุดคลุมถูกพายุคลั่งพัดขึ้น เหลือเพียงเชือกที่ผูกไว้ตรงคอ พวกนางเหม่อมองร่างที่ลอยอยู่บนฟ้าไกล ภาพการทำลายค่ายกลกรมปราบปีศาจนั้นดูยิ่งใหญ่ในใต้ฟ้าพายุทรายยามราตรี
คลื่นอารมณ์ของสามคนขึ้นๆ ลงๆ
ราชันปีศาจเจียหลัวจะถูกปล่อยออกมาแล้ว…แค่ไข่มุกโลหิตที่ลอยขึ้นมาจากพื้นก็สร้างแรงกดดันกับพวกนางอย่างยิ่ง ปลายแขนขาวหิมะที่โผล่มานอกชุดคลุมปริแตกอย่างรวดเร็ว คืนเป็นร่างเดิม ลายแห้งปรากฏขึ้นบนปลายแขน ลุกลามออกไป เดิมทีพวกนางเป็นปีศาจพฤกษา ตบะไม่พอ เดินทางหลายวัน ระหว่างทางแห้งแล้งถึงที่สุด ทว่าเดินทางกับพวกคุณชายหนิงสามคน จึงไม่กล้าเผยพิรุธใดๆ
ตอนนี้ในที่สุดก็เผยร่างจริงโดยไม่ต้องกลัวได้
ทะเลทรายกว้างใหญ่ ฟ้าดินปั่นป่วน
วุ่นวายกันไปหมด
พลันมีเสียงทะลวงอากาศที่เบายิ่งดังแว่วมา
เสียงทะลวงอากาศนั้นเบาจนเหมือนหินก้อนหนึ่ง เฉียดผ่านอากาศ
แต่มาพร้อมกับประกายไฟร้อนแรง
กระบี่ไม้เล่มหนึ่งพุ่งเข้าไปในแดนผนึกแสงดารา!
บุรุษชุดขาวที่ขี่กระบี่ไม้หน้าดำมืด ดวงตาเย็นชา มองทีเดียวก็เห็นสถานการณ์ที่นี่ชัดเจน
บุรุษโดดลงเหยียบบนพื้นทราย แต่กระบี่ไม้ใต้เท้าไม่ลดความเร็วลง มันพุ่งชนเข้าไปกลางหญิงสามคน พุ่งใส่หญิงสวมผ้าคลุมที่โต้ตอบไวที่สุดและกำลังจะหมุนตัวกลับมาดู
เสียงร้องน่าเวทนายิ่งดังขึ้น หญิงสวมผ้าคลุมสีดำคนนั้น สองมือแห้งเหมือนต้นไม้แก่จับกระบี่ไม้ที่แทงข้างหลังตนไว้ หน้าอกเกิดควันดำลุกไหม้ นางถูกกระบี่ไม้นั้นลากไถลไปกลางทะเลทรายใหญ่ ร่างแทบจะขาดออกจากกัน ขาสองข้างลากเป็นรอยยาวสองสาย
เศษไม้กระจายระหว่างทาง
ไม่ได้มาจากกระบี่ไม้ แต่มาจากปีศาจพฤกษาหญิงที่คืนร่างเดิม
สุดท้ายกระบี่ไม้เข้าใกล้พื้นมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเอียงและแทงลงทราย
หญิงสวมผ้าคลุมดำที่ถูกตอกตายเหลือเพียงศพครึ่งร่าง สองแขนห้อยลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกลายเป็นทรายลอยหายไป เหลือเพียงชุดคลุมดำว่างเปล่าปลิวไสว
ซูชีเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“ที่นี่มีปีศาจทำชั่วด้วยรึ” เขาแค่นยิ้ม ก่อนตั้งมือข้างหนึ่ง กระบี่ไม้นั้นลอยขึ้นจากพื้น พลันกลับมาตรงหน้าเขา ลอยตั้งท่าและหมุนวนช้าๆ
ยอดนักกระบี่ตำหนักทะเลสาบกระบี่คนนี้หรี่ตาลง ที่นี่ผนึกแสงดารา ดูท่าปีศาจน้อยพวกนี้คงไม่รู้ฟ้าสูงดินต่ำ คิดจะปล่อยราชันปีศาจที่ถูกผนึกใต้ประตูหยก ทำให้เกิดเหตุการณ์แสงดาราแว้งกัด
พวกหนิงอี้สามคนซ่อนอยู่ที่นี่ ตนใช้แสงดาราไม่ได้ก็น่าจะใช้วิชาซ่อนตัวบางอย่างอยู่…แผนการถ่วงเวลาน่าขำ ซ่อนได้ช่วงหนึ่ง คิดว่าจะซ่อนไปได้ตลอดทั้งชีวิตรึ
ฆ่าปีศาจสามตัวนี้ ทำลายผนึกก่อน
ดูจากพลังบำเพ็ญของปีศาจน้อยเมื่อครู่นี้ จะสังหารก็ง่ายดาย ไม่ได้ใช้ปราณกระบี่เท่าไรเลย
ใบหน้าซูชีไร้คลื่นอารมณ์
เขาชัก ‘ใยฝน’ ตรงเอวออกมา ปาออกไปสูง
“ไม่รู้จักดีชั่ว อยู่ใต้ฟ้าต้าสุย ปีศาจยังกล้าออกมาอีก วันนี้ข้าซูชีแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่จะปราบปีศาจแทนกรมปราบปีศาจ เหยียบประตูหยกให้ราบเอง!”
……………………..
Comments