เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า 309 พายุหิมะกลับฝัก

Now you are reading เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า Chapter 309 พายุหิมะกลับฝัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 309 พายุหิมะกลับฝัก

ฝนหยุดตกแล้ว

หลังฝนใหม่ในภูเขาว่างเปล่า

บนฟ้าเหนือแม่น้ำหลีเจียงใสสะอาด

หมอกแม่น้ำกระจายออกไป จึงมองเห็นทุกอย่างชัดเจน

ปิ่นปักผมรูปร่างมังกรที่เดิมทีควรแทงระหว่างคิ้วหนิงอี้ถูกสองนิ้วมือขาวเนียนดุจหิมะคีบหัก

เพชรแตก

ซูชีหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างชัดเจน ของประจำตัวที่เชื่อมกับจิตใจและแข็งแกร่งทนทานแตกออกเช่นนี้ คนเป็นเจ้าของถึงกับตับไตแตก กระอักเลือดมาคำใหญ่

ยอดนักกระบี่ดาราชะตาแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่หน้าซีดขาว จ้องร่างหญิงสวมชุดคลุมใหญ่สีขาวดำนั้นเขม็ง

หนิงอี้หลับตาลง วิชาจิตเขาสู่ซานไหลเหมือนสายน้ำสดชื่น หลั่งไหลเข้าไปในใจ

สายลมใบไม้ผลิพัดผ่าน จิตใจเงียบสงบ

ใบหน้าเหนื่อยล้าของเขาผ่อนคลายลง พูดพึมพำด้วยเสียงแหบแห้ง “ศิษย์พี่หญิง…”

ดูท่าหมายเลขสามสองเจ็ดคงเดินทางจากทะเลทรายประตูหยกไปถึงเขาสู่ซานอย่างปลอดภัยแล้ว

ก่อนตนออกเดินทางได้มอบหมายคำสั่งสำคัญกับหมายเลขสามสองเจ็ด

หลิ่วสืออีถูกตำหนักทะเลสาบกระบี่ป้ายสีเป็นศิษย์เนรคุณ ทะเลสาบกระบี่ย่อมทำได้ทุกอย่างเพื่อสังหารคนคลั่งกระบี่

ลางสังหรณ์ที่ทะเลทรายประตูหยกบอกหนิงอี้ว่าอีกฝ่ายมีโอกาสสูงมากที่จะส่งยอดผู้บำเพ็ญเหนือกว่าขอบเขตที่สิบมา

แม้จะผิดกฎ ก็ไม่สนใจ

หมายเลขสามสองเจ็ดนำคำสั่งของตนข้ามภูเขาข้ามแม่น้ำกลับไปเขาสู่ซาน

“ไม่เป็นไร ข้าจัดการเอง”

ราชันดาราพันกรยืนตรงหน้าหนิงอี้ รูปร่างระหงแต่กลับยิ่งใหญ่ดุจภูเขา ชุดคลุมใหญ่สีขาวดำพาดบ่า แขนเสื้อว่างเปล่าสองข้างสะบัดไปตามลม

ขาสองข้างลอยอยู่บนแม่น้ำหลีเจียง น้ำฝนมากมายรวมกันบนศีรษะนาง

พันกรมองนักกระบี่ดาราชะตาชุดคลุมสีเลือดที่ใบหน้าไม่มีสีเลือดเลยคนนั้นพลางเอ่ยอย่างเฉยชา “ดูท่า…ก่อนหน้านี้ตำหนักทะเลสาบกระบี่คงจ่ายเลือดไปไม่พอ เจ้าถึงกล้าคิดที่จะสังหารว่าที่เจ้าภูเขาน้อยสู่ซานของข้า”

หนิงอี้ใจสั่นสะท้าน

ว่าที่เจ้าภูเขาสู่ซานน้อยรึ

ซูชีหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามอย่างน่าเวทนา “ชีวิตคนเขาสู่ซานเจ้าก็คือชีวิตคน แล้วชีวิตของน้องชายข้า…ไม่ใช่ชีวิตรึ”

คำถามนี้ย่อมไม่ได้คำตอบ

พันกรมีใบหน้าไร้คลื่นอารมณ์

ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วว่าพันกรแห่งเขาสู่ซานมีพลังบำเพ็ญสูงมาก ทำอะไรตามใจ ในแววตาซูชีมีความสิ้นหวังแล้ว

เรื่องจบลงตรงนี้แล้ว

เขารู้ว่าเขาไม่มีทางรอด

แสงดาราไหลย้อนขึ้นไปทั้งตัว หน้าอกเขาพองขึ้น แขนเสื้อกว้างสองข้างขยายใหญ่

เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น พายุสายฟ้าระเบิดบนแม่น้ำหลีเจียง

พันกรเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง อีกมือกดลงช้าๆ

พายุสายฟ้าส่องสะท้อนใบหน้าด้านข้างนางจนเหมือนน้ำค้าง ดวงตาเย็นชา การระเบิดตัวเองของพลังบำเพ็ญดาราชะตาที่เดิมทีควรจะถล่มหินผาสูงชันสองข้าง กลับถูกนางพลิกมือกดไว้ในฝ่ามือเช่นนี้

แม่น้ำไหลเชี่ยวดุจคลื่นโหมกระหน่ำ

หลายลมหายใจต่อมา ละอองน้ำกระจายเต็มฟ้าตกลงมา

ชุดคลุมเลือดของซูชีกลายเป็นผุยผงพัดปลิวไป

เมื่อเห็นนักกระบี่ดาราชะตาตำหนักทะเลสาบกระบี่ที่ก่อนหน้านี้สร้างแรงกดดันให้ตนอย่างยิ่งสลายเป็นเถ้าธุลีเช่นนี้ หนิงอี้กับเผยฝานก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ส่วนความตกใจที่ราชันดาราพันกรออกมือครั้งนี้ เรียกว่าชินเสียแล้ว

หลิ่วสืออีกลับต่างไปอย่างสิ้นเชิง เขามีสีหน้าตื่นตะลึง เหม่อมองร่างหญิงสวมชุดคลุมใหญ่คนนั้นอยู่นานก็ยังไม่ได้สติกลับมา…ใช้มือเดียวกดการระเบิดตัวเองของขอบเขตดาราชะตาได้ เรื่องแบบนี้ ต่อให้อาจารย์ตนทำได้เช่นกัน แต่ก็คงไม่สง่างามเท่าเจ้าภูเขาสู่ซานน้อยคนนี้แน่นอน

คลื่นระเบิดบางส่วนที่เหลือบนแม่น้ำหลีเจียง ได้รับ ‘อนุญาต’ จากพันกรให้แผ่กระจายออก

ฉาวลู่หญิงทะเลตะวันตกที่เพิ่งยืนขึ้นบนเรือเล็กถูกคลื่นถาโถมใส่ ใบหน้าพลันขาวซีดและหมดสติไปอีกครั้ง

……

ณ วิหารผู้คุมกฎตำหนักทะเลสาบกระบี่

ตะเกียงกระดาษมันที่ลอยอยู่ข้างหลังสวีไหลแกว่งไปมาในยามกลางวัน มันเหมือนมีสติปัญญา ตัวตะเกียงถูกสาดน้ำหมึกเหมือนแต่งแต้มดวงตา ลืมขึ้นมาเป็นดวงตาใหญ่ มองทุกอย่างบนเส้นทาง

ในวิหารผู้คุมกฎมีเสาโบราณตั้งอยู่ ล้อมรอบศิลาหินก้อนหนึ่ง ด้านบนไม่ปิดไว้ แสงตะวันส่องลงมาเหมือนน้ำตก ส่องไปที่ศิลาหินนั้นทั้งหมด เมื่อนานมาแล้วตำหนักทะเลสาบกระบี่มีอัจฉริยะกระบี่ที่ใช้พลังราชันดาราก้าวเข้าหุบเขานิรันดร์ได้ นั่นคือราชันกระบี่เทพหิมะ นับจากนั้นมา ทำนองปราณกระบี่ของตำหนักทะเลสาบกระบี่ ไอสังหารจะเอนไปทางความเย็นเยือกมากกว่า

เจตจำนงกระบี่เหมันต์

วิหารผู้คุมกฎตำหนักทะเลสาบกระบี่ ศิลาโบราณที่ไม่รู้ชื่อนั้นอาบพลังที่เป็นหยางที่สุดของทั้งเขาศักดิ์สิทธิ์

หลิ่วสือที่ชุดคลุมเต๋าสีฟ้าเข้มขาดวิ่น ยืนเท้าเปล่าอยู่หน้าศิลาหินนั้น เขาเงยหน้าขึ้น ใบหน้าอ่อนแรงและซีดเซียว มองตรงไปที่ดวงตะวันใหญ่บนฟ้า

ผู้อาวุโสใหญ่หยวนฝูอินยืนอยู่นอกวิหารผู้คุมกฎ ใบหน้าบึ้งตึง เขาไม่คิดเลยว่ากระบี่ยอดเหมันต์ประจำตำหนักจะถูกหลิ่วสือวางไว้ในที่ที่อาบพลังหยางเช่นนี้…เสาโบราณของวิหารผู้คุมกฎดูดซับพลังแสงอาทิตย์ ทั้งยังอยู่ร่วมกันในนั้น ใช้ลงโทษศิษย์ในสำนัก โดยเฉพาะศิษย์ที่แตะเส้นตาย ทำผิดร้ายแรงอภัยให้ไม่ได้ ก็จะใช้พลังหยางกำจัดเจตจำนงกระบี่เหมันต์ในร่างกาย ถือเป็นการตัดพลังบำเพ็ญ

คนที่ถูกลงโทษเช่นนี้ก็ถือว่าถูกไล่ออกจากสำนักแล้ว

ส่วนศิลาโบราณที่ไม่รู้ชื่อนั้น ได้ยินว่าตั้งอยู่ที่นี่เมื่อนานมาแล้ว แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่หยวนฝูอินก็ไม่รู้ที่มาของศิลาหินนั้น รวมถึงเนื้อความที่เขียนบนศิลาว่ามีความหมายแฝงใดกันแน่…รู้อย่างเดียวคือศิลาโบราณนี้เชื่อมกับเสาหินที่ใช้ควบคุมทั้งวิหารผู้คุมกฎ

“ศิษย์พี่ เจ้าเป็นเจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่ รู้จักค่ายกลและความลับทั้งหมดบนเขาศักดิ์สิทธิ์นี้”

สวีไหลยืนข้างหลังหลิ่วสือ เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่คือวิหารผู้คุมกฎ หากปลุกเสาโบราณวิหารนี้ก็จะเป็นยอดค่ายกล…ในทะเลสาบกระบี่นี้ นอกจากวิหารผู้คุมกฎแล้ว วิหารใหญ่อื่นๆ รวมถึงทั้งเมืองน้ำหลาก ซ่อนกลอุบายของยอดผู้บำเพ็ญตำหนักทะเลสาบกระบี่ไว้มากมาย

แต่ศิษย์ของเจ้ายังอยู่ในมือข้า…” เขาชะงักไปก่อนจะเอ่ยราบเรียบ “หวังว่าศิษย์พี่จะไม่ทำอะไรโง่ๆ นะ”

พลังบำเพ็ญของศิษย์พี่ตน เพิ่งออกจากแดนเทวายอดเหมันต์มาก็ลดลงอย่างมากแล้ว ต่อให้ใช้ค่ายกลก็น่าจะสู้ตนไม่ได้

ทว่า…

สวีไหลหรี่ตาลง

ไม่รู้เพราะเหตุใดการติดต่อระหว่างฉาวลู่กับตนถึงขาดหายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ

แต่ศึกที่แม่น้ำหลีเจียงไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว อีกไม่นานฉาวลู่ก็จะพาหลิ่วสืออีกลับมาตำหนักทะเลสาบกระบี่

เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ใจเย็นลง

สวีไหลในชุดดำเอ่ยนิ่งๆ “ข้าไม่อยากให้ยุ่งยาก และไม่อยากฆ่าใคร…ตอนนี้ ข้าแค่อยากเห็นยอดเหมันต์ที่อาจารย์ฝากเอาไว้ หากเจ้าให้ความร่วมมือ เช่นนั้นทุกอย่างก็จะจบลงอย่างสันติ”

“ตกลง”

หลิ่วสือพยักหน้า

เขาพ่นลมหายใจยาว ตอนนี้ดวงตะวันตกลับเส้นขอบฟ้า บุรุษชุดคลุมเต๋าฝ่ามือกดศิลาหิน ชั่วอึดใจเดียว ศิลาโบราณที่ดูเย็นเยียบเหมือนหยกนั้นก็เกิดไอขาวลอยขึ้น ความเย็นเยียบที่ถูกเรียกอย่างคลุมเครือเริ่มออกมาจากศิลาหิน

หยวนฝูอินที่ยืนอยู่นอกวิหารผู้คุมกฎขมวดคิ้ว ใยแมงมุมน้ำแข็งที่มองเห็นด้วยตาเปล่าเริ่มลุกลามมาจากใต้เท้าหลิ่วสือหน้าศิลาโบราณ เพียงไม่กี่สิบลมหายใจก็แผ่ขยายไปเต็มเสาโบราณหลายสิบต้นของทั้งวิหารผู้คุมกฎ

ผู้อาวุโสใหญ่ถอยไปตามจิตใต้สำนึก เข้าไปในเงามืดเงียบๆ

เขาจ้องภาพที่เกิดขึ้นในวิหารผู้คุมกฎ

วิหารใหญ่สีแดงร้อนแรงในตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นสีขาวหิมะไปแล้ว

นี่มันอะไรกัน!

เสาหินบริสุทธิ์พวกนี้ใช้กำจัดความหนาวโดยเฉพาะ…

หยวนฝูอินพลันเผยแววตาเข้าใจแจ่มแจ้ง เขาเดาความลับไม่มากไม่น้อยได้แล้ว แต่นี่เป็นความลับที่ตำหนักทะเลสาบกระบี่สืบทอดกันมาพันปี มีเพียงเจ้าตำหนักทุกรุ่นเท่านั้นที่รู้

ศิลาโบราณที่อาบแสงตะวันนั่น ไม่ใช่แค่ใช้กำจัดความเย็นเยือก

ที่มากกว่านั้นคือกำราบ ‘ยอดเหมันต์’

ใช่

มีเพียงศิลาโบราณที่ร้อนถึงที่สุดแบบนี้เท่านั้นถึงจะกำราบยอดเหมันต์ได้

ตัวกระบี่ยอดเหมันต์ หากไม่ควบคุมการใช้ปราณกระบี่ เช่นนั้นทั้งตำหนักทะเลสาบกระบี่จะถูกแช่แข็ง เมืองน้ำหลากใต้ภูเขา ทะเลสาบในระยะสิบลี้จะปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ฤดูหนาวเหน็บมาเยือน

อีกทั้งยังไม่มีดวงตะวันใบไม้ผลิไปตลอดกาล

สวีไหลปล่อยให้หิมะเกาะตามตัว อาภรณ์เขาคลุมด้วยเศษน้ำแข็ง เขายืนอยู่ที่เดิมเช่นนี้ มองศิษย์พี่ของตนด้วยแววตาเร่าร้อนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

‘ชีวิตนิรันดร์’ ตรงเอวสั่นไหวไม่หยุดและยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

นี่คือการพบกันของกระบี่ที่ตนเฝ้ารอมาหลายสิบปี

วันนี้…ทุกอย่างนี้จะได้วาดจุดจบสมบูรณ์แล้ว

ศิลาโบราณนั้นถูกหลิ่วสือกดเป็นรอยฝ่ามือลงไป

หิมะลอยขึ้นมา

หลิ่วสือที่ชุดคลุมเต๋าโบกสะบัดมีสีหน้าเคร่งขรึม ไอหนาวแผ่กระจายมาใต้เท้า ก่อพลังรุนแรงขึ้น

เขายืนอยู่กลางหมอกหนาว

หลิ่วสือจ้องศิลาหินนั้น เขาไม่เข้าใจอักขระลึกลับบนศิลาหิน แต่จำได้ว่าอาจารย์เคยบอกตนว่า นี่คือตำราสวรรค์ปราณกระบี่ที่บรรพจารย์ฝากเอาไว้ ประโยคแรกของตำราคือประโยคที่ทุกคนในตำหนักทะเลสาบกระบี่คุ้นหู

หลิ่วสือหลับตาลง พูดเบาๆ “ชีวิตนิรันดร์ใต้ฟ้า สี่ฤดูยอดเหมันต์”

ศิลาหินสั่นสะเทือน

ยอดเหมันต์ที่ผนึกมาสิบหกปี และตอนนั้นถูกเผยหมินทำลายในเมืองหลวง ได้ปรากฏมาต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง

หิมะลอยออกมาจากส่วนลึกของศิลาหินที่เปิดออก

เกิดเสียงดังชิ้ง

เสียงถอนหายใจของบุรุษดังขึ้น

หลิ่วสือในชุดคลุมเต๋าสีฟ้าเข้มกลางหมอกควันยกกระบี่ด้วยสองมือ เดินออกมาช้าๆ

หยวนฝูอินในเงามืดนอกวิหารผู้คุมกฎขมวดคิ้วขึ้น

สิ่งที่อยู่ในมือหลิ่วสือไม่ใช่กระบี่โบราณที่ตนคิดไว้

นั่นเป็นเพียงร่างกระบี่เปล่งสีขาวอ่อนๆ ไม่ใช่กระบี่ที่รวมเป็นร่างจริงออกมา

เดี๋ยวก่อน…กระบี่นั่น เหตุใดถึงแตก

ในคืนโลหิตเมืองหลวง เจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่คนก่อนตายด้วยน้ำมือเผยหมิน เรื่องเกี่ยวกับกระบี่ยอดเหมันต์ตำหนักทะเลสาบกระบี่ นอกจากเจ้าตำหนักหลิ่วสือแล้วก็ไม่มีใครรู้

มีคนบอกว่าฝ่าบาทส่งกลับตำหนักทะเลสาบกระบี่

มีคนบอกว่าหลิ่วสือไปเมืองหลวง นำยอดเหมันต์กลับมาจากหุบเขานิรันดร์

แต่ไม่มีใครเคยเห็นยอดเหมันต์อีก

กระบี่ยอดเหมันต์เป็นกระบี่ยอดเหมันต์จริงๆ รวมขึ้นจากพายุหิมะ ต่อลมหายใจสุดท้าย พร้อมจะดับสลายได้ตลอดเวลา

หลิ่วสือยืนอยู่หน้าสวีไหล

เขาพูดเสียงเบา “ถ้าเจ้าอยากได้…ก็จะให้เจ้า”

เขาแบสองมือออก

ยอดเหมันต์ที่อยู่บนมือกระจายเป็นเศษน้ำแข็งตกลงพื้น

ชีวิตนิรันดร์โบราณตรงเอวสวีไหลก็ไม่สงบนิ่งอีก ฝักกระบี่ที่ช่างกระบี่วิมานเทพตั้งใจหลอมให้เป็นฝักของ ‘ชีวิตนิรันดร์’ พลันแตกออก

หยวนฝูอินที่ซ่อนอยู่นอกวิหารผู้คุมกฎเผยแววตาตื่นตกใจ

แสงกระบี่สีขาวตกลงกลางกระบี่ที่พุ่งออกจากฝักตรงเอวสวีไหล

ชีวิตนิรันดร์กับยอดเหมันต์ใต้ฟ้า เดิมทีเป็นกระบี่คู่

ไม่เคยมีฝักกระบี่ใดรองรับชีวิตนิรันดร์ได้

เพราะชีวิตนิรันดร์ก็คือฝักกระบี่

ยอดเหมันต์นั้นเหมือนกับแกนกระบี่ที่หลอมขึ้นจากพายุหิมะมากกว่า

ในวันนี้ พายุหิมะกลับฝักแล้ว

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด