เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า 87 เริ่มการล่า

Now you are reading เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า Chapter 87 เริ่มการล่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 87 เริ่มการล่า

“หนิงอี้ ไม่มีเงื่อนไขอะไร…เขาศักดิ์สิทธิ์แดนบูรพาต้องการอัจฉริยะอย่างเจ้า”

หลี่ไป๋จิงยิ้ม ตอนที่บุรุษอาภรณ์ผ้าฝ่ายสีดำคนนั้นเอ่ย หนิงอี้อดตำหนิในใจไม่ได้…แดนบูรพาแดนประจิม สององค์ชายไม่ใช่คนดีอะไร องค์ชายรองที่ยิ้มแย้มเป็นมิตรท่านนี้ ในนั้นจะเป็นพระโพธิสัตว์ชราใจดีที่ให้โดยไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนได้อย่างไร คำเชิญจากดอกบัวแดนบูรพา ทั้งซ่อนทั้งประคอง ก็ยิ่งไม่มีเจตนาดี ยิ่งหลี่ไป๋จิงให้มากเท่าไร ก็ต้องการเอาไปจากตนมากเท่านั้น

“เขาศักดิ์สิทธิ์แดนบูรพาข้ามีอัจฉริยะมากมาย เจ้าเคยได้ยินลั่วฉางเซิงหรือไม่” องค์ชายรองหรี่ตาลง โยนบุคคลที่มีความเป็นตัวแทนอย่างยิ่งออกมา “ลั่วฉางเซิงกำเนิดที่ภูเขาเชียงพำนักเทพ เคยเป็นอันดับหนึ่งรายนามดารา หลังทะลวงสิบขอบเขต อันดับหนึ่งในตอนนี้เป็นเจ้า”

หลินอวิ๋นแสร้งยิ้มตกใจ “องค์ชาย…ข้าเรียนหนังสือมาน้อย ท่านอย่าหลอกข้าเลย ภูเขาเชียงอยู่ในดอกบัวแดนบูรพา แต่ไม่ได้หมายความว่า ‘เซียนจุติ’ ท่านนั้นจะอยู่ในบัวแดนบูรพา ทั้งโลกหล้ารู้ว่าลั่วฉางเซิงเป็นคนที่มีนิสัยหยิ่งยโสอย่างยิ่ง เขาจะรับคำเชิญของท่านและร่วมพันธมิตรแดนบูรพาหรือ”

หลี่ไป๋จิงหัวเราะ

ด้วยชื่อเสียงใต้ฟ้าต้าสุยของลั่วฉางเซิง หากร่วมดอกบัวแดนบูรพา ศึกชิงอำนาจระหว่างองค์ชายรองและองค์ชายสามก็แทบจะไม่ต้องสู้กันแล้ว

เล่าลือว่างานราชวงศ์ใหญ่ที่จะมาถึงนี้ ลั่วฉางเซิงจะไม่เข้าร่วมด้วย

บุตรศักดิ์สิทธิ์ของเขาศักดิ์สิทธิ์ คุณชายใหญ่ของสำนักศึกษา ล้วนอยู่ระหว่างขอบเขตที่แปดกับเก้า ส่วนเยี่ยหงฝูกับมังกรจู๋หลงน้อยเฉาหลันก็ทะลวงขอบเขตที่สิบนานแล้ว มองทุกคนจากเบื้องบน

ต่อให้เป็นขอบเขตที่สิบเหมือนกัน แต่กำลังรบก็ยังต่างกันราวกับฟ้าดิน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึง ‘เซียนจุติ’ ท่านนั้นที่ก้าวไปถึงยอดสิบขอบเขตและจุดดาราชะตาคนนั้นเลย

ระดับพรสวรรค์ของลั่วฉางเซิงยังเหนือกว่าฝูเหยาแห่งเขาลั่วเจียเมื่อสิบปีก่อน ทำให้คนชื่นชม แทบจะถูกยอมรับโดยรู้กันว่าเป็นอันดับหนึ่งในภายภาคหน้าของใต้ฟ้าต้าสุย อีกไม่นานนักก็จะเทียบเท่ากับ ‘กระบี่เทพมรรค’ สามคนในตอนนั้น

ตอนที่หลี่ไป๋จิงรวมกำลังแดนบูรพาตอนแรก ภูเขาเชียงยังไม่เริ่มมีกำลัง กลอุบายของคุณชายน้ำค้างหานเยวียแกร่ง เพียงใดกัน ตอนนั้นมัดภูเขาเชียงไว้กับรถสงครามของดอกบัวแดนบูรพา เพียงแต่ว่าหลังลั่วฉางเซิงมีชื่อเสียง เจตนารมณ์ในวังก็เข้ามาดูแล ภูเขาเชียงเปิด ‘ที่พำนักเทพ’ ให้กับลั่วฉางเซิงโดยเฉพาะ เพื่อให้เซียนจุติท่านนี้ฝึกบำเพ็ญต่อไปได้โดยไม่เหนือกว่ากฎ

หนิงอี้ไม่ใช่คนโง่ที่ให้ผลประโยชน์นิดหน่อยก็จะกินเหยื่อ มององค์ชายรองวาดวงกลมใหญ่ให้ตน ผลประโยชน์ที่ยังไม่ได้มามีอะไรน่าสนใจกัน ลั่วฉางเซิงกับตนไม่เกี่ยวข้องใดๆ กันเลย ก็แค่หลี่ไป๋จิงอยากจะแสดงความแกร่งของดอกบัวแดนบูรพาต่อหน้าตนเท่านั้น

หนิงอี้ไม่ปฏิเสธเรื่องเบื้องหลังความแกร่งของดอกบัวแดนบูรพา ในเขาศักดิ์สิทธิ์แดนบูรพามีพวกปีศาจรุ่นเยาว์พวกนั้นอยู่ บ้างรองานราชวงศ์ใหญ่ บ้างรอโชควาสนาที่เหนือไปกว่าเดิม ภายภาคหน้าหากพบแล้ว หากไม่ใช่คนผ่านทาง คงจะเกิดการต่อสู้เป็นตายขึ้น

“ลั่วฉางเซิงไม่เข้าร่วมดอกบัวแดนบูรพาจริงๆ…” หลี่ไป๋จิงหัวเราะเบาๆ “แต่ว่าหลังจากนี้ ใครจะไปรู้”

หนิงอี้หรี่ตาลง เหมือนกำลังครุ่นคิดถึงความหมายในคำพูดขององค์ชายรอง หรือว่าเซียนจุติที่ไม่ข้องเกี่ยวทางโลกคนนั้นจะถูกดอกบัวแดนบูรพาเชิญไปแล้ว

“หนิงอี้”

หลี่ไป๋จิงไม่ซ่อนเจตนาของตนอีก เขาพูดออกมาตรงๆ “ดอกบัวแดนบูรพาไม่ใช่จะได้เข้ากันง่ายๆ ต่อให้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นของเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่ว่าจะได้เข้าโดยไม่มีเงื่อนไขใด ข้าปกครองแดนบูรพา มีทรัพยากรมากมาย หากเจ้าอยากมา ข้าจะไม่ปฏิบัติกับเจ้าอย่างไม่เป็นธรรมเด็ดขาด อย่างน้อยจะไม่หยุดให้ทรัพยากรที่ต้องการในการบำเพ็ญ นอกจากนี้ วิชาของเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด นอกจากพวกวิชาต้องห้ามสำคัญแล้ว ก็ศึกษาได้ตามใจ ส่วนบันทึกตำราโบราณที่ปิดผนึกกับวิชาลับ ข้าจะติดต่อ ‘ปีศาจ’ พวกนั้นของแดนบูรพาให้เจ้า”

เมื่อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา

หนิงอี้ไม่แสดงสีหน้าใด แต่อดหัวเราะในใจไม่ได้

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ

ในที่สุดก็เผยเจตนาออกมา

ฟังดูแล้ว ดอกบัวแดนบูรพานี่ เชิญก็เรื่องของเชิญ แต่ตนก็ยังต้องทำอะไรให้แดนบูรพาใช่หรือไม่

ใช่อย่างที่คิดจริงๆ ผู้มีอำนาจพวกนั้นในราชวงศ์ ต่อให้ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม แต่เนื้อข้างในก็ยังเหมือนกัน ชำเลืองตามองใต้หล้าอยู่สูงส่ง ดอกบัวแดนบูรพา…วางมาดเสียใหญ่โตจริงๆ ใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็จะใช้ไม้แข็ง นี่จะกดดันให้ตนทำงานให้แดนบูรพารึ

หลี่ไป๋จิงนำป้ายคำสั่งแกะสลักดอกบัวสีดำออกมาจากแขนเสื้อ ป้ายคำสั่งสี่เหลี่ยมยาว รอบๆ เผาเป็นวงสีทองอมดำ ด้านบนสุดเจาะรูเล็ก ผูกด้วยเชือกแดง บุรุษหนุ่มยกมือขึ้น ดึงปลายเชือกตึง ป้ายยาวนั้นแกว่งไกวไปมา

หลี่ไป๋จิงยิ้ม “หนิงอี้ ศึกสำนักศึกษา เจ้าสร้างชื่อเสียงได้ไม่น้อย แค่ฉายาแต่งตั้งขุนนางรองท่องกระบี่ จากนี้ไปในเมืองหลวง…ก็ถือว่าได้ยืนอยู่ที่นี่แล้ว นี่เป็นเรื่องดี แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะราบรื่นไปเสียทุกอย่าง ป้ายคำสั่งที่เป็นสัญลักษณ์ ‘ดอกบัวแดนบูรพา’ นี้ เจ้ารับไว้ก่อน หากเจอปัญหาที่จัดการไม่ได้จริงๆ ป้ายคำสั่งนี้จะมีประโยชน์มาก”

หนิงอี้ไม่รีบร้อนรับ แต่มององค์ชายรองด้วยรอยยิ้ม

หลี่ไป๋จิงไม่มีทีท่าจะปล่อยป้ายคำสั่งยาว เขานิ่งไป ก่อนจะยิ้ม “อีกไม่นานจะเป็นวันล่าเหยื่อที่จะเดินทางไปที่ราบสูงเทพสวรรค์ ระหว่างแดนบูรพากับแดนประจิมจะไม่สงบสุขอีก”

ใต้ฟ้าต้าสุยกับนอกแดนอุดรมีพื้นที่อิสระกว้างใหญ่ นี่คือ ‘ร่องรอยเทพ’ ที่คนธรรมดาไม่อาจเข้าใจได้ หากแยกแผ่นดินใหญ่ เช่นนั้นจุดสูงสุดของทางเหนือใต้ฟ้าต้าสุยจะอยู่บนที่ราบที่อยู่สูงสุด จากนั้นยิ่งไปทางเหนือก็จะยิ่งต่ำลง จนถึง ‘ทะเลวิญญาณ’ ที่กลืนกินไอวิญญาณแสงดารานั้น ทว่าหลังก้าวข้ามผ่านทะเลวิญญาณไปแล้วก็จะเป็นเขตอิสระระหว่างเผ่ามนุษย์กับเผ่าปีศาจ

เผ่าปีศาจเงยหน้าขึ้น ท้องฟ้าที่มองเห็นคือ ‘ทะเลพลิกผัน’ ใต้เท้าเผ่ามนุษย์

ยอดผู้บำเพ็ญที่จุดดาราชะตาแล้ว ไม่ว่าจะเผ่ามนุษย์หรือเผ่าปีศาจก็ไม่อาจข้ามปราการทะเลวิญญาณยักษ์นั้นได้ เว้นแต่จะมีร่างนิพพาน ไม่ถูกกฎฟ้าดินพันธนาการ ระหว่างที่แสงดารากระจายไปในฟ้าดิน พอมาถึงใต้ฟ้าเผ่าปีศาจก็ยังรวมขึ้นใหม่ได้

วันล่าเหยื่อของราชวงศ์ต้าสุย ความจริงไม่ได้ไปเขตใจกลางเผ่าปีศาจ กระทั่งไม่นับว่าเป็นรอบนอกของแดนเผ่าปีศาจด้วยซ้ำ บนที่ราบสูงเทพสวรรค์จะมีแดนต้องห้ามกับการจำกัดอย่างมาก มีปีศาจป่าเถื่อนที่ยังไม่เปิดสติปัญญาอาศัยอยู่ ปีศาจพวกนี้ปราบได้ เลี้ยงดูได้ สายเลือดกับพรสวรรค์ได้รับการบ่มเพาะในใต้ฟ้าต้าสุยได้…แดนอุดรมีผู้บำเพ็ญอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งคนหนึ่ง เฉาหลัน ฉายาของเขา ‘มังกรจู๋หลงน้อย’ เล่าลือว่าเขารับมรดกสายเลือดของมังกรจู๋หลง ปีศาจใต้ฟ้าเผ่าปีศาจอยู่

ที่ราบสูงเทพสวรรค์…

ที่ราบสูงแห่งนี้ คือที่ที่ราชวงศ์เลือกในวันล่าเหยื่อหรือ เล่าลือว่าที่ราบสูงเทพสวรรค์กว้างใหญ่ แต่เคยเป็นแดนรกร้างมาก่อน มีผนึกมากมาย เดินทางค่อนข้างอันตราย แต่ติดกับแดนอุดรของต้าสุย ผู้บำเพ็ญระดับองค์ชายบุกฝ่าในนั้น มีกลอุบายมากมายกับตัว ดังนั้นจึงไม่ถือว่าอันตรายเท่าไร ทั้งยังไกลจากเขตใจกลางเผ่าปีศาจมาก หากเกิดอะไรขึ้น ยอดฝีมือของแม่น้ำวายุแดนจะไปถึงก่อนแน่นอน

เมื่อนึกถึงตรงนี้

หนิงอี้เพ่งมอง “ท่านอยากให้ข้าทำอะไร”

องค์ชายรองยิ้ม “หนิงอี้ ได้ยินว่าเจ้าเคยปล้นสะดมของหลี่ไป๋หลินที่แดนประจิม”

หนิงอี้ยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธ “ข้าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”

หลี่ไป๋จิงทำเสียงจิ๊ๆ ปลงอนิจจัง กอดอกพิงรถม้าดอกบัว พิจารณามองเด็กหนุ่มที่หน้าหนาจนน่าตกใจคนนี้ ในดวงตาขยับประกายชื่นชมเสี้ยวหนึ่ง ก่อนเอ่ยไม่ช้าไม่เร็ว “ข้ากดขี่หลี่ไป๋หลินทุกทางมานานแล้ว เขากลัวออกมือออกเท้าในแดนประจิมก็เพราะข้ายื่นแขนมาข้างหนึ่ง ห่างกันสี่หมื่นลี้ เขายังต้องยอมให้ข้าสามส่วน เขาส่งสินค้า ข้าก็จะปล้นสินค้า เขาช่วยคน ข้าก็จะฆ่าคน อันธพาลท้องถิ่น ขุมอำนาจเล็กใหญ่ของแดนประจิม ความจริงข้าก็พอรู้จักอยู่บ้าง มีครั้งเดียวที่พลาดไป”

หนิงอี้ยิ้ม

“สินค้านั่นเป็นของขวัญที่เขาจะมอบให้เขาสู่ซาน เขาอยากเป็นอาจารย์อาน้อยเขาสู่ซาน สิ่งที่ข้าทำได้คือการปล้นสินค้านั้น ให้เขาสู่ซานมีภาพจำต่อเขาแย่ลงหน่อย” หลี่ไป๋จิงยักไหล่ด้วยความจนปัญญา “ความจริงก็ไม่ได้ส่งผลถึงบทสรุปสุดท้ายเลย…”

“ใช่ แน่นอนว่าไม่ส่งผลถึงบทสรุป” หนิงอี้เอ่ยราบเรียบ “เพราะอาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานก็คือข้า”

ความมั่นใจและอหังการในคำพูดนี้แสดงออกมาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“หนิงอี้ เจ้าปล้นสินค้าเขา นับตั้งแต่นั้นมา ข้าก็อยากพบหน้าอาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานคนนี้สักครั้ง” หลี่ไป๋จิงหัวเราะเสียงดัง ในดวงตามีความจริงใจ “วันนี้ได้พบกัน ช่างแตกต่างจริงๆ ปราณกระบี่ท่องหล้า มังกรหงส์ในมวลมนุษย์”

หนิงอี้ยิ้มแต่ในใจไม่ยิ้ม เขาเลี่ยงหัวข้อสนทนาเรื่องปล้นสินค้าไป เปลี่ยนเรื่องถาม “องค์ชายรองเหมือนจะรู้บทสรุปของศึกสำนักศึกษาอยู่แล้ว”

เมื่อปีก่อน เกิดการปล้นสินค้าที่แดนบูรพา ตอนนั้นก็บอกว่าเป็นคุณหญิงแห่งสำนักศึกษาถ้ำกวางขาวฝ่าฝืนกฎออกมือ นี่หมายความว่าระหว่างองค์ชายรองกับสำนักศึกษาถ้ำกวางขาวมีสัมพันธ์ที่ไม่แย่

หญิงที่มีนามว่าป๋อหลิ่นคนนั้น เคยช่วยตนที่ตรอกฝนพรำ วันนั้นหลังสวีจั้งกลับมาก็เคยบอกกับตน ทำให้หนิงอี้มีภาพจำอยู่บ้าง

หลี่ไป๋จิงพูดด้วยรอยยิ้มมีความหมายลึกซึ้ง “ข้าไม่ใช่แค่เห็นบทสรุปของศึกสำนักศึกษา แต่ข้ายังมองออกว่าเจ้าหนิงอี้ จากนี้จะมีชื่อเสียงเลื่องลือสี่สมุทรใต้ฟ้าต้าสุย พุ่งทะยานขึ้นฟ้า”

ใช้คำหวานประจบกันชัดๆ

หนิงอี้หัวเราะเสียงดัง คิดในใจ ‘ไร้สาระ’

ตอนหลี่ไป๋จิงเอ่ยคำพูดนี้ก็มีรอยยิ้มบางๆ ยื่นมือที่จับเชือกแดงยาวนั้นออกไป องค์ชายรองที่ดูมีใบหน้าเป็นมิตรคนนี้ ความหมายในดวงตาหยั่งลึกดุจมหาสมุทรลึก

เขาเก็บรอยยิ้ม ก่อนพูดอย่างจริงจัง “ร่วมมือกับข้า ข้าจะช่วยเจ้า”

หนิงอี้เลิกคิ้วขึ้น “จะให้ข้าทำอะไร”

หลี่ไป๋จิงพูดเย้าหยอก “ช่วยข้าสกัดสินค้าอีกครั้ง ที่ที่ราบสูงเทพสวรรค์”

หนิงอี้หรี่ตาลง

“เจ้าไม่ใช้ตัวตนเขาสู่ซานได้ เจ้าจะใช้ตัวตนใดก็ได้ตามข้าไปที่ราบสูงเทพสวรรค์ การปฏิบัติการทุกอย่างจะติดต่อผ่านป้ายคำสั่งนี้ ถึงตอนนั้นจะมีกองกำลังกลุ่มอื่นด้วย ข้าจะลากคนที่ตึงมือออกไป พวกเจ้ารับผิดชอบภารกิจ” หลี่ไป๋จิงจ้องหนิงอี้พลางพูดเสียงเบา “ว่าอย่างไร”

จวนภูเขาคราม ตะวันยามอัสดงดุจโลหิต

เด็กหนุ่มยื่นมือไปรับป้ายคำสั่งบัวดำแทบจะไม่ลังเลเลย ก่อนแสยะปากยิ้ม

“แน่นอนว่า…ตกลง”

………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด