เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆบทที่ 744 การสืบสวนของฮั่วจีว์2

Now you are reading เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ Chapter บทที่ 744 การสืบสวนของฮั่วจีว์2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 744 การสืบสวนของฮั่วจีว์2

ฮั่วจีว์พยายามข่มใจ นั่งลงที่เก้าอี้ เขาจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นตาแทบไม่กะพริบ การร่ายรำของนางงดงาม เอวเพรียวบางรูปร่างอรชร ข้อเท้าขาวนวลที่ปรากฏออกมาทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้น

เมื่อดวงตาของนางหันมาสบกับฮั่วจีว์ เขาตัวชาถึงกับกลั้นหายใจ

ในตอนนั้นเองที่เขาเห็นคิ้วของนางขมวดเล็กน้อย ราวกับว่าไม่มีความสุข แต่กลับหายไปในชั่ววูบ ให้ความรู้สึกเหมือนภาพมายา

การร่ายรำดูเหมือนยาวนาน แต่ตราตรึงใจผู้คนทั้งที่เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่เหมือนจะดูไม่เต็มอิ่ม

“งดงามมาก..”

มีเสียงอุทานดังขึ้นมาที่ข้างหูของฮั่วจีว์ เขาหันไปเห็นสหายเจ้าสำราญของเขาเบิกตากว้างมองไปยังสตรีผู้นั้น

ไม่เพียงแต่สหายของเขาเท่านั้น แม้แต่ชายคนอื่นก็ตกตะลึงเช่นกัน นอกจากความหลงใหลแล้วยังมีแววตาอย่างอื่นปะปนอยู่ด้วย ทำให้ฮั่วจีว์ไม่สบายใจ อยากลุกไปควักนัยน์ตาของคนเหล่านั้นออกมาให้หมด

หญิงสาวผู้นั้นกวาดสายตามองผู้ชมด้วยดวงตาที่เข้มของนาง จากนั้นจึงได้หันหลังจากไป ฮั่วจีว์มองตามอย่างเหม่อลอย เขาตกอยู่ในภวังค์

“เป็นอย่างไรบ้าง? ชิงลั่วสวยสมกับที่ข้าเอ่ยปากบอกเจ้าหรือไม่?” สหายของฮั่วจีว์พูดพลางตบไหล่เขา

นางมีนามว่าชิงลั่ว

ชิงลั่ว ชิงลั่ว.. ฮั่วจีว์ท่องชื่อซ้ำไปมาอยู่ในใจเงียบๆ ช่างฟังไพเราะเหลือเกิน หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เขาก็พึมพำในลำคอออกมาว่า

“ก็ดูธรรมดา”

“พี่ฮั่ว ท่าทางท่านเหมือนกับทำวิญญาณหลุดหายเลยน่ะยังมีหน้ามาพูดว่าธรรมดาอีกหรือ?” สหายของเขาเปิดโปงฮั่วจีว์อย่างไม่ไว้หน้า

“ทุกคนต่างพากันตกตะลึง หากข้าไม่ทำตามก็ดูผิดปกติไม่เหมือนคนอื่นเขานะสิ”

“ปัดโธ่.. พี่ฮั่ว ท่านอยากรู้เว่าแม่นางชิงลั่วเป็นใครมาจากไหนหรือไม่? ” เขาถามขึ้น แม้ฮั่วจีว์จะอยากรู้อยากเห็นมากเพียงใดก็ตาม แต่สีหน้าเขายังนิ่งเฉยยากจะสังเกตได้

“นางเป็นใคร มาจากไหน?”

“นางเป็นบุตรสาวของพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซี หลังจากที่ครอบครัวของนางล้มละลาย นางจึงมาได้มาอยู่ในหอนางโลมเช่นนี้ นางเคยเป็นหญิงสาวในห้องหอมาก่อน” สหายของฮั่วจีว์ว่า

ช่างน่าเวทนา .. ฮั่วจีว์รู้สึกสงสารนางจนอยากจะพานางออกจากหอนางโลมขึ้นมาเสียเดี๋ยวนี้

ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปในทิศทางที่ชิงลั่วจากไป แต่แล้วกลับเห็นว่ามีชายหนุ่มหลายคนคิดเช่นเดียวกับเขา

“ขออภัย แม่นางชิงลั่วไม่รับแขก ทุกท่านโปรดมาชมการแสดงของนางใหม่ในคืนพรุ่งนี้นะเจ้าคะ” ฝีเท้าของฮั่วจีว์หยุดชะงัก

“แม่นางชิงลั่วพรากวิญญาณของเราไปแล้ว พรุ่งนี้เราต้องมาอีก” สหายเจ้าสำราญของฮั่วจีว์พูดพร้อมกับดึงตัวเขาออกจากจือฮวาโหลว

ฮั่วจีว์เดินตามออกมาอย่างล่องลอย คลับคล้ายคลับคลาว่าตนลืมบางอย่างไป เมื่อออกมาแล้วพลันนึกขึ้นได้ว่า เขาคิดจะมาสืบคดี แต่กลับพุ่งความสนใจไปที่แม่นางชิงลั่วแทน จนลืมเสียสนิทว่าตัวเองตั้งใจจะไปสืบคดีของปีศาจถลกหนัง เขาตบหน้าปากตัวเองพรุ่งนี้จะต้องตั้งใจสืบให้ได้

เช้าวันรุ่งขึ้น

ฮั่วจีว์ไปที่หน่วยลาดตะเวน หน่วยนี้ตั้งอยู่สุดถนนสายหลักดูไม่ได้โดดเด่นอะไร ที่หน้าหน่วยมีสิงโตหินสองตัวและคนเฝ้าประตูเพียงสองคนเท่านั้น ฮั่วจีว์เข้าไปข้างในพร้อมกับสหายร่วมงานสองคน สหายร่วมงานของเขามีหลากหลายอาชีพ ตอนที่เขาเจอสองคนนี้คนหนึ่งใส่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งเรียกว่าเฒ่าขอทาน เขาดูเหมือนขอทานทั่วไปแต่มีข้อมูลมากมาย อีกคนแขนหัก แต่มืออีกข้างของเขายืดหยุ่นมาก สามารถสะเดาะกลอนได้ทุกรูปแบบ ฮั่วจีว์โอบไหล่ของชายขอทานเอาไว้

“ขอทานเฒ่า หัวหน้าอยู่ที่นี่หรือไม่?” หัวหน้าของหน่วยลาดตะเวนมีนามสกุลว่าเป่ย กล่าวกันว่าเป็นคนสนิทของผู้สำเร็จราชการ เดิมทีเขาเป็นคนคุ้มกันของเว่ยฉิง แต่หลังจากที่เว่ยฉิงรับตำแหน่งแล้ว ก็จัดตั้งหน่วยลาดตะเวนขึ้นมาและให้คนสนิทผู้นี้เป็นหัวหน้าหน่วย

เมื่อสิบวันก่อนฮั่วจีว์ได้เข้าร่วมหน่วยและได้พบกับหัวหน้า แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด กลับทำให้ฮั่วจีว์รู้สึกว่าเขากับหัวหน้าไม่ค่อยลงรอยกัน

ชายหนุ่มยังจำได้ดีถึงครั้งแรกที่เขาได้พบกับหัวหน้าหน่วย ภายใต้หน้ากากโลหะที่หัวหน้าหน่วยสวมอยู่ สายตาที่มองมายังฮั่วจีว์ดูเย่อหยิ่ง เย็นชาจนทำให้เขาไม่สบายใจ ความคุ้นเคยของดวงตาคู่นั้นอดทำให้เขาคิดไม่ได้ว่าบางทีหัวหน้าอาจจะเป็นพี่ชายของหญิงสาวที่ฮั่วจีว์กำลังตามหาอยู่ก็เป็นได้ แต่กลายเป็นว่าเขาตาบอดไปเอง ! เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ฮั่วจีว์กัดฟันด้วยความเกลียดชัง

ในการประเมินงานครั้งก่อนฮั่วจีว์คิดว่าเขาทำได้ดีมากแล้ว แต่อีกฝ่ายบอกว่าเขาไร้ประโยชน์ ทั้งยังพูดกับเขาด้วยว่าการสืบคดีมีความยากลำบาก คุณชายเสเพลอย่างเขาจะทนได้สักเท่าไหร่ ไม่เกินสองวันคงทนไม่ไหวแล้ว

จากนั้นไม่นานมีการแข่งขันการต่อสู้ ฮั่วจีว์ที่ถือตนว่าเก่งกาจกลับโดนไล่ทุบตีจนลุกแทบไม่ขึ้น เขาเสียหน้ามาก จนคิดว่าตนเองคงไม่เหมาะสมกับการทำงานในหน่วยลาดตระเวน แต่เมื่อฮั่วจีว์เตรียมจะลาออก หัวหน้าเป่ยกลับบอกว่ารับเขาเข้าทำงานแล้ว เขาอยากละทิ้งทุกอย่างแล้วเดินเชิดหน้าออกไปจริงๆ แต่ถ้าเขาไปแล้ว ก็กลายเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างที่หัวหน้าเป่ยออกปากนะสิ!

เขาจะไม่ออกไปไหน และจะอาสารับทำคดียากๆ อย่างปีศาจถลกหนังด้วย!

เขาไม่เพียงแค่ต้องการสร้างความภาคภูมิใจให้แก่บิดามารดาเท่านั้น แต่ยังอยากให้หญิงสาวที่เขาได้พบเห็นประทับใจในตัวเขาอีกด้วย นอกจากนี้ฮั่วจีว์ยังอยากเอาชนะคำพูดของหัวหน้าเป่ย เพื่อที่เขาจะได้กลืนคำดูถูกฮั่วจีว์ลงคอไป!

เนื่องจากการพบกันในครั้งแรกไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ฮั่วจีว์จึงหลีกเลี่ยงที่จะเจอหัวหน้าตัวเอง เขากอดคอขอทานเฒ่าแล้วถามขึ้นมา วันนี้เขามาเร็วเช่นนี้หัวหน้าคงยังไม่มากระมัง

“มาแล้ว เขามาถึงคนแรกเลย” ขอทานเฒ่าพูด

“เขาอยู่ไหน?”

“ห้องหนังสือ”

ฮั่วจีว์ถอนหายใจ เขากำลังคิดจะไปเดินหอจดหมายเหตุที่อยู่ตรงข้ามกับห้องหนังสือเข้าพอดี คงไม่มีทางได้เจอกันแน่

“หัวหน้าไปที่ห้องหนังสือก่อนแล้วจะไปหอจดหมายเหตุ..” ขอทานเฒ่าเสริมขึ้นแต่ฮั่วจีว์เดินเร็วเกินกว่าที่จะได้ยิน

ในหอจดหมายเหตุ มีรายงานคดีความเก็บสะสมไว้มากมาย ฮั่วจีว์อยากดูรายงานของปีศาจถลกหนังอีกครั้ง

เขาผลักประตูเข้าไปและพบว่ามีคนอยู่ข้างใน เขายืนหันหลังให้ประตู ชุดสีดำที่เขาสวมใส่ทำให้ดูรูปร่างเพรียวหลังเหยียดตรง ท่าทางดูห่างเหิน เพียงแค่เห็นด้านหลัง ใบหน้าของฮั่วจีว์ก็เหมือนกับกินแตงขม

หัวหน้าเป่ยนั่นเองที่อยู่ในห้อง

ฮั่วจีว์ปวดฟันขึ้นมาทันใด เขายกเท้าค่อยๆ ก้าวออกจากห้องราวกับไม่เคยมาเหยียบที่นี่

พลันชายคนนั้นหันหน้ามาทางฮั่วจีว์หน้ากากสีเงินของเขาส่องประกายเย็นเยียบ ดวงตาที่หนาวเหน็บจับจ้องมาที่ฮั่วจีว์

“จะเข้าก็เข้าจะออกก็ออก ทำลับๆล่อๆเช่นนี้เป็นขโมยหรืออย่างไร?” น้ำเสียงเย็นชาพูดขึ้นมา ฮั่วจีว์ที่ถูกถากถางเปลี่ยนใจเดินเข้าไป

“ขโมย? เหตุใดท่านพูดอย่างนั้นล่ะหัวหน้าเป่ย

“ข้าแค่จะมาตรวจสอบดูบันทึกเท่านั้น” ฮั่วจีว์โต้ เชิดใบหน้าขึ้น หัวหน้าเป่ยยังคงปรายตามองอย่างเย็นชาเช่นเดิม เขาไม่พูดอะไรต่อ ดูเหมือนว่าเขาจะอ่านข้อมูลเสร็จแล้ว จึงวางบันทึกลงหันหลังจากไป ตอนที่เขากำลังจะเดินผ่านฮั่วจีว์ เขาชะงักแล้วพูดว่า

“ตรวจสอบให้ดี อย่าคิดว่าเป็นคดีธรรมดาทั่วไป”

หลังจากที่พูดจบเขาก็จากไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย เมื่อได้ยินประโยคนั้น ฮั่วจีว์นึกถึงตอนโดนชิงลั่วจ้องเมื่อคืนนี้ ทำให้เขาลืมทุกอย่างจนหมดสิ้น เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด แต่เมื่อคิดดูให้ดี หัวหน้าเป่ยจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อคืนนี้เขาไปที่ไหนมา

คงเพราะไม่ชอบหน้าเขาล่ะสิ ถึงได้เข้มงวดจับผิดเขามากกว่าคนอื่น

ฮั่วจีว์เดินไปหยิบบันทึกรายงานของปีศาจถลกหนังขึ้นมาพบว่ารายงานยังมีความอุ่นหลงเหลืออยู่

เขาวางบันทึกรายงานลงเดินถอยหลังไปสองก้าว พลางจินตนาการว่าเมื่อครู่นี้หัวหน้าเป่ยยืนอยู่ตรงไหน ไม่ใช่ตรงนี้หรอกหรือ? หัวหน้าเป่ยกำลังอ่านรายงานเรื่องปีศาจถลกหนังอยู่ เขาสนใจในคดีนี้เหมือนกันหรือ?

ในหน่วยลาดตะเวนนั้นมีกฎอยู่ว่า คนหลายคนสามารถสืบคดีเดียวกันได้ และจะพิจารณาผลงานจากการมีส่วนร่วมในการสืบคดี หลังจากที่รู้ว่าหัวหน้าเป่ยมีความสนใจคดีนี้ก็ยิ่งทำให้ฮั่วจีว์มีแรงฮึดสู้ขึ้นมาก เขาต้องเป็นคนแรกที่จับปีศาจถลกหนังเพื่อตบหน้าหัวหน้าหน่วยให้ได้!

เขาก้าวเข้าไปหยิบรายงานของปีศาจถลกหนังขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด พยายามมองหาเบาะแสในบันทึกอย่างไม่ให้พลาดเลยแม้แต่น้อย

————————————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด