เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆบทที่ 795 งานเลี้ยงสำหรับทูต

Now you are reading เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ Chapter บทที่ 795 งานเลี้ยงสำหรับทูต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 795 งานเลี้ยงสำหรับทูต

เสิ่นเว่ยเฟิงยังอยู่ที่เรือนรับรอง เขาเป็นถึงอัครเสนาบดีของแคว้นฉู่ อีกทั้งองค์หญิงเหยาเยว่พระธิดาผู้เป็นที่รักของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่ก็ร่วมเดินทางมาด้วย พวกเขามีสถานะสูงส่งซึ่งแสดงถึงความจริงใจของแคว้นฉู่ ด้วยเหตุนี้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สมควรมาต้อนรับเขา แต่สองวันที่ผ่านมามีเพียงเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพิธีการเท่านั้นที่มาต้อนรับพวกเขา แม้ว่าเสิ่นเว่ยเฟิงจะแปลกใจแต่เขาก็ไม่ได้กังวลมากนัก

เขาลงมือเขียนจดหมายอย่างตั้งใจ

ศิษย์น้อง.. เมื่อเขียนไปได้แค่ครึ่งแผ่น มีมือขาวเรียวยื่นมาคว้าจดหมายจากเขาไป

“ศิษย์น้อง …ศิษย์น้อง..ท่านพร่ำเพ้อถึงนางมาตลอดทาง แต่ศิษย์น้องของท่านไม่เคยคิดถึงท่านเลย ท่านมาถึงเมืองหลวงแคว้นต้าโจวแล้วแต่นางยังไม่มาหาท่านเลย”

องค์หญิงเหยาเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม นางเป็นหญิงสาวที่มีรูปโฉมสะดุดตา มีคิ้วที่งดงามดูต่างจากหญิงจากแคว้นฉู่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความกล้าหาญมาโดยตลอด

“หากเจ้าคิดถึงนางมากมิสู้ไปหานางก่อนไม่ดีกว่าหรือ?”

“เหตุใดองค์หญิงถึงอยากให้กระหม่อมไปพบนางก่อน กระหม่อมมาถึงเมืองหลวงของแคว้นต้าโจวแล้ว นางไม่ควรมาหากระหม่อมก่อนหรือ?” เสิ่นเว่ยเฟิงหรี่ดวงตาดอกท้อของเขาพูดด้วยรอยยิ้ม

“ช่างน่าอึดอัดใจเสียจริง อยากเจอเขาแท้ๆ แต่ยังเกี่ยงให้เขามาหาก่อน ข้าไม่เข้าใจจริงๆ” องค์หญิงเหยาเยว่ส่ายพระพักตร์จากนั้นจึงได้หันหลังออกไป

เสิ่นเวยเฟิงหยิบกระดาษที่องค์หญิงคืนให้เขามาเขียนต่อ หลังจากที่เขาเขียนเสร็จแล้วเขาก็ส่งไปให้ตู้ชิงหยู

ในเวลาเดียวกันตู้ชิงหยูกำลังชื่นชมภาพวาดอยู่กับกู้หวนอวี้ หลังจากเห็นจดหมายแล้ว สีหน้านางเยาะหยัน นางขยำกระดาษเป็นก้อนกลมแล้วโยนทิ้งถังขยะไป

เห็นได้ชัดว่าทั้งศิษย์พี่ศิษย์น้องอยู่ในเมืองหลวงเช่นเดียวกัน ผ่านไปถึงสี่วันแล้วพวกเขายังไม่เห็นหน้ากันเลย

ในที่สุดท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ได้จัดงานเลี้ยงรับรองให้กับทูตแคว้นฉู่

“กระหม่อมได้ยินเสียงร่ำลือว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์กับฮ่องเต้มีความใกล้ชิดกันมาก กระหม่อมเคยเห็นการต่อสู้แย่งชิงอำนาจมามากแต่ไม่เคยเห็นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติเช่นนี้มาก่อน ท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผู้นี้ปราศจากกิเลสละทิ้งแล้วซึ่งอำนาจจริงหรือ? กระหม่อมอยากเห็นว่าจะเป็นเหมือนข่าวลือหรือไม่?”

เสิ่นเว่ยเฟิงพูดช้าๆ อย่างคาดหวัง เขาอยู่ห่างไกลจากต้าโจวมาหลายปี มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในแคว้นนี้มากมาย แต่ความวุ่นวายทั้งหลายได้ลดลงภายใต้การปกครองและบริหารราชการแผ่นดินโดยท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผู้นี้

อย่างไรก็ตาม คำโบราณที่กล่าวเอาไว้ว่าเมื่อมีอำนาจย่อมเกิดความขัดแย้ง เสิ่นเว่ยเฟิงคิดว่าข่าวลือส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ ข้อเท็จจริงน่าจะเต็มไปด้วยอุบาย

งานเลี้ยงได้ถูกกำหนดและจัดขึ้นภายในพระราชวังโดยมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เข้าร่วมด้วย ถังหลี่มีความสงสัยในตัวศิษย์พี่ของตู้ชิงหยู นางจึงตัดสินใจเข้าร่วมงานเลี้ยงกับเว่ยฉิง

ถังหลี่มีตำแหน่งเป็นพระชายาของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นางมีโอกาสเข้าร่วมงานได้ตามต้องการ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วถังหลี่จะเลือกที่จะทำตามใจของตนเองมากกว่า ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นสามีของนาง อีกทั้งนางยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฮ่องเต้และไทเฮา จึงไม่จำเป็นต้องประจบประแจงหรือสานสัมพันธ์กับผู้อื่น

เมื่อถึงวันงานถังหลี่จึงได้ลุกขึ้นแต่งกายเพื่อไปร่วมในงานเลี้ยงรับรองทูตแห่งแคว้นฉู่กับเว่ยฉิง

เมื่อผู้คนที่ไปร่วมงานเลี้ยงได้ยินว่าพระชายาจะเสด็จไปร่วมงานเลี้ยงด้วยต่างพากันโล่งใจและยินดีมาก เป็นเพราะพวกเขากลัวผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่เมื่อมีพระชายาอยู่ด้วยแล้ว อารมณ์ของพระองค์จะดีมาก พระองค์แทบจะไม่โกรธกริ้วผู้ใดเลย

เมื่อถังหลี่และเว่ยฉิงก้าวเข้าไปในโถงจัดเลี้ยง พวกเขารู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา ถังหลี่กวาดตามองจึงเห็นว่าเป็นสายตาของผู้ชายที่นางได้เห็นบนท้องถนนเมื่อวันก่อน เสิ่นเว่ยเฟิงนั่นเอง ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเป็นหญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงาม น่าจะเป็นองค์หญิงฉู่ที่มีข่าวลือว่าเป็นเพราะนางที่ทำให้เสิ่นเว่ยเฟิงยังอยู่ในแคว้นฉู่ ในไม่ช้าการจ้องมองของพวกเขาก็โดนขัดขวางจากสามีที่อยู่ข้างกายของนาง ดวงตาของเว่ยฉิงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างดุดัน

“ท่านอัครเสนาบดี ท่านกล้าแม้แต่จะจ้องมองพระชายา ดูสิ! ท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จ้องท่านเขม็ง..ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระพระองค์ผู้นี้รักพระชายาของพระองค์มาก ท่านอย่าได้เสียมารยาท ไม่เช่นนั้นแล้วต้าฉู่ของเราจะมีปัญหาตามมาไม่จบ”

องค์หญิงโน้มพระองค์เข้าไปใกล้เสิ่นเว่ยเฟิง ดูเผินๆ จากสายตาคนภายนอกแล้วพวกเขาทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันคาดเดาความสัมพันธ์ขององค์หญิงกับท่านอัครเสนาบดีว่าเป็นเช่นไรกันแน่

หลังจากที่เว่ยฉิงและถังหลี่นั่งลงแล้ว เสิ่นเว่ยเฟิงจึงได้ลุกขึ้นโค้งคำนับ เขากล่าววาจาเพียงไม่กี่คำเท่านั้น แต่สีหน้าของท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เย็นชาและไม่แยแส ทว่าเสิ่นเว่ยเฟิงกลับยิ้มออกมาและทรุดตัวลงนั่งตามเดิม หลังจากจิบสุราเสิ่นเว่ยเฟิงปรายตามองไปยังเว่ยฉิงเป็นบางครั้ง แม้ว่าจะไม่มีใครให้ความสนใจเขาแต่เสิ่นเว่ยเฟิงดูผ่อนคลายมากขึ้น

“ท่านอัครเสนาบดี ท่านต้องละสายตาจากสิ่งสวยงามที่ท่านกำลังจ้องมองอยู่ได้แล้ว ท่านจะมาหยุดเดินเมื่อเห็นของสวยงามไม่ได้นะ ท่านจะทำให้พวกเราลำบาก” องค์หญิงเหยาเยว่กระซิบ

“ถ้ากระหม่อมเดินได้ จะโดนองค์หญิงลักพาตัวหรือพะย่ะค่ะ” เขาตอบเบาๆ องค์หญิงเหยาเยว่ทรงถอนพระทัยเพิกเฉยกับวาจาล้อเลียนของเขา

“ท่านทำให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขุ่นเคืองแล้ว ท่านจะแก้ปัญหาอย่างไร?”

“เขาอาจจะไม่ได้โกรธเพราะเรื่องนี้แต่ใช้เป็นข้อแก้ตัวที่ไม่ได้มารับรองพวกเราในสี่วันที่ผ่านมาก็เป็นได้ สีหน้าเขาถึงได้ดูเย็นชาเช่นนั้น ใจเย็นเถิด อย่าเพิ่งกังวล” เสิ่นเว่ยเฟิงกล่าวอย่างอย่างสุขุม องค์หญิงเหยาเยว่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นท่าทีสงบนิ่งราวกับว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเขาที่วางไว้ นางได้แต่หวังว่าเป็นเช่นนั้น

หลังจากอาหารเย็นผ่านไป เว่ยฉิงเหมือนว่าจะอารมณ์ดีขึ้น เขาจึงได้พูดคุยกับเสิ่นเว่ยเฟิงสองสามคำ และนี่เป็นโอกาสดีที่อัครเสนาบดีแห่งแคว้นฉู่จะได้เจรจาอย่างฉะฉานถึงผลประโยชน์ทางการค้าระหว่างทั้งสองแคว้น เขาวาดภาพจินตนาการจนทำให้ผู้ที่ได้รับฟังพลอยเห็นดีเห็นงามซาบซึ้งใจไปตามๆ กัน

ถังหลี่มองสามี เห็นเขายังนิ่งเฉย แม้เขาไม่ใช่คนช่างพูด แต่เขาเป็นคนรอบรู้ ข้อดีคือเขาเป็นคนแน่วแน่ในความคิดของตน ไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ ว่าไปแล้วก็ออกจะขวานผ่าซากอยู่บ้าง แต่เนื้อแท้แล้วเขารู้ว่าจะจัดการกับคนเช่นเสิ่นเว่ยเฟิงที่มีลิ้นแหลมคมผู้นี้ได้อย่างไร

“ใต้เท้าเสิ่น ท่านเป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ฮั่น และตู้ชิงหยูเป็นศิษย์น้องของท่านใช่หรือไม่?”

ถังหลี่ได้โอกาสสอบถามเรื่องที่นางอยากรู้ เสิ่นเว่ยเฟิงมองถังหลี่อย่างตรงไปตรงมา ท่าทางสง่างามไม่ดูเสแสร้ง

“พระชายารู้จักศิษย์น้องของกระหม่อมด้วยหรือพะย่ะค่ะ?”

“ใช่แล้ว ตู้ชิงหยูกับข้าเป็นสหายที่ดีต่อกัน ถ้านางไม่ได้พูดถึงท่านข้าคงไม่รู้เรื่องนี้” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มมีมากขึ้น

“ศิษย์น้องพูดถึงข้าด้วยหรือพะย่ะค่ะ”

“ใช่…ใต้เท้าเสิ่นเป็นคนต้าโจวเหมือนนางหรือ?”

“กระหม่อมเกิดที่แคว้นฉู่ อาจารย์เป็นผู้เลี้ยงดู กระหม่อมจึงได้อาศัยอยู่ในต้าโจวนานกว่าสิบปี แต่ถ้าจะพูดให้ถูก กระหม่อมเป็นคนแคว้นฉู่ที่มาเติบโตที่ต้าโจวมากกว่า ศิษย์น้องได้เอ่ยถึงข้าว่าอย่างไรหรือพะย่ะค่ะ?”

“ชิงหยูไม่ได้พูดอะไรมากนัก ตอนนี้นางอยู่ที่จวนของข้า ถ้าหากท่านมีเวลาจะมาเยี่ยมเยียนนางที่จวนสกุลอู่ของข้าก็ได้”

ทั้งสองสนทนากันสักพัก จากนั้นเสิ่นเว่ยเฟิงจึงได้นั่งลง

“ท่านอัครเสนาบดี ท่านเป็นคนแคว้นฉู่ ท่านอย่าได้ลืมฐานะและตำแหน่งของตัวท่าน” องค์หญิงเหยาเยว่สีพระพักตร์ไม่สู้ดี ถ้าหากอัครเสนาบดีได้พบศิษย์น้องของตน เขาจะกลายเป็นคนไม่สุขุมและน่าเชื่อถือดังเช่นที่เห็นตามปกติ

องค์หญิงเหยาเยว่ไม่คิดเลยว่า พระชายาของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และศิษย์น้องของเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเช่นนี้ นางกังวลว่าเขาจะเสียสติก่อนที่จะได้เจรจาเรื่องผลประโยชน์ระหว่างแคว้น

“ไม่ต้องกังวล กระหม่อมจำได้ ทั้งยังมีองค์หญิงคอยจับตาดูเช่นนี้ กระหม่อมจะลืมได้อย่างไร?” เขายังคงยิ้มไม่แยแส

ถังหลี่มองเสิ่นเวยเฟิงอย่างครุ่นคิด

ตู้ชิงหยู่มีความสำคัญในใจของเขามากทีเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด