เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]บทที่ 1457 วิดีโอคอลขอความช่วยเหลือ

Now you are reading เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] Chapter บทที่ 1457 วิดีโอคอลขอความช่วยเหลือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,457 วิดีโอคอลขอความช่วยเหลือ

หลินเป่ยเฉินฝากความหวังเอาไว้ที่เยว่หงเซียงมากทีเดียว

ณ ขณะนี้ เยว่หงเซียงถือเป็นนักเวทผู้ใช้ค่ายอาคมระดับสูง มีความชำนาญด้านการใช้ค่ายอาคมไม่แพ้ผู้ใดในจักรวรรดิเป่ยไห่

ตอนแรก นางสำรวจดูรอบตัวหุ่นเหล็กมฤตยูอย่างละเอียด

โดยเฉพาะส่วนที่เป็นข้อต่อทั้งหลาย เยว่หงเซียงถึงกับเดินวนมาดูซ้ำ ๆ หลายรอบ

หลังจากนั้น นิ้วมือที่เรียวยาวขาวหิมะของเยว่หงเซียงก็สัมผัสลงไปบนพื้นผิวของหุ่นเหล็กยักษ์แผ่วเบา แสงสว่างสีเขียวเป็นประกายเรืองรองออกมาจากนิ้วมือของนางและแสงสว่างนั้นก็ครอบคลุมไปทั้งตัวของหุ่นเหล็กมฤตยู

“น่าสนใจ”

สีหน้าของเยว่หงเซียงแสดงออกถึงความประหลาดใจเปี่ยมล้น

ไม่ต่างจากกระต่ายป่าได้ค้นพบอาหารโปรด

เยว่หงเซียงจ้องมองไปที่หุ่นเหล็กยักษ์

หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่เยว่หงเซียง

ภาพลักษณ์ของเด็กสาวผู้น่าสงสารในอดีตได้แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

โดยเฉพาะหลังจากที่นางได้หลอมรวมพลังจากโอสถหัวใจพฤกษาและตำแหน่งเทพีบรรณารักษ์ เสน่ห์ที่เยว่หงเซียงมีอยู่ในขณะนี้คือสิ่งที่ยากต่อการบรรยายเป็นตัวอักษรเหลือเกิน

และนางก็ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นเมื่อควักบุหรี่ออกมาจุดสูบ ก่อนที่ริมฝีปากสีชมพูจะพ่นควันออกมาเป็นสายหมอกสีขาว

นี่คือเสน่ห์แห่งความงามที่ไม่เหมือนผู้ใด

นี่คือความแตกต่างที่ลงตัวของเด็กสาวคงแก่เรียนผู้มีความร้อนแรงอยู่ในตัวเอง

หากจะให้หาคำจำกัดความจริง ๆ หลินเป่ยเฉินก็นึกได้เพียงประโยคเดียวเท่านั้นว่า…

ทรงเสน่ห์

หลินเป่ยเฉินเฝ้าดูอยู่ในความเงียบ ทันใดนั้น ก็นึกได้อีกสองคำว่า…

สวยงามและพิเศษ

บรรยากาศเงียบสงบ

บนเกาะร้างย่อมไม่มีผู้คน

กาลเวลาผ่านไป

หนึ่งชั่วยามให้หลัง เยว่หงเซียงยิ่งค้นพบสิ่งที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

นางกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนศีรษะของหุ่นเหล็ก ร่างกายปลดปล่อยม่านพลังสีเขียวมรกตออกมา ร่างมายาของเทพีบรรณารักษ์ลอยตามติดอยู่ทางด้านหลัง ก่อนจะเกิดเป็นภาพที่ชวนฉงนและมีเสน่ห์อย่างแปลกประหลาด

พลังศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกมาจากกายของเยว่หงเซียงทำให้หลินเป่ยเฉินอดประหลาดใจไม่ได้

เห็นได้ชัดว่าเยว่หงเซียงสามารถควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ดีมากกว่าผู้คนที่หลอมรวมตำแหน่งเทพเจ้าทั่วไป

กล่าวให้ถูกต้องก็คือ แม้แต่อาจารย์ฉู่เหินผู้อยู่ทำหน้าที่รักษาการแทนเขาบนดินแดนทวยเทพ หรือจะเป็นกลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้าเหล่านั้น ก็ยังไม่สามารถควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์จากตำแหน่งเทพเจ้าได้ดีเท่ากับเยว่หงเซียง

เยว่หงเซียงยืนอยู่บนศีรษะของหุ่นเหล็กยักษ์ พยายามทำลายค่ายอาคมเก่าลงไปให้ได้

พลัน หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบและเงยหน้ามองขึ้นไป

ไม่ทราบเลยว่าร่างของนักพรตหญิงชินได้มาลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าเหนือเกาะร้างตั้งแต่เมื่อไหร่ มิหนำซ้ำ นางยังก้มหน้ามองลงมาที่พวกเขาทั้งสองคนอีกด้วย

ผมสีเงิน เสื้อคลุมสีดำ ยังคงดูสง่างามเสมอ

หลินเป่ยเฉินรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

เขาถูกจับได้ว่าแอบพาเยว่หงเซียงออกมาอยู่บนเกาะร้างตามลำพังแล้วสินะ?

หลินเป่ยเฉินอยากจะอธิบายอะไรบางอย่าง

แต่นักพรตหญิงชินกลับส่ายศีรษะเป็นสัญญาณบอกว่าไม่อยากรบกวนเยว่หงเซียง หลังจากนั้น ร่างของนางก็ค่อย ๆ เลือนหายลับไปในท้องฟ้ายามราตรี

คงเป็นเพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายออกไปในอากาศทำให้นักพรตหญิงชินต้องรีบออกมาตรวจสอบดูนั่นเอง

หลินเป่ยเฉินจึงกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง

แต่เดี๋ยวก่อนนะ…

เมื่อสักครู่นี้ ทำไมเขาต้องตกใจด้วย?

เขามาที่นี่ ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย

หรือว่า…

อย่าตกใจง่าย ๆ สิวะ!

ในระหว่างที่ความคิดของหลินเป่ยเฉินเริ่มสะเปะสะปะ หูของเขาก็ได้ยินเสียงร้องอุทานด้วยความดีใจของเยว่หงเซียง

เด็กหนุ่มรีบหันไปมอง

แล้วก็ต้องตกตะลึงในสิ่งที่เห็น

เพราะหุ่นเหล็กมฤตยูตัวนั้นที่มีม่านพลังสีเขียวครอบคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า บัดนี้ มันได้ย่อขนาดลงมาจนเทียบเท่ากับร่างกายมนุษย์ปกติธรรมดาผู้หนึ่งแล้ว

“นี่เจ้า… ควบคุมมันได้แล้วหรือ?”

หลินเป่ยเฉินส่งเสียงอุทานด้วยความเหลือเชื่อ

นี่คือหุ่นยักษ์ที่สามารถสังหารเทพเจ้าได้อย่างง่ายดาย

แต่ใช้เวลาเพียงไม่นาน เยว่หงเซียงก็สามารถควบคุมมันได้แล้ว

นี่มันความสามารถของเทพเจ้าระดับสูงชัด ๆ

อย่าบอกนะว่าเยว่หงเซียงคืออัจฉริยะแห่งดินแดนทวยเทพที่ถูกส่งลงมาอยู่ในแผ่นดินตงเต้า?

“สามารถควบคุมได้ในระดับพื้นฐานเท่านั้นเจ้าค่ะ”

เยว่หงเซียงส่ายหน้าด้วยท่าทีหมกมุ่น ก่อนกล่าวต่อน้ำเสียงประหลาดใจ “ข้าสามารถสลายค่ายอาคมเก่าและติดตั้งค่ายอาคมใหม่ได้สำเร็จ แต่ข้อเสียก็คือหุ่นตัวนี้ยังเคลื่อนไหวได้ช้าเกินไปและพลังในการต่อสู้ก็อ่อนแอมาก…”

พูดจบ นางก็ปล่อยลำแสงสีเขียวออกจากฝ่ามือกระแทกเข้าไปสู่ด้านในตัวหุ่นเหล็ก

หุ่นเหล็กมฤตยูก้าวเดินออกมาข้างหน้าอย่างเชื่องช้า

เมื่อเด็กสาวปล่อยลำแสงใส่มันอีกครั้ง

เจ้าหุ่นเหล็กก็ขยับเท้าเดินไปข้างหน้าพร้อมกับยกมือชกอากาศควับ ๆ

การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า พลังหมัดที่ต่ำต้อย…

ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์เลยจริง ๆ

“เดิมที บนหุ่นเหล็กตัวนี้ผ่านการลงค่ายอาคมเอาไว้สามพันสามร้อยชนิด และค่ายอาคมที่เป็นแกนหลักนั้นมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก ต่อให้นำผู้ใช้ค่ายอาคมระดับเซียนของแผ่นดินตงเต้ามาดู พวกเขาก็คงต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะสามารถถอดโครงสร้างค่ายอาคมเหล่านี้ได้… เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะเจ้าคะ ดูเหมือนว่าข้าจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว… ไม่นะ ไม่…”

เยว่หงเซียงมีสีหน้าที่แสดงออกถึงความหมกมุ่นจริง ๆ

“ต้องใช้เวลาอีกหลายปีเลยหรือ?”

หลินเป่ยเฉินส่ายหน้าด้วยความท้อใจ “กว่าจะถึงตอนนั้นก็สายเกินไปแล้ว”

เยว่หงเซียงหันกลับมามองหน้าเขาพร้อมกับคีบบุหรี่อยู่ในมือ “ข้าขอเวลาสามวันได้ไหมเจ้าคะ?”

“ว่าไงนะ?”

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ

“หากข้าใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่จริง ๆ ไม่เกินสามวันนี้ ข้าก็น่าจะถอดโครงสร้างของหุ่นตัวนี้ได้สำเร็จ”

เยว่หงเซียงค่อย ๆ พ่นควันออกมาจากปาก

หลินเป่ยเฉินแทบจะพูดอะไรไม่ออกแล้ว

“เสี่ยวเซียงเซียง”

“เจ้าคะ?”

“เจ้านี่มันต๊าซมาก”

“หืม?”

“เจ้าหืมอะไร?”

“ต๊าซคืออะไรเจ้าคะ?”

“ช่างมันเถอะ”

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจแผ่วเบาและกล่าวว่า “เจ้าถอดโครงสร้างหุ่นตัวนี้ต่อไปเถอะ”

เมื่อเยว่หงเซียงได้ร่ำเรียนวิชาเป็นนักสร้างค่ายอาคมอย่างจริงจัง เด็กสาวก็มีนิสัยขี้สงสัยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

เยว่หงเซียงพยักหน้า วางมือลงบนศีรษะของหุ่นเหล็กและปลดปล่อยลำแสงสีเขียวมรกตออกมาครอบคลุมทั่วร่างหุ่นมรณะอีกครั้ง ทันใดนั้น แขนของหุ่นเหล็กก็แยกออกมาจากลำตัว โดยที่มีอักขระจำนวนมากยึดโยงแขนกับลำตัวเอาไว้ไม่ต่างจากเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ…

หากมีนักเวทผู้ใช้ค่ายอาคมระดับเซียนมาเห็นสิ่งนี้เข้า พวกเขาก็คงต้องคุกเข่ากราบเยว่หงเซียงเป็นอาจารย์แล้ว

เพราะนี่คือวิชาการถอดโครงสร้างค่ายอาคมระดับสูง

แต่สำหรับหลินเป่ยเฉิน เขาไม่รู้เลยว่านี่คือวิชาการถอดโครงสร้างค่ายอาคมที่แทบจะไม่เคยมีผู้ใดสามารถใช้งานได้จริงมาก่อน

เพราะเขาไม่เข้าใจในเรื่องการสร้างค่ายอาคมเลยสักนิด

ในทางกลับกัน หลินเป่ยเฉินคิดว่านี่คงเป็นวิธีที่ทุกคนสามารถใช้งานได้ตามปกติทั่วไป

บนเกาะร้างเงียบสงบ

หลินเป่ยเฉินยืนดูการถอดโครงสร้างหุ่นเหล็กอยู่ในความเงียบ

ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงของเสี่ยวจี้ ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะดังขึ้นในหู

การอัปเดตแอป QQ เสร็จสิ้นลงแล้ว

หลินเป่ยเฉินรีบกดเข้าไปดูแอปพลิเคชันที่มีหน้าต่างการใช้งานอันคุ้นเคย

เขาอยากจะถาม ‘กระบี่มังกรเบิกฟ้า’ ในกลุ่มแชต ‘ตัวประหลาดแห่งแผ่นดินตงเต้า’ ว่าใต้หล้าเกิดความเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ จักรวรรดิเจิ้งหลงล่มสลาย เจ้าหมอนั่นยังอยู่รอดปลอดภัยดีหรือไม่…

เมื่อเข้าสู่ระบบในแอป QQ หน้าต่างข้อความก็เด้งแจ้งเตือนทันทีว่ามีผู้ต้องการวิดีโอคอลหาหลินเป่ยเฉิน

พอหรี่ตามองดู ถึงได้รู้ว่าผู้ที่ส่งคำขอมาก็คือ ‘กระบี่มังกรเบิกฟ้า’ นั่นเอง

ดูเหมือนว่าเมื่อแอป QQ ได้รับการอัปเดต ความสามารถใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือการวิดีโอคอล

หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็กดตอบรับคำขอ

เด็กหนุ่มคิดว่าตนเองกำลังจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้ใช้งานบัญชี ‘กระบี่มังกรเบิกฟ้า’ แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้หลินเป่ยเฉินต้องเย็นเฉียบไปทั่วทั้งตัว…

เพราะบนหน้าจอของเขาเต็มไปด้วยภาพที่มีแต่โลหิต

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายน่าจะอยู่ในห้องโถงที่ไหนสักแห่ง การต่อสู้แบบสามรุมหนึ่งกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด

นายทหารผู้สวมใส่ชุดเกราะเกล็ดมังกรสามคน กำลังต่อสู้อยู่กับสุนัขปีศาจที่มีเปลวไฟลุกท่วมตัวหนึ่งตัว

ชุดเกราะที่บรรดานายทหารสวมใส่ฉีกขาด นายทหารสองในสามแขนขาดขาขาด ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดทรมาน กำลังพยายามต่อสู้ดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย…

ลึกเข้าไปด้านในห้องโถงใหญ่ มีเก้าอี้ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งตั้งอยู่พร้อมกับมีหัวกระโหลกสีแดงฉานติดไว้บนที่เท้าแขนของเก้าอี้

ร่างสูงใหญ่สวมใส่ชุดเกราะที่ทำมาจากโครงกระดูกนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น

ใบหน้าของบุคคลผู้นี้ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้หน้ากากหัวกะโหลก มีเพียงดวงตาสีแดงก่ำเท่านั้นที่บอกชัดว่ามันไม่ใช่มนุษย์ และในมือของมันข้างหนึ่งก็กำลังถือหัวกะโหลกมนุษย์กลับด้านซึ่งใช้แทนถ้วยสุรา

ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง

ปรากฏโลหิตไหลหยดลงมาจากด้านบน หยดลงสู่ถ้วยหัวกะโหลกพอดิบพอดี

หลินเป่ยเฉินปากอ้าตาค้างให้กับสิ่งที่เห็นหลังจากนั้น

เขาเห็นเด็กสาวผิวขาวเนียนผู้มีรอยสักมังกรคนหนึ่งถูกตะขอเสียบหัวไหล่จับแขวนอยู่บนเสาหินต้นใหญ่ ช่วงท้องของนางถูกกรีดเป็นบาดแผลฉกรรจ์ และโลหิตที่ไหลทะลักออกมานั้นก็หยดลงไปในถ้วยหัวกะโหลกอย่างแม่นยำ

เด็กสาวผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่

แสดงว่านางต้องมีพลังแข็งแกร่งไม่น้อย

ใบหน้าของนางยังคงดูสวยงาม เสียแต่ว่าครึ่งหนึ่งของใบหน้านั้นถูกถลกหนัง ลูกตาข้างหนึ่งถูกควักออกจากเบ้า ใบหน้าที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวแสดงออกถึงความเจ็บปวด แต่สิ่งที่เด่นชัดมากกว่าความเจ็บปวดนั้นก็คือความโกรธแค้น!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด