เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]บทที่ 1510 ผู้ช่วยเหลือ

Now you are reading เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] Chapter บทที่ 1510 ผู้ช่วยเหลือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,510 ผู้ช่วยเหลือ

เปรี้ยง!

คลื่นพลังพลันดีดสะท้อนกลับมาจากร่างกายของโอรสสวรรค์

หลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นกลับออกมา โลหิตพุ่งกระฉูดออกจากปาก

หลังจากระเบิดพลังแห่งสายเลือด นอกจากโอรสสวรรค์จะตัวใหญ่ขึ้นแล้ว พลังในร่างกายก็ยังเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าที่หลินเป่ยเฉินจะสามารถจินตนาการได้

ลำแสงหลายสายห่อหุ้มร่างกายของโอรสสวรรค์ไม่ต่างจากงูเหลือมโลหิต ราวกับว่าต้องการจะพาเขาทะลุออกไปจากอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ให้ได้

นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริง

หลินเป่ยเฉินพยายามสับเปลี่ยนตำแหน่งเข้าไปรัวปืนกลใส่อย่างต่อเนื่อง บทเพลง ‘Beat Me If You Can’ ยังคงบรรเลงอยู่ในพื้นหลังต่อไป และในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็ต้องพยายามกระโดดหลบพลังดีดสะท้อนเช่นกัน…

‘ทำไมเรารู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมตีตัวตุ่นอยู่เลยวะ’

‘และเรานี่แหละที่เป็นตัวตุ่น’

‘สงสัยจังว่าที่รักจ๋าของเราหนีไปได้หรือยัง’

‘ขอถ่วงเวลาให้นานมากที่สุดก่อนก็แล้วกัน หลังจากนั้น ค่อยหาลู่ทางหลบหนี’

‘ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตนี้ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าตั้งแต่เกิดมาในสองชีวิตนี้… เราไม่เคยรู้สึกหมดหวังขนาดนี้เลย’

หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความกระวนกระวายใจในขณะที่กระโดดหลบอย่างต่อเนื่อง

บางครั้งเขาก็สาดกระสุนโต้ตอบกลับไป

แต่ในไม่ช้า กระสุนก็หมด

โอรสสวรรค์โจมตียิ่งกว่าสุนัขคลั่ง โดยไม่เปิดโอกาสให้เด็กหนุ่มได้มีเวลาบรรจุกระสุนชุดใหม่อีกเลย

ตู้ม!

หลินเป่ยเฉินเปลี่ยนมาใช้เครื่องยิงจรวด Type 69

ลูกระเบิดปรากฏเป็นลูกไฟที่หลินเป่ยเฉินสามารถมองเห็นได้แต่เพียงผู้เดียวพุ่งทะยานออกไปข้างหน้า

ขณะนี้ โอรสสวรรค์สัมผัสได้ถึงอันตราย

ดวงตากลมเล็กของเขากลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธแค้นที่ไม่อาจสังหารหลินเป่ยเฉินได้ตามใจปรารถนา และนั่นก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของโอรสสวรรค์แสดงออกมาถึงความบ้าคลั่งมากยิ่งขึ้น

เมื่อเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง โอรสสวรรค์ไม่เคยถอยหนี แต่เขาเลือกที่จะเผชิญหน้าเพื่อต่อสู้เสมอ

ตู้ม!

ลูกระเบิดจากเครื่องยิงจรวด Type 69 พุ่งเข้าไปทะลวงใส่ช่วงแขนและหน้าอกของโอรสสวรรค์

เกิดเป็นลำแสงสีทองคำระเบิดเจิดจ้า

คลื่นพลังแห่งการทำลายล้างแผ่ปกคลุมดินแดนแห่งม่านหมอกขาว นอกจากกลืนกินร่างของโอรสสวรรค์เข้าไปแล้ว คลื่นพลังแห่งการทำลายล้างนี้ยังแทบจะสลายอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ลงไปอีกด้วย

หลินเป่ยเฉินหอบหายใจ เขารีบรับประทานยาเพื่อฟื้นฟูพลังของตนเองและเร่งบรรจุระเบิดลูกใหม่เข้าสู่เครื่องยิงจรวด Type 69

เป็นไงเป็นกันวะ!

วันนี้ไม่เป็นหมอนั่นก็ต้องเป็นเขาที่ตายกันไปข้าง

หลินเป่ยเฉินนึกเสียดายเพียงอย่างเดียวที่ในแอปเถาเป่าไม่มีระเบิดปรมาณูขาย

ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เขาจะนำระเบิดปรมาณูนั่นออกมาใช้งาน และยินดีตายไปพร้อมกับเจ้าหน้าอัปลักษณ์นั่นทีเดียว

แต่ลมหายใจต่อมา…

วูบ!

ร่างที่สูงใหญ่แฝงกลิ่นอายชั่วร้ายก็พุ่งออกมาจากศูนย์กลางแรงระเบิด

เป็นโอรสสวรรค์

หมอนี่ไม่ตายง่าย ๆ อย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย

แม้อีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหนักมากกว่าที่หลินเป่ยเฉินคาดคิด โลหิตไหลทะลักออกมาจากแขนและหน้าอกอย่างต่อเนื่อง แต่ดวงตาของโอรสสวรรค์ก็ยังเป็นประกายดุร้าย แขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเหวี่ยงหมัดออกมาโจมตีใส่หลินเป่ยเฉินอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

ครั้งนี้ หลินเป่ยเฉินไม่มีเวลากระโดดหลบอีกแล้ว

เขายกแขนขึ้นป้องกัน ขยับเท้ามาข้างหน้า เตรียมพร้อมใช้แรงกระแทกดีดตัวส่งตนเองให้ล่าถอยออกไปไกลขึ้น

พลั่ก!

กำปั้นขนาดมหึมากระแทกเข้าใส่แขนของหลินเป่ยเฉิน

ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินรู้สึกเพียงอย่างเดียวเท่านั้นว่า

เดี๋ยวก่อนนะ? นี่เขายังมีแขนอยู่หรือเปล่า?

ความรู้สึกทั้งหมดดับวูบลงไป

หลินเป่ยเฉินไม่มีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากแรงกระแทกเพื่อส่งตนเองล่าถอยออกไปอย่างที่คิด เพราะอวัยวะภายในของเขาแตกสลาย ตัวคนหมุนคว้างลอยกระเด็นไปทางด้านหลัง…

ตุบ!

ตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรง

หลินเป่ยเฉินนอนหงายหน้ามองท้องฟ้า รอบกายมีแต่ม่านหมอกขาว โลหิตพุ่งทะลักออกปากออกจมูกราวกับน้ำพุ กระดูกแตกหัก ไม่สามารถขยับร่างกายได้อีก

กึก! กึก! กึก!

เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้

โอรสสวรรค์เดินเข้ามาอย่างแช่มช้า

ไม่เป็นไร

ความเจ็บปวดเริ่มบรรเทาเบาบาง ความรู้สึกทั้งหมดเริ่มกลับคืนสู่ร่างกาย

หลินเป่ยเฉินพยายามขยับตัว

แต่กระทั่งนิ้วมือก็ขยับไม่ได้

ลองพยายามดูอีกครั้ง

ยังคงไม่สำเร็จ

หลินเป่ยเฉินทำได้เพียงนอนแน่นิ่งต่อไป

เมื่อเผชิญหน้ากับตัวประหลาดที่มีความแข็งแกร่งถึงระดับนี้ เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก

ร่างของโอรสสวรรค์ปรากฏขึ้นในสายตา

ใบหน้าอัปลักษณ์จ้องมองลงมาที่หลินเป่ยเฉิน

“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงเป็นอย่างไร แต่เจ้ากลับยโสโอหังเหลือเกิน…”

โอรสสวรรค์ก้มมองเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ปลายเท้า หัวใจเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่สีหน้าและแววตาก็แสดงออกถึงความเคารพยกย่องพอสมควร

สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเช่นนี้ สามารถต่อสู้กับเขาได้ถึงขั้นนี้ นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว

“เจ้ามีอะไรอยากจะสั่งเสียหรือไม่”

โอรสสวรรค์ยกเท้าขนาดใหญ่ยักษ์ขึ้นมาค้างอยู่ที่เหนือศีรษะของหลินเป่ยเฉิน ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เดี๋ยวข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้เอง”

“จริงหรือ? งั้นขอข้าคิดดูก่อนนะ…”

หลินเป่ยเฉินกระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่ พลังในร่างกายเริ่มฟื้นฟูกลับมา พยายามยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นอย่างยากลำบากและฝืนยิ้มกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ เจ้าบอกว่าเจ้าสนใจข้าไม่ใช่หรือ? งั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หลังจากที่ฆ่าข้าแล้ว เจ้าก็ฆ่าตัวตายตามมา แล้วเราก็ไปอยู่ด้วยกันในนรกดีหรือไม่?”

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นเพื่อนเล่นเจ้าหรือ?”

โอรสสวรรค์หัวเราะเยาะ เท้าขนาดใหญ่ยักษ์ที่ยกค้างอยู่เหนือศีรษะหลินเป่ยเฉินพลันกระทืบลงไป

ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเบิกโตขึ้นมาในทันใด

เขากำลังถือระเบิดพลังทำลายล้างสูงลูกหนึ่งอยู่ในมือ นิ้วโป้งสอดเข้าไปในห่วงสลักและกำลังจะดึงสลักระเบิดออกมา

ระเบิดมือพลังทำลายล้างสูงลูกนี้เป็นไพ่ตายที่หลินเป่ยเฉินเตรียมเอาไว้ใช้งานเมื่อหมดหวัง มันมีอานุภาพการทำลายล้างรุนแรงมากกว่าเครื่องยิงจรวด Type 69 แต่มันไม่ได้ใช้งานง่าย ๆ เหมือนเครื่องยิงจรวด ดังนั้นหลินเป่ยเฉินจึงไม่เคยใช้งานมาก่อน

แต่ตอนนี้…

ไหน ๆ เจ้าอัปลักษณ์นี่ก็เคยบอกว่าสนใจเขานักไม่ใช่หรือ

งั้นมาตายด้วยกันเลยดีกว่า!

แต่จังหวะนั้น สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น

เปรี้ยง!

พลังลมปราณที่ทรงพลังสายหนึ่งถูกยิงเข้ามาจากด้านนอกม่านหมอกขาว

โอรสสวรรค์ไม่ทันระวังตัวจึงถูกมวลพลังนั้นยิงเข้าใส่อย่างจัง

“ใคร?”

โอรสสวรรค์ที่มีความสูงเท่ากับตึกสิบชั้นเซถอยหลังไปหลายก้าว ส่งผลให้ดินแดนในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์สะเทือนเลือนลั่น

เขาจ้องมองไปที่กลุ่มม่านหมอกขาว ใบหน้าอัปลักษณ์ปรากฏความตื่นตระหนก

พลังการโจมตีเมื่อสักครู่นี้เป็นฝีมือของผู้ที่มาจากภพภูมิอื่น

เป็นพลังการโจมตีที่ร้ายกาจ

หลินเป่ยเฉินเองก็กำลังจ้องมองไปที่ม่านหมอกขาวเช่นกัน

เอาแล้วไง

มีคนอื่นเข้ามาอยู่ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ด้วยหรือ?

ทำไมเขาถึงไม่รู้ตัว?

หลินเป่ยเฉินกำลังจะดึงสลักระเบิดออก…

แต่ทันใดนั้น ม่านหมอกขาวก็สั่นไหว

ร่างสันทัดปริศนาก้าวเดินออกมาอย่างช้า ๆ

แต่ดูเหมือนม่านหมอกขาวจะเกาะติดอยู่ตามร่างกายของคนผู้นี้ นั่นทำให้หลินเป่ยเฉินมองเห็นได้เพียงโครงร่าง จึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้เลย

หลินเป่ยเฉินพยายามเพ่งตามองอย่างสุดความสามารถ แต่จนแล้วจนรอดก็มองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงอยู่ดี

ลองให้โทรศัพท์มือถือสแกนดูก็ตรวจไม่พบข้อมูลเช่นกัน

บนหน้าจอมีแต่เครื่องหมายตกใจสีแดง

เฮ้อ เจอตัวประหลาดอีกตัวเข้าแล้วหรือไงเนี่ย?

ห่างออกไปไม่ไกล

“ข้าเพิ่งสงสัยอยู่ว่าสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเช่นนี้จะไปเอาผงหยกขาวมาจากที่ใด สุดท้ายก็เป็นเพราะว่ามีผู้คนจากภพภูมิอื่นคอยช่วยเหลือมันอยู่นี่เอง…”

เมื่อโอรสสวรรค์สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง รอยยิ้มเหยียดหยามก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เจ้าเป็นผู้ใด? กล้าดีอย่างไรถึงได้มาขัดขวางข้า?”

บุคคลปริศนาไม่พูดคำใด ยืนนิ่งเงียบคล้ายกับเป็นเพียงวิญญาณตนหนึ่ง

“เฮอะ… เสแสร้งแกล้งเป็นภูตผีสินะ”

โอรสสวรรค์หัวเราะในลำคอ พลังชั่วร้ายในร่างกายระเบิดออกมาอีกครั้ง แล้วตัวเขาก็เคลื่อนไหวเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปหาบุคคลปริศนาในหมอกขาว

“กระบวนท่าปราณโลหิตจักรพรรดิ!”

โอรสสวรรค์ร้องคำราม พลังในร่างกายระเบิดออกมาอย่างรุนแรง

เชี่ย!

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตื่นตระหนก

เพราะนี่คือพลังทำลายล้างในระดับที่โอรสสวรรค์ไม่เคยใช้ออกมาก่อน

หากเจ้าหน้าอัปลักษณ์นี่ใช้กระบวนท่านี้กับเขา หลินเป่ยเฉินแน่ใจว่าตนเองคงตายไปนานแล้ว…

ถ้าอย่างนั้นทำไมมันถึงไม่ใช้ออกมาตั้งแต่แรก?

หรือว่ากระบวนท่านี้ไม่สามารถใช้งานออกมาได้ง่าย ๆ?

บุคคลลึกลับยังคงยืนนิ่งเงียบ

กิริยาท่าทางไม่มีความตื่นตกใจแม้แต่น้อย เพียงยกมือขึ้นช้า ๆ เท่านั้น กำปั้นก็ถูกต่อยออกมาข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อนสักเท่าใด

คลื่นพลังทำลายล้างจากโอรสสวรรค์ถูกสลายลงไป

“กระบวนท่าดาราโลหิตต้นกำเนิด…”

โอรสสวรรค์ลอยตัวอยู่ในอากาศ ดวงตาหรี่เล็กลง ก่อนร้องตะโกนออกมาเสียงดังสนั่น “ด้วยนามแห่งองค์จักรพรรดิจากโลกใต้พิภพ…”

แต่ทันใดนั้น ร่างของเขาก็ลอยกระเด็นออกไป

และนี่ก็เป็นเวลาเดียวกับที่อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์หมดเวลาใช้งานพอดี มวลอากาศรอบกายจึงเกิดความปั่นป่วนรุนแรง

ท้องฟ้าสีครามเริ่มกลับคืนมาเลือนลาง

โอรสสวรรค์จ้องมองบุคคลปริศนาในหมอกขาวด้วยแววตาหวาดกลัว ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจได้แล้วว่าตนเองไม่สมควรต่อสู้ต่อไป และสิ่งที่สมควรทำในเวลานี้คือรีบหลบหนีต่างหาก

ดังนั้น เขาจึงหมุนตัวหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

บุคคลปริศนาไม่ได้ไล่ตามไป

เขาหันกลับมาจ้องมองที่หลินเป่ยเฉินอย่างแช่มช้า

ดวงตาทอแววประหลาดใจ พิจารณาและตัดสินอะไรบางอย่าง

หลินเป่ยเฉินเห็นดังนั้นก็รีบปั้นหน้ายิ้มแย้ม กล่าวว่า “สวัสดีขอรับ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ ไม่ทราบท่านเป็นใครหรือ… พวกเราไม่เคยพบเจอกันมาก่อนใช่หรือไม่ ท่านผู้กล้าหาญทานข้าวมาแล้วหรือยัง?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด