เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]บทที่ 1512 หญิงเสียสติ

Now you are reading เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] Chapter บทที่ 1512 หญิงเสียสติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,512 หญิงเสียสติ

แน่นอนว่าสองคนที่แอบลอบเข้ามาในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ย่อมต้องเป็นหลินเป่ยเฉินกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง

สุดท้าย เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็โดนหลินเป่ยเฉินหลอกให้ออกมาจากดินแดนทวยเทพได้สำเร็จ

ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้เป็นที่ตั้งวิหารใหญ่ของนิกายเทพพงไพรมายาวนานนับพันปี พื้นที่ทุกส่วนมีการสร้างค่ายอาคมป้องกันแน่นหนา

แต่พลังปราณธาตุน้ำของหลินเป่ยเฉินก็ช่วยทำให้เขาและเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงสามารถปลอมตัวเป็นนักบวชประจำวิหารได้อย่างง่ายดาย ตลอดเส้นทาง พวกเขาสามารถเดินทะลุม่านพลังผ่านการตรวจสอบจากค่ายอาคมได้อย่างไม่มีปัญหา

และเมื่อเดินไปตามเส้นทางที่ปรากฏในแอปไป่ตู้ แมป ทั้งสองก็สามารถหลีกเลี่ยงการพบเจอกับพวกเทพเจ้าระดับสูงผู้เป็นทาสรับใช้ของเว่ยหมิงเฉินได้ตลอดทาง

ระหว่างที่มุ่งหน้าขึ้นไปสู่ยอดเขา หลินเป่ยเฉินก็อาศัยจังหวะนี้จับตัวนักบวชระดับสูงประจำวิหารอีกสองคนมาสวมรอยปลอมตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อแปลงโฉมด้วยแอปเมจิก คาเมร่าและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ หลินเป่ยเฉินกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็สามารถเดินขึ้นสู่ยอดเขาได้อย่างสง่าผ่าเผย

“เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหมที่ว่าบนยอดเขามีขุมทรัพย์มหาศาลรออยู่น่ะ?”

ตลอดทางขึ้นเขา เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเอาแต่ถามคำถามนี้ไม่หยุด

นางมาที่นี่ก็เพื่อขุมสมบัติ หากไม่ใช่เพื่อขุมสมบัติแล้ว เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็ไม่มีทางชำเลืองมองแผ่นดินตงเต้าแม้แต่หางตาด้วยซ้ำ

“ข้าเคยโกหกท่านตั้งแต่เมื่อไหร่?”

หลินเป่ยเฉินสาบานด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “บนยอดเขามีขุมสมบัติอยู่จริง ๆ และผู้ที่เก็บขุมสมบัตินั้นเอาไว้เรียกตัวเองว่าโอรสสวรรค์ เพียงมองดูก็รู้ว่าหมอนี่เป็นคุณชายจากตระกูลใหญ่ ในตัวต้องมีสมบัติมากมายซ่อนอยู่แน่นอน หากท่านฆ่าเขาได้สำเร็จ สมบัติทั้งหมดก็จะเป็นของท่าน ขอเพียงท่านช่วยออกแรงจัดการเขาหน่อยเท่านั้นเอง”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงมีดวงตาเป็นประกายระยิบระยับมากขึ้น “บอกไว้ก่อนนะ หากเจ้าโกหกข้า รับรองว่าได้เห็นดีกันแน่”

“ไม่มีปัญหา ข้าขอเอาหัวฉู่เหินเป็นเดิมพัน”

หลินเป่ยเฉินยกมือตบหน้าอกด้วยความมั่นใจ ก่อนจะกล่าวน้ำเสียงเยือกเย็นต่อไปว่า “แต่ดูเหมือนโอรสสวรรค์นั่นจะมีพลังแข็งแกร่งไม่น้อย ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านวัดความแข็งแกร่งด้วยขั้นพลังชนิดใด แต่เท่าที่ข้าทราบ เหมือนเขาจะมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 3 ไม่ทราบว่าท่านพอจะรับมือได้หรือไม่?”

“ระดับ 3 เนี่ยนะ? ข้าไม่เคยได้ยินระดับนี้มานานแล้ว ฮ่า ๆๆ สำหรับในกลุ่มยี่สิบสี่สายเลือด มีพลังเพียงระดับ 3 ถือว่าใช้การไม่ได้หรอก… แม้ว่าข้าเพิ่งจะฟื้นพลังขึ้นมาได้แค่ไม่กี่ส่วน แต่ก็สามารถรับมือกับเขาได้ไม่ต่างจากสุนัขข้างถนนตัวหนึ่งแล้ว”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกล่าวด้วยความมั่นใจ

หลินเป่ยเฉินรีบดักคอโดยทันที “อย่าเพิ่งมั่นใจเกินไปหน่อยเลย เดี๋ยวพอถึงเวลาต่อสู้กันจริง ๆ และพบว่าเขามีฝีมือแข็งแกร่งกว่าที่คิด ท่านจะหนีไปคนเดียวและทิ้งข้าไว้กลางทางไม่ได้นะ”

บางครั้งเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็ทำตัวพึ่งพาไม่ได้เช่นกัน

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกเด็กหนุ่มเหน็บแนมจึงสวนกลับไปด้วยความขุ่นเคืองใจว่า “เจ้าเอาอะไรมาพูด? บัดนี้ ข้าคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าจะขอสาบานตรงนี้เลยว่าหากข้าแพ้ให้แก่โอรสสวรรค์อะไรนั่น ข้าจะยอมให้เจ้าได้ทำลายพรหมจรรย์ของข้า ที่ข้าอุตส่าห์เก็บทะนุถนอมเอาไว้เป็นเวลาหลายร้อยปีโดยไม่มีข้อแม้”

เฮอะ!

หลินเป่ยเฉินคิดว่านางตั้งใจจะฉวยโอกาสชมเชยเรือนร่างของบุรุษผู้หล่อเหลาที่สุดแห่งแผ่นดินตงเต้าอย่างเขามากกว่า

เด็กหนุ่มแอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ “อย่าผิดสัญญาก็แล้วกัน”

เขาเสแสร้งแกล้งถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ทุกอย่างเป็นไปตามการคาดเดาของหลินเป่ยเฉิน

เทพธิดาขี้เมาผู้นี้ไม่มีอะไรสามารถดึงดูดใจนางได้ดีมากกว่าเงินทองของมีค่าอีกแล้ว ตราบใดที่มีขุมสมบัติมหาศาลล่อตาล่อใจ นางก็จะพยายามทำงานหนักเสมอ

เหมือนเขาใช่หรือไม่?

ย่อมไม่ใช่

อาการบาดเจ็บของหลินเป่ยเฉินยังไม่ฟื้นตัวดีนัก

เมื่อถึงเวลาที่ต้องต่อสู้ ครั้งนี้ เขาคงทำได้เพียงยืนให้กำลังใจอยู่ที่ด้านข้าง

นักบวชตัวปลอมทั้งสองคนรีบเร่งฝีเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า

ผ่านไปหนึ่งก้านธูป

จังหวะที่พวกเขากำลังจะเดินขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วนั้น อยู่ดี ๆ เสียงระฆังก็ดังกังวานทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์

ได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากวิ่งไล่ตามมาทางด้านหลัง

เกิดอะไรขึ้น?

หลินเป่ยเฉินกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงหันมามองหน้ากัน ‘หรือว่าจะโดนจับได้แล้ว?’

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

พวกเขาจะโดนจับได้โดยไม่รู้ตัวได้อย่างไร?

“นี่เป็นระฆังระดมพล เร็วเข้า องค์เทพท่านกำลังเรียกให้พวกเราไปรวมตัวกันที่ใต้แท่นบูชาเก้าชั้นบนลานศักดิ์สิทธิ์”

“พวกเรารีบวิ่งขึ้นไป”

บรรดานักบวชที่วิ่งตามหลังขึ้นมาพร้อมใจกันตะโกนโหวกเหวกโวยวาย

หลินเป่ยเฉินกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ที่แท้ก็เป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง

งั้นก็แล้วไป

เมื่อมีการเรียกระดมพลไปยังใต้แท่นบูชาเก้าชั้น พวกเขาก็รีบแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มนักบวชได้อย่างไม่มีปัญหา

หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ สองนักบวชตัวปลอมก็เดินตามกลุ่มนักบวชตัวจริงขึ้นมาถึงลานศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาลักชิว

แท่นบูชาเก้าชั้นมีขนาดสูงใหญ่เท่ากับตึกระฟ้า

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินมองเห็นโอรสสวรรค์ยืนอยู่หน้าแท่นบูชาเคียงข้างรูปปั้นของเทพเจ้าแห่งเผ่าเทพพงไพร

เจ้าอัปลักษณ์อยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย

ทุกอย่างยิ่งเป็นไปตามแผนการของหลินเป่ยเฉิน

เขาหันหน้ากลับมาขยิบตาส่งสัญญาณให้แก่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง ก่อนจะบุ้ยปากไปทางโอรสสวรรค์ บอกใบ้เป็นนัยว่าเจ้าหนุ่มอัปลักษณ์นี่แหละคือผู้ที่เป็นขุมสมบัติของนาง

ใบหน้าที่สวยงามของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงแสดงออกถึงความตื่นเต้น

นางตั้งใจว่าอีกไม่นานตนเองก็จะเดินทางกลับสู่ภพภูมิบ้านเกิดแล้ว ดังนั้น ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด

ดวงตาของเทพธิดาขี้เมาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความอำมหิต นางกระชับเสื้อคลุมให้เรียบร้อย กำลังจะพุ่งตัวออกไปโจมตี…

แต่ในเวลาเดียวกันนี้ โอรสสวรรค์ผู้ยืนอยู่หน้าแท่นบูชาเก้าชั้นก็ได้ยื่นมือออกไปกดปุ่มกลไกอะไรบางอย่างที่อยู่บนแท่นบูชานั้น

กริ๊ก! กริ๊ก!

เสียงกลไกทำงานดังต่อเนื่อง

ทันใดนั้น บนยอดสูงสุดของแท่นบูชาพลันเกิดลำแสงสีเงินระเบิดเจิดจ้าปกคลุมไปทั่วสนามพลังที่อยู่รอบบริเวณ

ตู้ม!

คลื่นพลังเกิดการย้อนกลับกลายเป็นพลังลมดูดมหาศาล

“นี่มันอะไรกัน…”

“ไม่นะ…”

“พวกเรา…”

เสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกดังออกมาจากปากของนักบวชกว่าสองพันชีวิตบนลานศักดิ์สิทธิ์ หลายคนไม่มีเวลาได้ตั้งตัว ถูกพลังลมดูดกระชากตัวเข้าสู่สนามพลังและตัวคนก็เผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน บนพื้นเหลือเพียงเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวตกหล่นอยู่เท่านั้น…

เพียงพริบตาเดียว นักบวชผู้ซื่อสัตย์ของวิหารเทพพงไพรกว่าสองพันคนก็ถึงแก่ความตายหมดสิ้น

ตอนแรก กลุ่มนักบวชเข้าใจว่าตนเองถูกเรียกตัวมาเพื่อให้รับรางวัลตอบแทนความดีความชอบจากองค์เทพ แต่ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายพวกเขากลับถูกหลอกให้มาตายเช่นนี้

มวลประชานักบวชร่างสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน

ในที่สุด บนลานหินหน้าแท่นบูชาที่เต็มไปด้วยกองเสื้อผ้าของบรรดานักบวชก็หลงเหลือเพียงร่างสองร่างยืนอยู่เท่านั้น

ย่อมต้องเป็นหลินเป่ยเฉินกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง

ทั้งสองคนหันมองหน้ากัน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง

เมื่อสักครู่นี้เกิดอะไรขึ้น?

นี่คือเรื่องที่… ยากต่อการอธิบายจริง ๆ

โอรสสวรรค์ก็สังเกตเห็นคนทั้งสองเช่นกัน

ระดับความสูงที่เขายืนอยู่นั้นเหนือกว่าลานจัตุรัสพอสมควร โอรสสวรรค์จึงก้มหน้ามองลงมาดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ และเมื่อดวงตาของเขามีคลื่นพลังสีแดงหมุนวนอยู่ด้านใน โอรสสวรรค์ก็สามารถมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงเบื้องหลังการปลอมแปลงจากแอปเมจิก คาเมร่า

“อ้อ ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง?”

เมื่อโอรสสวรรค์จำหลินเป่ยเฉินได้ หลังหายจากการตกตะลึง เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ “ประเสริฐนัก มีชีวิตอยู่ดี ๆ ไม่ชอบ กลับชอบรนหาที่ตาย… ฮ่า ๆๆ งั้นเจ้าก็อย่าหนีไปไหนอีกเลย จงมาเป็นเครื่องบรรณาการให้ข้าเถอะ”

หลินเป่ยเฉินรีบขยับถอยหลังและพูดด้วยเสียงมุ่งมั่นว่า “ตอนนี้แหละโอกาสมาถึงแล้ว จัดการมันให้ได้”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก้าวเท้าออกไปข้างหน้า

นางกระชากเสื้อคลุมสีดำที่ปกคลุมร่างกายออก ก่อนจะชักไม้เท้าออกมาจากข้างเอว และใช้ฝ่ามือซ้ายลูบไล้ไปบนไม้เท้าแผ่วเบาพลางแสยะยิ้มเหยียดหยาม “โฮะ ๆๆ… เจ้าเองหรือคือโอรสสวรรค์ จงส่งของมีค่าที่มีอยู่ออกมาให้หมด หลังจากนั้นก็ลงไปนอนบนพื้นยกมือกุมหลังศีรษะ มิเช่นนั้น ข้าจะระเบิดศีรษะของเจ้าทิ้งเดี๋ยวนี้”

โอรสสวรรค์ปากอ้าตาค้าง

หญิงเสียสติผู้นี้มาจากที่ใดกัน?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด