เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]บทที่ 1867 ธุรกิจใหม่
ตอนที่ 1,867 ธุรกิจใหม่
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าเขาต้องกดเข้าไปดูโดยเร็ว
หลินเป่ยเฉินอยากจะดูว่าร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรมีผู้ดูแลออนไลน์อยู่หรือไม่ บางที ร้านค้าแห่งนี้อาจจะช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากของเขาได้ก็เป็นได้
เมื่อกดเข้าไปในแอปจิงตง มอลล์
หน้าจอที่คุ้นตาก็ปรากฏขึ้นมา
ยังคงมีร้านค้าเพียงร้านเดียว
เพราะร้านของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงได้ปิดกิจการไปนานแล้ว
ส่วนร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรยังคงเปิดอยู่… หลินเป่ยเฉินเองก็เคยมาซื้อของกับร้านนี้หลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยสนทนากับผู้ดูแลร้านได้อย่างราบรื่นสักเท่าไหร่
‘สวัสดีขอรับ ไม่ได้พูดคุยกันเสียนาน’
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความไปทางแชตส่วนตัวของทางร้านและทักทายเสมือนเป็นสหายเก่าแก่ ‘ไม่ทราบว่าทางร้านยังขายโละสินค้าอยู่หรือไม่?’
ผู้ดูแลร้านตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ‘ยังขายอยู่’
นอกจากตอบกลับอย่างรวดเร็วแล้ว ก็ยังประหยัดตัวอักษรอีกเช่นเคย
‘ทำไมต้องขายโละด้วยขอรับ? ธุรกิจไม่ดีหรือ?’
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความถามกลับไปด้วยความสงสัย
ครั้งนี้ เขาทำให้ผู้ดูแลร้านสามารถพิมพ์ข้อความตอบกลับมาได้ยาวมากกว่าปกติ ‘หากธุรกิจของข้าเป็นไปด้วยดี แล้วข้าจะต้องมาขายโละสินค้าเช่นนี้เพื่ออะไร?’
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
จริงด้วยสินะ
ถ้าร้านค้ายังสามารถขายของได้ตามปกติ ก็คงไม่ต้องมาเลหลังขายสินค้าเช่นนี้หรอก
‘ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น’
ในฐานะลูกค้าเก่าแก่ หลินเป่ยเฉินไม่รีรอที่จะแสดงความเห็นออกไป ‘สินค้าในร้านของท่านมีน้อยมากเกินไป บางส่วนก็ใกล้หมดอายุแล้ว เหตุไฉนถึงไม่เติมสินค้าใหม่ ๆ มาขายบ้างล่ะขอรับ? มันน่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้เยอะทีเดียว’
ผู้ดูแลร้านส่งข้อความตอบกลับมา ‘สินค้าใหม่… สินค้าอะไรล่ะ?’
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก
ถามมาอย่างนี้แล้วจะให้เขาตอบอย่างไร?
“สินค้าอะไรก็ได้ขอรับ ขอแค่ไม่ซ้ำกับสินค้าที่มีอยู่ก็พอ”
หลินเป่ยเฉินแนะนำ
ผู้ดูแลร้านตอบข้อความด้วยความเหยียดหยาม ‘เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากทำเช่นนั้นหรือ?’
หลังจากนั้น ผู้ดูแลร้านที่ปกติมักจะประหยัดถ้อยคำก็เริ่มต้นบทสนทนาอันยาวเหยียด
ปรากฏว่าร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรต้องการเพิ่มเติมสินค้ามานานแล้ว แต่พวกเขาถูกคู่แข่งกีดกัน เส้นทางการขนส่งสินค้าถูกปิดกั้น หากไม่ใช่สินค้าที่ผลิตด้วยตนเอง พวกเขาก็ไม่สามารถนำสินค้าใหม่มาวางขายได้เลย
แม้ว่าผู้ดูแลร้านจะไม่ได้บอกเล่ารายละเอียดในเชิงลึก แต่หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้ถึงความเป็นคหบดีผู้มีฐานะร่ำรวย
คาดว่าเจ้าของร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรต้องมีสถานะไม่ธรรมดา
มิเช่นนั้น รากชงโหลวที่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงต้องการจะมีขายในร้านของพวกเขาเพียงร้านเดียวได้อย่างไร
เพียงแต่ว่าบัดนี้พวกเขากำลังพบปัญหา
หลินเป่ยเฉินมองหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
‘บางทีพวกเราอาจร่วมมือกันได้นะขอรับ’
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความส่วนตัวไปหาอีกฝ่าย
ผู้ดูแลร้านตอบกลับมา ‘เจ้ามีสินค้าหรือ?’
“สินค้าของข้าอาจจะไม่เหมือนสินค้าที่ท่านคิดเอาไว้”
หลินเป่ยเฉินเริ่มวางแผนการครั้งใหม่และตัดสินใจเป็นพ่อค้าคนกลาง
เขาจะซื้อของมาจากแอปเถาเป่า โดยขอกำไรแค่ไม่มาก เอามาบวกราคาเพิ่มอีกสักสิบหรือยี่สิบเท่า แล้วฝากให้ร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรวางขาย เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว
แล้วปัญหาการขาดสินค้าวางจำหน่ายก็จะหมดไป
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วใช้ความคิด แล้วเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
‘ข้ามีโอสถวิเศษสำหรับการบำรุงกำลังบุรุษโดยเฉพาะ บางทีท่านอาจสนใจนำไปวางขายกระมัง? ข้าจัดส่งให้ท่านลองใช้งานดูก่อน ชอบไม่ชอบอย่างไรค่อยว่ากันอีกที’
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความกลับไปอีกครั้ง
ผู้ดูแลร้านเพื่อนพ้องที่น้องโจรนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตอบข้อความกลับมาว่า ‘ตกลง’
นี่เรียกว่าความหวังสุดท้ายอย่างแท้จริง
แม้จะเป็นความหวังที่ดูริบหรี่ แต่อย่างน้อยก็ยังคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยง
หลินเป่ยเฉินขอที่อยู่ของร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจร หลังจากนั้น เขาก็ส่งยาปลุกกำหนัดสำหรับบุรุษที่วางขายอยู่บนแอปเถาเป่าไปตามที่อยู่นั้นเป็นจำนวนสิบกล่อง รวมแล้วเป็นเงินร้อยนี่สิบตำลึงทอง หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็อธิบายว่า ‘นี่เรียกว่าโอสถเทพบุตรทองคำ ในแต่ละกล่องจะบรรจุโอสถอยู่ห้าเม็ด เมื่อได้รับสินค้าแล้ว ท่านสามารถเปิดออกดูได้ทันที โอสถหนึ่งเม็ดมีราคายี่สิบตำลึงทอง เหมาะสมสำหรับพวกคุณชายบ้าตัณหาทั้งหลาย ว่ากันว่าโอสถชนิดนี้สามารถช่วยทำให้บุรุษขย่มสตรีข้ามวันข้ามคืนโดยไม่เหนื่อยล้ามานักต่อนักแล้ว…’
ไม่มีการตอบรับจากร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจร
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจสรรพคุณของยาชนิดนี้เป็นอย่างดีด้วยการอธิบายของหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มยังคงรับหน้าที่อธิบายต่อไป ‘โปรดจำไว้ว่าห้ามลดราคาขายต่ำกว่านี้เด็ดขาด ท่านอาจจะลองให้ลูกค้ารับโอสถไปรับประทานดูสักเม็ดก่อนก็ได้ ข้ามั่นใจว่าเพียงไม่นาน พวกเขาจะต้องกลับมาขอซื้อเพิ่มอย่างแน่นอน… แต่อย่าลืมว่า โอสถจะออกฤทธิ์แตกต่างกันไปตามแต่สภาพร่างกายของผู้รับประทาน หากสินค้าตัวนี้สามารถขายได้ดี ข้าก็ยังมีสินค้าอีกหลายชนิดจะนำเสนอกับท่าน พวกเราจะเป็นหุ้นส่วนกัน เราจะหักส่วนแบ่งเจ็ดส่วนสามส่วน ข้าได้เจ็ดส่วน ท่านได้สามส่วน’
‘ประเสริฐ’
ผู้ดูแลร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรส่งข้อความตอบกลับมาอีกครั้ง
เมื่อจบสิ้นการสนทนา รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของหลินเป่ยเฉิน
เขาเพิ่งค้นพบเส้นทางทำเงินครั้งใหม่
ไม่ว่าจะอยู่ในดินแดนใด ไม่ว่าจะอยู่ในจักรวาลไหน ไม่ว่าจะอยู่ในมิติใด เงินก็ยังเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญเสมอ
…
เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปได้สามวันแล้ว
และในวันนี้เอง
เสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นในหัวของหลินเป่ยเฉิน
‘ติ๊ง!’
‘ครบกำหนดเวลาการทำภารกิจความรุ่งเรืองของกองทัพเซียนกระบี่ บัดนี้ กำลังเริ่มนับจำนวนคนที่ทำภารกิจได้สำเร็จ’
‘ยิ่งมีผู้ที่สามารถทำภารกิจได้เยอะมากเท่าไหร่… พลังในร่างกายของผู้ครอบครองภารกิจก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น’
‘และรางวัลที่ผู้ครอบครองภารกิจจะได้รับก็คือ…’
เสียงสตรีที่อ่อนหวานดังขึ้นในห้วงภวังค์ของหลินเป่ยเฉิน
“งื้อ…”
เด็กหนุ่มส่งเสียงครางออกมาอย่างมีความสุข
นี่คือความรู้สึกที่คุ้นเคย
มวลพลังในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลินเป่ยเฉินเลื่อนขั้นพลังได้อย่างต่อเนื่อง
ทะลุขอบเขตจอมเทพจักราระดับ 2 …
ทะลุขอบเขตจอมเทพจักราระดับ 3 …
ทะลุขอบเขตจอมเทพจักราระดับ 4 …
บัดนี้ พลังในร่างกายของหลินเป่ยเฉินเพิ่มขึ้นมาหยุดยั้งอยู่ในขั้นจอมเทพจักราระดับ 4
ผิวหนังของเขาห่อหุ้มด้วยแสงสว่างสีเงินเรืองรอง รูขุมขนปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาอย่างต่อเนื่องรุนแรง
หลินเป่ยเฉินรู้สึกสบายและผ่อนคลาย
ทรงพลัง
พึงพอใจ
การเลื่อนขั้นพลังอย่างก้าวกระโดดขึ้นมาถึงสามขั้นเช่นนี้ ทำให้เขามีความแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
เขารู้สึกว่าแม้แต่อายุขัยของตนเองก็ถูกยืดยาวออกไป
มวลพลังในร่างกายนอกจากหลอมรวมเข้ากับกล้ามเนื้อและโครงกระดูกแล้ว พวกมันยังหลอมรวมเข้ากับทุก ๆ ส่วนในร่างกายอีกด้วย
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินสามารถใช้พลังปราณแท้จริงของตนเองสร้างวัตถุต่าง ๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุดเกราะ อาวุธ หน้ากาก ปีกเหล็ก ไปจนถึงสเกตบอร์ด…
สิ่งของเหล่านั้นสามารถปรากฏขึ้นมาได้ตรงหน้าเพียงตั้งสมาธิใช้พลังจิตกำหนดเท่านั้น
นี่คือความน่ากลัวของผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักราระดับกลาง
เมื่อมีกระบี่ที่สามารถสร้างขึ้นมาได้จากพลังปราณของตนเองเช่นนี้ หลินเป่ยเฉินก็ไม่ต้องหวาดกลัวอาวุธของคู่ต่อสู้ที่อยู่ในขั้นพลังเดียวกันอีกแล้ว
“ง่ายเกินไป ง่ายเกินไป นี่เราแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้วเหรอวะเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมา
ในที่สุด พลังปราณในร่างกายของเขาก็เทียบเท่ากับความแข็งแกร่งของร่างกายแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ หากเขาใช้วิชาแปดชั้นฟ้าอีกครั้ง กระบวนท่าต่าง ๆ ก็จะมีความอันตรายมากขึ้น และร่างกายของเขาก็จะไม่ย่ำแย่อย่างที่ผ่านมาอีกด้วย
แม้จะไม่ได้เลื่อนขั้นเป็นจอมเทพจักราตอนปลาย
แต่ว่า…
“ได้เวลากลับไปคิดบัญชีแค้นกับเฒ่าตาเขียวนั่นแล้วสินะ”
หลินเป่ยเฉินรีบร้อนอยากลองวิชา
เขาจึงตัดสินใจกลับไปก่อนเพียงลำพัง
Comments