เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] บทที่ 447 ร่วมรับชมการแข่งขัน
ตอนที่ 447 ร่วมรับชมการแข่งขัน
ในห้องแต่งตัวของผู้เข้าแข่งขัน
สีหน้าของเจียงจี้หลิวบอกถึงความประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
เขาไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
ต่อให้เป็นตอนที่เขาสามารถคว้าตำแหน่งผู้มีพรสวรรค์ประจำเมืองเจาฮุยได้สำเร็จ บรรยากาศก็ยังไม่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ไม่มีใครเป็นกำลังใจให้เขามากมายถึงเพียงนี้
“เจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่พิเศษสำหรับข้าจริงๆ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลานั้น
“การได้สังหารคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นเจ้า จะเป็นความทรงจำที่อยู่ติดตัวข้าไปตลอดชีวิต”
เด็กหนุ่มค่อยๆ หลับตาลง และปรับระดับพลังลมปราณอย่างแช่มช้า
…
นอกเมืองหยุนเมิ่ง
บนถนนหลวง
รถม้าที่มีสัญลักษณ์ของวิหารเทพกระบี่ประทับอยู่ด้านข้างห้องโดยสารกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด
จอมยุทธ์หญิงผู้เป็นสารถีกำลังใช้แส้โบยตีอสูรลมกรดเพื่อให้มันเร่งความเร็วมากขึ้น
“พี่หลิง รีบหน่อยนะเจ้าคะ การประลองกำลังจะเริ่มแล้ว”
เสียงใสๆ ดังออกมาจากห้องโดยสาร
จอมยุทธ์หญิงตอบกลับไปด้วยความไม่เต็มใจว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ด้วยความเร็วระดับนี้ อีกเพียงก้านธูปเดียว เราก็ไปถึงสถานศึกษากระบี่ที่สามแล้ว…”
“ไม่ได้ กว่าจะถึงตอนนั้นก็สายเกินไปแล้ว”
พลัน ร่างอรชรของใครบางคนก็พุ่งออกมาจากด้านในห้องโดยสาร
“พี่หลิง ข้าขอยืมอสูรลมกรดไปก่อนนะเจ้าคะ ข้าขอล่วงหน้าไปก่อนละ…”
วูบ!
คมกระบี่สาดประกายแวววาว
แล้วสายหนังที่ยึดโยงอสูรลมกรดเข้ากับห้องโดยสารของรถม้าก็ถูกตัดขาดสะบั้น
เมื่อไม่มีน้ำหนักของห้องโดยสารถ่วงอยู่ข้างหลังอีกต่อไป ความเร็วของอสูรลมกรดจึงเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
เด็กสาวเจ้าของร่างบอบบางนั้นใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปขี่อยู่บนบังเหียนของอสูรลมกรดด้วยความแม่นยำ
นางหันหน้ามายิ้มแย้มสดใส เส้นผมสีดำปลิวไสวในอากาศ เปิดเผยให้เห็นวงหน้าที่งดงามสมบูรณ์แบบ รอยยิ้มของนางแจ่มชัดและบริสุทธิ์ บ่งบอกให้รู้สึกถึงความเอียงอายและความดื้อรั้นในเวลาเดียวกัน
“พี่หลิง ฝากท่านดูแลห้องโดยสารด้วยนะเจ้าคะ”
หลังจากนั้น เด็กสาวก็หันหน้ามองไปยังทิศทางของเมืองหยุนเมิ่ง
“พี่เป่ยเฉิน ข้ามาแล้ว”
“ข้าเคยรับปากว่าจะตั้งใจฝึกฝนให้หนัก เพื่อให้มีเวลาว่างกลับมาหาท่านให้ได้ และข้าก็ทำได้แล้วจริงๆ!”
“ข้าเชื่อมั่นว่าท่านจะต้องสร้างปาฏิหาริย์ และเอาชนะเจียงจี้หลิวได้แน่นอน”
“ท่านต้องรอข้าด้วยนะ”
“ข้าคงไม่มีทางให้อภัยตนเองหากไม่ได้ไปให้กำลังใจท่านที่ข้างเวทีในวันนี้”
“อิอิ…”
เส้นผมสีดำขลับของเด็กสาวปลิวไสวภายใต้แสงอาทิตย์ยามบ่าย สะท้อนเป็นประกายระยิบระยับราวกับเปลวไฟอันศักดิ์สิทธิ์
แต่เปลวไฟที่ร้อนที่สุดบนโลกก็ยังไม่ร้อนรุ่มเท่าหัวใจของนางในยามนี้
จอมยุทธ์หญิงผู้สวมใส่ชุดเกราะทิ้งตัวลงมายืนบนพื้นถนนและรับห้องโดยสารเอาไว้ได้ทันเวลา เมื่อนางโคจรพลังลมปราณนำห้องโดยสารวางลงบนพื้นถนนหลวงได้อย่างปลอดภัย นักบวชสาวผู้ที่เคยอยู่ในห้องโดยสารหลังนี้ ก็ขี่อสูรลมกรดหนีหายไปไกลหลายลี้แล้ว
ให้ตายสิ
จอมยุทธ์หญิงมีสีหน้าปวดหัว
สุดท้ายนางก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
นักบวชสาวผู้นี้มาศึกษาที่วิหารหลวงได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน ไม่ว่าจะเป็นนักบวชหญิงหรือนักบวชชายต่างก็ยกย่องให้เด็กสาวคนนี้เป็นนักบวชอนาคตไกล ภายภาคหน้านางจะต้องได้กินตำแหน่งใหญ่โตและมีสถานะสูงส่งอย่างแน่นอน
มีข่าวลือว่า แม้กระทั่งสมาคมนักพรตเทวะก็ตั้งใจจะดึงตัวนางเข้าเป็นหนึ่งในบุคลากรของวิหารนางเซียนด้วยเช่นกัน
ไม่เคยมีนักบวชคนไหนอนาคตสดใสรุ่งโรจน์เท่านี้มาก่อน
แต่เพราะเหตุใดกัน เยว่เว่ยหยางถึงได้หมกมุ่นอยู่กับเด็กหนุ่มคนหนึ่งในเมืองเล็กๆ ริมทะเลแห่งนี้?
แม้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะมีสถานะเป็นผู้ที่ถูกเลือกก็เถอะ
แต่ในวิหารหลวง มีเรื่องซุบซิบนินทามาได้ระยะใหญ่แล้ว
ว่ากันว่าเหตุผลที่หลินเป่ยเฉินมีสถานะเป็นผู้ที่ถูกเลือก ก็เพราะว่าเทพีกระบี่ต้องตาต้องใจในความหล่อเหลาของเขาเท่านั้นเอง หลินเป่ยเฉินหาได้มีความสามารถโดดเด่นเหนือคนธรรมดาไม่ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะเป็นหัวหน้านักบวชตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
จอมยุทธ์หญิงได้แต่หวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป เยว่เว่ยหยางที่ออกไปเผชิญโลกกว้างจะสามารถลืมเลือน “ความรักครั้งเยาว์วัย” ได้โดยไม่เกิดความลำบากใจมากนัก
และที่สำคัญก็คือ ไม่ควรมีความรักอยู่ในหัวใจของผู้ที่จะอุทิศตัวให้แก่ศาสนามิใช่หรือ?
ในที่สุดแล้ว มีคนมากมายที่เคยพบเจอปัญหาเดียวกันกับเยว่เว่ยหยาง แต่สุดท้ายพวกนางก็ลืมเลือนคนรักของตนเองได้สำเร็จเหมือนกับเป็นสายลมที่พัดผ่านไปเพียงวูบหนึ่ง ความรักเหล่านั้นจะถูกเก็บเป็นความทรงจำที่เลือนลางอยู่ในหัวใจ และนำพามาซึ่งรอยยิ้มบนมุมปากเล็กน้อยเท่านั้นยามนึกถึง
แต่บัดนี้ เห็นได้ชัดว่าหลินเป่ยเฉินฝังตัวอยู่ในหัวใจของเยว่เว่ยหยางลึกล้ำมากเกินกว่าที่ทุกคนคาดคิด
เฮ้อ ความรักเป็นเรื่องที่อันตรายเสมอ
เห็นทีนางคงต้องหาหนทางทำให้เยว่เว่ยหยางตัดใจจากความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้ได้เสียแล้วสิ
…
มณฑลเฟิงอวี่ เมืองหลวง
สำนักกระบี่ระดับสามัญที่หก
ตึกตะวันออก สาขาค่ายอาคม
ห้องเรียนของลูกศิษย์ชั้นปีที่ 1
เด็กสาวผู้สวมใส่หน้ากากสีเงินครึ่งซีก กำลังถือปากกาขนนกตวัดวาดอักขระสำหรับการสร้างค่ายอาคมพื้นฐานลงบนแผ่นไม้ฝึกหัดสำหรับลูกศิษย์ใหม่
นี่คือการบ้านจากชั้นเรียนวิชาสร้างค่ายอาคมเช้าวันนี้
เพราะตนเองมีพลังต่ำต้อยกว่าคนอื่น เยว่หงเซียงจึงต้องพยายามหนักกว่าศิษย์รุ่นเดียวกันเป็นสิบเท่า
นี่คือนิสัยประจำตัวนาง
แต่ด้วยความที่ขยันและตั้งใจเรียนเช่นนี้เอง เยว่หงเซียงจึงกลายเป็นลูกศิษย์คนโปรดของบรรดาอาจารย์ในสาขาวิชาการสร้างค่ายอาคม
“สักวันหนึ่ง ข้าจะต้องไปยืนอยู่ข้างกายท่านอย่างสมเกียรติให้ได้”
“เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะไม่แย่งชิงชื่อเสียงความโด่งดังจากท่าน ข้าจะไม่ใช้ท่านเป็นที่คุ้มครองความปลอดภัย แต่ข้าจะคอยช่วยเหลือท่าน คอยสนับสนุนให้กำลังใจท่าน…”
เยว่หงเซียงคิดด้วยความมุ่งมั่น
ด้วยความเชื่อมั่นเช่นนี้ นางจึงมีกำลังใจต่อสู้กับทุกความยากลำบากในสำนักศึกษาแห่งใหม่ ไม่ว่านางจะถูกกลั่นแกล้งสักแค่ไหน ไม่ว่านางจะถูกพูดจาเหยียดหยามสักเพียงใด แต่เยว่หงเซียงก็ไม่เคยเก็บมาคิดใส่ใจ นางยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความแน่วแน่และเด็ดเดี่ยวเสมอ
ในห้องเรียนมีเด็กหนุ่มเด็กสาวเดินเข้าออกอยู่ตลอดเวลา
“นี่ เจ้าได้ข่าวหรือยัง? การแข่งขันจตุรมิตรสามัคคีรอบชิงชนะเลิศที่เมืองหยุนเมิ่งน่ะ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะ…”
“ข้าได้ข่าวแล้ว อิอิ เห็นว่าคนที่ได้เข้าชิงก็คือเจียงจี้หลิวจากเมืองเจาฮุย”
“หืม จริงหรือ? เขาคือวีรบุรุษประจำใจข้าเลยนะ เห็นว่ามีถ่ายทอดสดด้วยนี่นา? พวกเราไปดูกันดีกว่า”
“มิผิด อาจารย์บอกว่าจะมีการถ่ายทอดสดให้พวกเราดูที่ห้องโถงใหญ่”
“ว่าแต่ใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขากันนะ?”
“ได้ยินว่าเป็นหลินเป่ยเฉิน หมอนี่มันยังรับเงินโฆษณาจากพ่อค้าข้างถนนอยู่เลย…”
เสียงสนทนาของกลุ่มศิษย์ร่วมสำนักที่อยู่ไม่ไกลลอยมาเข้าหูเยว่หงเซียง
ครืด
พลัน มือของเยว่หงเซียงกระตุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ลวดลายอักขระของนางผิดเพี้ยนไปจากเดิม
ค่ายอาคมที่นางพยายามสร้างขึ้นมานี้ถูกทำลายลงไปในพริบตา
แต่แววตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากของเด็กสาวกลับเป็นประกายด้วยความสดใส
นางรีบเก็บแผ่นไม้ ปากกาขนนกและอุปกรณ์อื่นๆ เข้าไว้ในช่องเก็บของวิเศษใต้โต๊ะประจำตัว จากนั้นจึงปัดฝุ่นออกจากมือ ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากห้องเรียน
ภาพที่เห็นทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นต้องตกตะลึง
เยว่หงเซียงไม่เคยออกไปไหนถ้ายังทำการบ้านไม่เสร็จเลยสักครั้ง
แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น?
…
ณ เมืองเจาฮุย สถานศึกษาจำนวนมากเปิดรับชมการถ่ายทอดสดด้วยความตื่นเต้น
บรรดาลูกศิษย์ที่เดินทางมาจากเมืองหยุนเมิ่ง บัดนี้หยุดทุกภารกิจที่ตนเองกำลังทำอยู่ และมานั่งเฝ้าหน้าจอถ่ายทอดสดรอดูการประลองอย่างใจจดใจจ่อ
ไม่ว่าจะเป็นมี่หรู่หยาน โจวเค่อ หวังซินอวี่ คังซานเสว่…
พวกนางต่างรู้ดีว่าหลินเป่ยเฉินเป็นมือกระบี่รุ่นใหม่อนาคตไกลแห่งเมืองหยุนเมิ่ง แต่เขาจะสามารถต่อสู้กับมือกระบี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งมณฑลได้จริงๆ หรือ?
ทุกคนล้วนอยากรู้ว่าในระยะเวลาที่ไม่ได้พบหน้ากัน หลินเป่ยเฉินสามารถพัฒนาฝีมือไปได้ไกลถึงระดับไหนแล้ว
นี่ก็นานมากกว่า 1 เดือนแล้วตั้งแต่ที่พวกนางออกมาจากงานเลี้ยงของตำหนักไม้ไผ่
พวกนางได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
เป็นชีวิตที่ถูกยกระดับให้สูงส่งมากกว่าเดิม
ทุกคนมีอนาคตที่ยาวไกลรอคอยอยู่
ด้วยเหตุนี้ พวกนางจึงไม่เข้าใจเลยว่าเหตุไฉนหลินเป่ยเฉินถึงยินดีที่จะจมปลักอยู่ในเมืองหยุนเมิ่งต่อไป?
บัดนี้ พวกนางมานั่งให้กำลังใจหลินเป่ยเฉินผ่านทางหน้าจอถ่ายทอดสด
เมื่อเห็นภาพที่ชาวเมืองนับหมื่นคน พร้อมใจกันตะโกนเรียกชื่อหลินเป่ยเฉินในจัตุรัสของสถานศึกษากระบี่ที่สามบนหน้าจอ เหล่ามือกระบี่รุ่นใหม่ที่มาจากเมืองหยุนเมิ่งก็ถึงกับต้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
มันทำให้พวกนางนึกถึงช่วงเวลาที่สวยงามยามอยู่ในบ้านเกิดของตนเองขึ้นมาอีกครั้ง
Comments