เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 1022 แยกทางจากสาวงาม

Now you are reading เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] Chapter บทที่ 1022 แยกทางจากสาวงาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1022 แยกทางจากสาวงาม

บทที่ 1022 แยกทางจากสาวงาม

ดวงตาของจ้าวจื่อเป็นประกาย “มีความคิดดี ๆ อะไรอยู่ในใจท่านพ่อ?”

ราชันลมปราณพ่นลมหายใจ “วันนี้ข้าจะสอนเจ้าอีกบทเรียนหนึ่ง จะดีกว่าที่จะไม่พุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างมุทะลุ แม้แต่คนที่แข็งแกร่งและฉลาดที่สุดก็ไม่เป็นอะไรไปมากกว่าตัวหมาก เจ้าต้องกระโดดออกจากกระดานและกลายเป็นผู้เล่นให้ได้”

“หมากรุก?” จ้าวจื่อตกตะลึงและเริ่มไตร่ตรองเรื่องนี้

ราชันลมปราณหัวเราะและพูดว่า “ทำไมถึงต้องเคลื่อนไหวด้วยตัวเองถ้าเจ้าต้องการที่จะแก้แค้นซูอัน? มีคนอื่นอยากให้มันตายมากกว่าเจ้า ตราบใดที่เจ้าเดินหมากได้ดี ย่อมดีกว่าให้มือตัวเองเปื้อนเลือด”

ดวงตาของจ้าวจื่อเป็นประกาย “ท่านกำลังพูดถึงตระกูลซือหรือเปล่า?”

เขาบ่มเพาะมาถึงระดับแปดก่อนอายุสี่สิบปี แม้จะมีทรัพยากรของตระกูลคอยสนับสนุน แต่มันก็ยังสะท้อนถึงความสามารถและสติปัญญาของตัวเอง จ้าวจื่อไม่ได้โง่

ราชันลมปราณพยักหน้า “ซือคุนเสียชีวิตในวังตะวันออก มีข่าวลือว่าองค์หญิงรัชทายาททำร้ายเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นตระกูลซือจึงต้องกลืนความโกรธลงคอ อย่างไรก็ตาม ซูอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ซือคุนได้พบจุดจบ ที่ตระกูลซือยังไม่ได้เคลื่อนไหว คงเพราะไม่รู้ความจริงข้อนี้ หรืออาจยังคงมีความสงสัยอยู่บ้าง สิ่งที่เจ้าต้องทำคือผลักดันพวกเขา”

จ้าวจื่อเริ่มตื่นเต้น “แผนของท่านพ่อยอดเยี่ยมมาก! เรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะบังคับให้ตระกูลซือโจมตีซูอันเท่านั้น เรายังได้ตระกูลซือซึ่งปัจจุบันเป็นกลางเข้ามาเป็นพันธมิตรได้อีกด้วย ซือคุนเป็นลูกชายที่เสนาบดีสงครามรักใคร่มากที่สุด กลับต้องมาตายด้วยน้ำมือขององค์หญิงรัชทายาท หากรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ ตระกูลซือจะไม่มีวันแก้แค้นได้ การร่วมมือกับเราจะทำให้พวกเขามีโอกาสนั้น”

ในที่สุดราชันลมปราณก็ยิ้ม “ถูกต้อง เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

จ้าวจื่อตอบกลับบิดาอย่างนอบน้อม แต่ในใจดุดัน “ซูอัน มาดูกันว่าเจ้าจะรอดไปได้อย่างไร!”

วิธีที่ดีที่สุดในการแก้แค้นผู้ชายคือการทุบตี จากนั้นจึงจับผู้หญิงของเขามาย่ำยี

ฮึ่ม ข้าต้องหาโอกาสพบฉู่ชูเหยียนแล้ว ข้าจะเล่นกับนางต่อหน้ามัน ข้าต้องการดูว่ามันจะทำหน้าอย่างไร

“ฮัดชิ่ว!” ภายในรถม้า ซูอันจาม เขาถูจมูกโดยไม่รู้ตัว “หืม? ดูเหมือนว่าหลายคนกำลังคิดถึงข้า”

อวี้เหยียนลั่วเอามือปิดปากและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าคิดว่าพวกเขาอาจต้องการให้เจ้าตาย เจ้าเก่งในเรื่องสร้างศัตรู”

ซูอันยักไหล่ “ข้าจะว่าอะไรได้? ข้าโดดเด่นเกินไป”

อวี้เหยียนลั่วพูดไม่ออก

ซูอันหุบยิ้ม “อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็รู้ว่าฝ่าบาทไว้ชีวิตข้าเพราะเจ้า ขอบคุณฮูหยินอวี้”

เขาคิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะหมวกแห่งการให้อภัย แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพราะความช่วยเหลือของนาง

ไม่น่าแปลกใจที่จักรพรรดิกล่าวว่ามีคนพูดแทนเขา ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาสงสัยว่าอาจเป็นฉินหว่านหรู

“เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้นอกเมืองจันทร์กระจ่าง ข้าแค่ชำระหนี้เท่านั้น “อวี้เหยียนลั่วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ “ข้าหวังว่าจะไม่มีใครเข้าใจผิดว่าข้าเป็นคนที่ไม่ชำระหนี้”

ซูอันหัวเราะด้วยความอับอาย เขาจำได้ว่าเคยวิจารณ์นางเช่นนั้นเมื่อครู่ที่แล้ว เขาเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วและพูดว่า “อย่างไรก็ตาม คราวนี้เจ้ามีองครักษ์ที่น่าเกรงขามอยู่ด้วย ก่อนหน้านี้เจ้าเกือบจะพลาดท่าในค่ายเมฆาทมิฬได้อย่างไร?”

อวี้เหยียนลั่วถอนหายใจ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความทุกข์ “ตอนนั้นมีเรื่องเกิดขึ้นมากเกินไป…”

ซูอันคาดหวังเรื่องราวที่ยาวและซับซ้อน แต่นางไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้

อวี้เหยียนลั่วส่ายศีรษะ “ขอโทษ ข้าได้แสดงด้านที่แย่ของตัวเองให้เจ้าเห็นแล้ว”

ซูอันพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “ใครจะรู้ว่ามีผู้ชายกี่คนในโลกนี้ที่อยากเห็นด้านนี้ของเจ้า แต่จะไม่มีวันได้เห็น รอยยิ้มบนหน้าของข้าคือความชื่นชมที่มีต่อเจ้าเท่านั้น”

อวี้เหยียนลั่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ปากเจ้านี่หวานจริง ๆ”

ซูอันมองนางอย่างอ้อยอิ่ง “ถึงข้าไม่รู้ว่าเจ้ากังวลไปทำไม แต่ทุกสิ่งจะผ่านไปตามกาลเวลาเสมอ ในวันหนึ่งคนที่เข้าใจเจ้าย่อมจะปรากฏตัวขึ้น”

“ทุกสิ่งจะผ่านไป…” อวี้เหยียนลั่วพึมพำกับตัวเอง ดวงตาของนางเป็นประกาย “ข้าคิดว่าเจ้ารู้แค่วิธียั่วประสาทคนอื่น แต่เจ้าก็สามารถปลอบโยนได้ดีเช่นกัน ที่บอกว่าคนที่จะเข้าใจข้าเขาจะปรากฏตัวนี่ เจ้ากำลังพูดถึงตัวเองเหรอ?”

ซูอันส่ายหัว “ข้าเจียมตัวเสมอ อย่างน้อยที่สุด ข้ากังวลว่าข้าไม่คู่ควรที่จะพูดคุยกับเจ้าในตอนนี้ สำหรับเรื่องในอนาคตยิ่งยากจะพูด”

“เจ้าไม่ได้พูดว่าข้าแก่เกินไปสำหรับเจ้าเหรอ?” อวี้เหยียนลั่วถามด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ

แก้มของซูอันร้อนขึ้น “ข้าแค่พูดเพื่อหลอกเด็กเหลือขอจ้าวจื่อ ดังนั้นอย่าคิดมากเลย ฮูหยินอวี้งดงามและดูเยาว์วัย คนอื่นคงคิดว่าเจ้าคือน้องสาวของข้า”

ใบหน้าของอวี้เหยียนลั่วแดงขึ้น คนอื่น ๆ ประพฤติตนสุภาพเมื่อพบนาง กลัวว่านางจะมองพวกเขาไม่ดี แต่ชายคนนี้มักใช้มุกตลกหยอกล้ออย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่นางไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องน่ารังเกียจขนาดนั้น

“เจ้าแค่ล้อเล่นเก่งเท่านั้น คืนจี้นั้นให้ข้าเถอะ ข้าไม่อยากให้ข่าวลือแปลก ๆ แพร่กระจายออกไป” อวี้เหยียนลั่วกล่าว

ซูอันหยิบจี้หยกออกมาแล้วยื่นให้กับนาง มือของนางสวยกว่าหยกที่ประณีตชิ้นนี้มาก

อวี้เหยียนลั่วรู้สึกประหลาดใจ นางคิดว่าเขาจะไม่คืนมันให้กับนางง่าย ๆ แต่เขากลับมอบคืนมาทันที

ความชื่นชมของนางที่มีต่อเขาเพิ่มขึ้น “ตอนนี้เจ้าทำให้ทายาทของราชันลมปราณขุ่นเคืองแล้ว เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป?”

ซูอันยิ้ม “ไม่ต้องกังวล พวกเขาไม่สามารถทำอะไรข้าได้สักระยะหนึ่ง”

นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่ฝ่ายของราชันลมปราณส่งมือสังหารตามล่าเขา ในขณะที่เขาถูกส่งตัวมายังเมืองหลวง ก็ไม่มีโอกาสที่ทั้งสองจะเป็นมิตรกันได้อีก ด้วยภารกิจที่จักรพรรดิมอบหมายให้เขา และจากมิตรภาพที่เขาสร้างในวังตะวันออก ไม่มีทางที่เขาจะเข้ากับฝ่ายราชันลมปราณได้ และด้วยพลังเหล่านี้ที่คอยสนับสนุน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ราชันลมปราณจะแตะต้องเขาได้

อวี้เหยียนลั่วกล่าวว่า “ถ้าใครบอกเรื่องนี้กับข้า ข้าอาจคิดว่าพวกเขาอวดดี แต่เจ้าแตกต่างไป ตั้งแต่ข้าพบเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังสร้างปาฏิหาริย์ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะเปลี่ยนความโชคร้ายให้กลายเป็นพร หากเจ้าต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ข้ามผ่านไม่ได้จริง ๆ เจ้าสามารถมาหาข้าได้ แม้ว่าข้าจะไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ แต่ข้าก็ยังสามารถช่วยเจ้าได้”

“ขอบคุณฮูหยินอวี้!” ซูอันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง สถานะของนาง ตลอดจนทรัพยากรที่มี ทำให้นางเป็นพันธมิตรที่ดี

หลังจากคุยกันจนเพียงพอ อวี้เหยียนลั่วก็บอกลาเขา นางเดินทางกลับเมืองหลวงอย่างลับ ๆ ดังนั้นนางจึงไม่อยากค้างคืนจนกว่าจะถึงจุดหมาย

เมื่อซูอันออกจากรถม้า คนขับชราฟันหลอมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นเขา เมื่อไม่พบอะไรแปลก ๆ จึงผ่อนคลาย “เด็กดี ข้ามีความคาดหวังสูงสำหรับเจ้า ฮ่า ๆ…”

ด้วยการสะบัดแส้ของเขา รถม้าก็เคลื่อนตัวออกไป

“เจ้าเป็นอะไรกับคนขับรถม้าคนนั้น? ทำไมเขาถึงยิ้มแบบนั้น?” ฉู่โหยวเจาวิ่งเข้ามา นางไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้รถม้าก่อนหน้านี้ “พี่เขย ปกติดีนะ? จิ้งจอกตัวนั้น… อะแฮ่ม มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเจ้าสองคนหรือเปล่า?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด