เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 255 สิ้นหวัง

Now you are reading เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] Chapter บทที่ 255 สิ้นหวัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อจนมุม ซูอันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกกระบี่ขึ้นรับการโจมตี แต่กระบี่ไม่ได้ถูกสร้างมาให้รับแรงกระแทกโดยตรงจากอาวุธไม่มีคม และอาวุธที่ผีดิบใช้อยู่นั้นดูหนักมาก ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้รูปแบบ ‘สะบัด’ ของ 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐาน เพื่อเปลี่ยนทิศการโจมตีของผีดิบไปด้านข้าง

อย่างไรก็ตาม เขายังคงรู้สึกได้ถึงแรงปะทะที่หนักหน่วงจากพละกำลังของผีดิบ ซึ่งมีความแข็งแกร่งพอ ๆ กับเขา และมันก็มีความได้เปรียบในแง่ของอาวุธด้วย การที่เขาได้แต่เป็นฝ่ายตั้งรับการโจมตีทำให้สถานการณ์โดยรวมดูไม่ดีสำหรับเขา

เขากลิ้งไปบนพื้นเพื่อหลบการโจมตีครั้งต่อไปจากผีดิบตัวนั้น แต่เมื่อเขาหันหลังกลับและเห็นร่องรอยที่เหลืออยู่บนพื้น เขาก็เพิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแท้จริงแล้วผีดิบกำลังถืออาวุธชนิดใด

มันเป็นจอบจริงๆ!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ผีดิบส่วนใหญ่ที่เขาพบระหว่างทางใช้กระบองไม้ ไม้เท้า จอบ ขวาน และเครื่องมือที่เกี่ยวกับการทำเกษตรกรรม มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ถือกระบี่ หอก หรืออาวุธประเภทอื่นๆ

ทำไมพวกมันดูเหมือนชาวบ้านทั่วไป?

ซูอันสังเกตเห็นก่อนหน้านี้ว่าผีดิบเหล่านี้สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ตอนแรกเขาคิดว่าการที่เสื้อผ้าของพวกมันขาดรุ่งริ่งน่าจะมาจากการสลายตัวเนื่องจากอยู่ใต้ดินนานเกินไป แต่ตอนนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเสื้อผ้าของพวกมันขาดรุ่งริ่งอยู่แล้วตั้งแต่แรกหรือไม่?

พวกผีดิบตรงหน้าเขาดูคล้ายกับกลุ่มชาวบ้านที่กำลังลี้ภัยแบบที่เขาเคยเห็นในละครประวัติศาสตร์ในชีวิตก่อนหน้านี้จริงๆ

อย่างไรก็ตามไม่ว่าผีดิบพวกนี้จะเป็นชาวบ้าน ผู้ลี้ภัยหรืออะไรก็ตาม ความจริงที่ว่าพวกเขากลายเป็นผีดิบไปแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ซูอันหยุดความคิดฟุ้งซ่านแล้วมุ่งความสนใจไปที่การต่อสู้และใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีที่มาจากรอบตัว

ความตั้งใจแรกของเขาคือการวิ่งออกไปจากหุบเขา พวกหนูปีศาจขนทองที่พยายามหนีตายต่างมุ่งหน้าไปยังทางนั้น และเขาคิดว่าผีดิบน่าจะมีอยู่เฉพาะในหุบเขานี้เท่านั้น

น่าเสียดายที่พวกหนูได้ล่อผีดิบจำนวนมากไปยังทางเข้าหุบเขาขณะที่พวกมันหลบหนีไป ส่งผลให้ผีดิบจำนวนมากยืนอออยู่ที่นั่น เขาพยายามจะฝ่าฝูงผีดิบไปสองสามครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องถอยกลับมาที่เดิม

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ซูอันจึงทำได้เพียงมุ่งหน้าลึกเข้าไปในหุบเขาเท่านั้น…

เขารู้ดีว่าเขาจะตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นหากเข้าไปในหุบเขาลึกกว่านี้ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น ผีดิบที่ใช้จอบทั้งหมดนั้นแข็งแกร่งพอ ๆ กับเขา ส่วนพวกที่ใช้ดาบก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก

หากสู้กันตัวต่อตัวเขาคงสามารถรักษาพื้นที่ของเขาไว้ได้โดยใช้วิชาร่างก้าวทานตะวัน แต่ตอนนี้เขาต้องเผชิญกับผีดิบฝูงใหญ่ แค่การเอาชีวิตรอดอย่างเดียวก็ยากแล้ว นับประสาอะไรกับการพยายามโต้กลับ

อันที่จริง ต้องขอบคุณวิชาร่างก้าวทานตะวันที่ทำให้เขายังคงรักษาชีวิตเอาไว้ได้จนถึงตอนนี้ หากเปลี่ยนเขาไปเป็นผู้บ่มเพาะคนอื่นจากสถาบันจันทร์กระจ่าง ป่านนี้คนผู้นั้นคงถูกฝูงผีดิบรุมทึ้งไปนานแล้ว

“แกมองอะไร? แกมองอะไร? ทำไมไม่มองหน้าข้า!”

เสียงซูอันสะท้อนผ่านหุบเขา เขาพยายามใช้ทักษะ ‘แกมองอะไร?’ เพื่อหันเหความสนใจของผีดิบ แต่พวกมันกลับมองที่เขาราวกับว่าเขาเป็นคนโง่ พวกมันไม่ตอบสนองเลยแม้แต่น้อย…

ปรากฎว่า ‘แกมองอะไร?’ ใช้งานได้แต่กับสิ่งมีชีวิตที่มีสติสัมปชัญญะและฟังออกเท่านั้น ดังนั้นผีดิบเหล่านี้จึงไม่สะทกสะท้านกับมัน

หลังจากวิ่งอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดซูอันก็พบว่าตัวเองจนมุม วิชาร่างก้าวทานตะวัน อาจเป็นทักษะที่ทรงพลัง แต่ในหุบเขานั้นมีพื้นที่จำกัด และด้วยภูมิประเทศที่ยากต่อการเคลื่อนที่ ท้ายที่สุดการหลบไปหลบมาของเขาก็ทำให้เขาจนมุม

เมื่อหลังชนหน้าผา เขาพบว่าตัวเองกำลังเผชิญกับผีดิบฝูงใหญ่ที่รวมตัวกันเป็นครึ่งวงกลมปิดทางหนีของเขาจนหมด เขากลืนน้ำลายอย่างประหม่า สงสัยว่าตัวเองต้องพบกับจุดจบที่นี่หรือไม่

บัดซบ! ข้ายังไม่ทันจะได้รักษาร่างกายของข้าเลย จะตายทั้งทีให้ข้าเป็นชายชาตรีก่อนไม่ได้หรือไง!?

ซูอันพบว่าตัวเองเห็นอกเห็นใจขันทีที่เคยเห็นในละครของชีวิตก่อนหน้านี้ ไม่ว่ามันจะอันตรายแค่ไหนพวกเขายังคงมุ่งมั่นที่จะนำ ‘ของรัก’ กลับคืนมาเพื่อฝังรวมกับร่างของตัวเองยามสิ้นชีวิต

ข้าคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย?

ในขณะที่ซูอันกำลังตัวสั่นเทาด้วยความรังเกียจกับความคิดนั้น ผีดิบก็พุ่งเข้ามาหาเขา เขาเปิดใช้งานจ้าววายุทันทีซึ่งมันทำให้ร่างของเขาพุ่งตัวขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ที่เติบโตบนหน้าผาภายในพริบตา

ฝูงผีดิบสับสนอยู่ครู่หนึ่งเนื่องจากจู่ ๆ เป้าหมายของพวกมันกลับหายตัวไปอย่างกะทันหัน แต่ผีดิบตัวหนึ่งเห็นซูอันอย่างรวดเร็ว มันชี้ขึ้นมาที่เขา และส่งเสียงดังลั่นเพื่อแจ้งให้พรรคพวกของมันรู้

ผีดิบตัวอื่น ๆ เงยหน้าขึ้นเห็นเขา จากนั้นพวกมันก็เริ่มปีนหน้าผาทันที การเคลื่อนไหวของพวกมันคล่องตัวราวกับลิงอย่างน่าอัศจรรย์

ซูอันรู้สึกหวาดกลัวจนขนหัวลุก เดี๋ยวนะ! ผีดิบมันต้องเชื่องช้าไม่ใช่เหรอ? ทำไมพวกมันถึงปีนเขาเก่งแบบนี้? ถ้านี่คือเกมมันต้องเป็นบัคแน่ๆ!!

เขาสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็วโดยหวังว่าจะพบจุดอื่นที่เขาจะสามารถกระโดดไปถึงได้ ด้วยระดับการบ่มเพาะที่เพิ่มขึ้น ตอนนี้เขาสามารถใช้จ้าววายุได้สองครั้งติดต่อกัน ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถพยายามหลบหนีได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยผีดิบ แม้ว่าเขาจะกระโดดไปทางอื่น มันก็คงอีกไม่นานที่เขาคงจะถูกต้อนจนมุมอีกรอบ!

ข้าน่าจะเก็บมันไว้ใช้ตอนที่ข้าอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังจริงๆ

ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ ผีดิบได้มาถึงโคนต้นไม้แล้วและเริ่มปีนมาตามลำต้นของต้นไม้เพื่อมุ่งหน้ามาหาเขา…

ซูอันแทงกระบี่กระแทกผีดิบที่ไต่เข้ามาให้ตกลงไป วิธีนี้ประสบความสำเร็จอย่างไม่คาดคิด ในที่สุดตอนนี้เขาก็อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบแล้ว!

ลำต้นของต้นไม้ต้นนี้ไม่ได้ถูกหนูปีศาจขนทองกัดแทะ ดังนั้นมันจึงยังมั่นคงไม่น่าหักลงไปง่าย ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ต้นไม้ต้นนี้อยู่กลางเนินผา ทำให้ยากสำหรับผีดิบที่จะเข้าใกล้ มีผีดิบเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่สามารถเข้ามาใกล้เขาได้ และเขาก็สามารถกระแทกพวกมันตกลงไปได้อย่างง่ายดาย

กล่าวอีกนัยหนึ่ง…เขากำลังยืนอยู่บนป้อมปราการที่แข็งแกร่ง!

เมื่อรู้ว่าในที่สุดเขาก็มีความหวังที่จะรอดได้ ซูอันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าเขายังไม่พ้นจากอันตราย สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก เขาไม่ได้อยู่ในเกมที่การฆ่าผีดิบจะทำให้เขาได้รับคะแนนประสบการณ์และอุปกรณ์เป็นรางวัล เขาแค่เพิ่งพบที่มั่นสำหรับตั้งรับเท่านั้น

ผีดิบบางส่วนพยายามปีนขึ้นมาอีก แต่ซูอันก็ใช้ประโยชน์จากชัยภูมิที่ได้เปรียบกระแทกมันตกลงไป ในที่สุดฝูงผีดิบก็เลิกปีนหน้าผาโดยสิ้นเชิง

ในที่สุดก็มีเวลาพักรบ ซูอันหายใจเข้าลึก ๆ ตอนนี้พวกผีดิบยอมแพ้แล้วใช่ไหม? ถ้าเป็นเช่นนั้น ถ้าเขาอยู่ที่นี่ได้จนถึงรุ่งสาง ก็น่าจะสามารถกลับไปหาเสี่ยวซีได้ เขาเสียสละตัวเองเพื่อช่วยนางขนาดนี้ ดังนั้นแม้ว่านางจะไม่หมั้นกับเขา อย่างน้อยที่สุด ความประทับใจที่นางมีต่อเขาคงต้องมากถึงขีดสุดแล้ว…

แต่แล้วจู่ ๆ ก็เกิดความโกลาหลขึ้นข้างใต้ ฝูงผีดิบแยกกระจายจากกันอย่างกะทันหันเพื่อเปิดเส้นทาง และผีดิบใหม่หลายสิบตัวก็เดินเข้ามา

“หืม? ผีดิบพวกนี้ดูสะอาดกว่าปกตินี่?” เมื่อเทียบกับผีดิบที่น่าเกลียดก่อนหน้านี้ที่เนื้อหนังเน่าเปื่อยและมีหนองไหลออกมา ผีดิบที่เพิ่งมาใหม่เหล่านี้ดูสะอาดตากว่ามาก

อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มบนใบหน้าของ ซูอันก็ชะงักค้าง เมื่อผีดิบที่มาใหม่ เริ่มหยิบคันธนูจากด้านหลังและเล็งลูกธนูมาทางเขา

“%^(@#”

ผีดิบในโลกนี้สามารถยิงธนูได้ยังไง!?

หลังจากเล็งอยู่เพียงแค่อึดใจเดียว พวกผีดิบมือธนูปล่อยลูกธนูมาที่เขาอย่างพร้อมเพรียงกัน ลูกธนูหลายสิบลูกพุ่งผ่านอากาศมาอย่างรวดเร็ว แต่ซูอันที่รอจังหวะนี้อยู่แล้วก็รีบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้อย่างรวดเร็ว

ปุ ปุ ปุ ปุ ปุ!

ร่างกายของซูอันสั่นสะท้าน เขามองปลายลูกธนูบางลูกที่แทงทะลุต้นไม้มาโดนตัวเอง ร่างกายเขาเหมือนถูกย้อมไปด้วยเลือด

บัดซบเอ๊ย!

เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าเขาประมาทเกินไป ตอนนี้เขาอยู่ในโลกแห่งการบ่มเพาะ! ไม่ว่าพวกมันจะเป็นผีดิบหรือตัวอะไร ลูกธนูที่ยิงมาจะถูกหยุดโดยต้นไม้เพียงต้นเดียวได้ยังไง?

ในภาพยนตร์ผู้คนสามารถเอาชีวิตรอดจากกระสุนได้เพียงแค่ซ่อนตัวอยู่หลังรถ แต่ที่นี่การหลบหลังต้นไม้หนา ๆ ก็ยังไม่พ้น!

หลอกลวงกันชัดๆ!

ว่าแต่โลกนี้มีเชื้อ ‘บาดทะยัก’ ด้วยหรือไม่? ผีดิบพวกนี้มีเนื้อเน่าและมีน้ำหนองด้วย เอิ๊ก! ใครจะรู้ว่าลูกธนูนี้มีเชื้อโรคปนเปื้อนมากแค่ไหน? อี๋!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *