เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 314 ล่าผู้ต้องสงสัย
บทที่ 314 ล่าผู้ต้องสงสัย
บทที่ 314 ล่าผู้ต้องสงสัย
“ว่าอะไรนะ?!” ดวงตาของใต้เท้าหวังเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ลูกน้องของตัวเองรายงาน ก่อนเดินตรงไปยังจุดที่ทหารกำลังชี้อยู่
หากเป็นเรื่องสำคัญแล้วข้ารายงานขึ้นไป องค์จักรพรรดิอาจทรงเลื่อนตำแหน่งให้ข้าด้วยความปิติยินดี!
สิ่งที่เขียนบนอุกกาบาตนั้นไม่สำคัญเท่าไหร่เลย แต่สิ่งที่สำคัญจริง ๆ คือการตีความหมายของโหรหลวง ด้วยลิ้นที่เฉียบแหลม พวกเขาย่อมสามารถเปลี่ยนแม้แต่คำธรรมดาที่สุดให้เป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับราชวงศ์ฉิน! ซึ่งมันจะทำให้กลายเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อความจากฟากฟ้าพวกนี้มีค่าสำหรับพวกเขาอย่างยิ่ง!
ทหารกลุ่มหนึ่งรีบเดินตามหลังใต้เท้าหวังไปดูเช่นกัน และชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็นบางคนก็ตามมาด้วย เฉินเว่ยรีบวิ่งไปข้างหน้าคอยช่วยเหลือพ่อของเขาขณะที่ทั้งสองคนเดินตามหลังขบวน เขาถามเบา ๆ ว่า “พ่อ ทำไมท่านถึงออกปากขอร้องไอ้พวกสุนัขรับใช้ทรราชพวกนี้? ท่านก็รู้ว่าไม่มีทางที่พวกมันจะบริจาคเงินให้เรา! ขายหน้าไปเปล่า ๆ!”
หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจยาวและพูดว่า “อย่างน้อยมันก็คุ้มค่าที่จะลอง เมื่อเทียบกับความเดือดร้อนของชาวบ้าน ความภูมิใจและเกียรติของข้าจะมีความหมายอะไร?”
เฉินเว่ยถอนหายใจ ก่อนที่จะจ้องมองไปที่แผ่นหลังของใต้เท้าหวังด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เมื่อใต้เท้าหวังเห็นข้อความบนอุกกาบาต ร่างกายของเขาก็แข็งค้าง ชายแก่รู้สึกหนาวเย็นไปทั่วทั้งร่างกาย และขาก็สั่นสะท้านจนแทบจะยืนไม่ไหว
เมื่อครู่ก่อนเขายังฝันถึงยศถาบรรดาศักดิ์ที่จะได้รับจากการเลื่อนขั้นอยู่ แต่ถ้าขืนรายงานข้อความเหล่านี้ขึ้นไปมีหวังได้รับโทษทัณฑ์อย่างแน่นอน!
ลูกน้องของเขาต้องเข้ามาบีบนวดให้ ก่อนที่ใต้เท้าหวังจะเริ่มหายใจได้ทั่วท้องในที่สุด
“ใครเป็นคนแกะสลักคำพวกนี้!” ใต้เท้าหวังตะโกน เขาชี้นิ้วไปที่กลุ่มชาวบ้านในขณะที่คำรามอย่างโกรธจัด “สารภาพความผิดของเจ้ามา มิฉะนั้นจะไม่มีใครออกไปจากที่นี่ได้โดยที่ยังมีชีวิต!”
หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเดินผ่านฝูงชนเพื่อดูข้อความที่ถูกสลักเอาไว้บนเศษอุกกาบาต ‘จักรพรรดิจะสิ้นพระชนม์และดินแดนของเขาจะถูกแบ่งแยกออกเป็นส่วน ๆ’
“นี่…นี่…” เขาเริ่มสั่นกลัวก่อนที่จะทรุดตัวลงกับพื้น โชคดีที่เฉินเว่ยเอื้อมมือไปพยุงร่างของเขาอย่างรวดเร็ว
“ฮ่า เจ้าคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงเพียงเพราะเจ้าเป็นลมงั้นเหรอ?”
ใต้เท้าหวังโกรธเคืองเกินกว่าจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ หากเป็นข้อความอื่น เขาสามารถบิดเบือนความหมายของข้อความได้อย่างง่ายดายเพื่อเปลี่ยนเป็นลางบอกเหตุ ทว่าสิ่งที่จารึกไว้บนหินอุกกาบาตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการดูหมิ่นองค์จักรพรรดิโดยตรงซึ่งไม่สามารถนำไปบิดเบือนได้เลย!
“พ่อของข้าหมดสติไปแล้วจริง ๆ!” เฉินเว่ยเถียง
“ข้าไม่สนหรอกว่าเขาจะเป็นลมจริงหรือไม่ แต่ข้าจะทำให้แน่ใจว่าพวกเจ้าทุกคนต้องรับผิดในเรื่องนี้!”
หลังจากพูดคำเหล่านี้แล้ว ใต้เท้าหวังก็หยิบกระจกเงาออกมาเพื่อรายงานเรื่องนี้ต่อหัวหน้าของเขา
ในขณะเดียวกัน ซูอันก็คอยมองจากด้านข้างอย่างใจเย็น ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่ากระจกนั้นคล้ายกับวิดีโอคอลในชีวิตก่อนของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจอีกครั้งกับความอัศจรรย์ของโลกแห่งการบ่มเพาะ การขาดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ขัดขวางความเจริญทางวัตถุแม้แต่น้อย!
หลังจากรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น ใต้เท้าหวังก็ก้มศีรษะลงและหันหลังให้กับชายในกระจกอย่างยอมจำนน เขาเก็บกระจกไปก่อนที่จะหันกลับมาทางชาวบ้านด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร “สอบปากคำชาวบ้านทุกคน และถ้าหากท้ายที่สุดไม่มีใครยอมรับว่าเป็นผู้สลักข้อความนี้ ชาวบ้านทุกคนจะต้องตายเพื่อรับผิดชอบเรื่องนี้!”
เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่เมื่อชาวบ้านได้ยินคำพูดนี้ พวกเขามาที่นี่เพื่อชมเรื่องราว แต่ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะต้องเข้ามาพัวพันกับความยุ่งเหยิงนี้ไปด้วย?
“ไม่ใช่พวกเรา! พวกเราเอาแต่ยุ่งอยู่กับการพยายามดับไฟ ใครจะมีเวลาไปนั่งแกะสลักอุกกาบาตเพลิงได้!”
“เราอ่านไม่ออกด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่เขียนเลย!”
“ข้าเป็นเพียงคนตาบอด ใคร ๆ ก็รู้!”
…
ชาวบ้านเริ่มร้องหาความเมตตาทันที
เฉียวเสวี่ยอิงดึงมือของซูอันถามว่า “เจ้าเห็นไหมว่าใครเป็นคนแกะสลัก? ข้ามัวยุ่งกับการดับไฟ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
ซูอันส่ายหัวด้วยท่าทางหนักใจ
ชาวบ้านคนหนึ่งชี้ไปที่ซูอันและตะโกนออกมาว่า “ข้าคิดว่าข้าเห็นชายคนนั้นเดินไปทางอุกกาบาตก่อนหน้านี้!”
“จริงด้วย! สองคนนี้มีภูมิหลังที่น่าสงสัย พวกเขาต้องเป็นคนทำแน่!”
หลายคนแย่งกันพูดเป็นพัลวัน เมื่อยามมีภัยมาถึงตนเองพวกเขาสามารถโทษใครสักคนโดยที่ไม่รู้สึกผิดได้
เฉียวเสวี่ยอิงตกตะลึง เมื่อครู่ก่อนตนยังช่วยพวกเขาด้วยความปรารถนาดี แต่พวกเขากลับตอบแทนนางเช่นนี้
“มนุษย์ก็เป็นอย่างนี้แหละ ถือเป็นบทเรียน” ซูอันเอ่ยขึ้นเบา ๆ กับนาง
หญิงสาวชำเลืองมองซูอัน “เฮอะ เจ้าพูดราวกับว่าเจ้าบรรลุแล้ว เจ้ายังไม่แก่ขนาดนั้นสักหน่อย!”
“ปัญญาเกี่ยวอะไรกับอายุ? คนบางคนอยู่มาหลายสิบปียังไม่เข้าใจอะไรเลยก็มี” ซูอันตอบขณะที่เขาคอยระวังการเคลื่อนไหวของทหาร เขาพร้อมที่จะฝ่าวงล้อมถ้าจำเป็น
เมื่อได้ยินคำให้การของชาวบ้าน ใต้เท้าหวังพลันหันความสนใจไปที่ทั้งสองคนทันที ส่วนทหารก็กระจายตัวล้อมทั้งสองคนไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาหนีไป
แต่แล้วเมื่อเข้ามาใกล้ ดวงตาของใต้เท้าหวังที่เต็มไปด้วยความสงสัยก็เปลี่ยนไปเป็นความนอบน้อม ก่อนจะหัวเราะออกมา “อ่า…ท่านผู้ตรวจการ! ข้าตามหาท่านมาหลายวันแล้ว! ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะอยู่ที่นี่กับเขาด้วย!”
“ผู้ตรวจการ?” ชายหนุ่มตกตะลึง เขาคิดว่าใต้เท้าหวังกำลังพูดเรื่องไร้สาระเพื่อหาเหตุผลมาจับพวกตน แต่ในไม่ช้าก็ตระหนักว่านั่นไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะไม่มีเหตุผลใดที่อีกฝ่ายจะพูดจาไร้สาระเช่นนี้
หลังจากเล่นเกมมากมายในชีวิตก่อนหน้านี้ ในไม่ช้าเขาก็คิดได้ว่าภารกิจนี้เหมือนกับเกม RPG ที่ต้องสวมบทบาทตัวละครอื่นเพื่อความก้าวหน้าของโครงเรื่อง
ใต้เท้าหวังจ้องไปที่ชาวบ้านที่พูดก่อนหน้านี้และถ่มน้ำลาย “พวกเจ้าพูดไร้สาระอะไร? ชายผู้นี้เป็นผู้ตรวจการจากราชสำนัก เขาจะสลักข้อความที่เสื่อมเสียเช่นนี้บนอุกกาบาตได้ยังไง? พวกเจ้าทั้งหมดระวังปากให้ดีก่อนพูด!”
หลังจากตะคอกด่าชาวบ้าน เขาก็หันไปหาซูอันและกล่าวว่า “ท่านผู้ตรวจการ ราชสำนักสั่งให้เราหาตัวผู้กระทำความผิดภายในหนึ่งวัน มิฉะนั้น เราจะถูกปลดจากตำแหน่งและถูกตัดสินประหารชีวิต ข้าจะฟังคำสั่งของท่าน เพราะในที่นี้ท่านเป็นผู้อาวุโสสูงที่สุด”
ซูอันรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทิ้งความรับผิดชอบไว้ให้เขา แต่ก็คิดว่านี่เป็นจุดสำคัญในการทำลายผนึกสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงยอมรับบทบาทนี้ “ดีมาก ข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง สอบสวนทุกครัวเรือน เค้นมาให้ได้ว่ามีใครบ้างที่สมรู้ร่วมคิดกับผู้กระทำความผิด!”
“รับทราบ ท่านผู้ตรวจการ!” ใต้เท้าหวังโบกมือสั่งให้ทหารแยกกันซักถามชาวบ้าน
หลังจากนั้นเขาก็หันไปหาซูอันอย่างประจบสอพลอ แต่ซูอันกลับเอ่ยปากไล่เขาอย่างรำคาญใจ “แล้วทำไมเจ้าถึงยังยืนงี่เง่าอยู่ที่นี่? เจ้าไม่เห็นเหรอว่าที่นี่กำลังขาดคนอยู่? รีบไปช่วยสอบสวนชาวบ้านกับคนของเจ้าซะ!”
“ด…ได้!” ใต้เท้าหวังพยักหน้าด้วยความเคารพ
แม้จะได้รับการปฏิบัติเหมือนลูกน้อง แต่ใต้เท้าหวังก็ยังดีใจที่ได้โยนความรับผิดชอบให้คนอื่นได้ การทำแบบนี้ต่อให้จะมีบางอย่างผิดพลาดในภายหลัง บุคคลที่จะรับผลกระทบอย่างร้ายแรงไม่ใช่เขาแต่เป็นผู้ตรวจการคนนี้ต่างหาก!
เมื่อใต้เท้าหวังจากไป เฉียวเสวี่ยอิงไม่สามารถระงับความอยากรู้ของนางได้อีกต่อไปและถามว่า “เจ้าไปเป็นผู้ตรวจการของราชสำนักฉินตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“นี่คือบทบาทที่ ‘ผนึกสวรรค์’ มอบหมายให้ข้า เป็นไปได้มากว่าเราต้องหาผู้กระทำผิดที่จารึกข้อความบนเศษอุกกาบาต เพื่อทำลายผนึกสวรรค์นี้” ซูอันตอบ
“เฮ้อ…ฟังดูง่ายดีนี่นา ค่อยยังชั่วหน่อยที่มันไม่อันตรายเท่าผนึกมนุษย์กับผนึกปฐพี?” เฉียวเสวี่ยอิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เจ้าอย่าเพิ่งวางใจเร็วเกินไป หากเราล้มเหลวในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ เป็นไปได้มากว่าเราจะถูกประหารชีวิตภายใต้กฎหมายของราชวงศ์ฉิน ใต้เท้าหวังทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเท่านั้น โทษของเขาคือการถูกปลดออกจากตำแหน่งเป็นอย่างมาก เจ้าลองคิดดูสิว่าทำไมเขาถึงดูมีความสุขมากที่ได้พบข้าที่นี่” ซูอันตอบกลับ
“แต่นั่นเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดใช่มั้ยล่ะ? คดีนี้ดูไม่ยากเกินไปเพราะคนในหมู่บ้านมีน้อย นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ทางการมากมายมาช่วยกันสะสาง ดังนั้นเราน่าจะได้เบาะแสบางอย่างในไม่ช้า” เฉียวเสวี่ยอิงตอบ “นอกจากนี้ ข้ายังสามารถบอกเจ้าได้ว่าใครที่พยายามดับไฟกับข้าก่อนหน้านี้ เพื่อที่เจ้าจะได้ตัดพวกเขาออกไปจากการเป็นผู้ต้องสงสัยพราะพวกเขาย่อมไม่มีเวลาเข้าใกล้เศษอุกกาบาตแน่นอน”
“ถ้ามันง่ายขนาดนั้น…ข้าคงจะไม่ต้องกังวล” ชายหนุ่มถอนหายใจ
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมที่นี่ถึงเรียกว่าผนึกสวรรค์ เพราะมันมีเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับดวงดาวบนท้องฟ้าที่จะนำไปสู่ความตายนี่เอง!
Comments