เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 344 เรียกข้าว่า ‘เจ้านาย’ ได้ไหม?

Now you are reading เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] Chapter บทที่ 344 เรียกข้าว่า ‘เจ้านาย’ ได้ไหม? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 344 เรียกข้าว่า ‘เจ้านาย’ ได้ไหม?
บทที่ 344 เรียกข้าว่า ‘เจ้านาย’ ได้ไหม?

ซูอันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ แต่ชายหนุ่มก็ตัดสินใจคิดในแง่ดีแทน เขาสามารถใช้ทักษะอันทรงพลังอีกอย่างหนึ่งได้ก็ดีพอแล้ว ฉะนั้นจึงไม่ควรโลภมากจนเกินไป

เขาหันไปมองเฉียวเสวี่ยอิง และสังเกตว่าใบหน้าของนางซีดมาก จึงรีบถามว่า “นางเป็นยังไงบ้าง?”

“ข้าใช้พลังชี่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของนางชั่วคราว แต่นางต้องได้รับการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด!” ฉู่ชูเหยียนตอบกลับด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ซูอันสะบัดกระบี่ไท่เอ๋อร์อย่างเหลืออดและพูดว่า “ก่อนหน้านี้ท่านทำเกินไปนะรู้ไหม!”

“การที่นางยังคงหายใจอยู่น่าจะเพียงพอที่จะแสดงว่าข้าไม่ได้ทำกับนางเกินไป!” หมี่ลี่เถียงกลับอย่างเย็นชา

ซูอันรีบดึงเฉียวเสวี่ยอิงมาด้านข้างเพื่อรักษานาง แต่เสียงของหมี่ลี่ก็ดังขึ้น

“เจ้าตั้งใจจะใช้วิชาปฐมบทแรกเริ่มกับนางใช่ไหม?”

“แน่นอน” ซูอันสับสนว่าทำไมหมี่ลี่ถึงถามคำถามนี้ “มีปัญหาอะไรหรือไง?”

“เจ้าจะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ขั้นแรกของวิชาปฐมบทแรกทำให้ร่างกายของเจ้าฟื้นฟูได้ดีขึ้น ขั้นที่สองเจ้าจะสามารถชำระล้างสิ่งชั่วร้ายได้ ขั้นที่สามร่างกายของเจ้าจะต้านทานพิษได้ทั้งหมด และขั้นที่สี่เท่านั้นที่เจ้าจะสามารถรักษาผู้อื่นได้ ซึ่งตอนนี้เจ้ายังอยู่แค่ที่ขั้นสองเท่านั้น” หมี่ลี่ตอบ

ซูอันตกตะลึง “แต่ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ซ่อมแซมเส้นลมปราณของชูเหยียนสำเร็จหรอกเหรอ?”

ฉู่ชูเหยียนหน้าแดงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ นางรีบหันไปทางด้านข้าง แสร้งทำเป็นว่านางไม่ได้ฟังการสนทนาของพวกเขา

หมี่ลี่ตอบกลับทันที “นั่นไม่ใช่วิธีการรักษาแบบธรรมดา เจ้าใช้การผสานกันระหว่างหยิน (ผู้หญิง) และหยาง (ผู้ชาย) เป็นวิธีในการรักษา ซึ่งแน่นอนว่าวิธีนี้เจ้าไม่สามารถใช้กับทุกคนได้จริงไหม? และยิ่งไปกว่านั้นถ้าคนไข้ของเจ้าเป็นผู้ชายล่ะ?”

ความคิดที่จะผสานหยางกับหยาง…ทำให้ซูอันสั่นไปทั้งตัว

ว่าแต่ทำไมข้าถึงต้องรักษาผู้ชายด้วย? ข้าจะทำกับผู้หญิงเท่านั้น! อย่าโทษที่ข้าไร้น้ำใจ แต่ว่า…ข้าทำไม่ได้จริง ๆ!

“นอกจากนี้ ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะเต็มใจให้เจ้าช่วยรักษาด้วยวิธีนั้น” หมี่ลี่ชำเลืองมองเฉียวเสวี่ยอิง ก่อนที่จะพูดต่อ “แต่ว่า…เจ้าสามารถลองถามนางดูก่อนก็ได้”

ซูอันหันไปหาเฉียวเสวี่ยอิงและถามอย่างรวดเร็ว “เสวี่ยเอ๋อร์ เราเป็นเพื่อนที่ผ่านอันตรายมาด้วยกัน ดังนั้นไม่ต้องกังวล ข้าจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยเจ้าอย่างแน่นอน แม้ว่าข้าจะต้องบีบทุกหยดที่ข้ามี ข้าจะทำโดยไม่ลังเลเลยเพียงเพื่อที่…”

“ไปตายซะ!” เฉียวเสวี่ยอิงตะโกนอย่างโกรธจัดขณะที่นางใช้กำลังทั้งหมดเพื่อผลักเขาออกไป..

ฉู่ชูเหยียนรีบวิ่งไปหาเฉียวเสวี่ยอิงอย่างรวดเร็วก่อนที่จะจ้องเขม็งไปที่ซูอัน “นี่เจ้ามาเล่นตลกในเวลาแบบนี้ได้ยังไง!”

ซูอันรู้สึกขุ่นเคือง “สิ่งที่ข้าอยากทำคือช่วยนาง! ข้าหมายความว่าข้าเต็มใจที่จะให้แก่นแท้โลหิตของข้าทั้งหมดกับนาง!”

“…” ฉู่ชูเหยียน

“…” เฉียวเสวี่ยอิง

“เจ้านี่ช่างเป็นตัวตอกย้ำที่ดีสำหรับข้าที่จะยิ่งได้รับรู้ว่ามนุษย์นั้นเลวทรามขนาดไหน!” หมี่ลี่เอ่ยขึ้นลอย ๆ

ซูอันถอนหายใจคร่ำครวญว่าไม่มีใครในโลกนี้เห็นอกเห็นใจเขาบ้างเลย ทว่าเมื่อพิจารณาจากความจริงที่เฉียวเสวี่ยอิงไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิตในขณะนี้ ก็คงไม่สมควรที่เขาจะทำเช่นนั้นกับนาง

ทันใดนั้นกระบี่ไท่เอ๋อร์ก็พุ่งไปในอากาศกระแทกไปที่ท้ายทอยของฉู่ชูเหยียนและเฉียวเสวี่ยอิงอย่างแรง ทำให้ทั้งสองคนล้มลงกับพื้น

ฉู่ชูเหยียนมัวแต่ครุ่นคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของนางกับซูอัน นางจึงถูกกระบี่ไท่เอ๋อร์กระแทกเข้าเต็ม ๆ สำหรับเฉียวเสวี่ยอิง นางอ่อนแอเกินกว่าจะตอบโต้ได้

“ท่านทำอะไร?!” ซูอันตะโกนด้วยความตกใจ เขารีบไปตรวจอาการของผู้หญิงสองคน ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อสังเกตเห็นว่าพวกนางเพียงหมดสติไป

“ฆ่าพวกนางซะ!” หมี่ลี่สั่งอย่างเย็นชา

“ท่านบ้าไปแล้วเหรอ?!” ซูอันโต้กลับอย่างโกรธเคือง

“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวกนาง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงไม่ใช่สิ่งที่จะพึ่งพาได้ เจ้าเปิดเผยความลับให้พวกนางรู้มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำของเจ้าหรือวิชาปฐมบทแรกเริ่ม…และถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าได้บ่มเพาะวิชาวัฏจักรหงส์อมตะด้วยใช่ไหม?” หมี่ลี่ถาม

ซูอันตกตะลึง ชายหนุ่มมองไปที่หมี่ลี่อย่างระมัดระวังขณะที่เขาถาม “ท่านรู้ได้ยังไง?”

หมี่ลี่หัวเราะเบา ๆ อย่างภาคภูมิใจขณะที่นางตอบว่า “ทุกครั้งที่เจ้าได้รับบาดเจ็บ ความสามารถทางกายภาพของเจ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือความแข็งแกร่งของเจ้าล้วนมากเกินกว่าที่ผู้บ่มเพาะระดับเจ้าจะมีได้ สมัยที่อยู่ในวังข้าเคยเห็นบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ เลยเดาได้ไม่ยาก”

ซูอันเงียบไป ผู้หญิงคนนี้มีพลังและมีความรู้มากเกินไป การหลอกนางคงทำไม่ได้โดยง่าย…

“แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ วิชาวัฏจักรหงส์อมตะไม่น่าจะมีผลด้านความคงกระพันนี่นา ทำไมก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่สามารถฆ่าเจ้าได้กันล่ะ?” หมี่ลี่ขมวดคิ้ว นางอ่านหนังสือในวังมาแล้วแทบทุกเล่ม แต่ก็ไม่มีเล่มไหนสามารถอธิบายสถานการณ์ที่น่างงงวยนี้ได้

ซูอันเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน เส้นใยสุขสันต์เป็นเครื่องมือที่น่าอายเกินกว่าที่เขาจะพูดถึงการมีอยู่ของมันกับคนอื่น

โชคดีที่หมี่ลี่ไม่ได้คาดคั้นเขา “ช่างมันเถอะ ไม่ว่าในกรณีใด เจ้าควรเข้าใจว่ามันอันตรายแค่ไหนที่ความลับของเจ้าจะถูกเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็นวิชาปฐมบทแรกเริ่มหรือวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ พวกมันเป็นทักษะชั้นยอดที่แม้แต่ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ยังอยากได้ ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอย่าลืมว่าเจ้ามีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ ดังนั้นเมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไปมันจะต้องมีพวกสัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายที่ต้องการจะกลืนกินเลือดและเนื้อของเจ้า!”

“ผู้คนคงไม่ไร้เดียงสาขนาดที่จะคิดว่าการกินเนื้อของผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำจะทำให้ตัวเองเป็นอมตะหรอกใช่ไหม?” ซูอันถามเสียงอ่อน เขาเริ่มรู้สึกหวั่นผวาเมื่อคิดถึงผู้คนมากมายรวมถึงตัวประหลาดต่าง ๆ ที่อาจจ้องจะกินเลือดกินเนื้อเขา

“แม้แต่อิ่งเจิ้งก็แสวงหาความเป็นอมตะในยามที่มีชีวิตอยู่ นับประสาอะไรกับคนอื่น?” สีหน้าของหมี่ลี่ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อยเมื่อนางพูดถึงอิ่งเจิ้ง

“พวกผู้คนที่ไต่เต้าขึ้นไปอยู่จุดเหนือกว่าผู้คนทั้งหลายล้วนกุมอำนาจและความมั่งคั่งอันยิ่งใหญ่เอาไว้ในมือ ไม่มีอะไรที่พวกเขาขาดแคลนทั้งสิ้นยกเว้นอายุขัย ดังนั้นพวกเขาจึงกลัวความตายมากกว่าใคร ๆ”

“สำหรับพวกเขา ตราบใดที่มีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะบรรลุความเป็นอมตะ พวกเขาจะคิดว่าลองดูก็ไม่เสียหาย ดังนั้นหากพบว่าเจ้ามีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ พวกเขาจะไม่ลังเลเลยที่จะบดขยี้ทั้งเลือดเนื้อและกระดูกของเจ้าและกลืนกินทุกส่วน!”

ซูอันตกใจเมื่อได้ยินคำอธิบายของหมี่ลี่ เขาตอบโดยไม่รู้ตัวว่า “แต่ทั้งสองคนเป็นคนที่ใกล้ชิดกับข้ามากที่สุด ข้าไม่คิดว่าพวกนางจะเปิดเผยความลับนี้ให้คนอื่นรู้!”

“อิ่งเจิ้งก็เคยเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดของข้าเช่นกัน แต่ข้าก็ถูกเขาแทงข้างหลังอยู่ดี” หมี่ลี่ตอบด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง “มนุษย์และความรู้สึกเป็นสองสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก ชีวิตของพวกเราเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว ดังนั้นข้าจะไม่ยอมให้มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับเจ้า หากเจ้าไม่ฆ่าพวกนาง ข้าจะจัดการเอง!”

กระบี่ไท่เอ๋อร์ พุ่งขึ้นไปบนอากาศและเงื้อเตรียมที่จะสังหารผู้หญิงสองคน

ซูอันตกใจรีบก้าวมาข้างหน้าเพื่อปกป้องพวกนาง “ท่านไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกทั้งหมดในโลกเพียงเพราะว่าท่านเคยถูกหักหลังมาแล้ว! นอกจากนี้ ถ้าข้าจะฆ่าคนที่ใกล้ชิดที่สุดด้วยเรื่องแบบนี้ ข้าจะแตกต่างกับอิ่งเจิ้งยังไง? แน่นอนว่าท่านคงไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกับอิ่งเจิ้งคนที่สองใช่ไหม?”

“อิ่งเจิ้งอาจดุร้าย แต่เขาก็เด็ดเดี่ยวและฉลาดกว่าเจ้ามาก!” แม้นางจะพูดเช่นนี้ แต่กระบี่ไท่เอ๋อร์กลับค่อย ๆ ตกลงสู่พื้น

“เดี๋ยวก่อน ทำไมกระบี่ไท่เอ๋อร์ถึงเชื่อฟังคำสั่งของท่าน? ข้าควรจะเป็นเจ้านายที่แท้จริงของมันไม่ใช่เหรอ?” ซูอันตื่นตกใจ

“นั่นเป็นเพราะว่าจิตวิญญาณแห่งกระบี่ยังคงจำศีลจากอาการบาดเจ็บที่เคยเกิดขึ้น ดังนั้นเจ้าจะคิดว่าข้าเป็นจิตวิญญาณแห่งกระบี่ไท่เอ๋อร์ชั่วคราวก็ได้!” หมี่ลี่ตอบกลับ

“โอ้? ตอนนี้ท่านเป็นจิตวิญญาณของกระบี่ไท่เอ๋อร์แล้วงั้นเหรอ?” แววตาของซูอันเป็นประกาย “ถ้าอย่างนั้นท่านช่วยเรียกข้าว่า ‘เจ้านาย’ ได้ไหม?”

“…” หมี่ลี่

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *