เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 628 ปกป้องการสอบสวน
บทที่ 628 ปกป้องการสอบสวน
บทที่ 628 ปกป้องการสอบสวน
เซี่ยเต๋าอวิ๋นไม่เคยอยู่ในอ้อมแขนของชายใดมาก่อน นางรีบร้อนที่จะช่วยซูอันจนลืมคิดไปว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพียงแค่รู้สึกถึงลมอุ่นจากริมฝีปากของเขาที่ข้างหู นางก็รู้สึกหมดแรง ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำ “เจ้าเป็นหนี้ข้าสองครั้งแล้วนะ!”
ผู้ชายคนนี้สัญญากับนางว่าจะให้เพลงหนึ่งเพลงเมื่อนางช่วยเขาครั้งล่าสุด แต่จนบัดนี้ นางก็ยังไม่ได้รับอะไรเลย!
ซูอันหัวเราะคิกคักและพูดว่า “บุญคุณใหญ่หลวงเช่นนี้ ข้าคงไม่สามารถชำระได้หมดโดยง่าย เอาเป็นว่าข้าขอชดเชยด้วยร่างกายของข้าได้หรือไม่?”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นอ้าปากค้าง
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไร้ยางอายขนาดนี้! ชูเหยียนรู้นิสัยด้านนี้ของเขาหรือไม่?
สีหน้าของผางชุนเปลี่ยนเป็นมืดหม่นราวกับถ่าน เขาตะโกนกลับอย่างอึดอัด “ซูอัน เจ้ากับแม่นางเซี่ยเป็นเพื่อนกัน แต่เจ้ายังกล้าใช้นางเป็นตัวประกัน นี่มันไม่เกินไปหน่อยหรือไง!?”
ซูอันกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เอาไว้หลังจากนี้ ข้าจะไปเยี่ยมเจ้าเมืองเซี่ย เพื่อขออภัย รองเจ้าเมือง ข้าเกรงว่าข้าจะต้องขอให้วันนี้ท่านยอมถอยให้ข้าก่อน”
เขาเลือกใช้คำพูดอย่างระมัดระวัง
สีหน้าของผางชุนมืดลง แต่ท้ายที่สุด เขาก็ชี้ให้คนของเขาเปิดประตู เขารู้ว่าไม่ว่าเขาจะเลือกแบบไหน ก็ไม่สามารถหยุดซูอันและกองทัพผ้าคลุมสีชาดได้อยู่ดี ทหารรักษาประตูเมืองคงจะถูกสังหารจนสิ้นหากทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ตอนนี้เขาได้รับข้อเสนอให้ถอยอย่างไม่เสียหน้า มันจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะดื้อรั้น เขามั่นใจว่าตระกูลเซี่ยจะช่วยเหลือเขา กับการที่เขาอาจถูกลงโทษจากการเปิดประตูเมืองในครั้งนี้
ทหารคนอื่น ๆ ที่ยืนตัวเกร็งมานานแล้วด้วยความกลัวถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำสั่ง และเปิดประตูเมืองอย่างรวดเร็ว
ผางชุนตำหนิทหารที่ขี้ขลาดอยู่ในใจ แต่เขายังคงแสดงท่าทีแข็งกร้าว “ซูอัน เจ้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอนกับสิ่งที่เจ้าทำในวันนี้”
ดูเหมือนซูอันจะไม่สนใจเลย “ข้าเป็นคนที่สนใจแค่เรื่องราวปัจจุบัน อนาคตต่อไปจะเป็นอย่างไรขอให้ขึ้นอยู่กับสวรรค์!”
ขณะที่ประตูเปิดออกช้า ๆ ซูอันก็พูดด้วยเสียงที่ชัดเจน “เป้าหมายของเราคือปกป้องตระกูลฉู่ อย่าทำร้ายพลเรือนใด ๆ พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้กระทำการใด ๆ ในเมืองโดยไม่ได้รับคำสั่งจากข้า”
“รับทราบ!” กองทัพผ้าคลุมสีชาดตอบรับพร้อมกัน ไม่มีเสียงพูดคุยกันโดยไม่จำเป็น พวกเขาทั้งหมดมีสีหน้าจริงจังราวกับเป็นเครื่องจักรที่สร้างขึ้นสำหรับสงคราม
ผางชุนอิจฉาพวกเขาอย่างรุนแรง ทหารพวกนี้เป็นทหารชั้นสูงจริง ๆ ลูกน้องของข้ามันโง่เง่าสิ้นดี!
หัวใจที่เปราะบางของเซี่ยเต๋าอวิ๋นสั่นคลอน ไม่น่าแปลกใจที่พ่อของนางมักจะไว้หน้าตระกูลฉู่เสมอ เพราะไม่ว่าที่ไหน กองทัพของพวกเขาก็เป็นพลังที่ไม่สามารถมองข้ามได้
“เดินทัพเข้าไปในเมือง!” ซูอันสั่ง กองทัพผ้าคลุมสีชาดค่อย ๆ ยาตราผ่านประตูเมือง ทหารสองแถวแปรรูปขบวนเป็นกองหลัง เตรียมพร้อมที่จะป้องกันการซุ่มโจมตี
ซูอันรู้สึกชื่นชมอย่างยิ่ง ตระกูลฉู่ทุ่มเทเวลาและทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าจริง ๆ กองทัพเช่นนี้นับได้ว่ายอดเยี่ยมสมคำร่ำลือ
กองทัพที่ยอดเยี่ยมแบบนี้สามารถทำให้คนไร้ประสบการณ์อย่างเขาดูเหมือนเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงไปโดยปริยาย!
ฉู่อวี้เฉิงเหยาะม้ามาด้านข้างด้วยรอยยิ้ม สีหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชม “อาซู ในเมื่อเจ้าจำเป็นต้องคอยออกคำสั่งกองทหาร ข้าคิดว่าเจ้าควรเปลี่ยนให้แม่นางเซี่ยมาอยู่บนหลังม้าข้าแทนดีไหม ข้าจะดูแลนางเอง ข้ารับประกันด้วยชีวิตเลยว่าข้าจะไม่ปล่อยให้นางหนีไป!”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นหันกลับไปจ้องเขม็งใส่ฉู่อวี้เฉิงอย่างรวดเร็วพร้อมปฏิเสธข้อเสนออย่างแน่วแน่ “ข้าไม่ต้องการ!”
ฉู่อวี้เฉิงจ้องไปที่นางอย่างว่างเปล่า…
แม่นางเซี่ย ขณะนี้เจ้าอยู่ในสถานะเชลย…เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้าปฏิเสธแบบนี้ได้ด้วยเหรอ? เจ้าช่วยแสดงความเป็นมืออาชีพสักหน่อยสิ!
ฉู่ฮงไฉหัวเราะอย่างมีความสุข “เจ้าอ้วน ม้าของเจ้าจะแบนแล้ว ยังจะรับน้ำหนักแม่นางเซี่ยได้ยังไง?”
“ข้าไม่ต้องการที่จะได้ยินอะไรจากตูดของเจ้า! หุ่นแบบนี้เรียกว่า ‘หนา’ เข้าใจไหม?” ฉู่อวี้เฉิงโกรธ
ขณะที่ทั้งสองคนโต้เถียงกันเสียงดัง ซูอันก็พูดกับเซี่ยเต๋าอวิ๋นว่า “ครั้งนี้ข้าละเลยความสะดวกสบายของเจ้าจริง ๆ แม่นางเซี่ย”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นก้มศีรษะลงแต่พยักหน้ารับรู้ ใบหน้าของนางแดงเล็กน้อย
ซูอันผิวปากเรียกม้าของตนเองให้เข้ามาหา จากนั้นเขาก็อุ้มเซี่ยเต๋าอวิ๋นขึ้นไปบนหลังม้าก่อนที่ตัวเขาจะกระโดดขึ้นตามไป
ผางชุนสบโอกาสที่จะเข้าใกล้เซี่ยเต๋าอวิ๋น เมื่อพวกเขาเข้าไปในเมือง “แม่นางเซี่ย ท่านกำลังพยายามทำอะไร? ท่านเจ้าเมืองรู้หรือไม่ว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่?” เขาถามผ่านการส่งพลังชี่
ริมฝีปากของเซี่ยเต๋าอวิ๋นยังคงนิ่งขณะที่นางตอบ “ท่านจะสู้กับกองทัพผ้าคลุมสีชาดจริง ๆ งั้นเหรอ? เรื่องนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างตระกูลฉู่และจักรพรรดินี เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวให้เสียเลือดเสียเนื้อ!”
ผางชุนเข้าใจทันทีกับประโยคนี้ ตอนนี้ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลสำหรับเขาแล้ว ถูกต้อง…ข้าอยู่ฝ่ายราชันฉี ทำไมข้าถึงได้ตื่นตูมไปล่ะ?
“ขอบคุณแม่นางเซี่ย!” ผางชุนหัวเราะคิกคัก แม่นางเซี่ยมีปัญญาที่เฉียบแหลมอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่นางจะคลี่คลายวิกฤตเท่านั้น แต่นางยังคิดจะรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวเองอีกด้วย
“ติดต่อท่านพ่อให้ข้าด้วย บางทีเรื่องนี้อาจทำให้เขาตัดสินใจได้สักที” เซี่ยเต๋าอวิ๋นพูดผ่านคลื่นพลังชี่เป็นประโยคสุดท้าย ซูอันเร่งฝีเท้า ทิ้งประตูเมืองไว้เบื้องหลังอย่างรวดเร็ว…
หลังจากที่อยู่ในอ้อมแขนของเขามาระยะหนึ่ง เซี่ยเต๋าอวิ๋นก็ขมวดคิ้ว “เจ้าช่วยขยับกระบี่ไปข้างหลังได้ไหม? มันทิ่มข้า!”
ใบหน้าของซูอันแดงขึ้น เขาทำท่าปรับตำแหน่งสิ่งที่อยู่ช่วงหว่างขาของเขาเล็กน้อย “ได้ ๆ ขออภัย ๆ”
นี่ไม่ใช่ความผิดของเขาเลย! ร่างกายของเซี่ยเต๋าอวิ๋นนั้นนุ่มนิ่มมาก แถมยังส่งกลิ่นหอมเย้ายวนออกมา การได้ใกล้ชิดกันเช่นนี้ มันคงแปลกกว่านี้ถ้าเขาไม่มีปฏิกิริยาเลย!
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรอยเลือดฝาดปรากฏขึ้นที่คอของเซี่ยเต๋าอวิ๋น ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงตระหนักได้แล้วว่าสิ่งที่ทิ่มนางนั้นไม่ใช่ด้ามจับกระบี่!
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองก็ไม่เปิดปากพูดเกี่ยวกับหัวข้อนี้อีก
ทั้งสองตามกองทัพผ้าคลุมสีชาดไปยังคฤหาสน์ตระกูลฉู่อย่างรวดเร็ว
หลิวเหย่าได้รับข่าวมาระยะหนึ่งแล้ว เขาจึงนำกองทหารองค์รักษ์ออกไปเผชิญหน้ากับซูอัน “เจ้ากำลังพยายามทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังคิดจะก่อกบฏงั้นเหรอ!?”
ซูอันตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน “แม่ทัพหลิวเข้าใจผิดแล้ว ไม่นานมานี้มีอะไรเกิดขึ้นมากมายในเมืองจันทร์กระจ่าง เรากังวลว่าพวกอันธพาลบางกลุ่มอาจสร้างปัญหาในขณะที่พวกท่านกำลังสืบสวนคดีความ ข้าพาคนของข้าเหล่านี้มาช่วยรับรองความปลอดภัยแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายที่มาจากเมืองหลวง!”
หลังจากพูดเช่นนี้ เขาก็ออกคำสั่งแก่กองทัพผ้าคลุมสีชาด “ประจำการรอบคฤหาสน์ตระกูลฉู่ อย่าให้ใครมารบกวนการสืบสวนของแม่ทัพหลิวได้!”
ในขณะที่ยังคงนั่งอยู่บนตักของเขา เซี่ยเต๋าอวิ๋นก็กะพริบตาปริบ ๆ ทุกคนบอกว่าชายคนนี้มาจากข้างถนน แต่แล้วทำไมวิธีการของเขาจึงดูเหมือนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ใครเป็นคนสอนเรื่องพวกนี้ให้เขากัน?
ซูอันและแม่ทัพหลิวเป็นศัตรูกันอย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ให้เหตุผลที่อีกฝ่ายไม่สามารถโต้แย้งได้!
ผู้ชายคนนี้เจนสนามจริง ๆ!
“เจ้าสารเลวน้อย เจ้าคิดว่าข้าหรือเหล่าทหารราชองครักษ์ต้องการการปกป้องจากเจ้างั้นรึ!?” หลิวเหย่าโกรธจัด “ไปให้พ้นสายตาข้าซะ!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ฝ่ามือยักษ์ซึ่งควบแน่นจากพลังวิญญาณก็ได้ปรากฏขึ้นในอากาศ เงื้อไปทางซูอันอย่างดุดัน ไอ้เด็กนี่สามารถหนีไปได้หนึ่งครั้ง ถ้ากำจัดมันซะ เรื่องยุ่งเหยิงทั้งหมดก็คงจะสิ้นสุดลง!
เขาไม่ได้ดูถูกดูแคลนกองทัพผ้าคลุมสีชาดที่แข็งแกร่งจำนวนสามพันนาย แต่ถ้าเขาสามารถฉวยโอกาสจับตัวหัวหน้าไว้ก่อน กองทัพที่ไร้ผู้นำก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!
สำหรับซูอันที่รนหาที่ตาย เขาจะแสดงให้เห็นว่าการทรมานที่ถูกต้องเป็นอย่างไร มดอย่างเจ้ากล้าดียังไงมาขวางข้า!?
Comments