เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อนบทส่งท้าย 11 ให้อารองหรงปกป้องเจ้า!

Now you are reading เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน Chapter บทส่งท้าย 11 ให้อารองหรงปกป้องเจ้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทส่งท้าย 11 ให้อารองหรงปกป้องเจ้า!

หรงเจ๋อคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลานชายของเขาที่เขาและครอบครัวตามหามานานนับพันปีทว่ากลับไม่มีเบาะแสใดๆ เลยจะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาจริงๆ! ไม่สิ เขาน่าจะคิดได้ ไม่อย่างนั้นบิดาใจดำของเขาจะส่งเขามาที่นี่ได้อย่างไร!

แต่เดิมยังคิดว่าตาแก่ถังนั่นช่างน่าทึ่งจริงๆ! ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมาแล้ว ถึงได้ส่งเขาให้นำทัพทหารมา ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเพราะมีข่าวของอี้เอ๋อร์แล้ว

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” หรงเจ๋อที่คิดออกแล้วยิ้มกว้าง ดวงตาของเขาเป็นประกายวาววับทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกำลังจ้องมองดวงอาทิตย์ที่แผดเผา แต่ไม่กล้าขยับเข้าไปดูใกล้ๆ

อย่างไรก็ตาม คำพูดนี้ของเขาทำให้รองแม่ทัพที่อยู่ข้างๆ เขาตกใจมาก “องค์ชาย พระองค์กำลังจะบอกว่านายน้อยอยู่ในเมืองจิ่วเหลียนหรือพ่ะย่ะค่ะ”

หรงเจ๋อกลั้นยิ้มแล้วพยักหน้าเบาๆ “กลับมาได้เสียที”

รองแม่ทัพกลับตื่นตระหนกมาก “ถ้า ถ้าอย่างนั้นเราจะทำอย่างไรดี ถ้าไอ้แก่ถังนั่นรู้ว่านายน้อยอยู่ในอาณาเขตของเขา จะไม่เป็นอันตรายหรือ!”

“อาศัยเขา?” หรงเจ๋อเยาะเย้ย รอยยิ้มที่แต่เดิมสดใสและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวประหนึ่งดวงอาทิตย์ร้อนแรง ฉับพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาและหยิ่งผยองราวกับภูเขาน้ำแข็งที่เย็นเยียบ เผยให้เห็นถึงความภาคภูมิใจสูงสุดซึ่งติดตัวมาแต่กำเนิดของเขา

รองแม่ทัพเงียบไปในทันทีเหมือนจั๊กจั่นจำศีล แม้ว่าเขาจะเป็นสื่อเสินระดับสูงที่มีฌานตบะสูงกว่าถังเสวี่ยไม่รู้กี่เท่า กระทั่งในอาณาจักรทั้งปวงในเขาพระสุเมรุ เขาก็ยังเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ

แต่องค์ชายเจ๋อที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้ เป็นพระโอรสองค์รองขององค์จักรพรรดิ! พลังศักดิ์สิทธิ์ซึ่งติดตัวมาแต่กำเนิด ทำให้เขาก้าวเข้าสู่ระดับเทพตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หากระเบิดพลังนี้ออกมา มันสามารถบดขยี้สื่อเสินระดับสูงอย่างเขาให้กลายเป็นเต้าหู้บดได้ในพริบตา

ในยุคสมัยแรกๆ เมื่อองค์ชายเจ๋อเข้าร่วมกองทัพพระสุเมรุเป็นครั้งแรก ใช่ว่าจะไม่เคยมีขุนศึกเก่าบางคนอาศัยว่าตัวเองอายุมากกว่าและคร่ำหวอดกว่าพยายามเล่นลูกไม้ต่อหน้าองค์ชาย จุดประสงค์จริงๆ แล้วก็เพื่อให้ได้รับความเคารพจากองค์ชาย เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้มีโอกาสแสดงตัวต่อหน้าองค์จักรพรรดิหรือไม่ก็รัชทายาท

ผลลัพธ์คือ…

ขุนศึกเก่าเหล่านั้นล้วนถูกองค์ชายเจ๋อจัดการอย่างลับๆ

อย่างไรก็ตาม ขุนศึกเก่าเหล่านั้นกลับรู้สึกขอบคุณและแอบรู้สึกผิดกับอุบายเล็กๆ น้อยๆ ที่เคยใช้กับองค์ชายเจ๋อในช่วงปีแรกๆ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะถูกทุบตีจนกลายเป็นหัวหมู ถูกองค์ชายฝังแล้วยังช่วยองค์ชายนับเงิน กระทั่งยังใช้เงินตัวเองโปะเข้าไปอีก

รองแม่ทัพเหยียนฟู่เฉินติดตามหรงเจ๋อท่านอ๋องน้อยแห่งเขาพระสุเมรุคนนี้เดินมาทีละก้าวๆ รู้ถึงความสามารถขององค์ชายในการจัดการกับผู้คนดีเป็นที่สุด ตอนนี้ย่อมจุดเทียนภาวนาให้ถังเหิงโดยไม่รู้ตัว

อย่างไรก็ตาม…

เหยียนฟู่เฉินยังคงพูดต่อว่า “องค์ชาย เรื่องนี้ควรแจ้งกลับไปที่เมืองหรือไม่”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลขององค์จักรพรรดิได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการค้นหาที่อยู่ของนายน้อยของพวกเขา ตอนนี้เมื่อคนปรากฏตัวแล้ว พวกเขาก็ควรส่งข่าวกลับไปแต่โดยเร็วไม่ใช่หรือ

“โง่เขลา” หรงเจ๋อชำเลืองมองรองแม่ทัพและรู้สึกว่ารองแม่ทัพคนนี้จะบอกว่าซื่อสัตย์ก็ซื่อสัตย์อยู่หรอก ทว่าสมองใช้การได้ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่

เหยียนฟู่เฉินไม่กล้าตัดสินใจโดยพลการ รีบก้มศีรษะลงแล้วกล่าวว่า “กระหม่อมเป็นเพียงคนธรรมดา ย่อมเทียบกับองค์ชายไม่ได้”

“แค่จับตาดูเมืองจิ่วเหลียนเอาไว้ให้ดี” หรงเจ๋อไม่พูดอะไรมาก แต่สายตาของเขาที่มองไปยังเมืองจิ่วเหลียนด้านล่างแฝงไปด้วยความกระตือรือร้นและตื่นเต้น รอยยิ้มวาบผ่านดวงตาของเขา

“กระหม่อมรับบัญชา!” เหยียนฟู่เฉินรีบถอยกลับ จากนั้นถึงเพิ่งตระหนักว่าโลกพระสุเมรุทั้งหมดล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์จักรพรรดิและรัชทายาท สองพระองค์นี้จะต้องรู้ทุกอย่างอยู่แล้วแน่ๆ ถึงได้ส่งองค์ชายเจ๋อมาที่นี่โดยเฉพาะ

องค์ชายด่าได้ถูกต้องจริงๆ เขาโง่จริงๆ ไม่ใช่หรือ

นอกจากนั้น…

ตาแก่สารเลวถังเหิงคนนี้ไม่แน่ว่าอาจเป็นคู่ซ้อมมือที่ทั้งสองพระองค์นั้นทิ้งไว้ให้กับนายน้อยเป็นพิเศษ!

ใช่!

จะต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน!

เหยียนฟู่เฉินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่(ฉลาด) ระ(หลัก) วัง(แหลม) คาดเดาเจตนาขององค์จักรพรรดิได้! จึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก ยังคิดว่าตัวเองกังวลมากเกินไปจนร้อนรน

ท้ายที่สุด สายเลือดขององค์จักรพรรดิใครบ้างมีจิตใจโอบอ้อมอารีและพูดคุยด้วยได้ง่ายๆ แม้กระทั่งองค์ชายเจ๋อซึ่งปกติดูเหมือนอ่อนโยนและซื่อสัตย์ก็ยังเป็นเจ้านายที่ยั่วยุไม่ได้ง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงนายน้อยที่ได้รับความรักและถูกสั่งสอนจากเหล่าผู้ใหญ่ในตระกูลมาตั้งแต่เด็กๆ

หลังจากขบคิดเรื่องนี้อย่างลับๆ เหยียนฟู่เฉินก็ถอนหายใจยาว จุดเทียนไว้อาลัยให้กับถังเหิงหนึ่งแถวอีกครั้ง

ไม่ได้รู้เลยว่า…

อันที่จริงหรงเจ๋อเป็นห่วงหลานชายซึ่งเป็นเหมือนจอมมารตัวน้อยของเขามาก ตอนนี้เขาจึงถอนหายใจออกมา “อี้เอ๋อร์อย่างไรก็ยังเป็นเด็ก ตาแก่สารเลวถังเหิงนั่นเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าแล้ว ในฐานะอา เขาจะต้องไปหนุนหลังอี้เอ๋อร์!”

ดังนั้นหลังจากนั้นไม่นาน เหยียนฟู่เฉินก็ค้นพบว่าองค์ชายกำลังพยายามปิดกั้นฌานตบะและรัศมีรอบตัวของตัวเองอย่างเต็มที่?! องค์ชายนี่คือกำลังจะเข้าสู่เมืองจิ่วเหลียน?!

นี่…

ตอนนี้เองที่เหยียนฟู่เฉินถึงรู้ว่าองค์ชายไม่ได้มั่นใจในความสามารถของนายน้อย แต่มั่นใจในพลังของตนเอง นี่ไม่ใช่ว่ากำลังจะไปปกป้องนายน้อยด้วยตัวเองหรอกหรือ!

“สามารถทำให้องค์ชายลงมือด้วยตัวเองได้ นับเป็นเกียรติอย่างสูงสุดของตาแก่สารเลวถังเหิง” เหยียนฟู่เฉินพูดไปพลาง จุดเทียนไว้อาลัยให้ถังเหิงต่อไปพลาง ขณะเดียวกันก็กังวลใจเล็กน้อย ท้ายที่สุด เมืองจิ่วเหลียนนี้ดูเหมือนว่าจะเข้าสู่ความโกลาหลแล้ว…

ส่วนถังเหิงซึ่งถูกเหยียนฟู่เฉินจุดเทียน ‘เซ่นไหว้’ ไม่หยุด ในเวลานี้เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหลานชายคนโตของพระสุเมรุกำลังยืนอยู่ในอาณาเขตของเขา เขายังคงถือภาพวาดเหมือนของหลานสะใภ้คนโตของพระสุเมรุและพูดว่า “ขั้นต่อไปคือตามหาสตรีนางนี้และพานางมาพบข้า”

“สตรีนางนี้…” ถังผิงมั่วมองสตรีในรูปวาดด้วยความสับสน เขารู้สึกว่าสตรีนางนี้งดงามเกินกว่าจะมีตัวตนอยู่จริงๆ ถึงกับงามกว่าน้องสาวของเขาหลายเท่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านพ่อต้องการรับนางเข้ามาเป็นแม่เลี้ยงตัวน้อยของเขา?

ใบหน้าของถังผิงมั่วแข็งทื่อเล็กน้อย…

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเขาคิดมากเกินไปแล้ว ถังเหิงพูดต่อแล้วว่า “สตรีนางนี้เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เมืองจิ่วเหลียนของข้าหลุดพ้นและแยกตัวออกไปจากโลกพระสุเมรุ เป็นกุญแจสำคัญในการเริ่มต้นสถาปนาโลกใหม่!”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผู้อาวุโสใหญ่ผมเงินก็รีบร้อนถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ในเมื่อนางเป็นบุคคลที่สำคัญขนาดนี้ ผู้นำตระกูลเฒ่าพอจะมีเบาะแสอื่นๆ อีกหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่นฌานตบะของสตรีนางนี้อยู่ในระดับใด มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับนางบ้างหรือเปล่า”

ถังเหิงมองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่ด้วยสายตาชื่นชม “ผ่านมาหลายปี ถังไหวเจ้ายังจับประเด็นสำคัญเก่งเหมือนเดิม”

“ไม่กล้า” ผู้อาวุโสใหญ่ประสานมือโค้งคำนับอย่างถ่อมตัว

ถังเหิงพูดอย่างฉะฉานว่า “แม้ว่าสตรีนางนี้จะมีรูปโฉมที่โดดเด่น แต่ก็ใช่ว่าจะหาตัวพบง่ายๆ เนื่องจากนางไม่มีจิตวิญญาณที่ตระกูลถังของเราสามารถควบคุมได้ แถมเป็นไปได้มากที่จะระวังตัวเมื่อพบคนตระกูลถัง หลบซ่อนตัวและหลีกหนีไปให้ไกล”

“นี่ไม่เท่ากับกำลังมองหาเข็มในเมืองจิ่วเหลียนที่กว้างใหญ่นี้หรอกหรือ” ผู้อาวุโสรองในชุดสีเงินตระหนักถึงความยากลำบาก “สรรพชีวิตทั้งมวลที่เข้าออกเมืองจิ่วเหลียนจะต้องลงทะเบียนและต้องถูกดึงวิญญาญออกมาจากร่างเสี้ยวหนึ่ง ทำไมสตรีนางนี้ถึงเป็นข้อยกเว้น”

“นางไม่ใช่สรรพชีวิตที่ถือกำเนิดขึ้นมาในเมืองจิ่วเหลียนของเรา แต่เป็นตัวตนที่อาศัยอยู่ในพิภพหนึ่งที่คล้ายกับอาณาจักรทั้งปวงที่ผู้นำตระกูลเฒ่าสร้างขึ้นมากระมัง” ผู้อาวุโสใหญ่คาดเดาและพูดสิ่งที่อยู่ในใจเขาออกมาอย่างกล้าหาญ สายตามองไปที่ถังเหิงอย่างเร่าร้อน

ถังเหิงมองผู้อาวุโสใหญ่ด้วยสายตาชื่นชมอีกครั้ง “ถูกต้อง นางมาจากเก้าชั้นฟ้า เป็นสรรพชีวิตที่ล้ำค่าและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ข้าสร้างขึ้นและก็เป็นสรรพชีวิตตนแรกที่ก้าวออกมาจากเก้าชั้นฟ้าได้”

“ดังนั้น…” ลมหายใจของผู้อาวุโสใหญ่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ในห้องโถง รวมถึงถังผิงมั่วก็กลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัวและจ้องมองไปที่ถังเหิงซึ่งนั่งอยู่บนตำแหน่งหลักด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมตามสัญชาตญาณ

ถังเหิงเองก็ไม่ได้ผิดต่อความคาดหวังในใจของทุกคน พูดออกมาทีละคำว่า “ตราบเท่าที่นางถูกหลอมรวมเข้ากับเมืองจิ่วเหลียน เมืองจิ่วเหลียนของเราจะเป็นเขาพระสุเมรุลูกถัดไป! ไม่เพียงแต่จะยืนหยัดได้ด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ยังสามารถแข่งขันกับเขาพระสุเมรุดั้งเดิมได้ด้วย”

ทันใดนั้นทั้งห้องโถงก็เงียบกริบ หากมีเข็มสักเล่มหล่นลงไปจะต้องได้ยินเสียงชัดเจนแน่นอน!

อย่างรวดเร็ว…

สมาชิกตระกูลถังทั้งหมดก็เริ่มเคลื่อนไหว!

ภาพเหมือนของเยี่ยนอวี๋ถูกส่งไปยังทุกส่วนของเมืองจิ่วเหลียนอย่างรวดเร็วมากโนเวลพีดีเอฟ

จากนั้น ก็มีข่าวหนึ่งทำให้เมืองจิ่วเหลียนทั้งหมดตะลึงพรึงเพริด กระทั่งสรรพชีวิตทั้งมวลเองก็ต้องโกลาหล

แม้แต่ตัวเยี่ยนอวี๋เองก็ยังต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

จิ่วอิงอยากรู้อยากเห็นมาก มันก้มมองม้วนรูปวาดและป้ายประกาศที่นำกลับมาด้วยแล้วพูดว่า “ภรรยาอี้เอ๋อร์ เจ้ากลายเป็นบุตรีของตระกูลถังตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมปู่จิ่วคนนี้ถึงไม่รู้”

เยี่ยนอวี๋เม้มริมฝีปากแดงที่อ้าออกเล็กน้อยเนื่องจากตกตะลึงและมองไปที่จิ่วอิงอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม เมื่อจิ่วอิงคิดว่านางจะบอกความลับบางอย่างเกี่ยวกับต้นกำเนิดของนางให้มันฟัง นางก็พูดขึ้นว่า “ไม่ขอปิดบังปู่จิ่ว ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

จิ่วอิงตกตะลึง…

“อ๋า”

หรงอี้หัวเราะเสียงดังอย่างอดไม่อยู่ เอื้อมมือไปหยิกแก้มภรรยาจอมซนของเขา สัมผัสนั้นทั้งนุ่มนวลและเด้งดึ๋ง ทำให้หัวใจของเขาทั้งรู้สึกหวานและละมุน

“งาม!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กำลังกินข้าว คิดว่ามารดาในภาพวาดก็งดงามเช่นกัน เขาหยิบม้วนรูปวาดขึ้นมาแล้วยิ้ม อยากจะจุ๊บๆ มารดาในภาพวาด

โดยธรรมชาติแล้วเยี่ยนอวี๋ย่อมไม่ยอมให้เจ้าตัวเล็กทำแบบนั้น นางแย่งม้วนรูปวาดกลับมา “แม่อยู่ตรงนี้แล้ว เจ้าไม่หอมแม่ ไปหอมรูปวาดทำไม”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็อยากจะโผเข้าหามารดาของเขาโดยธรรมชาติ น่าเสียดายที่บิดาเขาไม่ปล่อยเขา “ยังอยากกินอยู่หรือไม่”

“กิน!” ขณะที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าพูด เขาก็เปิดปากเล็กๆ ของเขาแล้วกลืนอาหารบดที่บิดาป้อนเข้าไปในคำเดียว

เยี่ยนอวี๋มองดูเจ้าตัวเล็กที่ต้องกลับไปกินอาหารบดต่อ ความสนใจก็ถูกดึงกลับมาที่การเลี้ยงลูก “เมื่อไหร่เสี่ยวเป่าถึงจะกลับไปโตเหมือนเดิม”

“ตอนนี้อาจจะมีโอกาส” หรงอี้ตอบ

คำพูดนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋ซึ่งเดิมทีรู้สึกไร้ความหวังและได้แต่ทอดถอนใจดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ ขณะที่นางกำลังจะถามสามีของนางอย่างละเอียด

ทันใดนั้น…

รอบเหลาอาหารที่พวกเขานั่งกินอยู่ในตอนนี้ก็มีคนจากตระกูลถังที่อีกเพียงครึ่งก้าวจะเข้าสู่ระดับสื่อเสินทยอยปรากฏตัวขึ้นทีละคน!

จิ่วอิงตื่นตัวทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย

เจ้าตัวเล็กบางคนเองก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียด เขารีบกอดชามข้าวของตัวเองเอาไว้แน่น

คิ้วคมของหรงอี้ขมวดเล็กน้อย ปัดมือที่เต็มไปด้วยไขมันของเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะจุ่มลงไปในอาหารบด “นั่งกินดีๆ อย่าเอามือจุ่มลงไปสุ่มสี่สุ่มห้า”

“อ้อ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดึงมือเล็กๆ ของเขากลับอย่างไม่เต็มใจ แต่กินเร็วขึ้นราวกับว่ายอดฝีมือของตระกูลถังที่ล้อมอยู่รอบๆ ล้วนมาเพื่อแย่งอาหารของเขา

ในเวลาเดียวกัน ที่หน้าทางเข้าเหลาอาหารก็มีเสียงน่ากลัวเสียงหนึ่งดังขึ้น “ท่านผู้นำตระกูลถัง บุตรีที่ท่านกำลังตามหาอยู่ในเหลาอาหารนี้ นางเหมือนกับภาพเหมือนทุกประการ” เพียงแต่ว่าบุตรีของท่านซ้อมน้องสาวท่านจนสะบักสะบอมแล้ว

ถังผิงมั่วซึ่งยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวแท้ๆ ของเขา หลังจากมีคำสั่งลงไปเขาก็ได้รับเบาะแสโดยไม่คาดคิดจึงออกโรงด้วยตัวเอง

เนื่องจากคำพูดของถังเหิง ถังผิงมั่วและผู้อาวุโสทั้งสิบคนจึงถือว่าการค้นหาสตรีในภาพวาดเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ส่งผลต่อความเป็นและความตายของทุกคนในตระกูลถัง ดังนั้น ‘เรื่องเล็กน้อย’ ของถังเสวี่ยจึงถูกปัดทิ้งไปโดยธรรมชาติ

ท้ายที่สุด ผู้ติดตามไม่กี่คนที่กลับไปรายงานว่าเกิดเรื่องขึ้นกับถังเสวี่ยแล้ว ยังไม่ทันได้พบคนที่จะรับผิดชอบ ตระกูลถังทั้งหมดจู่ๆ ก็ยุ่งกันแทบตายแล้ว! ดังนั้น…

ปัจจุบันเหล่าผู้ที่มีอำนาจในตระกูลถังยังไม่รู้ว่าถังเสวี่ย ยอดดวงใจของพวกเขาถูกทุบตีกลางถนน ใบหน้าของนางถูกกรีดจนเสียโฉมและถูกเตะปลิวกระเด็นออกไป ตอนนี้ยังไม่ทราบที่อยู่แน่ชัด

แม้แต่ตอนนี้ เถ้าแก่ที่พาถังผิงมั่วมาพบเยี่ยนอวี๋ก็ยังไม่ได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเหลาอาหารก่อนหน้านี้

ไม่ใช่ว่าเถ้าแก่ต้องการปิดบังคิดฉกฉวยผลประโยชน์ล่วงหน้าก่อนค่อยพูด แต่เขาไม่มีความกล้า เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าถังผิงมั่วจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับถังเสวี่ย

เถ้าแก่คิดเพียงว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุของถังเสวี่ย ทำให้ผู้นำตระกูลถังทราบเกี่ยวกับการมีอยู่ของบุตรีที่แสนล้ำค่าของเขา เขาจึงรีบออกมาค้นหานาง

โชคดีที่แม้ว่าตอนนั้นเขาจะหวาดกลัวมาก แต่เขาก็จับตาดูว่าครอบครัวนี้จะไปที่ไหนต่อ หลังจากสอบถามถึงที่อยู่ที่แน่ชัด เขาก็รีบส่งจดหมายไปที่คฤหาสน์ตระกูลถังเพื่อคว้ารางวัลสูงสุดของตระกูลถัง

ได้แต่หวังว่าตระกูลถังจะเห็นแก่ที่เขากระตือรือร้นแจ้งข่าว ไม่ตำหนิเขาเกี่ยวกับความผิดก่อนหน้านี้…

เถ้าแก่ซึ่งโอบกอดความหวังว่าจะใช้ผลงานลบล้างความผิดไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่รับรองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ท่านผู้นำตระกูลถัง ข้าน้อยยืนยันด้วยตัวเองแล้ว ไม่พลาดแน่นอนขอรับ ถ้าอย่างไรท่าน…เข้าไปดูสักหน่อยดีหรือไม่”

“นำทางไป” ถังผิงมั่วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลักๆ คือเขาไม่คิดว่าจะได้ข่าวเร็วขนาดนี้! เดิมทีเขายังคิดว่าคงตามหานางเจอได้ยาก ท้ายที่สุดบิดาเขาบอกมาก่อนหน้านี้แล้วว่าสตรีนางนี้จะหลีกเลี่ยงพวกเขาตระกูลถัง

แต่ที่นี่คือเมืองถัง!

ตระกูลถังคือศูนย์รวมอำนาจของเมืองถัง!

และนาง กลับอยู่ในเมืองถังแห่งนี้?!

ในตอนที่ถังผิงมั่วได้ยินข่าว เขาคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดมาด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามสุดท้ายเขาก็มาเอง ต่อให้รู้ว่ามันมีแนวโน้มที่จะล้มเหลว เขาก็ยังมาเอง

เพราะสตรีนางนี้มีความสำคัญมาก! ถ้าหากมันเป็นเรื่องจริงเล่า…

บิดาเขาจะต้องตั้งความหวังกับเขาไว้สูง ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับตัวเองมากเป็นพิเศษแน่!

ความคิดมากมายวิ่งวนอยู่ในหัวของถังผิงมั่ว แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขาในการติดตามเถ้าแก่เข้าไปใกล้เป้าหมายทีละก้าว

ในเวลานี้ จิ่วอิงกำลังจะระเบิดร่างที่แท้จริงของมันออกมา! ท้ายที่สุดกลุ่มคนที่อ้างตัวว่าเป็นครอบครัวของเยี่ยนอวี๋ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น มีบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน!

ในตอนนี้เองถังผิงมั่วยกมือขึ้น ผลักประตูห้องส่วนตัวให้เปิดออก

นี่ยังไม่นับ…จิ่วอิงสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีลมหายใจหนึ่งที่ทรงพลังมากกำลังจะมายังที่แห่งนี้

ถังผิงมั่วสัมผัสถึงลมหายใจที่แข็งแกร่งนี้ได้เป็นอันดับแรกเช่นกัน นี่คือกลิ่นอายทรงพลังที่แผ่ออกมาจากร่างบิดาของเขา!

***************************************

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด