เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน 23 เมพขิงๆ!

Now you are reading เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน Chapter 23 เมพขิงๆ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามปีมานี้ เฉาหมิงเฉิงในฐานะที่เป็นขันทีคัดเลือกหญิงงามได้พบเห็นหญิงงามนับไม่ถ้วน ในหมู่สตรีเหล่านั้นย่อมมีหญิงงามประเสริฐเลิศล้ำ ความงดงามของพวกนางถึงกับเปรียบเปรยได้ดั่งมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง[1]

แต่ความงามของพวกนาง กลับไม่มีผู้ใดงามเท่าเสี้ยวหนึ่งของหญิงสาวตรงหน้าเลย! ไม่มีแม้เพียงเศษเสี้ยว หากมีก็อาจจะเทียบเคียงได้เพียงครึ่งเศษเท่านั้น

เฉาหมิงเฉิงอดถามขึ้นไม่ได้ว่า “ท่านนี้คือคุณหนูเยี่ยนชิงถังหรือ” ไม่เหมือนเลยนี่ เขาเคยดูภาพวาดของเยี่ยนชิงถัง แม้จะสวยเหมือนกัน กลับพอถูไถให้สวยเพียงเศษหนึ่งของคนตรงหน้าได้ แต่ก็ถือว่าล้ำเลิศมากแล้ว มิเช่นนั้นเขาคงไม่มาถึงที่หรอก

หรือว่าฝีมือนักวาดแย่เกินไป จึงวาดได้เพียงเศษหนึ่งของความงามของเยี่ยนชิงถังเท่านั้น

นี่ก็น่าจะเป็นไปไม่ได้

ในเมื่อหญิงสาวผู้นี้งดงามนัก เกรงว่าไม่ว่านักวาดจะมีฝีมือชั้นยอดเพียงใด ก็คงไม่วาดความสวยเพียงครึ่งหนึ่งของนางลงบนกระดาษ

ทว่า…

เฉาหมิงเฉิง ขันทีคัดเลือกหญิงงามกลับไม่รู้ว่า สตรีวิไลตรงหน้าท่านนี้ มิใช่เยี่ยนชิงถัง หากแต่คือผู้อื่น

ผู้อาวุโสเก้ารีบอธิบายอย่างรู้ทันปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า “ใต้เท้าเฉาเข้าใจผิดแล้ว นังหนูชิงถังนั่นไม่บุ่มบ่ามเลินเล่อเช่นนี้หรอก”

“อะไรนะ” เฉาหมิงเฉิงชะงัก “แต่ข้ามิเห็นสำนักชางอู๋เสนอชื่อผู้สมัครรายอื่น”

“เอ่อ…” ผู้อาวุโสเก้าทำท่าจะใส่ร้ายเยี่ยนชิงและเยี่ยนอวี๋ทันที

แต่เยี่ยนชิงไม่รอให้เขามีโอกาสพูด ก็ชิงพูดก่อนว่า “ใต้เท้าเฉา ท่านมิรู้ว่าลูกสาวที่รักของข้าไร้พลังแต่กำเนิด แม้มีใบหน้างดงามไร้ที่ติ แต่ข้าก็มิบังอาจเสนอชื่อนาง บัดนี้นางเป็นสตรีสมรสแล้ว ย่อมมิอาจต้องตาจักรพรรดิเบื้องบนได้”

ผู้อาวุโสเก้าปิดปากลง แม้เขาอยากจะบิดเบือนความจริงของสองพ่อลูกคู่นี้อย่างไร แต่เขาก็ไม่อยากให้ขันทีคัดเลือกหญิงงามให้ความสำคัญกับเยี่ยนอวี๋มากเกินไปเพรากลัวว่าแผนจะเปลี่ยนแปลง

แต่แล้ว เยี่ยนอวี๋ผู้เป็นตัวแปรสำคัญของแผนการ ก็พูดขึ้นว่า “เม่ยเอ๋อร์ เราออกไปเดินเล่นกัน” นางเห็นแล้วว่าผู้ดูแลอาวุโสของหอสำนักกำลังร้อนใจ นางจึงรู้ว่าพี่รองท่านนั้นที่ยังไม่เคยพบหน้าเกิดเรื่องแล้ว

“เจ้า…” ผู้อาวุโสเก้าย่อมไม่ยอมปล่อยให้เยี่ยนอวี๋และสาวใช้ชุดดำจากไป เขาจึงเข้ามาขัดขวาง

แต่เยี่ยนอวี๋กลับพูดขึ้นกับขันทีคัดเลือกหญิงงามว่า “ใต้เท้า ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว”

“ไปเถิด ไปเถิด” เฉาหมิงเฉิงโบกมือให้เล็กน้อย เหตุใดจึงไม่ให้ไปเล่า คนพูดงดงามเช่นนี้ นางพูดอะไรย่อมดีไปเสียหมด น่าเสียดายที่ไร้พลังแต่กำเนิด และยังมีลูกแล้ว น่าเสียดาย…ช่างน่าเสียดายจริงๆ!

เฉาหมิงเฉิงรู้สึกว่า หากไม่ใช่เพราะจุดด้อยสองข้อใหญ่นี้ หากหญิงงามเช่นนี้ได้เข้าวัง ย่อมเป็นหัวแก้วหัวแหวนของฮ่องเต้! และอาจจะถูกแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮาทันที!

งดงามนัก!

งามจริงๆ!

งามจนมิสามารถบรรยายได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้อาวุโสเก้าจะพูดอะไรได้อีก เขาพูดสิ่งใดไม่ได้เลย ทั้งยังไม่สามารถขัดขวางเยี่ยนอวี๋และสาวใช้ได้ เขาจึงทำได้เพียงมองสองคนนั้นชิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตา

“คุณหนูใหญ่ ท่านจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ” เม่ยเอ๋อร์ถามขึ้นทันทีหลังจากออกจากหอเจ้าสำนัก

อันที่จริงเยี่ยนอวี๋ไม่รู้ว่าตอนนี้เยี่ยนจื่อเสาอยู่ที่ใดในเมือง นางหลับตาลงใช้พลังจิตครู่หนึ่ง พลันมองไปทางเมืองทิศตะวันตกของเมืองชางอู๋ “ไปที่นั่น”

นางสัมผัสได้ว่า ที่นั่นมีพลังของมนุษย์วานรหวาไหวอยู่ ถึงแม้จะอ่อนมาก แต่บรรพบุรุษของมนุษย์วานรหวาไหวเคยอยู่ใต้อำนาจของนางมาก่อน นางจึงคุ้นเคยอย่างยิ่ง

เมื่อคิดถึงมนุษย์วานรหวาไหว ภาพความทรงจำอดีตก็ปรากฏขึ้นเป็นประกายวาบผ่านดวงตาอันสวยงามของนาง ตอนนี้นางรู้ว่า หากคำนวณตามเวลาของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแล้ว นางจุติมาเกิดสามหมื่นปีแล้ว เซ่าเฮ่า[2] ตี้จวิ้น [3] จิ่วเฟิ่ง ซีหวังหมู่[4] เฉิงหวง… พวกเขาคงยอมรับ ‘ความจริง’ ได้แล้ว

เยี่ยนอวี๋รู้ว่าการจุติของนางนั้นแปลกประหลาด ลูกน้องที่อยู่ภายใต้การปกครองในตอนนั้น แรกๆ ย่อมมิสามารถยอมรับความจริงได้ แต่ผ่านไปสามหมื่นปีแล้ว พวกเขาน่าจะยอมรับความจริงได้แล้ว

“แต่จิ่วเฟิ่ง ซีหวังหมู่ ซูซูน้อย…พวกเขามีนิสัยดื้อดึงนัก เกรงว่าจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่เชื่อว่าข้าจุติแล้ว” เยี่ยนอวี๋ครุ่นคิดพลางรู้สึกอยากจะไปดูทายาทรุ่นหลังของมนุษย์วานรหวาไหวน้อยแล้ว

ในขณะที่เยี่ยนจื่อเสาเจ็บปวดจนไร้ซึ่งเสียงร้อง ขนแผงคอสัตว์บนตัวก็เกือบจะถูกดึงทึ้งหมดแล้ว แต่ก็ยังคงมีคนกรูเข้ามาหาเขา เงาแสงสีสันสายหนึ่งผ่านวูบลงมาจากบนฟ้า! และยืนบนรถคุมนักโทษคันใหญ่

แต่แล้วหมู่คนที่ยื้อแย่งกันเข้ามานั้น กลับไม่เห็นเงาที่ปรากฏขึ้น พวกเขายังคงเบียดตัวเข้าไปใกล้รถคุมนักโทษ “รีบดึงเข้า! เร็วเข้า! จะหมดแล้ว…”

“!” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วทันที

เม่ยเอ๋อร์ปลดปล่อยรังสีอำมหิตออกมา พุ่งไปบริเวณโดยรอบของรถคุมนักโทษ จากนั้นก็ปล่อยลำแสงเฉียบคมสีดำออกมานับไม่ถ้วน ทันใดนั้นเอง แขนที่ยื่นเข้าไปในรถคุมนักโทษก็ถูกตัดขาดทันที ไม่มีผู้ใดเหลือรอด

โอ๊ย! เหล่าคนหัวรุนแรงที่ไม่ทันตั้งตัวก็กรีดร้องขึ้น เมื่อตั้งสติขึ้นได้ ก็ถอยหลีกไปทันที น่าเสียดายที่เม่ยเอ๋อร์ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาถอยหนี

รังสีความดุร้ายแผ่ซ่านจากร่างกายของเม่ยเอ๋อร์ เหล่าคนหัวรุนแรงทุกคนในนั้นก็กระเด็นตัวลอยไปกระแทกเข้ากับสิ่งก่อสร้างสองฝั่งทันที เสียงกระอักเลือดดังไปทั่วทั้งบริเวณ

“…”

ทุกคนงงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น

แม้แต่เยี่ยนฉี่ซานและนายท่านเหอที่มีพลังระดับสูงยังชะงัก เพราะหนึ่งคือพวกเขาไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ สองคือพลังของเม่ยเอ๋อร์แข็งแกร่งจนพวกเขาอดตัวสั่นสะท้านไม่ได้

เยี่ยนฉี่ซานตั้งสติได้ก่อน เขามิบังอาจกำเริบเสิบสาน ประสานมือถามอย่างนอบน้อมถามขึ้นว่า “บังอาจถามท่านนี้คือผู้ใด เหตุใดจึงขัดขวางสำนักชางอู๋ของข้า”

“เจ้ามีปัญหาหรือ” เม่ยเอ๋อร์ถามกลับอย่างเยือกเย็น สายตากลับจ้องไปที่ขนสัตว์สีดำในมือของเยี่ยนฉี่ซาน ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือก

“ข้าน้อย…” เยี่ยนฉี่ซานกำลังจะตอบ

เม่ยเอ๋อร์กลับถามต่อไป “ข้างไหน ที่เจ้าใช้ลงมือน่ะ”

“หืม?” เยี่ยนฉี่ซานไม่ทันตอบ

นายท่านเหอกลับรู้ทันที มือขวาของเขาพลันกระตุก ครั้นอยากจะซ่อนขนในมือของเขาไว้ แต่ปฏิกิริยาของเขาก็ ‘หักหลัง’ เขาเสียแล้ว

เสียงตัดดัง ฉึบ ก่อนจะตามมาด้วยเลือด แขนขวาของนายท่านเหอก็ถูกตัดขาดอย่างรวดเร็ว รวดเร็วจนเขาได้แต่ยืนงันอยู่ที่เดิมอย่างไม่ทันรับรู้ถึงความเจ็บปวด

จนเมื่อเลือดพุ่งออกมาจากแขนของเขา ความรู้สึกเจ็บปวดจึงถาโถม เขาร้องโหยหวนเจ็บปวดอย่างไม่สามารถอดกลั้นได้

สีหน้าของเยี่ยนฉี่ซานพลันซีดเผือด เมื่อเขาตั้งสติได้ ก็รีบเหินไปทางสำนักชางอู๋เพื่อขอความช่วยเหลือทันที

แต่น่าเสียดาย…

“ลงมา” เม่ยเอ๋อร์ตวาดใส่ ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีดำมืดลำหนึ่งพุ่งไปโดนแผ่นหลังของเยี่ยนฉี่ซานทันที เยี่ยนฉี่ซานที่กำลังเหินอยู่กลางอากาศก็ล้มลงบนพื้นแต่โดยดี

เยี่ยนฉี่ซานปวดร้าวจนแทบจะมิสามารถหายใจได้ หลังจากเสียงกระทบพื้นดัง ตุบ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เพราะเขารับรู้แล้วว่า สตรีชุดดำผู้น่ากลัวคนนี้ แข็งแกร่งมากเสียจนมิอาจประเมินได้

ในสายตาของนางแล้ว ผู้ฝึกฝนระดับเก้าอย่างเขาก็เป็นเพียงปลวกที่ถูกฆ่าทิ้งได้ทุกเมื่อดีๆ นี่เอง! เขามิอาจโต้ตอบใดๆ ได้เลย…

แข็งแกร่งจริงๆ!

สตรีนางนี้อย่างน้อยก็ต้องบรรลุฌานขั้นสุวรรณชาดแล้ว

น่ากลัวจริงๆ…

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ เม่ยเอ๋อร์ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมนั้น ถามขึ้นอีกครั้งว่า “พูด มือข้างใด”

[1]มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง เป็นคำเปรียบเปรยถึงสี่ยอดพธูหรือสตรีสี่นางที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในประวัติศาสตร์จีนโบราณ

[2] เซ่าเฮ่า เป็นพระราชโอรสองค์โตของจักรพรรดิหวงตี้

[3] ตี้จวิ้น หรือปฐมเทพโบราณ เป็นผู้ปกครองสวรรค์องค์แรกๆ

[4] ซีหวังหมู่ หรือเทพมารดรแห่งประจิมทิศ เป็นผู้เป็นใหญ่ที่ควบคุมดูแลเหล่าเทพธิดาบนสวรรค์ ส่วนในโลกมนุษย์เป็นเทพดูแลงานมงคลสมรส การคลอดลูก

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *