เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน 249 ‘ภรรยา’ จับมือข้าก่อนด้วย

Now you are reading เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน Chapter 249 ‘ภรรยา’ จับมือข้าก่อนด้วย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เยี่ยนอวี๋ “…”

นางที่เก็บสายตาที่มองไปแล้ว ถึงแม้จะไม่อยากพูดอะไรอีกก็ตาม แต่นางจำต้องกำชับ “เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าหลังจากที่เจ้าเข้ามาแล้ว ใครจะดูแลเรื่องข้างนอก!”

ไม่ให้ความร่วมมือเลยจริงๆ! เขานี่มัน…

ไม่รอให้เยี่ยนอวี๋ได้พูดต่อไป ต้าซือมิ่งก็ได้แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาแล้วว่า “แม่ของลูกข้าหายตัวไป แล้วข้ายังจะสนใจเรื่องภายนอกอีกทำไมกัน”

เยี่ยนอวี๋ “…”

นางอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

แต่เจ้าตัวน้อยในอ้อมกอดกระตุกเกร็งราวกับตกใจกลัวปานนั้น ทั้งยังกำเสื้อของนางไว้แน่น แล้วมุดเข้าไปในอ้อมกอดของนางเหมือนว่าเจอเรื่องร้ายในความฝันอย่างไรอย่างนั้น

“ดูสิ เจ้าทำเสี่ยวเป่าตกใจจนไม่อาจนอนหลับดีๆ แล้ว หากข้าไม่พาเขาเข้ามาคงได้ร้องไห้จนสลบไปเป็นแน่” ต้าซือมิ่งที่ถึงแม้จะหลับตาอยู่ แต่ประสาททั้งห้าอันเฉียบแหลมของเขายังคงสามารถสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวของลูกน้อยได้

ประโยคที่เยี่ยนอวี๋กำลังจะพูดต่อถูกกลืนกลับลงไปอีกครั้ง เปลี่ยนเป็น “หากเกิดเรื่องขึ้นมาล่ะ” ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม แต่หากว่าลูกน้อยอยู่ข้างๆ นางคงไม่อาจเข้ามาได้แน่ๆ เพราะสถานการณ์ของสถานที่แห่งนี้ไม่แน่ชัดนัก

หลังจากนั้น…

“ดังนั้น ข้าจึงมาอย่างไรเล่า” หรงอี้ขานตอบเบาๆ เขายื่นมือไปจับมือแม่ของลูกน้อยเอาไว้อย่างแม่นยำ “พวกเราสองพ่อลูกล้วนอยู่ที่นี่ อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องพาพวกข้าออกไปด้วย ไม่มีแต่”

เยี่ยนอวี๋ที่ ‘สะบัด’ มือออกอย่างรวดเร็วหมดคำพูด รู้สึกว่าเหตุใดคนผู้นี้พูดอะไรก็มีเหตุผลไปเสียหมด!

และอินหลิวเฟิงข้างๆ ที่ได้ยินถึงตรงนี้ เขารู้สึกว่าต้าซือมิ่งผู้นี้ไม่เพียงแต่มีหน้าตาและวรยุทธ์ที่เป็นอันดับหนึ่งในสี่สุภาพบุรุษเท่านั้น แต่ความฉลาดทางอารมณ์ของเขาก็ไม่มีผู้ใดสู้ได้เช่นกัน!

ดูความสามารถในการเกลี้ยกล่อมนี้สิ แม้แต่กูไหน่ไนยังมิอาจต้านทานได้

แต่ทว่า…

“ต้าซือมิ่ง ท่านมีวิธีออกไปใช่หรือไม่ ข้าดูท่านเหมือนกำจักรวาลนี้ไว้ในมือไม่เป็นกังวลเลยสักนิด” อินหลิวเฟิงคิด ต้าซือมิ่งผู้นี้ต้องมีวิธีแน่ๆ มิเช่นนั้นไม่สามารถสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้หรอก

แต่ต้าซือมิ่งที่ถูก ‘สงสัย’ กลับตอบอย่างมั่นใจว่า “ไม่มี”

อินหลิวเฟิง “…”

ต้าซือมิ่งต้องยังหึงอยู่แน่ๆ!

“เขามั่นใจว่าข้าจะหาวิธีออกไปได้ต่างหาก” เยี่ยนอวี๋ที่ลุกขึ้นได้ฝากลูกน้อยไว้ที่ต้าซือมิ่งบางคน

เพราะว่านางคิดวิธีไว้แล้ว

‘ตาบอดหรง’ รับทารกมาแต่โดยดี พร้อมทั้งกล่อมลูกน้อยที่นอนไม่หลับดีพลางเอ่ยเตือนว่า “ระวังด้วย”

เยี่ยนอวี๋ที่ถูกตักเตือนเหลือบมองต้าซือมิ่งแวบหนึ่ง ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาคิดอะไรอยู่ โดยเฉพาะหลังจากที่เขาตามเข้ามาในนี้ นางยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่!

ที่แห่งนี้อันตรายมากนัก ก่อนที่นางจะเข้ามานางเองก็กลัวมากเช่นกัน นางไม่เชื่อหรอกว่าเขาคนนี้จะไม่รู้เรื่องเลย แต่สุดท้ายเขาก็พาลูกน้อยเข้ามาด้วยแล้ว ทั้งยังน่าจะเข้ามาหลังจากที่นางถูกดูดเข้าไปแล้วทันที มิเช่นนั้นจะหาตัวนางพบได้ไวเพียงนี้ได้อย่างไรกัน

ดังนั้น หากไม่ใช่เขาอยากจะประกาศว่าตนมีความสามารถสามารถเข้าออกได้ ไม่ก็…

เยี่ยนอวี๋ที่มองต้าซือมิ่งบางคนอย่างล้ำลึกถึงจะเอ่ยปากกล่าว “เจ้าดูแลเสี่ยวเป่าให้ดี”

“อืม” ต้าซือมิ่งที่หน้าตาดุจเทพเจ้าก็เชื่อฟังจริงๆ

แต่เยี่ยนอวี๋กลับไม่ลืมพลังอันดุร้ายที่เขาอัญเชิญมาก่อนหน้านั้นที่แม่น้ำเยว์หมิง ทำให้ลูกน้องของนางตกใจกลัวเหมือนหลานชายคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

นี่ก็คือหมาป่าในร่างแกะตัวหนึ่ง! และยังเป็นพ่อของลูกน้อยอีกด้วย…

หลังจากที่ ‘หมาป่า’ บางตัวถูกเพ่งมองไปครู่หนึ่งก็ยังเอ่ยหยอกล้อปฐมราชินี “ดูดีหรือไม่”

เยี่ยนอวี๋ “…”

หากนี่เป็นลูกน้อยของนาง นางจะตอบ…อืม! ดูดี หากเป็นลูกน้อยของนางย่อมต้องดูดีอยู่แล้วแน่นอน

เยี่ยนอวี๋ที่เก็บสายตาที่มองกลับมาหันไปทางอินหลิวเฟิง “ช่วยข้าที”

“อ้อๆ! มาแล้ว!” อินหลิวเฟิงถึงได้กล้าเข้าไปใกล้เล็กน้อย เพื่อไม่ให้ต้าซือมิ่งบางคนคอยยิงธนูใส่อย่างลับๆ นั่นมันช่างเย็นชาจริงๆ!

เยี่ยนอวี๋หยิบพู่กันงดงามหลากสีและ ‘น้ำหมึก’ ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา เริ่มวาดค่ายกลลงบนถ้ำใยไหมที่นางกำลังเพ่งมองอยู่

แต่ทว่าการสร้างรูปแบบค่ายกลนี้กินแรงของเยี่ยนอวี๋มากอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นพลังจิตวิญญาณของนางจึงอ่อนแอลงอย่างรวดเร็วจนอินหลิวเฟิงเป็นกังวล

ต้าซือมิ่งบางคนที่อุ้มลูกน้อยอยู่ลุกขึ้น “ข้าวาดเอง เจ้าสอนข้า”

“เจ้าเป็นเพียงคนตาบอด อย่ายุ่งเสียดีกว่า” เยี่ยนอวี๋แบ่งสมาธิส่วนหนึ่งมาตอบกลับเขา มือวาดต่อไปไม่หยุด

แต่ต้าซือมิ่งได้มาถึงข้างกายนางแล้ว “รู้ว่าข้าตาบอด ก็ต้องรู้ว่าหากเจ้าล้มลง พวกเราทั้งครอบครัวก็ต้องติดอยู่ที่นี่ทุกคน”

“เจ้า…”

เยี่ยนอวี๋อยากจะตอบโต้ แต่นางก็หายใจเข้าลึกๆ ไม่อยากโต้เถียงกับคนฝีปากเช่นนี้จึงได้ละมือออก แล้วยื่นปากกาให้กับต้าซือมิ่ง “ข้าบอก เจ้าเขียน”

“ข้าตาบอด เจ้าเขียนพร้อมข้า”

“ข้า…”

เยี่ยนอวี๋ที่เงียบไปครู่หนึ่งจับข้อมือของต้าซือมิ่งไว้จริงๆ ถึงแม้จะมีผ้ากั้นอยู่หนึ่งชั้น แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ต้าซือมิ่งยิ้มขึ้นได้!

เยี่ยนอวี๋ไม่เห็น ยังคงจับมือคนผู้นี้วาดค่ายกลที่เหลือต่อไป ระหว่างนี้ก็ได้สอนต้าซือมิ่งว่าควรรวบรวมจิตวิญญาณไว้ที่ใด

ต้าซือมิ่งบางคนที่ไม่ได้ก่อความวุ่นวายเลย วาดค่ายกลได้ตรงตามที่เยี่ยนอวี๋ต้องการแล้ว ดังนั้นก่อนที่นางจะปล่อยมือก็ไม่ลืมที่จะดึงคนออกจากค่ายกลด้วย

เพียงแต่ว่า…

“กูไหน่ไน! ไม่ดีแล้ว!”

อินหลิวเฟิงที่ดูเหมือนพบอะไรบางอย่างตื่นตระหนกขึ้น “จุดศูนย์กลางค่ายกลมีอะไรบางอย่าง!”

จุดศูนย์กลางค่ายกลที่เป็นจุดกำเนิดเสียง ‘กรอบแกรบ’ เป็นดั่งที่อินหลิวเฟิงกล่าว มันกำลังก่อตัวเป็นตุ่มหนอง! ดูท่าแล้วคิดจะทำลายค่ายกล

“ตรงนี้ก็มี!” อินหลิวเฟิงที่สังเกตเห็นอีกครั้งสามารถเห็นได้ชัดว่าทั้งค่ายกลมีการเคลื่อนไหว ตุ่มหนองกำลังผุดขึ้นมาทีละตุ่มๆ แม้กระทั่งบริเวณใต้เท้าของเขาก็มีเช่นกัน

“ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว” ต้าซือมิ่งหรงที่ดูเหมือนรู้ว่าต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมีท่าทางสงบ เพียงแค่รวบลูกน้อยเอาไว้ หัวคิ้วงดงามเช่นเคย “ไปเถิด ข้ากับลูกจะคอยเจ้า”

เยี่ยนอวี๋มองต้าซือมิ่งอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง จากนั้นถึงได้หันไปมองค่ายกลที่บิดเบือนจนไม่สามารถเห็นสภาพเดิมได้ ในดวงตาเผยแสงมืดมิดออกมาเล็กน้อย

ฟิ้ววว!

อินหลิวเฟิงที่รีบไปยังข้างกายของเยี่ยนอวี๋ทั้งสองคน ไม่ได้รู้สึกกลัวเพียงนั้นแล้ว เพราะในที่สุดเขาก็เห็นแล้วว่าปรมาจารย์ทั้งสองต่างก็คาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว!

ซึ่งเป็นความจริง เพราะเยี่ยนอวี๋รู้ดีว่าใน ‘หมึก’ ของนางมีพลังชั่วร้ายอันบ้าคลั่งที่ดั้งเดิมที่สุดผสมอยู่ และนั่นก็คือกลิ่นอายจากเลือดของนางเอง

พลังเช่นนี้มีแรงดึงดูดอย่างมากสำหรับมารทุกตน! นี่เป็นเพียงสิ่งที่นางรู้คนเดียวเท่านั้น แต่บัดนี้ดูเหมือนไม่ได้มีเพียงนางคนเดียวที่รู้แล้ว ต้าซือมิ่งบางคนเองก็รู้เช่นกัน

เยี่ยนอวี๋ที่พลังลดลงเล็กน้อยรู้สึกเวียนศีรษะกะทันหัน เวียนศีรษะจริงๆ! แต่นี่ไม่ใช่อุปสรรคในการทำงานของนาง นางที่สื่อสารกับหินปราบมารได้แล้วก็ได้ทำการรวบรวมพลังของหินปราบมารอย่างต่อเนื่อง

แม้นว่าหินปราบมารจะถูกกัดกร่อนก็ตาม แต่มันยังคงมีประโยชน์อยู่

เพราะว่า…

การกัดกร่อนเป็นความสัมพันธ์กัน

“ย้อนกลับ!”

เยี่ยนอวี๋ที่แสดงพลังวิเศษแห่งการสร้างออกมา เดิมทีนางก็มีพลังพลิกฟื้นความชั่วร้ายอยู่แล้ว! หินปราบมารที่นางหลอมขึ้นด้วยตนเองยิ่งถูกกำหนดมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

ดังนั้น…

วิ้ง

ขณะที่เยี่ยนอวี๋กระตุ้นค่ายกลนั้น!

ขณะที่พลังอันบ้าคลั่งที่อยู่ในค่ายกลถูกกระตุ้นจนถึงที่สุดแล้วนั้น!

ขณะที่ปีศาจได้รวมตัวกันถึงจุดสูงสุดแล้วนั้น!

หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของหินปราบมารก็ถูกเยี่ยนอวี๋กระตุ้นด้วยเช่นกัน สิ่งของบางอย่างที่ถูกกัดกร่อนไปตั้งนานแล้ว เป็นเพราะพลังของนักตีเหล็ก ทำให้ชำระการกัดกร่อนไปทั้งหมดกลายเป็นเปล่งประกายด้วยแสงภายในชั่วพริบตา

ชิ้งงง!

มีแสงหลากสีรวบรวมอยู่ที่ใจกลางหินปราบมารอย่างรวดเร็ว หินปราบมารสีดำกัดกร่อนตุ่มหนองนับไม่ถ้วนทีละนิ้วๆ! หมอกสีดำได้ถูกกำจัดออกไปอย่างรวดเร็ว

“ฮ่า!”

เอ้อร์เหมาที่เพิ่งตื่นตะลึงกับฉากนี้ “นี่คือ…”

“คุณหนูใหญ่!”

เม่ยเอ๋อร์ตาเป็นประกาย หยิบดาบใหญ่ขึ้นมาเตรียมพร้อมที่จะร่วมมือกับคุณหนูใหญ่ของนาง

ปัง!

ในในขณะนั้นเอง หินปราบมารก็ระเบิดของเหลวสีเหลืองเหม็นเน่าออกมา ดูแล้วแทบจะกลืนกินเม่ยเอ๋อร์ไปทั้งตัว แต่เม่ยเอ๋อร์ก็ได้ระเบิดพลังสนามรบอสุรีออกมาอย่างรวดเร็วและตัดมันออกราวกับเต้าหู้

ในขณะเดียวกัน…

ฟิ้ววว!

ในค่ายกลที่เยี่ยนอวี๋สร้างขึ้น ลำแสงสีม่วงเข้มได้ทำลายตุ่มหนองที่ขึ้นมาจากพื้นดินในชั่วพริบตา และรวมเข้ากับพลังปราบปีศาจจากฟากฟ้า

ชิ้งงง!

ฟิ้วๆ…

ในตอนนั้น อินหลิวเฟิงก็รู้สึกว่าบริเวณใต้เท้ามีการเคลื่อนไหว ทั้ง ‘พื้นดิน’ มีการเคลื่อนไหวในทันที ตุ่มหนองผุดขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็สลายไปทั่วทุกทิศอย่างรวดเร็ว!

“ไม่ดีแล้ว! กูไหน่ไน พวกมันคิดจะหนี!?” อินหลิวเฟิงที่เห็นแต่ไม่อาจช่วยเหลือได้จึงหันไปทางต้าซือมิ่งบางคน แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่มีทีท่าที่จะขยับเลย เพียงแค่อุ้มเจ้าตัวน้อยไว้และยืนอยู่บนพื้นดินที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา

อินหลิวเฟิง “…”

นายท่านคนนี้นี่! จริงๆ เลย เขาจึงรีบลงไปเตรียมพร้อมที่จะดึงนายท่านตาบอดคนนี้ขึ้นสู่อากาศ

แต่ทว่าเขาเพิ่งเตรียมตัวจะก้าวเท้าออกไปนั้นก็พบว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นอีกต่อไป!

เพราะ…

“ย้อนกลับ!”

เยี่ยนอวี๋ที่ปล่อยพลังไปอีกครั้ง นางลอยตัวยืนอยู่บริเวณใจกลางระหว่างพลังของค่ายกลและหินปราบมาร ราวกับเทพที่นำบทลงโทษจากสวรรค์ลงมาจุติ! พลังปราบปีศาจที่พวยพุ่งไปยังอากาศอย่างอิสระได้พุ่งโจมตีตุ่มหนองที่อยู่ไกลออกไปอย่างรวดเร็วจน ‘สั่นสะเทือน’ ไปทั่วผืนดิน

นี่ยังไม่เท่าไร!

“…”

‘ท้องฟ้า’ ที่ไม่รู้ว่า ‘สว่าง’ ขึ้นตั้งแต่เมื่อใดเริ่มมีแสงอาทิตย์สาดส่อง ‘ผืนดินใหญ่’ ราวกับแสงอาทิตย์ไปทำลาย ‘เมฆครึ้ม’ ลงอย่างไรอย่างนั้น และแสงนั้นกำลังสอดส่องไปที่เหล่าตุ่มหนอง!

คราวนี้…

กี๊ซ!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *