เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน 296 ปฐมราชินีเยี่ยนปกป้อง ‘สามี’ ทารุณฮ่องเต้!

Now you are reading เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน Chapter 296 ปฐมราชินีเยี่ยนปกป้อง ‘สามี’ ทารุณฮ่องเต้! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 296 ปฐมราชินีเยี่ยนปกป้อง ‘สามี’ ทารุณฮ่องเต้!
เอาแล้ว!!

เพล้ง!

บางคนเก็บอาการไม่อยู่ทำจอกสุราในมือตกลงบนพื้น พวกเขาอยากจะร้องไห้จริงๆ กลัวว่าจะทำให้ ‘เทพ’ ทั้งสององค์ ‘ชำเลืองมอง’ มาพลันรู้สึกเสียววาบขึ้นมา

ทว่าเห็นได้ชัดว่า ‘ลูกพี่’ มิได้สนใจคนตัวกระจ้อยเช่นพวกเขา เมื่อหยวนคังฮ่องเต้กล่าวจบ เขาก็มองไปที่ต้าซือมิ่ง อยากรู้ว่าต้าซือมิ่งจะยังคงทำหน้านิ่งดั่งเทพจอมปลอมได้อีกหรือไม่!

ทว่าอินสวินอี้ก็เก็บอาการไม่อยู่แล้ว จอกสุราในมือของเขาก็ร่วงแล้วเช่นกัน เขายังพ่นวาจาหยาบคายอย่างไม่สนใจภาพพจน์ “เชี่ย! ไม่ใช่หรอกนะ…”

นี่เป็นคำที่มาจากใจอินสวินอี้จริงๆ เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หยวนคังฮ่องเต้จะต่ำช้าเช่นนี้ โอ้ไม่! ไม่สิ ไม่คิดว่าเขาจะพิสดารเช่นนี้ต่างหาก ดันสวมเขาให้ตนเองซะงั้น?

หรือว่าต้องสวมเขาเป็นบางครั้งเพื่อความราบรื่นของชีวิตนะ? หากมิใช่เช่นนี้ เหตุใดหยวนคังฮ่องเต้จึงกระทำเช่นนี้เล่า อินสวินอี้ที่คิดไม่ตกรู้สึกงุนงงไปหมด

แต่แล้ว เยี่ยนอวี๋ที่เยือกเย็นที่สุดในนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านมิใช่”

เยี่ยนอวี๋ไม่เห็นหยวนคังฮ่องเต้ในสายตาเลย เฉกเช่นเดียวกับเมื่อครั้นกู้หยวนเหิงยัดเยียดความเป็นพ่อให้บุตรของนาง เพราะนางมั่นใจว่าเสี่ยวเป่าเป็นบุตรของต้าซือมิ่งหรง

หากเสี่ยวเป่าหน้าตาเหมือนหยวนคังฮ่องเต้ เยี่ยนอวี๋คง… ทันใดนั้นนางก็รู้สึกโชคดีที่เสี่ยวเป่าของนางมีหน้าตาเหมือนต้าซือมิ่ง

ในใจเยี่ยนอวี๋ปรากฏภาพขัดเคืองตา นางรีบอุ้มเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมอก ต้องใช้ความน่ารักของเด็กน้อยปัดเป่าใบหน้าของหยวนคังฮ่องเต้ฉบับเด็กน้อยออกไป

เยี่ยนอวี๋ขนเกือบจะลุกชันเพราะเรื่องนี้ ในใจของนางปรากฏมนุษย์คนหนึ่งกำลังร้องตะโกนอย่างอัดอั้นตันใจ ทว่าใบหน้าของนางกลับยังคงแน่นิ่ง สุภาพและสง่าเลิศล้ำ

แต่ต้าซือมิ่งดูออกว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเขากำลัง ‘ถุย’ น้ำลายใส่หยวนคังฮ่องเต้ ดูท่าทีรังเกียจเช่นนั้นสิ น่ารักจริงๆ

ต้าซือมิ่งที่แสดงความรักเอ่อล้นอย่างไม่รู้ตัวนั้นก็ลืมตอบหยวนคังฮ่องเต้สนิท ทำเอาหยวนคังฮ่องเต้พลันเสียหน้า เหตุการณ์เช่นนี้ก็เหมือนกับสองฝ่ายกำลังสู้รบ ตนเองใช้ท่าไม้ตาย แต่ศัตรูกลับกำลังจิบชา ราวกับว่าตนเองเป็นตัวตลกกระโดดคาน ศัตรูกลับเป็นคนวิเศษผู้แข็งแกร่งที่ทำให้กระโดงกรรเชียงนาวาไหม้เป็นจุณขณะแย้มสรวลสนทนา เห็นได้ชัดว่าฝีมือต่างกันลิบลับ ทำให้หยวนคังฮ่องเต้เก็บอาการไว้ไม่อยู่อีกต่อไป “หรง! อี้!”

“หืม” หรงต้าซือมิ่งขานตอบพร้อมสบพระเนตรหยวนคังฮ่องเต้ ฝ่ายหลังนัยน์ตาเคร่มขรึม จ้องมองเขาด้วยความเย็นชา

ถึงแม้หยวนคังฮ่องเต้อยากจะอดกลั้นไว้เพียงใด แต่เขาก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่และไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว! ในฐานะที่เป็นฮ่องเต้ เขาไม่จำเป็นต้องอดทนทั้งๆ ที่ตนไม่อยากทน! หยวนคังฮ่องเต้คว่ำโต๊ะก่อนจะตวาดใส่ “เจ้าคิดว่าเราพูดเล่นกับเจ้าอยู่รึ”

“อืม” หรงต้าซือมิ่งพยักหน้าอย่างสง่างาม ทำให้ผู้คนเห็นว่า ‘เขาไท่ซานถล่ม สีหน้าไม่เปลี่ยน[1]’ เป็นอย่างไร สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้จริงๆ ดุจทวยเทพที่หลุดพ้นทางโลก ปลงกับทุกสิ่งแล้ว

แม้เขาจะกำลังกล่อมทารกน้อย แม้เขาจะนั่งลงบนพื้นอย่างเกียจคร้าน ล้วนมิสามารถทำลายความน่าเกรงขามอันสูงส่งของเขาได้ และยิ่งมิอาจทำลายความวาบหวามอันเย้ายวนผู้คนอย่างเป็นธรรมชาติของเขา ไม่ว่าอย่างไรสตรีมากมายในห้องโถงในบัดนี้ก็หลงใหลเขาแล้ว! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกู้หยวนซู ถึงแม้นางเกลียดแค้นเขาเพราะความรัก กระทั่งเคยคิดอยากจะสังหารต้าซือมิ่ง ทว่าในบัดนี้นางเองก็ตกอยู่ในความลุ่มหลงแล้ว

ต้าซือมิ่งยังเป็นดังเช่นดอกฝิ่นทำให้ผู้คนมิอาจถอนพิษได้ ถึงแม้เจ้าจะไม่กล้าสารภาพรักต่อหน้าเขา แต่กลับอดวาดฝันไม่ได้ และก็ทำได้เพียงวาดฝัน มักจะรู้สึกว่าตนไม่สามารถเอื้อมถึงเทพบุตรชั้นยอดแห่งตำหนักซือมิ่งได้

แต่ว่า… เทพบุตรชั้นยอดเช่นนี้กลับหวั่นไหวต่อสตรี สมควรแล้วหรือ!? ถึงอย่างไรกู้หยวนซูก็คิดว่าไม่สมควร นางจึงลุกขึ้น “ต้าซือมิ่ง ข้ารู้ว่าท่านคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของท่าน แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนปฏิบัติงานแทนพระองค์มาตลอด ที่ท่านคิดนั้นเป็นเพียงเรื่องลวง บุตรของนางเป็นโอรสของฝ่าบาท เป็นโอรสของต้าซย่า เขาเป็นบุตรแห่งเทพ”

กู้หยวนซูฉีกหน้านังคนชั่วเยี่ยนจื่ออวี๋อย่างโหดเหี้ยม! ทำให้ต้าซือมิ่งกระจ่างในทันใดว่านังคนชั่วคนนี้เป็นเพียงนางโลมที่นอนกับชายไม่เลือกหน้า!

น่าเจ็บใจที่ก่อนจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท แผนการชั่วร้ายของนางมิอาจทำให้นังคนชั่วนี้แต่งเข้าตระกูลกู้ สมรสกับน้องชายของตนกลายเป็นน้องสะใภ้ให้ตนกลั่นแกล้งเหมือนกับเยี่ยนซูซูนังคนโง่คนนั้น!

น่าเจ็บใจ! น่าเจ็บใจที่ตระกูลจางและสำนักคุนอู๋ รวมถึงน้องชายไร้ประโยชน์ของตนคนนั้น ล้วนเป็นเพียงคนไม่มีความสามารถ รังแต่จะสร้างปัญหา! ทรยศต่อความอุตสาหะของนางที่เข้าไปพัวพันหยวนคังฮ่องเต้ น่าเจ็บใจ! น่าเจ็บใจจริงๆ!

กู้หยวนซูที่คิดถึงตรงนี้ นางก็จับมือของตนที่อยู่ใต้ร่มผ้าไว้แน่น ถึงแม้ในใจเต็มไปด้วยคำหยาบมากมาย แต่กลับทำได้เพียงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าก็เป็นน้องสาวของข้าเช่นกัน ข้ารอน้องในวังหลังมานานแล้ว”

เพล้ง! อินหลิวเฟิงตัวสั่น คราวนี้ถึงตาเขาทำจอกแตก เขาไม่ได้ตั้งใจ แต่ท่าทีของเขาก็เรียกสายตาทุกคู่จับจ้องไปแล้ว…

เขาจำเป็นต้องลุกยืนขึ้น “แหะๆ! ตื่นเต้นไปหน่อย ตื่นเต้นไปหน่อยน่ะ ทุกท่านอย่ามองข้าเลย ถึงแม้ข้าจะเสเพลรักอิสระ แต่ก็เป็นดอกโบตั๋นงดงามโดดเด่นแห่งต้าซย่า กระนั้นก็มิอาจสู้ต้าซือมิ่งที่ประเสริฐงดงามประหนึ่งดอกไม้บนยอดเขานั่นหรอก ทุกท่านเชิญชมต่อเถิด”

อินสวินอี้ “…”

ลูกชายไร้ยางอายคนนี้ช่างหล่นไม่ไกลต้นจริงๆ! ไม่เลวๆ

“นายท่านน้อยอินก็คงคิดไม่ถึงใช่หรือไม่” กู้หยวนซูกลับเอ่ยขึ้น “มิเป็นไร ถือเสียว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากเคยฝันใฝ่ในตัวปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน ฝ่าบาทก็อภัยโทษได้”

ถึงอย่างไรฝ่าบาทก็ยอมรับเด็กชาติสุนัขคนนี้เพียงเพื่อนังคนชั่วคนนี้ นางอยากเห็นจริงๆ ว่าฝ่าบาทจะทนบีบจมูกไว้ได้นานแค่ไหน! เมื่อเขาไม่อยากทนต่อไปแล้ว ดูซิว่านางจะจัดการเยี่ยนจื่ออวี๋นังคนชั่วคนนี้อย่างไร!

กู้หยวนซูที่กำลังลอบคิดก็กระหยิ่มยิ้มย่อง และยังมองหยวนคังฮ่องเต้ด้วยท่วงท่าสง่างาม “ใช่หรือไม่เพคะ ฝ่าบาท ถึงอย่างไรน้องจื่ออวี๋ของเราก็งดงามมากจริงๆ คนทั่วไปจะต้านทานเสน่ห์ของนางได้อย่างไรเล่า”

กู้หยวนซูภายนอกกล่าวชมเชยความงามของเยี่ยนอวี๋ แต่เบื้องหลังกลับใส่ร้ายป้ายสีนางไม่หยุด และยังบอกว่านางเป็นสตรีที่ขึ้นเตียงกับชายไม่เลือกหน้า ทำเอาคนที่มีสติปัญญาดีต่างปาดเหงื่อพากันคิดในใจว่า พิษร้ายที่สุดคือพิษของคนชั่วและสตรีจริงๆ!

แต่แล้ว…

เพี๊ยะ!

หยวนคังฮ่องเต้ตบหน้ากู้หยวนซูฉาดใหญ่! ทำเอาฝ่ายหลังที่กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่นั้นหน้าชาไปหมด เขาไม่ไว้หน้านางแม้แต่น้อย “ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนและเรามีใจเชื่อมถึงกัน เป็นชะตาลิขิต ตั้งแต่ก่อนที่ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนยังไม่สามารถปลุกเรียกพรสวรรค์ของตน เราก็ฝันถึงเทพธิดาสถิตยังต้าซย่าของเรา และพัฒนาต้าซย่าจนเจริญรุ่งโรจน์ นางเป็นเทพธิดาจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรเรียกนางว่าน้อง”

คำพูดเช่นนี้… ทำให้หัวใจของกู้หยวนซูแหลกสลาย

นางถึงกับมิสามารถยืนขึ้นได้ เพราะบัดนี้นางอยู่ต่อหน้าเหล่าขุนนางราชสำนัก ผู้สูงศักดิ์ และสำนักทุกสำนักของต้าซย่า ต่างจากการถูกตบในวังหลัง ศักดิ์ศรีของนางถูกทำลายสิ้นเชิง

แต่หยวนคังฮ่องเต้ย่อมไม่สนใจกู้หยวนซูสตรีที่ได้มาอย่างง่ายดายคนนี้ ในสายตาของเขาในบัดนี้มีเพียงเยี่ยนอวี๋ “จื่ออวี๋ เจ้าน่าจะจำได้”

หยวนคังฮ่องเต้เชื่อมั่นว่าเขาและนางมีใจตรงกันตั้งแต่แรก ดังนั้นบางครั้งเขาก็ถึงกับคิดว่าเด็กคนนั้นอาจจะเป็นโอรสของเขาจริงๆ ทว่าเรื่องถึงบัดนี้ เมื่อเห็นเด็กน้อยที่หน้าตาเหมือนหรงอี้ เขาก็จำเป็นต้องเผชิญกับความจริง ก่อนที่เขายังหานางในฝันไม่เจอ ท้ายที่สุดนางก็แปดเปื้อนเสียแล้ว เป็นความผิดของเขาเอง เป็นความผิดของเหล่าขุนนางไร้ประโยชน์เหล่านั้น!

แต่แล้ว…

“ขออภัย มิใช่จริงๆ เพคะ” เยี่ยนอวี๋จำเป็นต้องกล่าวตามจริง “มิใช่จริงๆ บุตรของหม่อมฉันเป็นบุตรของต้าซือมิ่ง ฝ่าบาทโปรดอย่าหลงกลคนร้ายเพคะ”

เยี่ยนอวี๋กล่าวอย่างจริงใจ นางเองก็รู้สึกว่าหยวนคังฮ่องเต้ถูกกู้หยวนซูสะกดจิตไว้แล้ว ไม่ว่านางจะคิดอย่างไร ย่อมคิดไม่ถึงว่าหยวนคังฮ่องเต้จะเพ้อฝันถึงนางมานานแล้ว มิเช่นนั้นนางคงอาเจียนไปแล้ว

ทว่าจักรพรรดิหวนคังที่เจ็บปวดใจก็กล่าวว่า “ไม่ เจ้าผิดแล้ว เจ้าจำคนผิดแล้ว ต้าซือมิ่งคนนี้เป็นพรหมจารีจวบจนทุกวันนี้ เขาจะทำให้เจ้าตั้งครรภ์ได้อย่างไร”

“เชี่ย!”

อินหลิวเฟิงร้อง ‘เชี่ย’ ออกมาจริงๆ!

ถึงแม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้าซือมิ่งถูกระบุว่าเป็นพรหมจารี แต่อินหลิวเฟิงรู้ดีว่า หากไม่มีหลักฐานที่แท้จริงแล้ว หยวนคังฮ่องเต้ไม่ควรกล่าวเช่นนี้

ไม่สิ! หากไม่มีหลักฐานที่แท้จริงแล้ว วันนี้หยวนคังฮ่องเต้คงไม่กล้าบอกว่าเสี่ยวเป่าเป็นโอรสของเขา

ดังนั้น…

เชี่ย!

มารดามันเถอะ!

นี่มันเรื่องพิสดารอะไรกัน

ไม่ว่าอินสวินอี้จะพยายามจินตนาการอย่างไร หยวนคังฮ่องเต้ยังคงมั่นใจ “หากเจ้าไม่เชื่อ เราจะเปิดแดนเทพ จะทำให้เจ้าเห็นว่าใครเป็นบิดาของเสี่ยวเป่า คนบางคนใช้กลอุบายร้อยแปดเพียงเพื่อเป็นเป็นปรปักษ์ต่อข้า ท้ายที่สุดก็มิอาจพิสูจน์ได้”

เอาแล้ว!

คราวนี้… ต้าซือมิ่งสะเทือนแล้วจริงๆ

[1] เขาไท่ซานถล่ม สีหน้าไม่เปลี่ยน เป็นสำนวนจีนหมายถึง มีจิตใจสงบ เยือกเย็น ในยามลำบากหรือคับขัน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *