เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน 47 เม่ยเอ๋อร์ไม่เคยสาย!

Now you are reading เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน Chapter 47 เม่ยเอ๋อร์ไม่เคยสาย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เป็นไปได้อย่างไร…” ถงเหล่าที่ออกแรงสุดกำลังเบิกตากว้างแทบถลน หัวใจเต้นระรัว!

เหล่าบรรดาผู้พิทักษ์สำนักชางอู๋ที่กวดตามเข้ามา ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นยอดฝีมือที่มีประสบการณ์ ย่อมสามารถตระหนักได้ว่า ลมปราณที่เยี่ยนจื่อเสาอัญเชิญมาขณะนี้ ไม่ธรรมดา เหมือนจะเป็น…

“จิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง?”

ผู้พิทักษ์คนหนึ่งรำพึงอย่างเหลือเชื่อ “ลมปราณแก่นวิญญาณของอสูรในตํานานจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง?” มิใช่หรอกกระมัง! ไม่มีทาง? เขาเห็นภาพลวงตาแน่ๆ?

“เป็นภาพลวงตาแน่นอน” จิตใต้สำนึกของผู้พิทักษ์หลายคนบอกกับตัวเองว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตา แม้ว่าเยี่ยนจื่อเสาจะเป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ที่มีพรสวรรค์มาก แต่เขาเป็นเพียงผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเท่านั้น! เป็นไปได้อย่างไรที่จะสามารถอัญเชิญจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ที่แม้แต่ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตํานานยังมิสามารถอัญเชิญออกมาได้!

ถงเหล่าก็คิดเช่นนี้ แต่เมื่อเขาสงบจิตใจแล้ว ก็พบว่าหมอกสีขาวที่แผ่ออกมารอบกายของเยี่ยนจื่อเสาได้หายไปอย่างไร้วี่แวว ไม่มีวิญญาณอสูรจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางในตำนานปรากฏ

แต่เยี่ยนจื่อเสากลับส่งเสียง อึก ออกมา เขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก เลือดสีแดงสดไหลทะลักเต็มทรวงอก สีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ สั่นสะท้านทั่วสรรพางค์กาย

แต่ถึงกระนั้น เยี่ยนจื่อเสายังคงกลั้นเลือดในหัวใจเงียบๆ มันยังเป็นเหมือนเดิมเหมือนเมื่อก่อน มิเช่นนั้น เมื่อครู่นี้เขาคงไม่สามารถอัญเชิญ ‘ลมปราณกลุ่มนั้น’ ออกมาได้

“เจ้าถง ยอมให้จับเสียโดยดีเถอะ!” ผู้พิทักษ์ทั้งสามคนที่หลังจากปรับจิตใจให้สงบลงแล้ว ได้โอบล้อมถงเหล่าไว้ ไม่ให้เขาเข้าใกล้เยี่ยนจื่อเสาอีก

ทว่าถงเหล่าที่ถูกโอบล้อมกลับส่งเสียง หึ เย้ยหยันในลำคอ พร้อมกับพูดว่า “คนสำนักเดียวกัน ข้าแนะนำพวกเจ้าทั้งสามอย่าแส่หาเรื่อง มิเช่นนั้นอย่ามาโทษว่าข้าไม่เห็นแก่มิตรภาพ”

“บังอาจ!” เฉินชุนผิงผู้พิทักษ์ที่มาก่อน ไม่นึกว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว! ถงโฉวเซิ่นที่เป็นผู้พิทักษ์สำนักเดียวกันยังจะกล้าพูดจาไร้สำนึกเช่นนี้อีก

แต่อย่างไร เฉินชุนผิงและอีกสามคนก็ฝึกฌานอยู่ในระดับเดียวกันกับถงโฉวเซิ่น พวกเขาต่างก็เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในขั้นสุงสุดของขั้นสุวรรณชาด เป็นขุมพลังระดับสูงของสำนัก

แม้ว่าถงโฉวเซิ่นจะเชี่ยวชาญเรื่องพิษประหลาดบางอย่าง แต่เมื่อเผชิญหน้ากัน เขาก็สามารถทำได้เพียงรักษาระยะห่างไม่ให้เฉินชุนผิงและทั้งสามคนเข้าใกล้ได้ เมื่อใดที่เขาใช้ยาพิษจนหมด ย่อมไม่สามารถหลบหนีได้พ้น แต่เห็นชัดว่าถงโฉวเซิ่นไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาย่อมมีท่าไม้ตาย เขาตบทรวงอกตัวเองในทันที พรึบ เลือดในหัวใจพุ่งออกมาบัดดล จับตัวเป็นก้อนต่อหน้าถงโฉวเซิ่นทันที

“!” ใบหน้าของเฉินชุนผิงเปลี่ยนไป พวกเขาทั้งหมดตระหนักถึงความเป็นไปได้บางอย่าง

เป็นไปตามคาด ถงโฉวเซิ่นใช้เลือดในหัวใจของเขาสร้างสิ่งโบราณกาลบางอย่างขึ้นอย่างรวดเร็ว! นั่นคืออักษรรูนคำว่า ‘อัญเชิญ’ ที่เต็มไปด้วยลมปราณลึกลับ

“บัดซบ! หยุดเขาเร็ว!” เฉินชุนผิงตกตะลึง “ถงโฉวเซิ่น! เจ้าเป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์!” ในเบื้องลึกเบื้องหลังจะต้องมีแผนการร้ายอะไรซ่อนอยู่เป็นแน่ มิเช่นนั้นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ยอดฝีมือคนหนึ่ง จะยอมซ่อนพรสวรรค์จนมาเปิดเผยเอาตอนนี้ได้อย่างไร

“แย่แล้ว!” ผู้พิทักษ์อีกสองคนที่ตระหนักถึงความร้ายแรงก็ระเบิดพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา ร่วมมือกับเฉินชุนผิงเพื่อต่อกรกับถงโฉวเซิ่น

แค่ก… เยี่ยนจื่อเสาที่กระอักเลือดตลอดเวลา รู้อยู่เต็มอกว่าเป้าหมายของถงเหล่าก็คือเขา ดังนั้นแม้ว่าเขาจะอ่อนแอมากเพียงใด เขาก็ต้องพยายามไปที่เขตหวงห้ามให้จงได้

เจอกับเยี่ยนอวี๋ที่เก็บเยี่ยนเสี่ยวเป่าไว้ในที่ปลอดภัยแล้วเสียที “พี่รอง?”

“น้องเล็กรีบกลับไปเขตหวงห้ามเร็ว!” เยี่ยนจื่อเสาเร่งรัด พลางกระอักเลือดออกมาอย่างมิอาจควบคุมได้

แน่นอนว่าเยี่ยนอวี๋ไม่ได้ล่าถอย หากแต่เร่งความเร็วขึ้น! เมื่อเดินตรงไปยังเยี่ยนจื่อเสา นางรู้สึกได้ว่าสภาพของเยี่ยนจื่อเสานั้นย่ำแย่เป็นอย่างมาก

“น้อง…” เยี่ยนจื่อเสาร้อนใจ! แต่ครั้งนี้ก่อนที่เขาจะพูดจบ อสูรร้ายตัวหนึ่งที่ด้านหลังของเขาก็ส่งเสียงคํารามดังขึ้น โฮกกก

ปัง! ผู้พิทักษ์สำนักชางอู๋ทั้งสามคน ไม่นึกแปลกใจเลยที่จะถูกแก่นวิญญาณอสูรที่ถงโฉวเซิ่นอัญเชิญมาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เสียงคำรามกึกก้อง พวกเขาต่างก็กระอักเลือดทรุดลงกองกับพื้น

ทันใดนั้น ตูม! อสูรร้ายระเบิดแรงกดดันออกมา ราวกับเกลียวคลื่นในมหาสมุทร คลื่นพลังทอดยาวมายังเยี่ยนจื่อเสาผู้กำลังโงนเงนอยู่ขณะนี้

ทันทีที่นัยน์ตาคู่งามของเยี่ยนอวี๋กะพริบ ฉับพลันนั้นเองฝ่ามือข้างหนึ่งก็ได้ปล่อยม่านแสงปกคลุมเยี่ยนจื่อเสา และมีคนเคลื่อนกายมาหยุดอยู่ตรงหน้าเยี่ยนจื่อเสา

“มาได้จังหวะพอดี!” ถงโฉวเซิ่นแสยะยิ้มเมื่อเหลือบไปเห็นเยี่ยนอวี๋ อสูรร้ายที่มีหัวเป็นกระบือตัวเป็นราชสีห์ที่เขาอัญเชิญมา ได้พุ่งเข้าไปบดขยี้เยี่ยนอวี๋และเยี่ยนจื่อเสาสองพี่น้องทันที

เยี่ยนอวี๋เงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเย็นชา ไม่ขยับเขยื้อนกาย แม้นลมหายใจอันเหี้ยมโหดของอสูรร้ายได้บีบเข้ามาใกล้แล้วก็ตาม แต่นางก็มิถอยแม้เพียงสักก้าวเดียว

ความนิ่งสงบเช่นนี้ของนาง เมื่อเยี่ยนจื่อเสาที่เอี้ยวหันไปมอง ในสายตาของเขาคงเหลือแต่ความโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง ทำให้เขาคับแค้นเดือดดาลใจ “น้องเล็ก!”

โฮกกก

อสูรร้ายกระโจนเข้ามาหมายเหยียบย่ำ!

ในสายตาของเยี่ยนจื่อเสา ปรากฏเห็นภาพของเยี่ยนอวี๋ถูกเหยียบย่ำจนเลือดเนื้อแตกกระจายจนไม่เหลือสภาพเดิม ทําให้เขาคํารามออกมาอย่างสิ้นหวังในทันที “ไม่!”

สมองของเยี่ยนจื่อเสาพลันว่างเปล่าในบัดดล! เขาจมอยู่ใน ‘ภาพลวงตา’ ที่เขาสร้างขึ้นเองอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงไม่เห็น…

ในช่วงเวลาที่แก่นวิญญาณอสูรที่ถงโฉวเซิ่นอัญเชิญมากำลังจะเหยียบย่ำเยี่ยนอวี๋นั้น จู่ๆ ก็มีแสงสีดำแดงระเบิดออกมา! กลายเป็นโล่อันแข็งแกร่งบังตัวเยี่ยนอวี๋ไว้

เยี่ยนจื่อเสาไม่เห็นมัน…

ดังนั้น…

ปัง!

ยามเลือดกระสานซ่านเซ็นทั่วร่าง เขาได้คำรามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า ‘อัญเชิญ’ จากนั้น วงแสงสีขาวเรืองรอง! ก็กลายเป็นโล่ที่แผ่ออกไปโดยมีตัวเขาเป็นศูนย์กลาง

ตูม!

โล่พยับเมฆแผ่ออกไปไกลสุดสายตา ประหนึ่งถูกเปิดออกด้วยม่านสีขาวพราวพร่างพรายนี้ มีลมปราณอันแข็งแกร่งที่โบราณและลึกลับพรั่งพรูลงมาจากฟากฟ้า ราวกับน้ำตกที่ไหลมาจากสวรรค์ชั้นเก้า ลอยลงมารวมอยู่ที่เบื้องหลังของเยี่ยนจื่อเสา

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *