เซียนหมากข้ามมิติ 496 เป็นของล้ำค่าอย่างแท้จริง

Now you are reading เซียนหมากข้ามมิติ Chapter 496 เป็นของล้ำค่าอย่างแท้จริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 496 เป็นของล้ำค่าอย่างแท้จริง

……………………………………………………………………..

จี้หยวนมองเรือนพักแขกฝั่งตรงข้าม ขอทานชราปิดประตูแล้ว ผู้ฝึกเซียนอย่างขอทานชรา ไม่มีทางแสร้งทำเป็นปิดประตูแล้วลอบสังเกตผ่านประตู

ม้วนภาพวาดเซี่ยจื้อตรงหน้าเป็นผลงานของผู้ใด อีกทั้งเชือกไหมทองในมือเป็นวัสดุใด ไยนำมามัดภาพวาดตามใจชอบ ไม่ใช่วัตถุอาคมจริงหรือ

เชือกไหมทองค่อยๆ ลอยขึ้นจากมือของจี้หยวน เขาโคจรพลังรวบรวมปราณวิญญาณโดยรอบ รวมไว้บนเชือกไหมทอง เพราะการเติมปราณวิญญาณทำให้เชือกไหมทองส่องแสงทองจางๆ แต่นี่ไม่ใช่เพราะกระตุ้นอาคมความอัศจรรย์อะไรของเชือกได้ อย่างดีที่สุดถือว่าเป็นปฏิกิริยาของวัตถุพิเศษที่มีต่อปราณวิญญาณ

ความคิดของจี้หยวนผันเปลี่ยน เชือกไหมทองที่ลอยอยู่เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายตาม เดี๋ยวตรงแหน็ว เดี๋ยวโค้งงอ หรือไม่ก็ขยับเหมือนงู บางครั้งก็เชื่อมต่อกันเป็นวงกลม จากนั้นผละออกจากกันอย่างง่ายดาย

สถานการณ์นี้ทำให้จี้หยวนพึมพำอย่างอดไม่ได้

“ควบคุมจิตใจเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง แทบเปลี่ยนแปลงได้ตามใจอย่างไรอย่างนั้น”

วิชาคุมวัตถุแม้เป็นวิชาพื้นฐานในมรรควิถีฝึกปราณทุกแขนง แต่ก็เป็นวิชาที่เปลี่ยนผันมากมายที่สุดด้วยเช่นกัน เหมือนกับวิชาคุมกระบี่ยิ่งนัก ด้วยกลายเป็นวิชามรรคเซียนสายตรงอย่างถ่องแท้นานแล้ว ถึงขนาดกลายเป็นวิชาอัศจรรย์ของผู้ฝึกมรรคเซียนไม่น้อยโดยสิ้นเชิง

เหตุผลในนั้นย่อมเป็นเพราะต้องการเรียนวิชาคุมวัตถุไม่ยาก จะเรียนอย่างลึกซึ้งกลับไม่ง่าย หากต้องการฝึกให้ใช้งานและควบคุมได้อย่างแม่นยำยิ่งยากกว่า ข้อกำหนดสำหรับผู้สำแดงวิชามากนัก ข้อกำหนดสำหรับการคุมวัตถุก็มากนักเช่นเดียวกัน

ทว่าเชือกไหมทองในมือจี้หยวนอัศจรรย์อย่างแท้จริง แทบเปลี่ยนแปลงได้ตามใจ

‘ไม่รู้เลยว่าระดับความดื้อดึงเป็นอย่างไร’

คิดถึงตรงนี้แล้ว จี้หยวนไม่ลังเลเช่นกัน สองมือจับเชือกไหมทองที่ลอยอยู่ จากนั้นออกแรงดึงปลายเชือกทั้งสองด้าน

อย่ามองว่าจี้หยวนท่าทางเหมือนบัณฑิตสง่างาม แต่ความจริงแล้วขัดเกลาปราณวิญญาณทั่วร่างตั้งแต่ยังเยาว์ อีกทั้งเป็นผู้ฝึกปราณที่มีห้าธาตุเต็มเปี่ยม ได้รับการฝึกฝนร่างกายโดยเคราะห์อสนี กำลังกายไม่น้อยอย่างแน่นอน

กึก…

เสียงดังออกมาจากเชือก ตัวมันเองแข็งขึ้นอย่างน่าประหลาด

จี้หยวนฉุกคิดได้ พลังรอบกายเอ่อขึ้น เพราะโคจรวิชานั่นเอง ทันใดนั้นแรงที่ดึงเชือกโดยสองมือเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเป็นพันเท่า

‘ดื้อดึงดังคาด…’

ปึง…

จี้หยวนเพิ่งฉุกคิด เชือกขาดสะบั้นทันทีที่เขามีปฏิกิริยาตอบโต้

‘ขาดแล้ว…ขาดแล้วหรือ!’

จี้หยวนชะงักไปครู่หนึ่งอย่างชัดเจน นี่ไม่ค่อยเหมือนกับที่จินตนาการไว้สักเท่าไหร่…

เห็นเชือกไหมทองสองท่อนอยู่ที่มือซ้ายและขวา มุมปากจี้หยวนกระตุกอย่างอดไม่ได้ นี่จะทำอย่างไรดี

เขาลองนำปลายเชือกขาดสองด้านมาเชื่อมกัน กลับเห็นเชือกสองท่อนเชื่อมกันด้วยตนเอง เมื่อลองออกแรงดึงอีกครั้งกลับไม่รู้สักเลยว่าเชือกเส้นนี้เคยขาดมาก่อน แม้แต่ความรู้สึกจากปฏิกิริยาโต้ตอบของมันเมื่อโคจรพลังแล้วก็ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง

“น่าสนใจ!”

จี้หยวนโยนเชือกเบาๆ ทำให้มันลอยคว้างอยู่กลางอากาศ จากนั้นจี้หยวนยื่นมือขวาด้านข้าง กระบี่เครือเขียวที่เชื่อมโยงจิตใจกับเขาลอยไปถึงตรงนั้นทันที ให้จี้หยวนจับด้ามกระบี่อย่างเหมาะเจาะ

ชิ้ง

กึก!

เสียงกระบี่และเสียงกลับเข้าฝักชัดเจนแทบดังขึ้นพร้อมกัน เชือกไหมทองกลางอากาศขาดเป็นสองท่อนตามเสียงนั้น แต่ครั้งนี้ไม่ได้ขาดจากตรงกลาง ทว่าด้านหนึ่งครองความยาวเก้าส่วน อีกด้านหนึ่งสั้นนิดเดียว

จี้หยวนจับเชือกสองท่อนอีกครั้ง แล้วนำเข้ามาใกล้กันอย่างระมัดระวัง

ความเสียหายจากกระบี่เซียนยากหลีกเลี่ยง พูดตามปกติแล้วสิ่งของที่ถูกกระบี่เซียนตัดขาดไม่อาจเชื่อมกันอีกครั้งได้โดยง่าย แต่ตอนนี้เมื่อเชือกสองท่อนเข้าใกล้กันก็เชื่อมต่อกันในทันที เชื่อมต่อกันอย่างชัดเจนเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด

“น่าสนใจ!”

จี้หยวนใช้มือลูบคาง เหล่มองเชือกเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นานเขาตาเป็นประกายเพราะตัดสินใจแล้ว

จากนั้นจี้หยวนอ้าปากเล็กน้อย คายปราณกลุ่มหนึ่งออกมา เป็นกระแสปราณสีเทาแดง ปล่อยให้มันลอยไปถึงเชือกสั้นท่อนนั้น

เมื่อปราณเพลิงสมาปราณสมาธิปรากฏ แม้อุณหภูมิในลานไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าสมดุลหยินหยางพลันถูกทำลาย ถึงขั้นที่กระแสปราณวิญญาณก็ถูกฉีกออกเช่นกัน

ขอทานชราที่นอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงแทบลุกขึ้นนั่งในทันที เมื่อเสียงกระบี่ดังขึ้นก่อนหน้านี้ เขารู้สึกเหมือนว่ามีแสงสีเงินวาบผ่าน ส่วนความรู้สึกในตอนนี้เหมือนกับมีทะเลเพลิงมากล้ำกราย

เขามองไปทางประตูไม้ที่กั้นตนเองไว้กับข้างนอก จี้หยวนทำอะไรกันแน่ กำลังสำแดงอภินิหารคุมเพลิงที่ยอดเยี่ยมอย่างนั้นหรือ

ในลานนั้น ปราณเพลิงสมาธิแผดเผา ทว่าเชือกท่อนนั้นกลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไร ขณะที่จี้หยวนจุ๊ปากชมเชยก็รู้สึกโล่งใจเช่นเดียวกัน

เมื่อปราณเพลิงสมาธิหยุดลง เพลิงสมาธิสีเทาแดงของจริงก็ออกมา

ฉ่า

เพลิงนี้เผาไหม้อยู่บนเชือก เหมือนกับว่าเพราะการแผดเผาของเพลิงสมาธิในไม่กี่อึดใจรุนแรงเกินไป เชือกเส้นบางที่เดิมทีบางมากเหมือนด้ายทองทอแสงสีทองระยิบระยับในเวลานี้ งดงามต้องตายิ่งนักอย่างชัดเจน

เพลิงสมาธิอันตรายเกินไป แม้จี้หยวนไม่ถึงขั้นควบคุมเพลิงแท้ได้ตามใจชอบโดยสมบูรณ์ แต่เทียบกับก่อนหน้านี้แล้วรุนแรงยิ่งนัก อย่างน้อยก็ถึงขั้นสำแดงวิชาอื่นใจกลางเพลิงได้แล้ว

ขณะเพลิงสมาธิแผดเผา จี้หยวนใช้ความคิดคุมวัตถุอีกครั้ง ปลายเชือกถูกดึง ความยาวเพิ่มมากขึ้นเหมือนกับยืดหนังยาง ทว่าราวกับหนังยาวบางกว่าเดิม พร้อมกันนั้นกลับคล้ายไม่มีความเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น

หลังจากนั้นหลายลมหายใจ จี้หยวนเก็บเพลิงสมาธิแล้ว ปรากฏว่าตาลายอยู่บ้าง ปลายเชือกนั้นไม่ได้เปลี่ยนกลับเสียอย่างนั้น กระนั้นยังคงอยู่ในสภาพทอแสงทองระยิบระยับ แม้แต่ความยาวหลังจากดึงแล้วก็เช่นเดียวกัน

เมื่อมองดูให้ดี สภาพของเชือกที่ทอแสงทองเหมือนกับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แม้มองแล้วตาลายเล็กน้อย แต่ความรู้สึกละเอียดอ่อนเหมือนกับเส้นไหมสีทองก่อนหน้านี้หายไปแล้ว เขาใช้มือจับดู ความนุ่มลื่นก็หายไปไม่น้อยเช่นกัน

‘เอ่อ…นี่ยังเชื่อมกลับไปได้หรือไม่’

จี้หยวนนำเชือกไหมทองท่อนที่ค่อนข้างยาวมาเชื่อมกับเชือกทอแสงทอง ผลที่ออกมาคือไม่มีปฏิกิริยาใดเลยสักนิด ควรขาดก็ขาดแล้ว

‘ทำเกินไปหรือ’

“จิ๊…อะไรกันนี่”

ทันใดนั้นแสงวิญญาณในใจจี้หยวนขยับไหว เขายื่นมือจับเชือกที่เกิดความเปลี่ยนแปลงแล้วออกแรงดึงอีกครั้ง อีกทั้งโคจรวิชาสำแดงพลัง ทว่าเชือกก็ยังคงไม่ขยับ

ในเมื่อมือดึงไม่ขาด ทันใดนั้นชักกระบี่อักครั้ง

ชิ้ง

กึก!

กระบี่เครือเขียวฟันเชือกทอแสงทองท่อนนั้น ทำให้มันถูกแบ่งออกไปอีกสองชุ่น แม้จี้หยวนไม่ได้โคจรวิชาโดยสิ้นเชิง แม้ว่ากระบี่เซียนเพียงฟันไปตามใจชอบ ไม่ได้ใช้ประกายกระบี่และรวมเจตกระบี่ แต่ในสายตาเขาเหมือนกับนี่เป็นครั้งแรกที่กระบี่เครือเขียวพบสิ่งที่ไม่อาจฟันได้

หึ่ง…

กระบี่เซียนสั่นไหวเบาๆ จากนั้นเจตกระบี่เพิ่มขึ้น ตัวกระบี่อบอวลไปด้วยแสงสีเงินเหมือนหิมะ ราวกับเตรียมฟันอีกครั้ง ทว่าจี้หยวนยื่นมือจับมันไว้โดยตรง

“อย่ามีโทสะ เป็นแค่การทดสอบเท่านั้น ไม่ใช่ว่าต้องฟันให้ขาดให้ได้”

พูดแล้วจี้หยวนก็เก็บกระบี่เข้าฝัก อีกทั้งตีตัวกระบี่เบาๆ เพื่อเป็นการปลอบโยนกระบี่เครือเขียว ให้มันลอยอยู่ข้างหลังตามเดิม

จี้หยวนไม่ละสายตาจากเชือกทอแสงทองท่อนนั้นเลย ทันใดนั้นยื่นมือจับบนนั้นแล้วสัมผัสอย่างตั้งใจ เขารู้สึกได้ถึงรอยจางๆ ที่ยากสังเกตได้จึงลองเติมปราณวิญญาณเข้าไปเล็กน้อย รอยจางๆ นั้นหายไปทันทีดังคาด

‘น่าสนใจมาก! เป็นของล้ำค่าอย่างแท้จริง!’

ตอนจี้หยวนยิ้มพลางพึมพำกับตนเอง ในที่สุดขอทานในห้องฝั่งตรงข้ามก็ทนไม่ไหวแล้ว

“ท่านจี้ ดึกดื่นแล้วไยท่านยังไม่นอน ทำอะไรอยู่นั่น”

ก่อนหน้านี้ยังดี ทว่าเมื่อครู่พลันสัมผัสได้ถึงเจตกระบี่เซียนเทียมฟ้าของจี้หยวน ทำเอาขอทานชราตกใจสะดุ้ง หากไม่ใช่เพราะสัมผัสปราณชั่วร้ายอะไรไม่ได้จากโดยรอบ ขอทานชราอาจคิดว่ามีปีศาจมารอะไรมาบุกแล้ว

จี้หยวนรีบกล่าวขออภัยไปทางเรือนพักแขก

“รบกวนการนอนหลับของผู้อาวุโสหลู่เป็นความผิดของข้าคนแซ่จี้จริง ข้าคนแซ่จี้จะไปนอนแล้ว จะไปนอนเดี๋ยวนี้ ฮ่าๆๆ…”

พูดแล้วจี้หยวนก็ลุกขึ้นยืน ประสานมือคารวะไปทางฝั่งตรงข้ามด้วยความจริงใจ จากนั้นเก็บม้วนภาพวาดเซี่ยจื้อบนโต๊ะ ไปจนถึงเชือกสองท่อนที่มีสภาพแตกต่างกัน แล้วหมุนกายเข้าเรือนพักแขกของตนเองไป

จี้หยวนกลับห้องแล้วนอนหลับที่ไหนกัน เขาเหมือนกับเด็กที่ได้รับของเล่นที่หาได้ยาก พลิกตัวไปมาคิดแต่อยากออกจากผ้าห่มไปแอบเล่นของเล่น

แน่นอนว่าจี้หยวนในตอนนี้ไม่อาจคิดแต่เล่นสนุก แต่เพราะเชือกวิเศษนั้น ในใจเขาจึงเกิดความคิดแปลกพิสดารมากมาย

จี้หยวนสะบัดแขนเสื้ออยู่บนเตียง ยันต์วิญญาณมากมายลอยออกจากในนั้น นี่เป็นสิ่งที่เขาซื้อมาตอนเที่ยวเล่นแถวท่าเรือยอดเขา ใช้กางเขตอาคมได้ ใช้ตาทิพย์ของจี้หยวนมองแล้วพบว่าไม่ธรรมดาเลย

ตอนนี้จี้หยวนติดยันต์วิญญาณยี่สิบแผ่นรอบเรือนพักแขก จากนั้นปรากฏเหรียญทิพย์ในมือแถวหนึ่ง ทุกครั้งที่ติดยันต์วิญญาณจะทับด้วยเหรียญทิพย์ ติดไว้ทั่วทุกมุมของห้อง

โดยรอบเหมือนกับเงียบสงัดไปในทันที นี่ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ยินเสียงข้างนอกจากข้างใน ทว่าป้องกันจิตวิญญาณผู้มีความสามารถสังเกตเห็น ราวกับแบ่งแยกในห้องกับนอกห้องเป็นฟ้ากับดิน

ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จแล้ว เส้นด้ายโปร่งแสงเหมือนอัญมณีลอยออกมาจากในแขนเสื้อจี้หยวนอีก เกล็ดที่ทับกันเป็นระเบียบหลายชั้นก็ลอยออกมาเช่นกัน จากนั้นบัญชาเวทอสนีที่แสงสายฟ้ายังไม่กลับสู่สภาพเดิมโดยสมบูรณ์ก็ปรากฏ

“ธรรมกลั่นเส้นไหมเป็นทอง เกล็ดทองทะเลกระจกเป็นน้ำ อสนีเคราะห์สวรรค์เป็นไม้ เพลิงสมาธิเป็นไฟซึ่งซ่อนไว้ด้วยหยินหยาง…ขาดก็แต่ดิน!”

ถูกต้อง จี้หยวนกำลังคิดหลอมวัตถุอาคมให้ตนเอง ในใจวางแผนขั้นแรกแล้วเช่นกัน เชือกไหมทองพิเศษขนาดนี้ อีกทั้งไม่อยู่ในห้าธาตุ ทว่าเขาแปลงเป็นห้าธาตุได้อีกครั้ง ทำให้กลายเป็นของหายากที่มีครบทั้งห้าธาตุ ไม่ใช่ใช้เขตอาคมเปลี่ยนแปลง และห้าธาตุครบสมบูรณ์ในระดับดีอีกต่างหาก

แม้จี้หยวนไม่มีวิชาหลอมวัตถุระดับสุดยอด แต่เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาหลอมวัตถุที่ค่อนข้างใช้ได้อยู่บ้าง รวมถึงใช้วิชาบัญชาก่อนเป็นอันดับแรกเสมอมา

อย่างไรเสียก็ยังขาดของบางอย่าง และใช่ว่าหลอมของล้ำค่าสำเร็จได้ในวันเดียว วันนี้เพียงลองดูว่าเข้ากันหรือไม่ หากเข้ากันถึงจะพูดถึงส่วนที่เหลือได้ และตัวเร่งที่สำคัญที่สุดก็คือเพลิงสมาธิ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด