เซียนหมากข้ามมิติ 513 สมบัติก่อลักษณ์มงคล
ตอนที่ 513 สมบัติก่อลักษณ์มงคล
……….
“ยะ อย่าฆ่าข้า ข้าไม่ใช่ปีศาจก่อกรรมทำชั่ว ขะ ข้าไม่เคยกินคน ไม่ๆ แม้แต่ฆ่าสิ่งมีชีวิตยังทำน้อยมาก…”
ตอนนี้ปีศาจในมือจอมพลังเกราะทองตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง ขุนพลเทพมหึมาห้าจั้งตัวใหญ่กว่าร่างเดิมเขา นับประสาอะไรกับตอนนี้ซึ่งออกแรงไม่ได้
ไม่ว่าเขาร้องขอชีวิตอย่างไร ขุนพลเทพคุ้มกันผิวแดงเกราะทองคนนี้กลับไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย แค่มองทิศทางซึ่งเหล่ามารปีศาจหนีไป ภายในการรับรู้ของจอมพลังเกราะทอง เขาตามหาตำแหน่งของถูซือเยียนไม่ได้แล้ว
ไม่ต้องสงสัยว่าคำสั่งนายท่านเขาไม่อาจทำสำเร็จ ความรู้สึกซึ่งไม่เคยมีมาก่อนเกิดขึ้นบนการรับรู้ของจอมพลังเกราะทอง นั่นคือความรู้สึกคลุมเครือเลือนราง เขามองท้องฟ้าห่างไกลครู่หนึ่ง สักพักค่อยมองเขาสยบจิ้งจอกที่ยังอยู่ตรงกลางเขาลาดชัน ในใจมีความรู้สึกผิดหวังรางๆ แน่นอนว่าเขาไม่ทราบว่านี่คือความรู้สึกอะไร ทั้งไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน
“ใต้เท้าขุนพลเทพ ท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้าจะปรับปรุงตัวใหม่เป็นปีศาจที่ดี…”
เสียงปีศาจในมือดึงความสนใจของจอมพลังเกราะทองกลับมา เขาไม่หันมามอง แค่เหลือบหางตาจับจ้องปีศาจในมือขวา ตอนนี้ปีศาจถูกสายคาดเหลืองกับแสงอสนีเลือนรางพันรอบ ศีรษะปรากฏภาพมายาพังพอนเป็นพักๆ
ในสายตาปีศาจความเฉยชากับแววหยามเหยียดของขุนพลเทพเกราะทองไม่ต่างกับก่อนหน้านี้ ในความรู้สึกของฝ่ายหลังมีความแปลกอย่างหนึ่ง นั่นคือโทสะเลือนราง
วิญญาณปฐพีใต้ฝ่าเท้ารวมตัวกัน แรงกำลังบนตัวเพิ่มขึ้นฉับพลัน
กรอบ…
กระดูกบนตัวส่งเสียงกระทบชวนเสียวฟัน ช่วงความเป็นตายปีศาจทนต่อความเจ็บปวด โคจรพลังปีศาจทั้งหมดต้านทาน กล้ามเนื้อทั่วร่างเปล่งแสงปีศาจ ทั้งพยายามกลายร่างเดิม คิดสลัดพันธนาการของจอมพลังเกราะทอง
เปรี๊ยะๆๆ…
อสนีบาตเหลือบแสงม่วงเลือนรางวาบผ่านฝ่ามือจอมพลังเกราะทอง ร่างกายที่เดิมเริ่มเหยียดขยายถูกซัดคืนร่างคนอีกครั้ง
“ไม่… ไม่!”
กร๊อบ…
หลังจากเสียงเหมือนเลื่อยไม้ดังขึ้นชั่วขณะ ปีศาจในมือถูกบดขยี้จนเกิดเสียงดังปึง แม้แต่ปราณปีศาจกับปราณชั่วร้ายยังถูกกลิ่นอายอสนีเคราะห์กำจัด โคลนเนื้อกับน้ำเลือดไหลออกตามซอกนิ้วไม่หยุด ทั้งโดนชะล้างตามน้ำฝนจนไหลลงถึงเชิงเขา เพิ่มความชุ่มฉ่ำแก่พื้นดินใหม่อีกครั้ง
ครืน…
อสนีบาตสาดส่องเขาลาดชัน จอมพลังเกราะทองร่างกำยำยืนตระหง่านบนยอดเขาลำพัง
พยับเมฆบนฟ้ายังไม่ซ่านสลาย ฝนห่าใหญ่กลางป่าเขายังตกกระหน่ำ แต่กระแสน้ำหลากท่วมทับภูเขากลับสลายตัวตามการจากไปของมารปีศาจ บ้างแทรกผ่านซอกเขา บ้างไหลตามลำธารไปทั่วทิศ
หลังจากนั้นประมาณสิบกว่าลมหายใจ ความรู้สึกแปลกใหม่นั่นถอยห่างจากการรับรู้ของจอมพลังเกราะทองทีละน้อย กลับสู่ความนิ่งสงบดังวันวานใหม่อีกครั้ง
จอมพลังเกราะทองเดินลงจากยอดเขาซึ่งยืนอยู่ตอนนี้ทีละก้าว ระหว่างนี้ยังหวนคืนสู่ขนาดเดิมช้าๆ สุดท้ายค่อยมาถึงหน้าภูเขาสยบจิ้งจอก แม้ว่าปีศาจหนีรอดแล้ว แต่จอมพลังเกราะทองยังเลือกกลับมาตรงนี้และเร้นกายช้าๆ
เช้าตรู่วันที่สอง ฝนกระหน่ำกลางป่าเขาหยุดตกแล้ว น้ำป่ากับดินโคลนกลางป่าลึกไหลหลากจนทำให้หมู่บ้านชนบทกลางเขาลาดชันประสบภัย บ้านเรือนพังถล่มหลายแห่ง โชคดีว่าไม่มีใครบาดเจ็บล้มตายเหมือนปาฏิหาริย์ อย่างมากแค่มีบางคนโดนลมเย็นเล็กน้อย
ชาวบ้านกลางป่าเขาดึงสติกลับมาจากความตื่นตระหนกช้าๆ พวกคนชรากับเด็กถูกย้ายไปพักผ่อนในบ้านเรือนที่สมบูรณ์ หญิงแต่งงานแล้วช่วยกันต้มน้ำขิงกับอาหาร ทำให้ทุกคนมีของกินพออิ่มท้องและขับความหนาวเย็น พวกนายพรานค้นหาทั่วหมู่บ้านว่ามีคนติดอยู่หรือไม่
หัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าซึ่งแก่ชราแต่ยังปราดเปรียวแบกคันธนูถือทวน ตรวจสอบรอบหมู่บ้านพร้อมคนรุ่นเยาว์ เมื่อเห็นบ้านเรือนทรุดถล่มจะพุ่งเข้าไปทันที
“พวกเจ้าดูสิว่าภายในบ้านมีคนอยู่หรือไม่”
“ข้าไปดูเอง!”
บุตรชายคนโตข้างกายวิ่งไปทันที สำรวจมองผ่านซอกบ้านเรือน
“ท่านพ่อ ด้านในไม่มีคน!”
อีกด้านหนึ่งก็มีชายวิ่งเหยาะมา
“หัวหน้าหมู่บ้าน นี่คือบ้านอารองของข้า พวกเขาทั้งครอบครัวอยู่ตรงหน้าหมู่บ้านแล้ว ไม่เป็นไร”
“อ้อ! เช่นนั้นก็ดี! จริงสิ ตรงนั้นดูหมดหรือยัง”
“ดูหมดแล้ว ทั้งหมดล้วนมะ… ไม่… ฮัดชิ่ว… ไม่มีใคร ฟืด…”
หัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าส่ายหัวเล็กน้อย
“รีบไปดื่มน้ำขิงเถอะ เฮ้อ แม้ว่าเจอภัยพิบัติ แต่คิดว่าเทพภูเขาคงคุ้มครอง พวกเราทั้งหมู่บ้านไม่มีใครเกิดเรื่อง อ้อ จริงสิ ไปดูอารามเทพภูเขาหน่อย!”
“ท่านพ่อ อารามเทพภูเขามีหรือจะเกิดเรื่อง”
แม้ว่ากล่าวเช่นนี้ แต่ยังมีชายสี่ห้าคนเดินไปทางอารามเทพภูเขาภายใต้การนำทางของหัวหน้าหมู่บ้านเฒ่า
หมู่บ้านแห่งนี้ถือว่าอยู่รอบนอกเขาลาดชัน ส่วนอารามเทพภูเขาสร้างอยู่บนทางเขาซึ่งห่างออกไปหน่อย สะดวกต่อการให้คนนอกกับคนผ่านทางมากราบไหว้
อารามเทพภูเขาไม่ถือว่าไกลจากหมู่บ้านนัก แต่ด้วยเจอน้ำป่าเมื่อวาน กลางป่ามีต้นไม้ล้มไม่น้อย ทั้งมีก้อนหินเกลือกกลิ้ง ทำให้ทางเขาซึ่งสัญจรประจำถูกทำลาย หลายแห่งเฉอะแฉะเกินทน อารามเทพภูเขาซึ่งปกติเดินถึงในครึ่งเค่อต้องเดินสองเค่อ
“ท่านพ่อ ถึงอารามเทพภูเขาแล้ว สภาพยังดีอยู่!”
“อืม ไป พวกเราไปกราบเทพภูเขา ขอเทพภูเขาช่วยปลอบประโลมสัตว์ป่า หลังจากน้ำป่าผ่านไปอย่าออกมาทำร้ายคน”
“อืม!”
เดิมชาวเขามีศรัทธามาก อีกอย่างบางครั้งเทพภูเขาแห่งนี้ยังมีร่องรอยให้ติดตาม แม้ว่าอารามเทพภูเขานี้เพิ่งสร้างแค่โครง พวกครั่งกับเครื่องหอมต้องรออีกหน่อยค่อยขนย้ายมาจากนอกเขา แต่ส่วนใหญ่เกือบทุกวันล้วนมีชาวเขามากราบไหว้ในอาราม
ประตูอารามเปิดแง้มอยู่ บุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านเปิดออกเบาๆ
ประตูอารามเปิดออกดังแอ๊ด ภาพตรงหน้าทำให้เหล่าชาวบ้านบนเขาตกใจ
“หา!?”
“ท่านเทพภูเขา!”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้! ทำไมถึงเป็นเช่นนี้!”
พวกเขาตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก ก้มกราบกลางอารามไม่หยุด ภายในอารามรูปปั้นเทพภูเขาปริแตก ศีรษะตรงท่อนบนของรูปปั้นเทพภูเขาตกลงมาบนพื้น
นี่คืออารามสร้างใหม่ รูปปั้นยังใหม่เอี่ยม ความเสียหายของมันทำให้ชาวบ้านบนเขาหวาดกลัวอย่างรุนแรง ส่งคนไปแจ้งทางการที่อยู่ใกล้ทันที ถึงอย่างไรอารามเทพภูเขาก็สร้างโดยราชสำนัก
ไม่นานก็มีคนจากสำนักปรมาจารย์ต้าซิ่วมาตรวจสอบกลางป่าเขา ความจริงพิสูจน์ว่าไม่ใช่แค่รูปปั้นเทพภูเขาเสียหาย แม้แต่เทพภูเขาแห่งเขาลาดชันยังปราศจากร่องรอยด้วย เป็นไปได้ว่าอาจกำลังหลบซ่อน ทั้งเป็นไปได้ว่ากายอาสัญมรรคสลาย ดูจากสภาพรูปปั้นเทพภูเขา ความเป็นไปได้ของอย่างหลังคงมากกว่าหน่อย
สำนักปรมาจารย์ต้าซิ่วไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างทรงเกียรติทุกวัน เมื่อเจอวิกฤติตนต้องไปจัดการก่อน ในเมื่อได้รับความสะดวกสบายจากราชวงศ์ต้าซิ่ว ทั้งพึ่งพาต้าซิ่ว แน่นอนว่าย่อมมีหน้าที่แท้จริงอยู่ส่วนหนึ่ง
ต่อให้ไม่สบายใจ แต่สำนักปรมาจารย์จังหวัดเปี้ยนหรงยังต้องฝืนเข้าสู่ป่าลึกเพื่อตรวจสอบ ไม่ต้องพิจารณามากเกินไป ใครต่างก็รู้ว่าแปดส่วนย่อมเกี่ยวข้องกับผนึกกลางป่า
หลังจากเดินทางมาเกือบทั้งวัน คนของสำนักปรมาจารย์เจอร่างไร้วิญญาณครึ่งท่อนของลิงยักษ์ตรงบางแห่งกลางป่าเขา ปราณปีศาจเข้มข้นบนศพไม่สลาย เริ่มมีปราณชั่วร้ายรวมตัวกัน ทั้งมีสัญญาณว่าจะกลายเป็นปราณพิษ
สิ่งนี้บ่งบอกว่าลิงยักษ์ไม่ใช่ปีศาจตัวจ้อย ทั้งไม่ใช่ปีศาจบริสุทธิ์อะไร ร่างไร้วิญญาณของปีศาจตนนี้ใหญ่สมบูรณ์เกินไป หากไม่ไปจัดการ สุดท้ายจะเป็นปราณพิษ ไม่เพียงแต่อาจเกิดสิ่งชั่วร้าย คนเดินเขาผ่านทางมาดูดซับปราณพิษย่อมป่วยหนัก
ใช้ผงชาดกับกระดาษยันต์เหลืองเผาศพปีศาจ ผู้ฝึกปราณห้าคนซึ่งเข้าป่ามาด้วยกันสำแดงวิชา ใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะเผาศพปีศาจไม่เหลือ จากนั้นค่อยใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะเจอร่างไร้วิญญาณอีกครึ่ง ก่อนเผาด้วยวิธีการเดียวกัน
สุดท้ายผู้ฝึกปราณสำนักปรมาจารย์ห้าคนกับจอมยุทธ์ติดตามมาข้างเขากำราบปีศาจอีกครั้ง อาศัยการมองด้วยตาเปล่า ภูเขาใหญ่ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้นัก แต่ด้วยสัญชาตญาณของผู้ฝึกปราณย่อมรู้สึกเลือนรางว่าที่นี่ไม่สมบูรณ์เหมือนเดิมนัก
“สถานการณ์น่าเป็นห่วงที่สุดเกิดขึ้นแล้ว พลังผนึกซึ่งผู้สูงส่งเหลือไว้ทลายแล้ว…”
“คิดว่าปีศาจตนนั้นคงหนีไปแล้วกระมัง”
พวกเขาขมวดคิ้วกวาดมองโดยรอบ เห็นยอดเขาพังทลาย ร่องรอยภูเขาแตกหัก
“มีร่องรอยการต่อสู้ ลิงยักษ์น่าจะตายอยู่ใกล้ๆ เกรงว่าเทพภูเขาคงรอดยาก”
“ขุนพลเทพเกราะทองนั่นเล่า”
“ไม่ทราบ บางที… ไม่ควรอยู่ที่นี่นาน กลับไปรายงานสำนักปรมาจารย์ก่อน!”
จอมยุทธ์ติดตามฟังคำพูดนี้แล้วเหมือนได้ยินเสียงธรรมชาติ พวกเขาอยู่กลางป่าลึกย่อมขนพองสยองเกล้าทุกชั่วขณะ เกรงว่าจะมีปีศาจอะไรโผล่ออกมา
แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้จังหวัดเปี้ยนหรงแห่งต้าซิ่วประหม่า ต้องรู้ว่าข่าวซึ่งส่งมาจากเมืองหลวงในภายหลัง ระบุว่าผู้สูงส่งที่สร้างผนึกร้ายกาจ ยากรู้ว่าสิ่งที่หนีไปคือปีศาจอะไร ทางที่ดีอย่าก่อกวนต้าซิ่วเลย
ยามต้าซิ่วตื่นตระหนกไม่หยุด ยอดเขาเซียนมาเยือนบนเขาเก้ายอด ขอทานชราซึ่งสัมผัสได้ว่าผนึกถูกทำลายแล้วลืมตาขึ้น ในสายตาพวกจี้หยวนล้วนยังจดจ่อกับการสำแดงวิชา เขาเองไม่ควรแบ่งสมาธิเพราะเรื่องนี้ ทั้งไม่ควรก่อกวนทุกคน เขาแค่ถอนใจเล็กน้อย ก่อนมุ่งมั่นกับการสำแดงวิชาอีกครั้ง
อันดับแรกคือรวมสติปัญญาของทุกคน ร่วมแรงพิชิตด่านยากซึ่งดูเหมือนไม่อาจทำสำเร็จมากมาย หลักการหลอมอาวุธตอนนี้ของทั้งห้าคน สามารถเขียนเป็นคัมภีร์มรรคหลอมอาวุธร้ายกาจเล่มหนึ่งแล้ว
ปัจจุบันหยินหยางห้าธาตุกำลังหลอมรวมกับเชือกไหมทองช้าๆ ที่เหลือคือการเก็บเล็กผสมน้อย ทำการเผาด้วยเพลิงสมาธิ ควบคุมด้วยการร่วมแรงกันห้าคน ทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนใช้เวลาเท่าไรยังไม่ทราบชั่วคราว รู้แค่อย่างน้อยสามถึงห้าปี อย่างมากสิบปีกว่าปีย่อมเป็นไปได้
งานชุมนุมเซียนพเนจรสิ้นสุดเมื่อวันที่สามสิบเดือนสิบสองปีนั้น แต่ปิดฉากแค่งานชุมนุมบนยอดเขามรรคสวรรค์เท่านั้น ความจริงในใจผู้ฝึกเซียนงานชุมนุมเซียนพเนจรยังไม่จบลง ด้วยผู้สูงส่งห้าคนบนยอดเขาเซียนพเนจรยังไม่ออกจากด่าน
ต่อให้งานชุมนุมสิ้นสุดแล้ว แต่มีผู้ฝึกปราณกว่าครึ่งยังไม่จากไป พวกเขาต้องการรอผลลัพธ์ของยอดเขาเซียนมาเยือนด้วย ถึงแม้ไม่ทราบว่านานเท่าไหร่ แต่หากไม่มีเรื่องสำคัญอะไร พวกเขาย่อมคิดรอต่อไป
สุดท้ายเมื่อถึงปีกระต่ายน้ำแมลงตื่น หรือก็คือฤดูใบไม้ผลปีที่หกหลังจากจบงานชุมนุมเซียนพเนจร ยอดเขาเซียนมาเยือนบนเขาเก้ายอดเกิดลักษณ์ประหลาดไร้ขอบเขต แสงประกายมากมายพุ่งขึ้นมาจากกลางเขาถึงขอบฟ้า ทั้งมีเสียงมรรคเสนาะหูดังทั่วฟ้าโดยไม่มีสาเหตุ
……….
Comments