เซียนหมากข้ามมิติ 516 ลำนำมรรค
ตอนที่ 516 ลำนำมรรค
……….
ดังคำกล่าวว่ายันต์วิญญาณสื่อวิญญาณ แม้ว่ายันต์วิญญาณทั่วไปมีคำว่าวิญญาณเหมือนกัน แต่นัยที่สื่อถึงอย่างมากแค่แฝงปราณวิญญาณหรือเจตจำนงวิญญาณเซียน แต่คนกระดาษเหลืองในมือจี้หยวน นัยแฝงของคำว่าวิญญาณลึกซึ้งยิ่งกว่า
ยามจี้หยวนถือยันต์จอมพลัง เขาพบว่าสี่คนด้านหลังล้อมเข้ามา ทุกคนล้วนจ้องมองยันต์จอมพลังในมือเขา
“ท่านจี้ นี่ก็คือยันต์จอมพลังหรือ”
มังกรเฒ่าอดกล่าวไม่ได้ หวนนึกถึงปีนั้น ยามบุตรมังกรพูดถึงเรื่องนี้ก็แค่ปล่อยผ่าน บอกว่าท่านอาจี้อาจใช้วิชายันต์เป็น อาศัยยันต์แปลงเป็นผู้ช่วย เรื่องนี้ปกตินัก จี้หยวนใช้วิชายันต์ไม่เป็นต่างหากถึงผิดปกติ ยันต์หุ่นเชิดถือเป็นยันต์ค่อนข้างใช้ง่าย ตอนนั้นถึงแม้มังกรเฒ่าคิดว่ายันต์หุ่นเชิดของจี้หยวนอาจพิเศษอยู่บ้าง แต่ไม่คิดมากความ นึกถึงท่ากระบี่ฟ้าทลายกับเพลิงสมาธิของจี้หยวนมากกว่า
แต่มองยันต์กระดาษเหลืองในมือจี้หยวนตอนนี้ ทั้งเห็นเรื่องก่อนหน้านี้กับตาตัวเอง สิ่งนี้แม่งพิเศษเกินไปแล้วกระมัง
จี้หยวนเก็บคนกระดาษเหลืองในมือเข้าแขนเสื้อ ก่อนกล่าวกับพวกเขาสี่คน
“ฝืนนับว่าเป็นวิชายันต์ได้จริงๆ แต่ต่างจากวิชายันต์ดั้งเดิมมาก จอมพลังเมื่อครู่ค่อนข้างพิเศษ ข้ายังไม่มีจอมพลังเช่นนี้สำรองไว้”
คำพูดของจี้หยวนไม่ได้หลอกคนอื่น เป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ ต่างจากวิชายันต์ดั้งเดิมไม่น้อย ถึงขั้นพูดได้ว่านอกจากรูปลักษณ์แล้วไม่มีตรงไหนเสมอเหมือน กลับกลายเป็นว่าคล้ายเหรียญทิพย์สมปรารถนามากกว่าหน่อย
เหรียญทิพย์สมปรารถนาพิเศษมากเช่นกัน แค่รูปลักษณ์คล้ายเหรียญทิพย์เซ่นไหว้คนตายตามประเพณีทางโลกบางแห่ง หรือกล่าวว่าแม้แต่ลักษณะยังไม่เหมือน มีเพียงชื่อคล้ายคลึง พูดได้ว่าเหรียญทิพย์สมปรารถนาเหมือนวิชายันต์พิเศษยิ่งกว่า
ถึงอย่างไรจี้หยวนก็ไม่ใช่ผู้มุ่งตรงสู่มรรคเซียน ไม่สนใจเรื่องการกำหนดขอบเขตมากเกินไป ชอบอย่างไรก็กำหนดอย่างนั้น
พวกมังกรเฒ่าฟังคำพูดจี้หยวนแล้วเบ้ปาก ใช่สิ ไม่พิเศษได้อย่างไรเล่า จากยันต์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตแล้ว
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องวิชายันต์ เมื่อเห็นจี้หยวนเก็บยันต์กระดาษเหลือง ขอทานชราให้ความสนใจกับโดยรอบอีกครั้ง
“ท่านจี้ จอมพลังเกราะทองยังอยู่ที่นี่ แต่ภูเขาเสียหายผนึกแตกละเอียด เกรงว่าเทพภูเขาคงรอดยากกระมัง”
ขอทานชรารู้จักผนึกของตนดี ต่อให้พวกมารปีศาจไม่ธรรมดาแค่ไหน ถ้าจะทำลายผนึก หนึ่งต้องมีความสามารถใกล้เคียงหรือมากกว่าวิชาสยบภูผา เรื่องนี้ความเป็นไปได้ไม่มาก สองคือการทำลายภูเขา หากไม่ทำลายเขาลาดชันจนราบคาบไม่เหลือสภาพก็ต้องลงมือกับเทพภูเขา
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ แม้ว่าเขาลาดชันมีส่วนเปลี่ยนแปลง แต่ยังไม่ถือว่าพังทลายร้ายแรง เหลือแค่เทพภูเขาติดกับ
เดิมจี้หยวนคิดลองใช้วิชาคุมเทพ แต่ฟังคำพูดขอทานชราแล้วเปลี่ยนใจ
“อาจจะใช่ แต่ไม่แน่ว่าจะสิ้นชีพจริง พวกเราไปดูอารามเทพภูเขากัน”
ทั้งห้าคนเดินกลางป่า ทางเขายากสัญจรใต้ฝ่าเท้าพวกเขาเหมือนทางราบ เพียงก้าวเล็กลัดเลาะผ่านระยะทางหลายช่วง ไม่นานก็มาถึงนอกอารามเทพภูเขาพร้อมกัน
บนกำแพงนอกอารามยังติดป้ายประกาศซีดจางแผ่นหนึ่ง นี่คือเอกสารจากหนังสัตว์ซึ่งถูกคนตอกติดกำแพงนอกอาราม บนนั้นเขียนว่าประกาศจากทางการจังหวัดเปี้ยนหรงแห่งต้าซิ่ว เนื้อหาหลักคือห้ามผ่านเขาลาดชัน ถึงขั้นไม่อนุญาตให้นายพรานเข้าป่าล่าสัตว์
เรื่องไม่คาดฝันเมื่อหกปีก่อนทำให้ราชวงศ์ต้าซิ่วประหม่ามาก เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ชาวบ้านบนเขาลาดชันล้วนถูกบังคับย้ายออกนอกภูเขา ถึงขั้นว่าทางเขาเดิมบนเขาลาดชันยังถูกตัดกลางทาง จังหวัดเปี้ยนหรงห้ามคนเข้าป่าอย่างเด็ดขาด
อารามเทพภูเขาเพิ่งสร้างไม่ทันตกแต่ง ทั้งยังไม่ผ่านความรุ่งโรจน์กลับรกร้าง ภายในสายตาพวกจี้หยวนอารามเทพภูเขาจึงกลายเป็นภาพพังทลาย โดยรอบตะไคร่วัชพืชปกคลุม ประตูทางเข้าซึ่งยังไม่ทาสีมีรอยเชื้อรามอดแทะ
จี้หยวนเปิดประตูอารามเทพภูเขาดังแอ๊ด สิ่งสะท้อนเข้าสู่สายตาอันดับแรกคือรูปปั้นเทพภูเขาพังทลาย
บนตัวรูปปั้นเทพมีรอยแตก ส่วนใบหน้าน่าจะเคยหลุดออก ทว่ามีคนติดกลับเข้าไปใหม่ ใช้น้ำจากแป้งข้าวเหนียวทาผสาน แต่กลับทำให้รูปปั้นเทพภูเขาดูน่ากลัวอยู่บ้าง
จากนั้นสายตาทุกคนมองกลางอาราม มังกรเฒ่าเดินมาด้านหลังรูปปั้นเทพแล้วยิ้มพลางส่ายหัวกล่าว
“ดูท่าว่าต่อให้เป็นราชวงศ์ต้าซิ่ว คำสั่งห้ามจากทางการใช่ว่าใครจะทำตาม”
จี้หยวนเดินมาดู ด้านหลังรูปปั้นเทพมีกองเถ้าถ่าน ทั้งมีร่องรอยการค้างแรมต่างๆ เห็นชัดว่ามีคนเข้าป่าพักแรมที่นี่บางครั้ง
“ไม่แปลก คนเราต้องยังชีพ ย่อมมีคนเข้าตาจนเลยยอมเสี่ยง ทั้งความจริงกลางป่าเขาไม่มีมารปีศาจก่อกรรมทำชั่วอะไร บางคนจึงทำต่อเนื่อง ถึงขั้นว่าอาจแพร่สะพัดไปช้าๆ”
จี้หยวนพูดพลางสำรวจการตกแต่งภายในอารามเทพภูเขาโดยละเอียด ที่นี่ไม่มีอะไรน่ามอง แต่กลับกระตุ้นความทรงจำส่วนลึกภายในใจเขาออกมา
รูปปั้นเทพภูเขาพังทลาย อารามเทพภูเขาซึ่งเป็นที่พักของคนเดินป่า คล้ายกับเขาโคเทพเมื่อปีนั้นอะไรปานนี้
“บางทีเทพภูเขาอาจยังไม่กายสิ้นมรรคสลาย”
คำพูดจู้ทิงเทาดังมาจากด้านหน้ารูปปั้นเทพภูเขา ทำให้จี้หยวนกับมังกรเฒ่าเดินมาข้างหน้าอีกครั้ง เห็นแค่จู้ทิงเทายื่นมือหยิบธูปสามดอกออกมาจากรอยแยกหน้าฐานรูปปั้นเทพภูเขา นำมาให้พวกจี้หยวนดู
“คนธรรมดากราบไหว้เทพ ความจริงวิญญาณเทพย่อมส่งสัญญาณตอบรับคนธรรมดาบ้าง อย่างการจุดธูปเองก็พิถีพิถัน ดังคำกล่าวว่าจุดธูปควรประณีต คนทั่วไปจุดธูปมักเน้นความเป็นระเบียบ แม้ว่าส่วนใหญ่เกี่ยวกับธูปและสภาพแวดล้อมด้วย แต่บางครั้งเกี่ยวข้องกับมรรคเทพจริงๆ”
ธูปสามดอกในมือจู้ทิงเทาเผาหมดแล้ว ย่อมมองไม่ออกว่าตอนติดไฟประณีตหรือไม่ แต่จากก้านธูปกลับพอสัมผัสความเร้นลับสุดหยั่งได้เลือนราง
ในที่นั้นไม่ใช่ผู้ฝึกปราณน้อยทั่วไป แต่ล้วนเป็นผู้สูงส่งอย่างแท้จริง หลังจากมีคนชี้แนะแน่นอนว่ารับรู้ได้
จี้หยวนพยักหน้า ไม่พูดอะไรมาก เอ่ยคำบัญชาแผ่วเบา ยกเท้าขวาขึ้นก่อนย่ำลงพื้นเล็กน้อย
เท้ายังไม่แตะถึงพื้น มีลวดลายราวเกลียวคลื่นแผ่ออกไป
“เชิญเทพภูเขาลาดชันมาพบ”
เขาใช้วิชาคุมเทพ แต่ต่างจากการทดสอบปราศจากข้อผิดพลาดดังก่อน คราวนี้กระทั่งรอยคลื่นเปี่ยมมรรคซ่อนเร้นลดลง เทพภูเขายังไม่ปรากฏตัวตรงหน้า
ขอทานชราส่ายหัวพลางกล่าว
“ดูท่าว่าสหายยุทธ์สือคงกายสิ้นมรรคสลายแล้ว!”
จี้หยวนได้ยินแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองจู้ทิงเทา มองข้ามสีหน้าแปลกใจของอีกฝ่ายยามเห็นวิชาคุมเทพ ยื่นมือหยิบก้านธูปหนึ่งในมือจู้ทิงเทามา
“สหายยุทธ์จู้ ขอยืมธูปมาใช้สักหน่อย”
เมื่อกล่าวประโยคนี้จบ จี้หยวนสงบจิตครู่หนึ่ง มือถือก้านธูปสำแดงวิชาอีกครั้ง ยกเท้าขวาย่ำเหยียบ จี้หยวนเอ่ยปากตามกลิ่นอายมรรคซ่อนเร้นของวิชาคุมเทพอีกครั้ง
“เชิญสือโหย่วเต้าแห่งเขาลาดชันมาพบ”
ยามสิ้นเสียงตรงหน้าปรากฏหมอกควันเลือนราง คล้ายจุดธูปหอมกลางอาราม ภายในโถงมีหมอกควันรวมตัวกันบนที่สูง หินผาเหลืองประหลาดปรากฏตรงหน้า
หินก้อนนี้ขนาดประมาณเก้าอี้ มองจากบางมุมเหมือนคนขดตัวอยู่
“ไม่ถือว่าตายแต่ก็ไม่นับว่ารอด”
“อืม แต่ยังพอช่วยได้!”
“เหลือเท่านี้นับว่าไม่เลวแล้ว”
ตอนนี้สือโหย่วเต้าแทบไม่มีความรู้สึกอะไร แค่มีปราณวิญญาณควบรวมในหินผาไม่สลาย รักษาจิตวิญญาณเสี้ยวหนึ่งไว้ บางทีอีกร้อยปีอาจรวบรวมปราณวิญญาณพร้อมหินผานี้ รับแก่นพลังจากตะวันจันทรา กระทั่งจิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ สือโหย่วเต้าอาจมีวันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“มิสู้นำเขาไปวางบนยอดเขาสยบจิ้งจอก พวกเราสำแดงวิชาวางค่ายกลอีกหน่อย ช่วยเขารวบรวมแก่นพลังตะวันจันทรา ทำให้เขาหวนคืนสู่มรรคบำเพ็ญเพียรเร็วขึ้นเป็นอย่างไร”
ข้อเสนอของขอทานชราคือวิธีทั่วไป ทั้งตรงตามแบบฉบับมรรคเซียน ต่อให้รู้ว่ามีวิชามารที่ทำให้สือโหย่วเต้าฟื้นความรู้สึกรวดเร็วถึงขั้นฝึกปราณได้อีกครั้ง แต่วิชามารอำมหิตอย่างการเซ่นโลหิตหรือชิงแก่นพลังย่อมทำให้สือโหย่วเต้าเข้าสู่มรรคมาร
จี้หยวนกลับขมวดคิ้วไม่พูดจา สิ่งที่คิดในใจคือภาพผ่านตาของบันทึกรัชสมัยเจิ้งเต๋อเมื่อปีนั้น นั่นคือตำราสมบัติเกี่ยวกับเหล่าเทพภูเขาเจ้าที่ ภายในนั้นมีสองสามคำถูกจี้หยวนนึกถึงขึ้นมาโดยปริยาย กระทั่งก่อเกิดเป็นลำนำมรรค
“หรดาลกลางป่า ตะวันจันทราส่องแสง ฟ้าประทานลมอสนี ปฐพีหล่อจิตวิญญาณ… สรรพสิ่งมีความรู้สึก เร่งสัญจรไปมา ก่อเกิดจากฟ้าดิน หวนคืนสู่ภูผาธารา… หรดาลเล็กจ้อย นอนหมอบกลางป่า เกิดจากฟ้าดิน รอการเติบโต สัมผัสผ่านยอดเขา เกี่ยวพันภูผาธารา ยามวาสนามาเยือน ก่อเกิดเติบโต…”
เสียงมรรคของจี้หยวนเหมือนลำนำ ทั้งหนักแน่นและผ่อนคลาย คล้ายเสียงขับร้องดังแว่วสู่ป่าเขา…
เสือดาวตัวหนึ่งใกล้จะกัดกระต่ายป่า แต่ตอนนี้กลับหยุดลง กระต่ายป่าหนีอย่างตื่นตระหนกสิบกว่าก้าวก่อนหยุดเท้าช้าๆ บนฟ้านกกระจอกตัวหนึ่งโฉบกลับเข้ารังตนเอง แต่ลูกนกในรังซึ่งเดิมควรร้องเจื้อยแจ้วขออาหารยามแม่กลับมาล้วนเงียบสงบ สัตว์ดื่มน้ำริมลำธารหยุดการเคลื่อนไหว คนเดินเขาที่เสี่ยงอันตรายเข้ามาเก็บโอสถกลางป่าหยุดชะงัก ได้ยินเสียงเพลงดังก้องกลางป่าเขารางๆ สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทั่วป่าเขา
เขาลาดชันสงบลง คล้ายทั่วป่าเขาตั้งแต่พืชพันธุ์ถึงเหล่าสัตว์ ทุกอย่างล้วนฟังเงียบๆ นี่คือความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย
“วิญญาณรวมตัว ปฐพีทอดยาว หรดาลเล็กจ้อย ก่อเกิดเติบโต…”
เมื่อกล่าวคำสุดท้ายออกมา นัยบัญชาเลือนรางปรากฏ ทั้งมีปราณโลกาสวรรค์ซ่อนเร้นแทรกซึมเข้าหินผาเหลืองกลางอารามตามเสียงเพลง
ลำนำมรรคของจี้หยวนหยุดลง แต่เสียงขับขานกับท่วงทำนองเฉพาะตัวยังดังก้องป่าเขา คล้ายภูผาธาราปฐพีขับร้องต่อ เรื่องน่าแปลกยิ่งกว่าคือเสียงเพลงถึงขั้น ‘สะท้อนกลับมา’ ดังเข้าอารามทั้งเจือกลิ่นอายของจิตวิญญาณนานัปการกลางป่าเขา แทรกซึมเข้าหินผาเหลืองตามเสียงเพลง
จี้หยวนก้มมองหินผาดินเหลืองริมฝ่าเท้าอย่างรู้สึกได้
“ตื่นเถิด ตื่นเถิด สหายยุทธ์สือ ควรตื่นแล้ว!”
แคร่ก… ครืด…
บนหินผาเหลืองปรากฏรอยแยกเล็กละเอียด แต่ใช่ว่าหินผาจะแตกเป็นเสี่ยง ด้วยปราณวิญญาณภายในหินผาแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อยตามรอยแยกนี้
ข้างกายจี้หยวนอีกสี่คนรวมถึงมังกรเฒ่าล้วนอึ้งงันโดยสมบูรณ์…
……….
Comments