เซียนหมากข้ามมิติ 525 ปริศนาจิตมาร
ตอนที่ 525 ปริศนาจิตมาร
……….
จี้หยวนเข้าใจความสับสนของเขาเก้ายอดบ้างเช่นกัน ด้านหนึ่งด้วยกลิ่นอายเด็กคนนี้ชัดเจนมาก เขาเก้ายอดไม่รับอาเจ๋อเข้าสำนักถือว่าปกติ แต่อีกด้านคือตอนนี้อาเจ๋อเป็นแค่เด็กหนุ่มซึ่งเสียใจเพราะครอบครัวเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เท่านั้น ถึงอย่างไรเขาเก้ายอดก็เป็นสำนักมรรคเซียนแท้จริง ไม่อาจทำเรื่องเกินกว่าเหตุ
จี้หยวนเก็บความคิดกลับมา ก่อนมองอาเจ๋ออีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดจะทำอะไร”
อาเจ๋อคิดว่าการร้องไห้ต่อหน้าคนแปลกหน้าเป็นเรื่องน่าอายมาตลอด แต่เมื่อครู่กลับห้ามน้ำตาไม่อยู่ ตอนนี้เขารีบใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา ได้ยินคำถามของจี้หยวน เขาไม่เอ่ยวาจาเนิ่นนาน
จี้หยวนม้วนแขนเสื้อตัวเอง นั่งไขว่ห้างวางมือบนเข่า มองอาเจ๋อพลางกล่าว
“ตัวเจ้าไม่รู้ว่าควรทำอะไร รู้สึกว่าหนทางข้างหน้าเวิ้งว้างไม่มีทางไปใช่หรือไม่”
“อืม…”
อาเจ๋อหันมามองจี้หยวนอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเพิ่งเห็นดวงตาของจี้หยวน ถึงขั้นรู้สึกว่าเป็นสีเทาอ่อนรางๆ
“คุณชาย ดวงตาของท่าน…”
จี้หยวนยิ้มมองภูเขาห่างไกล
“ใช่ว่าทุกคนเกิดมาสมบูรณ์แบบ ดวงตาข้าใช้การไม่ค่อยได้ตั้งแต่เกิด แต่โชคดีว่ายังไม่บอดสนิท หึๆ”
ต่อให้อาเจ๋อไม่ค่อยมีประสบการณ์นัก แต่รู้สึกว่าดวงตานี้คงไม่ใช่แค่ใช้การไม่ค่อยได้กระมัง จากนั้นเขาพลันตระหนักถึงตำแหน่งตอนนี้ของทั้งสองคน เขารีบลุกขึ้นมาจากริมหน้าผา ต้องการไปประคองจี้หยวน
“ท่านรีบลุกขึ้นเถอะ ตรงนี้เป็นริมหน้าผา!”
จี้หยวนไม่ฝืนนั่งต่อ อาเจ๋อประคองเขา เขาย่อมถือโอกาสลุกขึ้นมา ออกห่างจากหน้าผาสองสามก้าว
เวลานี้จิ้นซิ่วเดินมาแต่ไกล เตรียมกล่าวทักทายอาเจ๋อ แต่พลันพบว่าข้างกายอาเจ๋อมีอีกคนยืนอยู่ ต่อให้นางไม่เคยเห็นจี้หยวนกับตามาก่อน แต่ย่อมเดาออกว่านี่คือผู้สูงส่งบนยอดเขาเซียนมาเยือนคนนั้น
จิ้นซิ่วไม่กล้าส่งเสียงอยู่บ้าง แต่อาเจ๋อกลับเห็นนางก่อน เขาเผยรอยยิ้มกวักมือเรียกนางอย่างหายากยิ่ง
“พี่จิ้นซิ่วท่านมาแล้วหรือ คุณชายท่านนี้พักบนเขาเก้ายอดเหมือนข้าล่ะ”
จี้หยวนหันมองเด็กสาวที่เดินมาอย่างสำรวมพลางพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อฝ่ายหลังเข้ามาใกล้ นางวางถาดในมือลงด้านข้าง คล้ายลอยกลางอากาศ จากนั้นค่อยคารวะจี้หยวนอย่างจริงจัง
“คารวะท่านจี้!”
เรื่องอีกฝ่ายรู้จักตน จี้หยวนไม่ผิดคาดแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรตอนนี้เขาเก้ายอดก็มีแขกต่างถิ่นไม่กี่คน เขามีเอกลักษณ์ชัดเจนเช่นนี้ ไม่รู้จักต่างหากถึงแปลก
“แม่นางจิ้นไม่ต้องมากพิธี”
อาเจ๋อเห็นท่าทางจิ้นซิ่ว เขาหันมองจี้หยวนอีกครั้ง ตอบสนองกลับมาทันที คุณชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาโดยสิ้นเชิง เหมือนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร จี้หยวนยิ้มกล่าวกับเขา
“ข้าแค่บอกว่าข้าเป็นคนนอก”
เทียบกับการตอบสนองเรียบง่ายของอาเจ๋อ จิ้นซิ่วตื่นเต้นกว่าเขามาก เมื่อมาถึงข้างกายจี้หยวน มองยอดเขาเซียนมาเยือน ก่อนเอ่ยถามอย่างระวัง
“เซียนจี้ ท่านเขียนตำราเสร็จแล้วหรือ”
ก่อนหน้านี้แม้ว่านางเคยคุยเรื่องผู้สูงส่งบนยอดเขาเซียนมาเยือนกับอาเจ๋อสองสามครั้ง แต่ความจริงยังผ่านการพิจารณา ไม่บอกชื่อผู้สูงส่งคนนั้นกับอาเจ๋อ แต่ตอนนี้จี้หยวนคุยอยู่ข้างอาเจ๋อ แน่นอนว่าไม่ต้องห่วงอะไร
อาเจ๋อไม่โง่ เข้าใจทันทีว่าคุณชายตรงหน้าคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ทั้งยังเป็นผู้สูงส่งร้ายกาจซึ่งจิ้นซิ่วเคยพูดถึงสองสามครั้ง แต่นอกจากความประหลาดใจ เขาไม่มีการตอบสนองอะไรมากนัก
จี้หยวนพยักหน้าตอบ
“เขียนเสร็จแล้ว ออกมาเดินเล่น เห็นอาเจ๋อนั่งอยู่ริมหน้าผา ไม่เหมือนศิษย์เขาเก้ายอดจึงมาดู”
จิ้นซิ่วเห็นจี้หยวนพูดด้วยง่าย นางมองอาเจ๋อก่อนกล่าวอย่างลังเล
“เซียนจี้ ท่านมีหน้ามีตา ช่วยพูดกับผู้อาวุโสในสำนักได้หรือไม่ รับอาเจ๋อเข้าสำนัก ให้เขาฝึกวิชาเซียน”
จิ้นซิ่วชอบเด็กหนุ่มรู้ความคนนี้มาก คิดไม่ตกว่าเหตุใดไม่รับอาเจ๋อเป็นศิษย์เขาเก้ายอด
“เจ้าอยากบำเพ็ญเซียนหรือไม่ อยากเรียนวิชาอัศจรรย์มรรคเซียนหรือไม่”
อาจเป็นเพราะภาพจำก่อนหน้านี้ อาเจ๋อไม่เรียกจี้หยวนว่าเซียนเหมือนจิ้นซิ่ว แต่ยังใช้คำเรียกเหมือนก่อนหน้านี้
“คุณชาย พี่จิ้นเคยบอกว่าท่านคือผู้สูงส่งร้ายกาจ ข้าอยากถามว่ามีวิชาเซียนซึ่งทำให้คนเราฟื้นคืนหรือไม่”
ความคิดจี้หยวนหมุนวน นึกถึงศาลมืดกับหยางจงศิษย์ของขอทานชรา แต่ผีกับวิญญาณซึ่งยังไม่กลายเป็นผีไม่เหมือนกัน วิชามารบางส่วนดูเหมือนว่าอาจบรรลุเป้าหมายคล้ายคลึง แต่กลับไม่อาจฟื้นคืนอย่างแท้จริง
“เกิดแก่เจ็บตายคือกฎเกณฑ์สวรรค์ คนตายย่อมมีหลักแหล่งของตน”
คำพูดนี้ไม่ได้ตอบซึ่งหน้า แต่ความหมายที่สื่อชัดเจนยิ่ง อาเจ๋อได้ยินแล้วมองจิ้นซิ่วทั้งมองจี้หยวน อ้าปากกล่าวออกมา
“ข้า… เรียนวิชาเซียนหรือกลับไปก็ได้…”
คำพูดนี้จิ้นซิ่วฟังแล้วเผยสีหน้ายินดี นางกลัวว่าอาเจ๋อเจ้าหนูหน้าหม่นแสงคนนี้จะไม่อยากทำอะไร
จี้หยวนมองเขาทั้งมองจิ้นซิ่วที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง มองไปทางยอดเขามรรคสวรรค์อีกครั้ง ตรงนั้นมีผู้ฝึกปราณชุดคลุมน้ำตาลคนหนึ่งเหยียบลมลอยมา ไม่นานค่อยโรยตัวลงบนหน้าผาแห่งนี้
จิ้นซิ่วตกใจสะดุ้งโหยง รีบจูงอาเจ๋อมาคารวะพร้อมกัน
“คารวะเซียนเจ้าสำนัก!”
จี้หยวนประสานมือกล่าวเช่นกัน
“เจ้าสำนักจ้าว”
จ้าวอวี้คารวะจี้หยวนตอบเช่นกัน ก่อนพยักหน้าให้จิ้นซิ่วกับอาเจ๋อ
“ท่านจี้ เดิมคิดว่าท่านแปรตำราต้องใช้เวลาอีกสองสามปี คิดไม่ถึงว่าเร็วเช่นนี้ ข้าคนแซ่จ้าวขอแสดงความยินดีด้วย!”
“ขอบคุณเจ้าสำนักจ้าว เดิมเรื่องนี้เป็นผลพลอยได้ ไม่ถือว่าลำบากนัก โชคดีว่ามีแดนสมบัติอย่างยอดเขาเซียนมาเยือน”
ทั้งสองคนยิ้มสบตา ถือว่ากล่าวยกย่องกันเล็กน้อย
คล้ายว่าการมาเยือนของเจ้าสำนักเขาเก้ายอดจ้าวอวี้ ทำให้อาเจ๋อสำรวมและต่อต้านในเวลาเดียวกัน ชัดเจนว่าจ้าวอวี้สังเกตเห็นเรื่องนี้ ดังนั้นเลยไม่ยืนใกล้อาเจ๋อมากเกินไป
จี้หยวนมองถาดซึ่งยังลอยอยู่คราหนึ่ง ก่อนกล่าวกับจิ้นซิ่วและอาเจ๋อ
“ท่านจี้เชิญ!”
ทั้งสองต่างถอนสายตาจากจิ้นซิ่วและอาเจ๋อ เดินห่างริมหน้าผาไปยังอีกด้านของภูเขา
เมื่อจากมาระยะหนึ่งแล้ว จี้หยวนค่อยกล่าวกับจ้าวอวี้
“เจ้าสำนักจ้าว จวงเจ๋อเด็กหนุ่มคนนี้ เขาเก้ายอดคิดทำอย่างไร”
จ้าวอวี้หันกลับไปมองเรือนเล็กริมหน้าผาคราหนึ่ง ก่อนมองจี้หยวนพลางตอบ
“คิดว่าท่านจี้เองคงทราบความพิเศษของเด็กหนุ่มคนนี้ ไม่สะดวกส่งเขาลงจากเขา บางทีอาจรับเข้าสำนัก ใช้วิชาป้องกันจิตวิญญาณเขา ถ่ายทอดวิชาชำระจิตใจแก่เขา หากสำเร็จถือเป็นเรื่องดี ถ้าไม่สำเร็จค่อยใช้ชีวิตที่เหลือบนเขาเก้ายอดแล้วกัน”
นี่ถือเป็นการรับอาเจ๋อเป็นศิษย์เข้าจริงแล้ว แต่มีผลลัพธ์เท่าไหร่ จี้หยวนไม่แน่ใจ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่มารภายนอกรบกวนหรือธาตุไฟเข้าแทรกโดยทั่วไป
“ใช้ชีวิตบนเขาหรือ…”
จี้หยวนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง สำหรับเด็กคนหนึ่งถือว่าโหดร้ายมาก แต่บางทีอาจเป็นผลดี ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ยามเขาใช้รูปจำลองมองอาเจ๋อ ความรู้สึกซึ่งสลัดไม่หลุดนั้นยังฝังลึก แค่ไม่รู้ว่าหากวันหนึ่งอาเจ๋อต่อต้านเรื่องนี้อย่างรุนแรงจะเป็นอย่างไร
“หรือว่าท่านจี้มีความเห็นเหนือชั้นอะไร”
จี้หยวนได้ยินแล้วครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนส่ายศีรษะกล่าว
“ไม่นับว่าเป็นความเห็นเหนือชั้น แค่คิดพาเด็กหนุ่มคนนี้ไปถ้ำสวรรค์เก้ายอด เด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง ครอบครัวเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงย่อมเสียใจ สัญญาณว่าจะเกิดจิตมารไม่ธรรมดา”
ต่อให้พวกจอมมารมีสติและนิ่งสงบแค่ไหน เวลาทำอะไรมักสุดโต่งกว่าปีศาจ ทั้งชอบดึงดูดคนจนตกต่ำกลายร่างเป็นมาร เทียบกับปีศาจและสิ่งชั่วร้ายอื่นแล้วน่ากลัวกว่า
จ้าวอวี้พยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วย
“ความจริงข้าส่งคนลงเขาไปดูนานแล้ว ไม่มีอะไรพิเศษ ถ้ำสวรรค์เก้ายอดควบคุมโดยเขาเก้ายอด ไม่มีทางมีมารภายนอก นอกจากวิญญาณเทพบางส่วนซึ่งรับบัญชาจากเขาเก้ายอด ยิ่งไม่มีแม้แต่ปีศาจ หากท่านจี้ไปลองดู แน่นอนว่าดียิ่งนัก”
เรื่องนี้จี้หยวนเคยฟังขอทานชราเล่าโดยคร่าว ตอนนี้ได้รับการยืนยันจากเจ้าสำนักเขาเก้ายอดแล้วย่อมไม่คิดมากความ
“เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะพาจวงเจ๋อลงเขาไปสักรอบ จริงสิ ข้าคนแซ่จี้ขอป้ายคำสั่งจากเจ้าสำนักจ้าวหน่อย เผื่อทางศาลมืดจะอำนวยความสะดวก ยอมให้จวงเจ๋อเจอญาติสักครั้ง”
“แน่นอนว่าย่อมได้ ท่านนำสิ่งนี้ไปด้วยก็พอ”
จ้าวอวี้พูดพลางหยิบป้ายคำสั่งออกมาจากแขนเสื้อก่อนส่งให้จี้หยวน ฝ่ายหลังรับป้ายคำสั่งมา เห็นว่าป้ายดำสนิทถ้วนทั่วไม่รู้ว่าใช้วัสดุอะไร แต่ตรงกลางสลักอักษรสีทองบางคำว่า ‘บัญชาเบญจอสนี’
“ข้าคนแซ่จี้ขอขอบคุณ”
“ท่านจี้เกรงใจไปแล้ว”
ทั้งสองคนเดินเล่นกลางป่าเขา เริ่มคุยเรื่องการแปรตำราของจี้หยวน ไม่พูดถึงรายละเอียดเนื้อหาอะไร แค่คุยว่าเมื่อแปรตำราถึงขั้นหนึ่งแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงบนยอดเขาเซียนมาเยือน จ้าวอวี้อาศัยสิ่งนี้มาคาดเดาการเปลี่ยนแปลงที่อาจรวมอยู่ใน ‘ตำราสวรรค์แปรอัศจรรย์’ ขอให้จี้หยวนตัดสินว่าเดาถูกหรือไม่
เมื่ออาเจ๋อกินข้าวเสร็จ เขาเห็นแค่จี้หยวนกลับมาคนเดียว มองด้านหลังแล้วไม่เห็นเจ้าสำนักเขาเก้ายอด จิ้นซิ่วกับอาเจ๋อคล้ายเป่าปากโล่งอก
“อาเจ๋อ พวกเราไปบ้านเกิดของเจ้ากัน เจ้ายังมีพวกพ้องบางคนไปที่อื่นไม่ใช่หรือ ไปหาพวกเขาเป็นอย่างไร”
สีหน้าอาเจ๋อเปล่งประกาย
“ข้าลงเขาได้แล้วหรือ”
จี้หยวนแค่ฟังก็รู้ว่าใช่ว่าอาเจ๋อไม่เข้าใจสถานการณ์ของตน สัมผัสท่าทีของเขาเก้ายอดที่มีต่อเขาได้รางๆ น่าเสียดายว่าเขายังต้องกลับมา จี้หยวนได้แค่กล่าวเสริมประโยคหนึ่ง
“ลงเขาได้แล้ว แต่ยังต้องกลับมา พวกเราไปดูบ้านเกิดกับสหายเจ้า อืม ไปหาครอบครัวเจ้าที่ศาลมืดด้วย”
ด้านข้างจิ้นซิ่วฟังแล้วตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาเก้ายอดมีคำสั่งห้ามนานแล้ว ห้ามก้าวก่ายเรื่องระหว่างมรรคเทพกับบนโลก หากนางไปด้วยย่อมมีโอกาสเห็นโลกตระการตา ถึงขั้นเจอเทพผีศาลมืดด้วย
“ท่านเซียนจี้ๆ พาข้าไปด้วยได้หรือไม่ ข้าอยากไปด้วย!”
จี้หยวนมองนางคราหนึ่ง ทั้งมองอาเจ๋อก่อนพยักหน้า
“ก็ได้ เจ้าไปบอกอาจารย์เจ้าสักหน่อย หากเขาเห็นชอบค่อยไปด้วยกัน”
“ฮ่าๆๆ! ผู้อาวุโสต้องเห็นชอบแน่! ข้าไปเดี๋ยวนี้!”
จิ้นซิ่วยกถาดซึ่งวางชามตะเกียบไว้พลางวิ่งไปด้านหลังภูเขา วิ่งไปช่วงหนึ่งก่อนหยุดเท้าหันมาตะโกนบอกประโยคหนึ่ง
“ท่านเซียนจี้ พวกท่านต้องรอข้านะ!”
“ไปเถอะ”
จี้หยวนยิ้มเล็กน้อย หันมามองอาเจ๋อ เห็นเด็กหนุ่มคนนี้ตกสู่ความยินดีที่จะ ‘เจอครอบครัว’ ไม่มีความรู้สึกอะไรหากต้องกลับมาเขาเก้ายอดอีก
……….
Comments