เซียนหมากข้ามมิติ 123 คนตกปลา

Now you are reading เซียนหมากข้ามมิติ Chapter 123 คนตกปลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 123 คนตกปลา

ผ่านไปหนึ่งคืน ทุกคนในอารามไม่รู้ว่าเมื่อคืนหลับไปตอนไหน เมื่อตะวันกลางเขาสาดส่องจึงมีคนตื่น จากนั้นค่อยปลุกคนอื่น

ประตูอารามเทพภูเขายังปิดอยู่ ฝนด้านนอกหยุดนานแล้ว

โม่ถงลุกขึ้นมองโดยรอบ ไม่พบเงาร่างของจี้หยวน

“ท่านจี้ล่ะ ท่านจี้ไปแล้วหรือ”

มีคนเปิดประตูอารามตามหาโดยรอบ ไม่พบร่องรอยของจี้หยวน เข้าใจว่าเทพเซียนคนนั้นจากไปแล้ว

“โม่ถง วิชาเซียนที่ท่านจี้มอบให้เมื่อคืนจะมีประโยชน์หรือไม่ ถ้าเจอปีศาจมารร้ายอะไรอีก…”

มีหญิงสาวถามอย่างกังวล เจอปีศาจร้ายเป็นครั้งแรก อิทธิพลด้านมุมมองเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญคือความรู้สึกไร้กำลังซึ่งก่อเกิดขึ้น

แต่โม่ถงยังไม่เอ่ยวาจา เด็กน้อยโม่อวี่ร้องขึ้นมาก่อน

“ต้องมีประโยชน์แน่ เมื่อวานหลังจากท่านจี้ใช้น้ำเขียนอักษรสองตัวให้ข้า ตอนนี้ข้าไม่ลนลานแล้ว! ต้องมีประโยชน์แน่!”

โม่ถงกล่าวปลอบเช่นกัน

“ท่านเซียนทำอะไรใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างพวกเราคาดเดาได้หรือ หากไม่ไหวจริงค่อยทำตามคำแนะนำของท่านจี้ ถ้านายน้อยสังเกตเห็นความผิดปกติ พวกเราค่อยรีบเข้าไปหลบในศาลหลักเมือง”

“คงได้แต่ทำเช่นนั้นแล้ว…”

พวกเขาเก็บกวาดเล็กน้อย ก่อนจากไปยังเลื่อนเบาะรองนั่งกลับจุดเดิม จากนั้นค่อยโขกศีรษะไปทางรูปปั้นเทพภูเขาอย่างจริงจังยิ่ง หากไม่ใช่ว่าภายในอารามไม่มีธูปหอม ย่อมต้องจุดธูปไหว้สักดอกแน่

เมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จจึงออกจากอารามเทพภูเขาพร้อมปิดประตูอารามก่อนจากไป

ความจริงจี้หยวนจากไปทั้งอย่างนี้เป็นเพราะทิ้งประกาศิตซ่อนท่วงทำนองวิญญาณของโม่อวี่ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายเขา ทั้งเป็นเพราะเมื่อคืนจี้หยวนเห็นปราณมองออกว่าโม่อวี่พ้นเคราะห์นี้แล้ว

เรื่องชวนประหวั่นอย่างวิญญาณออกจากร่างเมื่อวาน อาจารย์ของอีกฝ่ายย่อมรับรู้ว่าพลังขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงแน่ ไม่ว่าอย่างไรก็คงรีบเร่งมา

ตอนนี้ผู้มุ่งตรงสู่มรรคเซียนบนโลกบ้างชำระล้างกิเลสในใจ บ้างฝึกปราณสั่งสมบุญ บ้างอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ บ้างลำบากฝึกเพื่อแจ้งมรรค แม้ว่านิสัยแตกต่าง แต่น้อยนักที่จะมีพวกร้ายกาจลอบวางแผนใส่เด็กธรรมดาคนหนึ่ง ยิ่งระดับสูงยิ่งเป็นเช่นนี้ ไม่พึ่งพาด่านเคาะใจเพื่อแจ้งมรรค แต่กลับไม่อาจดำเนินการขัดกับมรรคของตน

จี้หยวนไม่มีความคิดเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ทั้งไม่อยากถูกปฏิบัติตัวอย่างนอบน้อมเกินไปเหมือนบรรพชนตลอดทาง เขาจึงนำหน้าไปก่อน

จริงดังคาด เมื่อคนตระกูลโม่เพิ่งลงเขาใบตองมาราวครึ่งชั่วยาม บนฟ้ามีคนขี่ลมมา แค่คนตระกูลโม่อยู่บนพื้นมองไม่เห็น

ผู้มาเยือนสวมชุดคลุมยาวสีม่วง เกิดเสียงสะบัดกลางลมบนฟ้า แต่ขี่ลมตามพลังขับเคลื่อนมาครึ่งคืน เมื่อมาถึงกลับสัมผัสกลิ่นอายของศิษย์ซึ่งยังไม่เข้าสำนักไม่ได้ เขารู้สึกประหลาดใจทันที

เมื่อเหลือบตามองบนพื้น พบเด็กคนหนึ่งซึ่งเห็นชัดว่าตัวเตี้ยกว่าบ่าวติดตามมากรีบเร่งเดินอยู่บนทาง เมื่อแน่ใจว่าเป็นศิษย์ของตนจึงเป่าปากโล่งอก

ยามขมวดคิ้วเขานับนิ้วทำนายวันเกิดแปดอักษรของศิษย์กับพลังขับเคลื่อนเมื่อคืน นอกจากคำทำนายว่าพลิกสถานการณ์ อย่างอื่นกลับว่างเปล่าไปหมด

คิดไม่ตกก็ได้แต่ถามเจ้าของเรื่องแล้ว

เมื่อขี่ลมลงมากระแสลมบนพื้นจึงพัดหมุน ผู้ขี่ลมมาเยือนปรากฏตัวพร้อมคลื่นลมแรง คนอื่นเพิ่งพบว่าข้างหน้ามีคนเพิ่มมาอีกหนึ่ง

“เป็นใครกัน”

“คุ้มครองนายน้อย!”

พวกโม่ถงระวังตัวเหมือนเจอศัตรูผู้แข็งแกร่ง แต่โม่อวี่กลับตื่นเต้นยินดีจนตะโกนเสียงดังว่า “อาจารย์!” เห็นชัดว่าแค่เจอกันครั้งสองครั้ง แต่สนิทจนเหมือนอยู่ร่วมกันทุกเช้าค่ำ

การตอบสนองของโม่อวี่ทำให้พวกโม่ถงซึ่งได้ยินเป่าปากโล่งอกรีบคารวะ เจอเซียนติดต่อกันสองครั้งทำให้สงบใจลงไม่น้อย

ผู้มาเยือนสวมชุดคลุมยาวสีม่วงศีรษะประดับเกี้ยวเล็กปักปิ่นหยก เคราดำสลวยยาวประมาณหนึ่งฉื่อ พยักหน้ารับคำทักทายของคนตระกูลโม่ จากนั้นจึงเดินมาข้างกายโม่อวี่ ยื่นมือคิดใช้วิชาสัมผัสตัวเด็กคนนี้ แต่พบว่ามือเพิ่งสัมผัสกายโม่อวี่ กลิ่นอายลึกลับซ่อนแฝงบนตัวเขากลับสลายหายไป

“อวี่เอ๋อร์ เมื่อวานพวกเจ้าเจอเรื่องวิกฤติใช่หรือไม่”

เมื่อถามถึงเรื่องนี้โม่อวี่ยังนึกกลัวอยู่บ้าง

“เมื่อวานมีโจรสี่คนจะมาจับข้า บ่าวประจำตระกูลล้วนสู้ไม่ได้ จากนั้นระหว่างหนีในใจข้าลนลานมาก ไม่อยากถูกจับ ไม่รู้ว่าวิญญาณหลุดออกไปได้อย่างไร…”

โม่อวี่กล่าวเจื้อยแจ้ว เล่าชัดเจนว่าตนผ่านอันตรายมาได้อย่างไร ทำให้อาจารย์เขาลูบเคราใคร่ครวญ

“สหายยุทธ์แซ่จี้คนนั้นที่พวกเจ้าเจอ เทพภูเขาใบตองคนนี้เกี่ยวอะไรกัน ทำไมมาตามวิญญาณเจ้าเอง บังเอิญผ่านทางมาหรือ”

ฟังโม่อวี่บอกว่าเทพภูเขานั่นคล้ายปีศาจไม่เหมือนคน อาจารย์เขาสามารถวิเคราะห์โดยพื้นฐานว่ามรรควิถีของอีกฝ่ายคงไม่สูง มิฉะนั้นนอกเสียจากว่าเป็นวิญญาณเทพภูผาธาราซึ่งฝึกปราณจริงจัง โดยทั่วไปเทพภูเขามีอารามจะใกล้เคียงมนุษย์ เทพตัวน้อยเช่นนี้ผ่านทางมาคงไม่กล้าหาเรื่องใส่ตัวกระมัง

อาจารย์ของโม่อวี่ฟังแต่คำบรรยายโม่อวี่ แน่นอนว่าขาดกระบวนการบางส่วน เมื่อได้ยินท่านเซียนถาม โม่ถงที่อยู่ด้านข้างรีบกล่าวเสริม

“เรียนท่านเซียน พวกเราเห็นชัดเจน เมื่อคืนท่านเซียนแซ่จี้คนนั้นยกเท้าย่ำพื้นเล็กน้อย ปากยังกล่าวว่าเชิญเทพภูเขาใบตองมาพบ”

โม่ถงเลียนแบบท่าทางและวิธีพูดของจี้หยวน ลงมือทำท่าประกอบการบรรยายด้วยตัวเอง

แต่เมื่อพูดจบคนอื่นเห็นชัดว่าท่านเซียนซึ่งมีสง่าราศีกว่าท่านจี้คนเมื่อคืนออกอาการตัวแข็งเล็กน้อย

“พวกเจ้าเห็นเขาเรียกเทพภูเขาเช่นนี้จริงหรือ”

“จริงแท้แน่นอน!”

เซียนคนนี้เหม่อลอยอยู่บ้าง

‘เป็นวิชาคุมเทพ! ผู้สูงส่งมรรคอัศจรรย์คนไหนเดินทางผ่านมาเขตนี้ แซ่จี้…’

“อาจารย์ๆ ข้ายังถามท่านจี้ว่าความสามารถเขาหรือความสามารถท่านมากกว่า ท่านจี้บอกว่าท่านต้องความสามารถมากกว่าแน่ ข้าคิดดูแล้วก็ใช่ แม้แต่เหาะเหินท่านจี้ยังไม่เป็น บอกว่าพึ่งสองขาเดินตามภูผาธาราสายน้ำไหล ร้ายกาจสู้ท่านไม่ได้แน่!”

ท่าทางอาจารย์เขาแข็งทื่อเล็กน้อย ทำหน้าไม่ถูกอยู่บ้าง

“อวี่เอ๋อร์… เจ้า… เหนือขุนเขามีขุนเขา เหนือฟ้ายังมีฟ้า… ท่านจี้คนนั้นแค่กล่าวถ่อมตัว ผู้สูงส่งบางคนชอบเดินเนิบช้าจริงๆ… ช่างเถอะ เจ้ายังไม่เข้าใจ… จริงสิ ท่านผู้นั้นเคยบอกชื่อเต็มกับพวกเจ้าหรือไม่”

“ไม่เคยขอรับ ข้าถามแล้ว ท่านจี้ไม่บอก!”

โชคดีว่าพวกโม่ถงไม่เห็นจี้หยวนใช้ ‘วิชาผนึกร่าง’ ตระกูลจี้ตอนตามไป มิฉะนั้นถ้าบอกเซียนชุดม่วงนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร

ตอนนี้แม้ว่าจี้หยวนซึ่งจากมาไกลนานแล้วไม่เห็นผู้ฝึกเซียนชุดม่วงนั่นมาถึง แต่ประกาศิตน้ำฝนพิเศษซึ่งเหลือไว้กลับหายไป เขารู้ว่าตอนนั้นอาจารย์ของโม่อวี่คงมาถึงแล้ว

แต่หากจี้หยวนรู้ว่าอาจารย์ของโม่อวี่บอกว่าเขาไม่ชอบเหาะเหิน คาดว่าเขาคนแซ่จี้คงรู้สึกซับซ้อนแน่

ฤดูหนาวมาเยือนโดยไม่รู้ตัว ริมน้ำบางแห่งตรงแม่น้ำเทียมฟ้าทางตะวันตกของรัฐโยว มีเรือเล็กพร้อมประทุนลำหนึ่งจอดอยู่บนผิวน้ำ บนเรือเล็กมีชายสวมงอบคลุมชุดฟางคนหนึ่งถือคันเบ็ดไม้ไผ่เขียวขจีซึ่งตนทำเองตกปลาอยู่

ตั้งแต่ย่างเข้าฤดูหนาวมา คนผู้นี้นั่งอยู่หัวเรือตกปลาตรงแม่น้ำแถบนี้ตลอด บ้างอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ บ้างอยู่แม่น้ำด้านนี้

ช่วงแม่น้ำด้านนี้เป็นของรัฐโยว เมื่อข้ามแม่น้ำไปอีกด้านก็เป็นศูนย์กลางอำนาจราชการของต้าเจิน สถานที่ซึ่งเมืองหลวงจังหวัดจิงจีตั้งอยู่

คนตกปลาคือจี้หยวน เรือเล็กพร้อมประทุนเขาเช่ามาจากผู้เฒ่าคนหนึ่ง กำหนดเวลาการเช่าคือครึ่งปี พวกงอบชุดฟางไม้พายล้วนเช่ามาพร้อมเรือ

ห่างจากเรือเล็กจี้หยวนไปทางใต้ราวสิบกว่าลี้ เป็นท่าเรือจ้วงหยวนซึ่งชื่อเสียงโด่งดังบนแม่น้ำเทียมฟ้า

เล่าลือว่าแต่ก่อนเป็นแค่ท่าเรือเล็ก แต่ภายในประวัติศาสตร์สร้างอาณาจักรต้าเจิน มีก้งซื่อผู้สมัครสอบหกคนข้ามแดนไปทางตะวันออกผ่านท่าเรือนั้น ต่อมาสอบติดจ้วงหยวน

สุดท้ายตำนานเช่นนี้เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียง ‘วิธีสร้างความร่ำรวย’ ซึ่งชาวบ้านท้องถิ่นคิดขึ้นมาเอง จี้หยวนไม่คิดสาวความ แต่ไม่อาจปฏิเสธว่าบัณฑิตก้งซื่อมากมายซึ่งเดินทางมาสอบจากทางตะวันออก ส่วนใหญ่ล้วนผ่านทางมาท่าเรือจ้วงหยวนเพื่อเสี่ยงดวง ถือโอกาสสักการะเทพีแม่น้ำด้วย

คาดว่าอิ๋นจ้าวเซียนก็คงมาทางนี้ จี้หยวนคิดพาสหายข้ามฟากด้วยตัวเอง

คัมภีร์นอกรีตไม่อาจครอบคลุมรายละเอียดรอบด้าน โดยทั่วไปแค่บันทึกเนื้อหา ‘เชิงเรื่องเล่าน่าสนุก’ เช่นเรื่องจำพวกแม่น้ำวสันต์มีเจียวเฒ่าแปลงมังกรไม่สำเร็จก็จะถูกเขียนลงไป

แม้ว่าแม่น้ำเทียมฟ้าเป็นแม่น้ำใหญ่ แต่อาจเป็นเพราะมั่นคงเงียบสงบมาตลอด คัมภีร์นอกรีตจึงไม่แม้แต่จะกล่าวถึง เมื่อจี้หยวนมาถึงก็เพิ่งรู้ว่าเทพแม่น้ำเทียมฟ้าเป็นผู้หญิง

จี้หยวนไปศาลเทพแม่น้ำมาแล้ว ทั้งเคยสอบถามผู้มากราบไหว้และชาวบ้านท้องถิ่น ทราบว่าเทพีแม่น้ำชื่ออิงรั่วหลี คิดว่าคงเป็นญาติของมังกรเฒ่าอิงหง

จี้หยวนไม่รีบหามังกรเฒ่าเพื่อดื่มสุรา เขาลอยชายริมแม่น้ำมานานขนาดนี้ มังกรเฒ่าต้องไม่อยู่บ้านแน่ ไม่อย่างนั้นคงพบตนนานแล้ว ไปศาลเจ้าสื่อจิตบอกเทพแม่น้ำโดยตรงยิ่งไม่มีทาง ถ้ามังกรเฒ่าไม่พูดถึงเขาคนแซ่จี้กับครอบครัวเล่า น่าอักอ่วนนัก

ถือโอกาสเสพสุขกับการเป็นคนตกปลา พลางเฝ้ารอสหายสนิทหนึ่งธรรมดาหนึ่งมังกร ดูว่าเจอใครก่อน แค่คิดก็น่าสนใจนัก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด