เซียนหมากข้ามมิติ 357 จ้าวหลงอยู่หรือไม่

Now you are reading เซียนหมากข้ามมิติ Chapter 357 จ้าวหลงอยู่หรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 357 จ้าวหลงอยู่หรือไม่

เมื่อคืนตราประทับเสร็จ จี้หยวนไม่มีความคิดอยู่ต่ออีก หลังจากกล่าวกำชับสองประโยค เขาลุกขึ้นบอกลาทุกคน

จี้หยวนปฏิเสธการเหนี่ยวรั้งของพวกเขาอย่างสุภาพ ก้าวเข้าสู่รัตติกาลมืดมิด แค่สองสามก้าวเงาร่างพลันห่างออกไป

สำหรับผู้สูงส่งเช่นนี้พวกตู้เหิงกับหวังเค่ออยากเดินส่งยังไม่ทัน แค่เดินตามไปสองก้าวก็ไม่เห็นเงาหลังของจี้หยวนแล้ว ได้แต่ถอดใจกลับมาข้างกองไฟ

ตอนนี้หวังเค่อรู้สึกตื่นเต้นยิ่ง คล้ายได้รับกระบี่ไม้เล่มแรกตอนเด็ก ชอบหยิบตราประทับมาจับเล่นอย่างวางมือไม่ได้ ขณะเดียวกันยังรู้สึกว่าตราประทับหนักขึ้นไม่น้อย ไม่ใช่การคิดไปเองโดยสิ้นเชิง

รัฐอี๋อยู่ระหว่างรัฐจีกับรัฐปิง จังหวัดซีหนิงอยู่บริเวณศูนย์กลางของรัฐอี๋ ความจริงตอนเดินทางมาจากรัฐจีเจ้าภูเขาลู่เคยผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นเขาขี่ลมไป ไม่แน่ใจว่าจ้าวหลงอยู่ตรงไหน

ความจริงตอนแรกเจ้าภูเขาลู่คิดไปหาจ้าวหลงก่อน แต่ด้วยการเดินทางเช่นนี้จึงเผลอออกจากรัฐอี๋โดยไม่ทันระวัง กลายเป็นว่าทำนายตำแหน่งของหวังเค่อกับตู้เหิงได้ ในเมื่อสองคนนี้บังเอิญอยู่ด้วยกัน ถือว่าโชคดีจึงไปหาพวกเขาก่อน

ในเมื่อตอนนี้รู้ว่าจ้าวหลงออกบวชเป็นภิกษุอยู่สำนักธรรมกวางครวญ เรื่องราวย่อมจัดการง่ายขึ้นแล้ว เจ้าภูเขาลู่ขี่ลมมุ่งหน้าไปรัฐอี๋อีกครั้ง มุ่งตรงสู่จังหวัดซีหนิง

เมื่อถึงจังหวัดซีหนิง เจ้าภูเขาลู่อาศัยการรับรู้เลือนราง โรยตัวลงนอกอำเภอเต้าควน ทั้งเข้าอำเภอซึ่งผู้คนสัญจรไปมา

อำเภอเต้าควนถือว่าค่อนข้างคึกคัก เพิ่งเข้าเมืองก็เห็นว่าทุกหนแห่งล้วนมีแผงตั้งอยู่ ทั้งมีคนหาบคานเดินขายสินค้าชิ้นเล็กบางอย่าง

เจ้าภูเขาลู่สอดส่องสายตามองรอบทิศ เห็นบนกางเกงชายชราคนหนึ่งเปื้อนโคลนเป็นหย่อมๆ วางตะกร้าไผ่ขายโอสถสมุนไพรภูเขาตากแห้ง เขาเดินเข้าไปทั้งอย่างนั้น

“โอ้ ท่านบัณฑิต ท่านต้องการซื้อโอสถสมุนไพรหรือ โอสถสมุนไพรของข้าผู้ชราเก็บมาจากป่าเขาด้วยตัวเองทั้งสิ้น ราคาถูกกว่าร้านโอสถไม่น้อย หากท่านมีตำรับยา ข้าจัดตามตำรับยาของท่านได้ ถ้าไม่ครบท่านค่อยไปจัดยาที่ร้านโอสถ สามารถประหยัดเงินได้ไม่น้อย!”

เห็นชัดว่าชายชราคุ้นเคยกับกิจการโอสถสมุนไพรมาก เจ้าภูเขาลู่ยังไม่เอ่ยปาก เขาก็กล่าวคำพูดพวกนี้ออกมาแล้ว

เจ้าภูเขาลู่ยิ้มเล็กน้อย หยิบเหรียญห้าอีแปะออกมาจากอก เมื่อเข้าสู่ทางโลก แน่นอนว่าย่อมเปลี่ยนเป็นเงินต้าเจิน เขาส่งเหรียญทองแดงให้ชายชราพลางเอ่ยถาม

“ผู้อาวุโส ข้าน้อยขอถามสถานที่แห่งหนึ่งกับท่าน ท่านรู้หรือไม่ว่าสำนักธรรมกวางครวญแห่งเขาน้อยตั้งอยู่ตรงไหน”

ชายชรารับเหรียญห้าอีแปะมาชั่งน้ำหนัก ไม่ได้ตอบกลับทันที แต่ควานหาของในตะกร้าไผ่ สุดท้ายค่อยหยิบใบไม้แห้งไม่ทราบชื่อมาห่อของ

“เอ้า เก๋ากี้แห้ง ภายในร้านโอสถเรียกสิ่งนี้ว่าเก๋ากี้ ของดี ปริมาณเท่านี้เพียงพอให้ท่านชงชาเจ็ดแปดครั้ง บำรุงดีนัก หากทานประจำย่อมเสริมสร้างกล้ามเนื้อทนทานต่อความหนาวร้อน ทั้งยังบำรุงหยาง คนหนุ่มก็ใช้ได้เช่นกัน เงินห้าอีแปะ ไม่หลอกใครทั้งแก่เด็ก ไปร้านโอสถซื้อห่อเท่านี้ หากไม่มีเหรียญห้าอีแปะสองเหรียญคงซื้อไม่ได้”

เจ้าภูเขาลู่มองชายชราคนนี้วางวัตถุดิบยาบนมือตน มองเขาพลางมองวัตถุดิบยา รอประโยคหลังของอีกฝ่าย

ชายชราคนนั้นทำการค้าสำเร็จ เขาลูบเคราพลางยิ้มกล่าว

“ข้ารู้ว่าจังหวัดซีหนิงของพวกเรามีภูเขาชื่อใกล้เคียงกันสองแห่ง ลูกหนึ่งคือเขาเย็น (เสี่ยวเหลียงซาน) แห่งอำเภอยงทง อีกลูกคือเขาน้อย (เสี่ยวเลี่ยงซาน) ทางใต้ของอำเภอ แห่งแรกอุดมด้วยหญ้าแพะหงี่ ตู้จ้ง ซานจูอวี๋ เหอโส่วอู หวงจิง แห่งหลังป่าลึกมาก นอกจากวัตถุดิบยาทั่วไปแล้ว ยังสามารถขุดเจอโสมภูเขาเก่าแก่ ถึงขั้นว่าอาจเจอโสมราชันภูเขาด้วย สำนักธรรมกวางครวญซึ่งท่านบัณฑิตถาม น่าจะเป็นอารามกลางเขาน้อยทางใต้ของอำเภอ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว”

ชายชราปล่อยให้สงสัย เมื่อเห็นเจ้าภูเขาลู่สีหน้าเรียบเฉยแทบไม่มีความรู้สึก เขาค่อยกล่าวต่อ

“สำนักธรรมกวางครวญแห่งนี้เปลี่ยนชื่อนานแล้ว ตอนนี้ชื่ออารามวิทยาราช แต่ก่อนคนรู้จักไม่มาก คนไปยิ่งน้อยนัก ตอนนี้คนรู้จักยิ่งน้อยลง พูดแล้วก็แปลก อารามแห่งนี้เหมือนไม่ค่อยสนใจการจุดธูปกำยาน สร้างอารามอยู่ลึกขนาดนั้น”

เจ้าภูเขาลู่ใคร่ครวญครู่หนึ่ง สายตาสาดประกายก่อนกล่าวขอบคุณชายชรา

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่บอกกล่าว”

“เกรงใจไปแล้ว ท่านบัณฑิตเดินทางปลอดภัย ถ้ารู้สึกว่าเก๋ากี้แห้งนี้ได้ผลดี คราวหน้าค่อยมาอีก!”

เจ้าภูเขาลู่แค่ตอบว่า ‘แน่นอน’ ก่อนรีบเดินจากไป ออกจากอำเภอแล้วก่อลมใต้ฝ่าเท้า มุ่งหน้าไปทางตอนใต้ของอำเภอด้วยความรู้สึกเลือนราง

ขณะเดียวกันในใจเจ้าภูเขาลู่กำลังใคร่ครวญ ในเมื่อจ้าวหลงเป็นภิกษุแล้ว ถ้าอย่างนั้นคงคล้ายกับการช่วยเหลือสามีสอนบุตรของลั่วหนิงซวง ไม่ถือว่าเป็นการทำผิดอะไร ถ้ามีโอกาสเจอย่อมควรพบกันหน่อย

ระยะทางไม่ถือว่าไกลนัก กอปรกับเจ้าภูเขาลู่ขี่ลมเหาะเหิน ไม่นานก็มาถึงเขาน้อย สุดท้ายหลังจากเสาะหาอยู่ครู่หนึ่ง เขาเห็นอารามซึ่งซ่อนตัวกลางเขาน้อยจากบนอากาศ

อารามแห่งนี้ดูเหมือนไม่ธรรมดาอยู่บ้าง ซ่อนตัวอยู่ตรงส่วนลึกของป่าเขา ดูเหมือนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับภูเขา ง่ายต่อการถูกมองข้าม

เขาโรยตัวลงจากท้องฟ้า เก็บกลิ่นอายก่อนมุ่งหน้าไปทางอารามวิทยาราช แม้ว่าตั้งอยู่กลางป่าลึก แต่นอกอารามเริ่มมีบันไดแต่ไกล นับโดยคร่าวแล้วมีประมาณพันขั้น

แก๊ง… แก๊ง… แก๊ง…

เสียงระฆังดังมาเลือนราง เจ้าภูเขาลู่ขมวดคิ้วเงยหน้ามองไปทางอาราม ทุกครั้งเมื่อเสียงระฆังดังขึ้นจะมีวงแสงจางๆ เอ่อล้นออกมา ขณะเดียวกันเสียงระฆังยังเปลี่ยนเป็นกังวานยิ่งกว่าเดิม

“ดูท่าว่าอารามพุทธแห่งนี้ไม่ใช่อารามจุดธูปกำยานทั่วไป หากแต่สถานที่บำเพ็ญวิชาวิทยาราชอย่างแท้จริง!”

เจ้าภูเขาลู่ถือว่ารู้เรื่องทางโลกไม่น้อย ถึงอย่างไรก็เคยมีผีชางมากมาย มีหมดตั้งแต่พวกพ่อค้าจนถึงบัณฑิตคนเดินเขา เรียนรู้มาไม่น้อย แต่เรื่องโลกผู้บำเพ็ญกลับรู้ไม่มาก ส่วนใหญ่ทราบมาจากจี้หยวนอาจารย์ของตน

เรื่องเกี่ยวกับอารามพุทธก็ทราบมาบ้าง เข้าใจว่าอารามพุทธแบ่งเป็นสองประเภท บ้างงามแต่เปลือก แม้ว่ามีรูปปั้นวิทยาราช แต่ไร้วิชาวิทยาราช บางทีอาจเป็นแค่อารามหลอกผู้ศรัทธา หาเลี้ยงชีพด้วยการฉกฉวยความมั่งคั่งโดยเฉพาะ ส่วนน้อยเป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรอย่างแท้จริง ถึงขั้นว่าอาจมีร่างจำแลงวิทยาราชอยู่ในอาราม

ในเมื่อมีโอกาสเป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรอย่างแท้จริง เจ้าภูเขาลู่เคร่งขรึมขึ้นไม่น้อย ยามก้าวขึ้นบันไดยังปรับสภาพจิตใจ จัดระเบียบเสื้อผ้า เดินมาหน้าประตูทางเข้าอารามด้วยท่าทางค่อนข้างเคารพอีกฝ่าย ตรงนั้นมีภิกษุซึ่งดูเหมือนอายุเกินครึ่งร้อยรูปหนึ่งถือไม้กวาดพิงประตูงีบหลับอยู่

แก๊ง…

เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง ภิกษุตกใจตื่นทันที เห็นคนท่าทางเหมือนบัณฑิตชุดเขียวยืนอยู่นอกประตู

“เอ่อ สาธุพระวิทยาราช โยมมาจุดธูปไหว้ที่อารามวิทยาราชของอาตมาหรือ”

ภิกษุเห็นว่าด้านหลังเจ้าภูเขาลู่ไม่มีใคร ดูเหมือนชายหนุ่มนี้คงมาคนเดียว ทั้งไม่ใช่คนตัดฟืนอะไร สวมชุดเช่นนี้เดินกลางป่าลึกลำพัง แปลกประหลาดอยู่บ้าง

เจ้าภูเขาลู่คารวะอย่างนอบน้อมพลางกล่าว

“ไต้ซือ ข้าน้อยลู่ซานจวิน มาอารามท่านด้วยอยากเยี่ยมเยียนคนรู้จัก เขาออกบวชอยู่ที่นี่ นามฆราวาสคือจ้าวหลง”

“จ้าวหลง?”

ภิกษุเกาหัวเล็กน้อย

“ท่านทราบฉายาของเขาหรือไม่”

เจ้าภูเขาลู่ส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ตู้เหิงไม่ได้บอก เขาเองไม่ได้สนใจเรื่องนี้จึงไม่เคยถาม

“อ้อ ถ้าอย่างนั้นท่านเข้ามาก่อน ดื่มชาพักผ่อนสักหน่อย อาตมาค่อยลองช่วยท่านถาม”

“ได้ ขอบคุณมาก”

เจ้าภูเขาลู่ยิ้มพลางกล่าวตอบ กำลังยกเท้าก้าวเข้าไปในอาราม

อี๊ด…

เสียงกวางครวญดังกังวานออกมาจากอาราม

ฟุ่บ…

แสงขาวสายหนึ่งกวาดโดนตัวเจ้าภูเขาลู่ ยามเงาแสงดีดตัวเจ้าภูเขาลู่เหมือนปะทะคลื่นยักษ์ ถูกดีดกระเด็นออกนอกประตูอารามทั้งอย่างนั้น

ภิกษุตรงประตูตกใจ เห็นเจ้าภูเขาลู่ถูกดีดจนปลิวกะทันหัน ตัวลอยแหวกอากาศ ด้านล่างคือบันไดนับไม่ถ้วน ถ้ากลิ้งตกลงไปเช่นนี้คงบาดเจ็บไม่น้อยแน่

“อ๊ะ โยมระวังด้วย…”

เสียงร้องเตือนยังไม่ทันสิ้นสุด ภิกษุมองบัณฑิตคนนี้ถลาตัวกลางอากาศอย่างตกตะลึง คล้ายยืนอยู่บนพื้นน้ำแข็ง ถอยห่างไปเจ็ดแปดจั้งก่อนหมุนตัว โรยตัวลงบนบันไดอย่างแผ่วเบา

“เจ้าปีศาจ… เจ้ามาอารามวิทยาราชของข้าทำไม”

เสียงทรงพลังดังออกมาจากอาราม ขณะเดียวกันด้านในมีเสียงฝีเท้าดังมาเป็นระลอก คล้ายมีคนมากมายวิ่งมาตรงประตูทางเข้าอาราม

ไม่นานมีภิกษุถือกระบองหรือคทาขักขระตั้งแถวสองฟาก แยกเป็นทางซ้ายกับทางขวา ภิกษุชราสามรูปก้าวออกมา ภิกษุทั้งหมดทำหน้าเคร่งขรึมมองเจ้าภูเขาลู่ตรงบันไดซึ่งห่างไปหลายสิบขั้น

“หืม? ไม่มีปราณปีศาจร้าย?”

ภิกษุชราตรงกลางตกตะลึงอยู่บ้าง จากนั้นค่อยตอบสนองกลับมาทันที

“ไม่ถูกสิ ใช่ว่าไม่มีปราณปีศาจร้าย แต่มรรควิถีของเจ้าสูงกว่าอาตมามาก! เจ้าเป็นใครกันแน่ เป็นปีศาจหรือเป็นมาร หรือว่าเป็นตัวประหลาดอย่างอื่น เหตุใดถึงมาอารามวิทยาราชของอาตมา”

เจ้าภูเขาลู่เห็นภิกษุมากขนาดนี้ตั้งกระบวน เขาสะบัดแขนเสื้อซ้ายขวา ทั้งปัดกางเกงเล็กน้อย จากนั้นค่อยกล่าว

“ไต้ซือทุกท่านไม่ต้องกังวล ข้าแค่มาหาคนผู้หนึ่ง นามฆราวาสของเขาคือจ้าวหลง ออกบวชอยู่ที่นี่ ตอนนั้นเขาเคยทำสัญญากับข้า ผ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ข้ามาตามสัญญา”

ดวงตาภิกษุชราฉายแสงพิสุทธิ์ จ้องมองเจ้าภูเขาลู่เขม็ง

“ตอนนั้นไต้ซือฮุ่ยถงบอกว่าเจวี๋ยหมิงยังมีพิบัติเคราะห์ติตตัว ที่แท้ก็เป็นเจ้าหรอกหรือ”

“เจวี๋ยหมิง? พิบัติเคราะห์?”

เจ้าภูเขาลู่หรี่ตามองภิกษุชรา

“หึๆๆ ถ้าเช่นนั้นก่อนออกบวชจ้าวหลงคงทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรมอะไรมาแน่?”

เพียงประโยคเดียวเจ้าภูเขาลู่ก็คาดเดาเรื่องบางอย่างออก ไม่อย่างนั้นภิกษุคงไม่เดาว่าเป็นพิบัติเคราะห์ของจ้าวหลง แต่เป็นวาสนา แน่นอนว่าจ้าวหลงอาจชีวิตลำเค็ญ มีความทรมานอื่นที่ยังมาไม่ถึง แต่เจ้าภูเขาลู่ไม่เชื่อว่าบังเอิญขนาดนั้น อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่เชื่อ

“จ้าวหลงเล่า ถ้าเขาอยู่ในอาราม บอกให้เขาออกมาพูดต่อหน้าข้า! มิฉะนั้นอารามพุทธบำเพ็ญเพียรแห่งนี้ ต่อให้มีร่างจำแลงวิทยาราช แต่ไม่แน่ว่าจะขวางข้าได้…”

เสียงเจ้าภูเขาลู่เพิ่งสิ้นสุด ภายในอารามมีเสียงระฆังดังอีกครั้ง

แก๊ง…

ยามแสงธรรมอบอวล เจ้าภูเขาลู่อ้าปากคำราม

“โฮก…”

เสียงเสือคำรามสั่นสะเทือนหาใดเปรียบหอบลมคลั่งกับปราณปีศาจโหมกระหน่ำ พุ่งทำลายเสียงระฆังอารามพุทธ เคลื่อนกวาดอารามกลางป่าเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด